บทสัมภาษณ์ “ธนนท์ จำเริญ” (นนท์ The Voice 1) เปิดซิงเล่นเศร้าร้องซึ้ง ในภาพยนตร์เลิฟสตอรี่เรื่อง “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์”
บทบาท-คาแรคเตอร์
ในภาพยนตร์เรื่องแรกของผมเรื่อง "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" ตอน "หนุ่มสะพานลอย" นนท์รับบทเป็น "หนึ่ง" ครับ คาแรคเตอร์ของตัวหนึ่งเนี่ยก็จะเป็น Loser พวกขี้แพ้เลยฮะ คือจริงๆ เราจะเห็นหนึ่งในมุมที่เขาอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุดนะฮะ ซึ่งมันเป็นจุดที่เขาจะหนีปัญหาทุกอย่าง จะจบทุกอย่างด้วยวิธีการแบบนี้ ซึ่งมันก็เลยทำให้เห็นว่าจริงๆ แล้วตัวละครตัวนี้มันน่าจะมีแรง Push Up เยอะมากที่ทำให้ตัวละครตัวนี้ถึงทำอย่างนี้ครับ
เรื่องราวของหนุ่มสะพานลอย
สำหรับเรื่องนี้ก็พูดถึงหนุ่มคนหนึ่งที่ผิดหวังจากความรักครับ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นด้วย แล้วก็พี่ปรัชญา ปิ่นแก้วก็นำมาทำเป็นหนังครับ เมื่อหนุ่มคนหนึ่งที่มันผิดหวังจากความรักมากๆ เขาก็เหมือนกับว่าอยากจะจบปัญหาด้วยการกระโดดสะพานลอย มันก็เลยเป็นสตอรี่ตรงที่ว่าอยู่ดีๆ ก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็ค่อยๆ เข้ามาช่วยโดยไม่พูดพร่ำอะไรก็คว้าหนึ่งมาจูบเลย แต่กลายว่าแค่จูบเดียวช่วยชีวิตหนุ่มคนนั้นไว้เลย ซึ่งมันก็เลยเกิดเป็นความรักโดยที่ยังไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ ผ่านแค่สัมผัสหนึ่งสัมผัส มันทำให้ผมรู้สึกว่า มันสามารถดึงผู้ชายคนนั้นจากจุดที่ต่ำที่สุดออกมาได้ ทำให้หนึ่งจากคนที่หนีปัญหา อยากจะลุกขึ้นมาต่อสู้อีกครั้ง รู้สึกมีความหวังขึ้นมา ถึงแม้จะรู้สึกว่ากำลังจะไม่เหลือใคร แต่เหมือนกับกำลังจะมีใครอีกคนเข้ามา ก็เลยใช้เวลาเริ่มใหม่ทั้งหมด เรื่องราวตรงนี้มันน่าสนใจมาก มันมีเสน่ห์มาก ก็ต้องไปติดตามครับ ว่าเนื้อเรื่องจะเป็นอะไรยังไง แต่ว่าสนุกมากครับ
ความสัมพันธ์ของตัวละครตัวนี้กับเพลงลูกทุ่ง
มันมีเพลงหนึ่งที่เป็นเหมือนซิกเนเจอร์ของตัวละครหนึ่งเลยก็คือ เพลง "ความรักเจ้าขา" ครับ ซึ่งอย่างที่บอกว่าหนึ่งเป็นคนที่ผิดหวังจากความรัก เพราะฉะนั้นเขาก็ยังโหยหาแต่ว่ามันก็เจ็บมากๆ ในขณะเดียวกัน พอมันเจอแล้วมันหายไปอีก เขาก็รู้สึกอยากจะโหยหาอีก ซึ่งเพลงความรักเจ้าขานี่เป็นการพูดถึงการร้องขอความรักจากผู้หญิงคนหนึ่งครับ ซึ่งมันก็เป็นตัวแทนหนึ่งได้ดีที่จะหาผู้หญิงคนนั้นที่เข้ามาช่วยเขาไว้ ซึ่งมันเป็นอะไรที่เป็นซิกเนเจอร์ของตัวละครของหนึ่งเลย
