ชื่อไทย เดอะ วิสิท
วันที่เข้าฉาย 22 ตุลาคม 2558
จัดจำหน่าย บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัด
ผลงานของผู้กำกับ เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน (จาก The Sixth Sense, Signs และ Unbreakable) กลับมาอีกครั้ง
โดยรับหน้าที่เขียนบท กำกับ และร่วมสร้างภาพยนตร์ The Visit กับ เจสัน บลัม (จากแฟรนไชส์ Paranormal Activity, The Purge และ Insidious)
ชยามาลาน กลับมาพร้อมเรื่องราวสุดระทึกของสองพี่น้องที่เดินทางไปเยี่ยมตาและยายที่เพนซิลวาเนียในช่วงสุดสัปดาห์ เมื่อทั้งคู่พบว่าตาและยายมีบางอย่างที่ผิดปกติ และอาจไม่มีโอกาสได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย
ภาพยนตร์นำแสดงโดย โอลิเวีย เดอจอนจ์, เอ็ด อ็อกเซนบูล์ด, แคธริน ฮานน์, ดีนนา ดูนาแกน และปีเตอร์ แม็คร็อบบี้
The Visit เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญที่ใช้ทุนสร้างเพียง 5 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ แต่สามารถกวาดรายได้จากทั่วโลกมาแล้วมากกว่า 50 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ
กำหนดฉายในไทย 22 ตุลาคม นี้ข้อมูลงานสร้าง
มีกฎเพียงสามข้อเมื่อคุณมาที่บ้านคุณยาย
1) กินมากเท่าไหร่ก็ได้ตามต้องการ
2) เพลิดเพลินกับช่วงเวลาดีๆ
3) ห้ามออกจากห้องหลังสามทุ่มครึ่ง มือเขียนบท/ผู้กำกับ/ผู้อำนวยการสร้าง เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน (The Sixth Sense, Signs, Unbreakable) และผู้อำนวยการสร้างเจสัน บลูม (แฟรนไชส์ Paranormal Activity, The Purge และ Insidious) ขอต้อนรับคุณเข้าสู่โลกของ The Visit ภาพยนตร์โดยยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส
ชยามาลานกลับสู่รากเหง้าของตัวเองอีกครั้งด้วยเรื่องราวน่าสะพรึงกลัวของเบ็กก้า (โอลิเวีย ดีจอนจ์จาก The Sisterhood of Night) และไทเลอร์ น้องชายของเธอ (เอ็ด อ็อกเซนโบลด์จาก Alexander and the Terrible, Horrible, No Good, Very Bad Day) ผู้ถูกส่งตัวไปที่บ้านไร่ที่ห่างไกลในเพนซิลวาเนียของคุณยาย (ดีแอนนา ดูนาแกนจากซีรีส์ Unforgettable) และคุณตาของพวกเขา (ปีเตอร์ แม็คร็อบบี้จาก Lincoln) ในช่วงสัปดาห์วันหยุด
เมื่อเด็กๆ ได้ค้นพบว่า คุณตาคุณยายของพวกเขาเกี่ยวข้องกับบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล พวกเขาก็เห็นว่าโอกาสในการได้กลับบ้านไปหาแม่ของพวกเขา (แคธริน ฮาห์นจาก We’re the Millers) เริ่มเหลือน้อยลงเรื่อยๆ ทุกวันๆ
ทีมงานเบื้องหลังที่ประสบความสำเร็จของ The Visit มีทั้งผู้ร่วมงานกับชยามาลานเป็นประจำและทีมงานหน้าใหม่ ทีมงานเบื้องหลังของเรื่องนี้นำทีมโดยผู้กำกับภาพมาริส อัลเบอร์ตี้ (The Wrestler, Stone), ผู้ออกแบบงานสร้าง นามาน มาร์แชล (After Earth, A Man in the Dark), มือลำดับภาพลุค เชียร็อคคี (The Happening, The Last Airbender), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เอมี เวสต์ค็อทท์ (Black Swan, After Earth) และซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายดนตรี ซูซาน จาค็อบส์ (Unbreakable, Silver Linings Playbook)
ชยามาลานได้อำนวยการสร้าง The Visit ผ่านทางบลายดิ้ง เอดจ์ พิคเจอร์สของเขา ในขณะที่บลูมอำนวยการสร้างผ่านบลูมเฮาส์ โปรดักชันส์ของเขาและมาร์ค เบียนสต็อค (Quarantine 2: Terminal) ร่วมงานกับพวกเขาในฐานะผู้อำนวยการสร้าง
สตีเวน ชไนเดอร์ (แฟรนไชส์ Insidious) และอัศวิน ราจัน (Devil) รับหน้าที่ควบคุมงานสร้างทริลเลอร์เรื่องนี้กลับคืนสู่รากเหง้า:
The Visit เริ่มต้นขึ้น
