MSN on March 29, 2016, 09:16:32 PM
TPCH คาดรายได้ปีนี้โต 150% หลัง COD โรงไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มอีก 2 แห่ง เป้า 3-5 ปีข้างหน้ากุมกำลังการผลิตไฟฟ้า 150-200 เมกะวัตต์



          TPCH  คาดรายได้ปีนี้โต 150% จากปีก่อนทำได้ 304.90 ล้านบาท หลัง COD โรงไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มอีก 2 แห่ง  “มหาชัย กรีน เพาเวอร์ และ ทุ่งสัง กรีน” ด้านผู้บริหารหนุ่มไฟแรง “เชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล” ปลื้ม!! เผยผลงานปี58 ทำได้ตามเป้าหมาย รับอานิสงส์โรงไฟฟ้าชีวมวลช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ หนุน เป้า 3-5 ปีข้างหน้า กุมกำลังการผลิตโรงไฟฟ้า 150-200 เมกะวัตต์

          นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH)  เปิดเผยว่า ในปี 2559 บริษัทฯคาดว่ารายได้จะเติบโต 150% จากปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 304.90
ล้านบาท เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่สามารถจ่ายไฟได้เรียบร้อยแล้วจำนวน 2 โครงการ คือ โรงไฟฟ้าชีวมวล ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ และโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ ส่วนในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะมีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เดินเครื่องจ่ายไฟ (COD) ได้อีก 2 แห่ง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์  และ โรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน

          “ ในปี 2558 บริษัทฯมีรายได้รวม  304.90 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 258.25 ล้านบาท และ มีกำไรสุทธิ 46.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 28.50 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวลช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB) ที่มีกำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตเสนอขายจำนวน 9.2 เมกะวัตต์ เข้ามาเต็มปีและถือว่าเป็นโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลโครงการแรกของบริษัทที่สร้างผลประกอบการออกมาได้อย่างน่าประทับใจมาก” นายเชิดศักดิ์ กล่าว

            กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH) กล่าวต่อไปว่า การขายไฟในแบบระบบ Feet in Tariff  (FiT) จะช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการเติบโตแบบก้าวกระโดดในระยะเวลาสั้น เพราะอัตราการทำกำไรจะเพิ่มสูงขึ้นเกือบเท่ากับ 45-50% ของรายได้ ซึ่งสอดคล้องกับแผนธุรกิจใหม่ของบริษัทที่จะมีกำลังการผลิต 150-200 เมกะวัตต์ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลจะมีระยะเวลาคืนทุนที่เร็วขึ้น หลังได้รับปัจจัยบวกจากการขายไฟในระบบ FiT ซึ่งจะทำให้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนไปพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง

           อย่างไรก็ตาม บริษัทฯประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานประเภทต่างๆ ซึ่งถือเป็นการลงทุนในประเภทธุรกิจหลัก (Core Business) ดังนั้นจึงมีนโยบายที่จะติดตาม กำกับ ดูแล บริษัทย่อยที่ได้เข้าไปลงทุนทั้งในด้านการบริหาร (Management) และการดำเนินการ (Operation) อย่างชัดเจน โดยมีการแต่งตั้งกรรมการตัวแทนตามมติกรรมการของบริษัทฯ เข้าไปเป็นกรรมการในแต่ละบริษัทย่อยที่เข้าไปลงทุน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าและบริษัทย่อยจะดำเนินธุรกิจตามนโยบายเดียวกันกับบริษัทฯ

            นอกจากนี้ยังจัดให้มีระบบงานที่สามารถสนับสนุนการประสานงานและการรายงานที่เป็น daily operation ระหว่างทีมผู้บริหารในด้านการปฏิบัติการของบริษัทย่อยและบริษัทฯเพื่อให้เกิดการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย
« Last Edit: March 29, 2016, 09:49:17 PM by MSN »