เพลง "ความรักเจ้าขา" นี่เป็นการร้องครั้งแรกเลย คือได้ยินนานแล้วครับ ตอนเราเด็กๆ พ่อก็จะชอบฟังลูกทุ่งที่มันเก่าจริงๆ ก็เลยได้ยินบ้าง แต่ว่าก็ยังไม่คิดว่าเป็นเพลงที่มันจะมีความหมายขนาดนี้ จนเราได้มาสวมบทบาทตัวละครที่ชื่อ "หนึ่ง" แล้วพอมาแตะเพลงนี้อีกที มันเป็นอีกมิติหนึ่งที่เราเหมือนอยู่จากอีกจุดหนึ่งที่สูงกว่า แล้วเรามองลงมาเห็นภาพชัดขึ้นครับ มันเปลี่ยนทัศนคติ คือพอเราอิน พอเราเป็นหนึ่งจริงๆ มันกลายเป็นว่าเพลงนี้มันต่างออกไป มันฟังแล้วมันไม่ได้แบบว่าเฉยๆ หรือว่าเป็นเพลงที่ดีเพลงหนึ่ง แต่กลายเป็นเพลงที่เป็นเพลงประกอบชีวิตเราซะงั้น ซึ่งก็ทำให้ความหมายของเพลงนี้มันเพิ่มขึ้นมากๆ เลย จริงๆ มันมีเพลงสตริงที่สะท้อนได้เยอะมาก แต่พอเป็นเพลงลูกทุ่งแล้วมันจะมีความขลังอยู่ในจุดที่หนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงนั้น สื่อออกมาในด้านความรู้สึกของหนึ่งและความเป็นตัวของหนึ่งด้วยว่ากำลังรอคอยโหยหาใครบางคนอยู่
การแสดงหนังเรื่องแรก
เป็นหนังเรื่องแรก เป็นการแสดงชิ้นแรกเลยครับ จริงๆ ศาสตร์การแสดงมันเป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่เราไม่รู้จัก คือมันมีเรื่องของการแสดงอยู่แล้วล่ะตอนร้องเพลง ตอน On Stage เนี่ย แต่หลักๆ ก็คือโฟกัสเรื่องร้อง แต่พอมาเล่นหนังเรื่องนี้หลักๆ ก็ต้องอยู่ที่การแสดง มันเป็นอะไรที่สนุกครับ พอเราได้มาได้ทำจริงๆ มันเป็นศาสตร์ที่กว้างมากโดยเฉพาะตัวละครอย่างหนึ่งเนี่ยครับ มันเป็นตัวละครที่ต้องใช้เวลาอยู่กับมัน ต้อง Take Time มากๆ ต้องเข้าใจมันมากๆ อย่างเช่น Loser แบบนี้เป็นอะไรที่ Sensitive มาก ตัวละครนี้เป็นอะไรที่ยากมากแต่ก็สนุกดีฮะ
ตอนแรกตกใจ ไม่คิดว่าพี่ปรัชญาจะมาติดต่อเรา เค้าก็บอกว่าเค้าชอบคาแรคเตอร์เรา ซึ่งเราก็งงว่าตรงไหน ในขณะที่ทุกวันนี้ผมมีความสุขกับชีวิตมากเลยนะ แต่พอพูดถึงหนึ่ง มันกลายเป็นด้านมืดของโลกใบหนึ่ง ของคนๆ หนึ่งที่มันแง่ลบทุกอย่าง พี่ปรัชก็ส่งไปเรียนไปทำความเข้าใจเรื่องการแสดง ก่อนหน้านี้ก็มีติดต่อเข้ามา คือผมจะชอบกดดันตัวเอง เรากลัวเป็นภาระของทีมงาน แต่ต้องบอกว่าเป็นเกียรติด้วย เพราะเราก็ติดตามพี่ปรัชมาหลายครั้งแล้ว แล้วก็รู้สึกว่าดีใจมากๆ ที่ได้ร่วมเล่นเรื่องนี้
มีการทำความเข้าใจในตัวละครยังไงบ้าง
ก็หลายๆ อย่างครับ ผ่านทางแอ็คติ้งโค้ช ผ่านทางพี่ปรัช-ผู้กำกับ ซึ่งทุกคนก็พยายามอธิบายว่า เราจะไม่ใช่คนที่เป็นบุคลิกแบบตัวละคร "หนึ่ง" เลย เราจะเป็นคนที่ถ้าเกิดปัญหาเนี่ย ธรรมดาของมนุษย์นี่จะมองวิธีแก้ปัญหาก่อน แต่หนึ่งเหมือนเขาโดนมาบ่อย จนเขารู้สึกเหนื่อยที่จะแก้ปัญหาละ เขาตัดสินใจที่จะหนีปัญหา ซึ่งมันก็จะต้องทำความเข้าใจมากขึ้นครับ ก็มีการทำการบ้านอย่างที่บอกก็คือทำการบ้านหนักๆ ครับ ยิ่งอันไหนเราไม่รู้ก็จะยิ่งต้องทำการบ้านมากเข้าไป
