MSN on November 10, 2015, 02:19:06 PM
TPCH ปลื้ม!! Q3/58 กำไรสุทธิ 8.96 ลบ.  9 เดือนกวาดไปแล้ว 24.15 ลบ. เดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลให้ครบ 106 เมกะวัตต์ตามใบอนุญาต มั่นใจอนาคตสดใส สร้างโรงไฟฟ้า 200 เมกกะวัตต์ ได้ภายในปี 63



TPCH ปลื้ม!! Q3/58 กำไรสุทธิ 8.96 ล้านบาท ส่วน 9 เดือนกวาดกำไรสุทธิไปแล้ว 24.15 ล้านบาท ด้านหัวเรือใหญ่ “เชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล” เผยเดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลให้ครบ กำลังการผลิตเสนอขายรวม 106 เมกะวัตต์ ตามแผน มั่นใจช่วยหนุนผลประกอบการใน อนาคตสดใส  สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน

นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH) ผู้ดำเนินธุรกิจลงทุนในบริษัทอื่นที่ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็นหลัก เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2558 บริษัทมีกำไรสุทธิ 8.96 ล้านบาท ส่วนช่วง 9 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 24.15 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้หลักมาจากการจำหน่ายไฟฟ้าของบริษัท ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ จำกัด ให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ. และเงินอุดหนุนส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า(Adder)

นอกจากนี้ยังมีอีก 4 โครงการรวมกำลังการผลิต จำนวน 40 เมกะวัตต์ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์   (MGP),โรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน  (TSG),โรงไฟฟ้าชีวมวลพัทลุง กรีน เพาเวอร์ (PGP) และโรงไฟฟ้าชีวมวลสตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP) และมีโครงการที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการขอใบอนุญาตมีกำลังการผลิต 46 เมกะวัตต์คือ โรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี กรีน  (PTG)

ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนในการก่อสร้างและผลิตโรงไฟฟ้าชีวมวล ทั้งหมด 106 เมกะวัตต์  หลังได้รับใบอนุญาตแล้วในขณะนี้ จำนวนกำลังการผลิต  83 เมกะวัตต์  แบ่งเป็น ระบบ Adder 33 เมกะวัตต์  คือ CRB และ PTG (เฟส1) และระบบ Feed in Tariff  (FiT) 50 เมกะวัตต์  คือ MWE, MGP, TSG, PGP และ SGP  มีโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่สามารถจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้รวม 20  เมกะวัตต์ แล้ว 2 โครงการ คือโรงไฟฟ้าช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB) และโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE)
 
นายเชิดศักดิ์ กล่าวต่อไปว่าโครงการโรงไฟฟ้าที่จำหน่ายกระแสไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์(COD) คือโรงไฟฟ้า ชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่   (MWE) ที่จำหน่ายกระแสไฟฟ้าในวันที่ 12 ตุลาคม ที่ผ่านมา กำลังการผลิต เสนอขายที่ 8 เมกะวัตต์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนราคารับซื้อค่าไฟฟ้าพลังงาน หมุนเวียนแบบ Feed in Tariff (FiT) ที่มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้งมากกว่า 3 เมกะวัตต์ รวมเป็นราคารับซื้อ 4.54 บาทต่อหน่วยขาย ส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาส 4 รับรู้รายได้อย่างก้าวกระโดดอย่างแน่นอน ประกอบกับมีโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จอีก 1 โครงการ ได้แก่  MGP คาดว่าจะ COD ได้ภายในปี 2558 นี้ซึ่งจะทําให้บริษัทจะมีรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้า เพิ่มขึ้นในอนาคต ในระบบแบบ Feed in Tariff (FiT) อีกทั้งบริษัทยังมีลุ้นที่จะชนะการประมูลในการเปิดประมูลการการรับซื้อไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าประเภทชีวมวลขนาดเล็กมาก (VSPP)รูปแบบ Feed in Tariff ( FiT Bidding) ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4  อำเภอพิเศษ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่จะจัดขึ้นในเดือน มกราคม 2559 นี้ ซึ่งบริษัทฯ มีความมั่นใจที่จะสามารถเอาชนะการประมูลและเดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลให้ได้ 200 เมกะวัตต์ภายในปี 2563 ได้อย่างแน่นอน