การร่วมงานกับพี่ปรัชครั้งแรก
การร่วมงานกับพี่ปรัชครั้งแรก โดยส่วนตัวของผม ผมเกร็ง เกร็งมากครับ เพราะเรามีโอกาสได้ดูภาพยนตร์ของพี่ปรัชไว้เยอะครับ ซึ่งก็เป็นอะไรที่เรารู้สึกว่าพอถึงวันหนึ่งเนี่ย จากที่เราเคยดูอยู่หน้าจออะไรอย่างนี้ฮะ หน้าโรงอย่างนี้ครับ ซึ่งครั้งนี้เราได้มาเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ของเขา ก็ที่เราดีใจครับ และก็เป็นเกียรติมาก แล้วก็อย่างที่บอกก็เป็นครั้งแรกครับ ก็เกร็งเหมือนกัน แต่พี่ปรัชก็ให้ความเอ็นดูครับ คอยแนะนำเสมอ ต้องขอบคุณมากๆเลยฮะ
การร่วมงานกับ "น้องพลอย ศรนรินทร์" เป็นยังไง
ร่วมงานกับน้องพลอยครั้งแรกก็เกร็งครับ ด้วยความที่เราได้มีโอกาสได้เห็นการแสดงของน้องพลอยมาบ้าง น้องเขาเล่นเก่งมาก ซึ่งก็ทำให้รู้สึกว่าเราต้องแอคทีฟขึ้น ยิ่งเราใหม่ด้วย การบ้านก็จะยิ่งต้องทำเยอะขึ้น ทำให้สนุกมากครับ ขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้น้องเกร็งด้วยเวลาเล่นกับเรา คือทำงานกับใครมันก็ต้องสบายใจ น้องพลอยเป็นคนน่ารักมาก ตัวเล็กนิดเดียวครับ ยกหิ้วไปไหนก็ได้
เสน่ห์ความน่าสนใจของตอนนี้
สำหรับตอน "หนุ่มสะพานลอย" ความน่าสนใจผมว่ามันเป็นตัวแทนของใครหลายๆ คนที่วันหนึ่งเราถึงจุดที่ต่ำที่สุดอย่างนี้ครับ แล้วพอมันมีคนๆ หนึ่งเข้ามา ทำให้เรารู้จักคำว่ารักจริงๆ โดยที่อาจจะไม่ได้พูดอะไรมาก เหมือนเรากำลังกลุ้มเรื่องหนึ่ง แม่มาถึงแตะไหล่เบาๆ ไม่เป็นไรนะลูก มันไม่ได้พูดว่ารักเลยนะ แต่มันรู้สึกถึงความรัก มันแปลกไหม ตื่นเช้าขึ้นมามีแม่พูดว่าอย่าลืมกินข้าวนะลูก นั่นก็คือความรักเหมือนกัน ซึ่งในเรื่องนี้มันเหมือนเป็น Symbolic เมื่อคนๆ หนึ่งที่อยู่ต่ำที่สุดแล้วโดนความรักดึงขึ้นมาอยู่จุดเดิม แล้วก็กลับมามองตัวเองใหม่ว่า จริงๆ สิ่งที่เราทำอยู่นั้น บางทีอาจจะไม่ใช่เลย มันโคตรงี่เง่าเลย มันอยู่ที่เราจะเลือกมองมุมไหนด้วยครับ
เอกลักษณ์ของเพลงลูกทุ่ง
ผมว่ามันเป็นไทยริธึ่ม มันคือซิกเนเจอร์ มันคือ Symbolic ของคนไทย พอพูดถึงความเป็นไทย มันมีอะไรที่เป็นอัตลักษณ์ของไทยเยอะมาก และเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งก็คือลูกทุ่ง แล้วทุกวันนี้คนก็ยังร้องเพลงลูกทุ่ง ยังเต้นโจ๊ะๆ ทึมๆ กันอยู่ ซึ่งมันแปลกมาก เราไปคอนเสิร์ต EDM เราก็เต้น แต่แปลกมากเวลาสามช่าขึ้น อยู่ดีๆ ก็เต้นบ้าบอคอแตกกัน ทุกคน Enjoy แล้วยิ่งเป็นคนไทยเราจะรู้ทันทีเลย ถ้าสามช่าขึ้นแล้วมีการเต้นออกมา คนไทยหนีไม่พ้นสำหรับเพลงลูกทุ่งครับ
ความน่าสนใจโดยรวมของลูกทุ่งซิกเนเจอร์
ความน่าสนใจของหนังที่ผมสัมผัสได้ ผมรู้สึกว่าอย่างแรกก็คือเป็นเรื่องที่พูดถึงชีวิตจริง พูดถึงความรักความรู้สึกของมนุษย์ ในจุดหนึ่งที่มันมีปัญหาเข้ามา แล้วก็อาจจะมีความรักเข้ามาแก้ไขได้ หรือเพลงในเรื่องนี้ ผมว่ามันเป็นซิกเนเจอร์มาก มันเป็นเพลงลูกทุ่งจริงๆ ซึ่งผมได้มีโอกาสได้ร้องเองด้วย บางคนอาจจะเคยฟัง บางคนอาจจะยังไม่เคย แต่เป็นมิติใหม่ครับ เรานำมาพรีเซนต์ในยุคของปัจจุบัน ในตัวละครปัจจุบัน ซึ่งผมว่ามันสามารถแตะใจคนดูร่วมสมัยได้เลยครับ ความบันเทิงนี่ได้แน่นอน มีทุกรส เป็นอาหารจานเดียวที่มีทุกรส รวมไปถึงพี่ๆ นักแสดง-นักร้องทุกคนที่นานๆ จะมารวมอยู่ในเรื่องเดียวกัน ก็ไม่อยากให้พลาดกันกับหนังไทยดีดีเรื่องนี้ครับ
ความเป็นลูกทุ่งของหนังเรื่องนี้ ผมว่าน่าจะอยู่ที่สามารถใช้กับชีวิตจริงที่อยู่ได้ทั้งนาและเมือง ปกติเราจะนึกถึงที่มันไกลเมืองหลวง แต่เรื่องนี้มันเป็นลูกทุ่งที่อยู่ในเมือง ไปตามงาน พอสามช่าขึ้นจะรู้เลยคนไหนคนไทย มันเป็นจังหวะที่อยู่ในอินเนอร์ของพวกเรา กลายเป็นว่าลูกทุ่งไม่ได้อยู่ไกลมาก มันอยู่ในตัวพวกเรา มันอยู่ในเมือง มันเป็นเพลงที่อยู่ในสายเลือดของคนไทยทุกคนนี่แหละครับ
ก็ขอฝากภาพยนตร์เรื่อง "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" นี้ด้วยนะครับ เป็นภาพยนตร์ที่ผมว่ามันเป็น Story of Love พูดถึงความรักต่างๆ นานา โดยที่มีเพลงลูกทุ่งเข้ามาเกี่ยวพัน ซึ่งในตัวหนังเองก็มีความ Real ที่นำเสนอแง่มุมต่างๆ ของความรักอย่างนี้นะครับ แล้วก็มันเป็นอะไรที่มีเสน่ห์มาก ยิ่งพอมีเพลงที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่เคยฟัง หลายๆ คนอาจจะลืมไปแล้ว นำมาทำใหม่ผ่านมิติใหม่ ตัวหนังเองก็เป็นอีกมิติหนึ่งที่อยากให้หลายๆ คนเข้ามาชมและฟังกันครับ ผมว่ามันน่าจะเป็นอะไรที่เล่าความรักในมิติต่างๆ ได้ครบ เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่เหใในช่วงวาเลนไทน์นี้มากครับ ไม่ว่าคุณจะเคยผ่านเรื่องราวความรักที่ทั้งดีและไม่ดีมามากขนาดไหน ผมเชื่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีมุมมองความรักแบบนั้นเหมือนที่คุณเคยเจอหรือคุณอาจไม่เคยเจอ แต่คุณดูแล้วจะเข้าใจมันได้ในหนังเรื่องนี้ครับ "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์"