ในตอนที่ผู้ชมได้ยินชื่อของเอ็ม. ไนท์ ชยามาลานครั้งแรกในปี 1999 การแนะนำนั้นมาพร้อมกับ The Sixth Sense ภาพยนตร์ของเขาที่เป็นปรากฏการณ์ทั่วโลก นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็ได้กำกับภาพยนตร์ยอดนิยมหลายเรื่อง ซึ่งรวมถึง Unbreakable และ Signs แต่เขาก็ต้องการจะย้อนกลับไปสู่รากเหง้าความอินดี้ของเขาอีกครั้งและสร้างภาพยนตร์ฟอร์มเล็กกว่าเดิมที่จะนำเสนอความตื่นเต้นตามสัญชาตญาณ และความรู้สึกสะพรึงกลัวในโรงภาพยนตร์
สำหรับมือเขียนบท/ผู้กำกับ ผู้กล่าวถึง The Exorcist, Jaws, Psycho และ Alien ว่าเป็นทริลเลอร์แบบปูพื้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปเรื่องโปรดของเขา การสร้างภาพยนตร์เป็นกระบวนการที่เกิดจากภายในสู่ภายนอก ซึ่งพล็อตของเรื่องราวของเขาจะเกิดขึ้นจากตัวละครเอง ในการนั้น ชยามาลานรู้สึกหลงใหลในดรามาที่ร้อยเรียงอยู่ในชีวิตตัวละครของเขา และเขาก็เชื่อว่าทริลเลอร์ที่ไม่ได้เริ่มต้นด้วยพื้นฐานดรามาที่มั่นคงเป็นภาพยนตร์ที่ไม่คู่ควรกับการสร้างขึ้นมา เขาชื่นชอบภาพยนตร์แนวนี้เพราะเขาชื่นชมที่มันนำไปสู่การเล่าเรื่องที่ดี และเขาก็มองว่าความลุ้นระทึกของมันเป็นเรื่องตามสัญชาตญาณ
เมื่อเร็วๆ นี้ ชยามาลานเริ่มโหยหาความกระชับแบบภาพยนตร์ฟอร์มเล็ก และเขาก็ได้ทำการเขียนบทภาพยนตร์เกี่ยวกับครอบครัวที่แยกจากกันและพยายามหาวิธีกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เขากล่าวว่า “ผมพยายามนึกถึงเรื่องราวของผมในแง่ของการมีมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง ความนัยจากการกระทำของพวกเขาและความสัมพันธ์ของพวกเขาครับ”
ผู้กำกับรู้สึกว่าการตัดสินใจนี้ทำให้เขามีอิสระที่จะโฟกัสพลังงานของเขาไปที่การวางพล็อตเรื่องราวและพัฒนาการตัวละครเป็นหลัก เขาตั้งข้อสังเกตว่า “วันหนึ่ง ผมบอกว่า ‘ตั้งแต่นี้ไป เราจะสร้างหนังฟอร์มเล็กลงแล้วนะ’ มันมีระดับความเร็วที่ความคิดต่างๆ ผุดขึ้นมาสำหรับผม รวมถึงช่วงเวลาที่ไอเดียพวกนั้นมีความหมายต่อผม สำหรับหนังฟอร์มยักษ์ที่ใช้เวลาสร้างสามปี มันเป็นกระบวนการที่นานเกินไป ผมต้องเขียนบท สร้างมันและถ่ายทำมันด้วยพลังแบบเดียวกับที่มาจากไอเดียที่เมคเซนส์สำหรับผมในช่วงขณะนั้นน่ะครับ”
ชยามาลานจินตนาการถึงเรื่องราวของเบ็กก้าและไทเลอร์ เด็กสองคนที่ถูกพ่อทิ้งในตอนที่พ่อแม่ของพวกเขาหย่าร้างกัน เบ็กก้า เด็กหญิงผู้ฉลาดเฉลียวและช่างคิด เป็นผู้กำกับมือสมัครเล่น ผู้ถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับการเดินทางไปเยี่ยมคุณตาคุณยายที่พวกเขาไม่เคยพบมาก่อน เธอและไทเลอร์ น้องชายของเธอ ผู้ใฝ่ฝันจะเป็นแร็ปเปอร์และรับมือกับความวิตกกังวลด้วยการทำอะไรย้ำคิดย้ำทำ ได้กล่าวคำอำลาแม่ของพวกเขาที่สถานีรถไฟและมุ่งหน้าไปยังชนบทของเพนซิลวาเนีย เพื่อสัมผัสกับสิ่งที่พวกเขาขาดหายไปมานาน นั่นคือความรักที่ไร้เงื่อนไขของคุณตาคุณยาย ในที่สุด นี่ก็เป็นโอกาสที่พวกเขาจะได้รับการตามใจและรู้สึกเหมือนกับที่หลานคนอื่นๆ รู้สึก...และพวกเขาก็จะได้รู้เสียทีว่าทำไมแม่ของพวกเขาถึงกีดกันพวกเขาจากคุณตาคุณยายจนกระทั่งตอนนี้
ในตอนที่เขาสร้างเรื่องราวของครอบครัวที่พยายามจะทำใจกับอดีตที่ผ่านมาและก้าวต่อไป ชยามาลานก็ตั้งใจให้สไตล์การถ่ายทำของเขาสะท้อนถึงการเดินทางที่ตรงไปตรงมาของพวกเขา เขาเล่าถึงกลยุทธของเขาว่า “หนังเรื่องนี้มีรูปแบบเป็นสารคดีบุคคลที่หนึ่ง และมันก็มีระดับความตรงไปตรงมาอย่างที่เกิดขึ้นได้ยากในตอนที่คุณเขียนบท กับหนังอย่าง Paranormal Activity หรือ The Blair Witch Project ข้อดีของมันคือพวกเขาบันทึกภาพแบบปัจจุบันทันด่วน จนทำให้เกิดความรู้สึกสมจริงครับ”
ในความเป็นจริงแล้ว แรงบันดาลใจที่ชยามาลานได้รับจากแฟรนไชส์ Paranormal Activity ของผู้อำนวยการสร้างเจสัน บลูม เป็นประโยชน์กับเขาในตอนที่เขาวางโครงสร้าง The Visit เขาอธิบายว่า “กลยุทธของหนังเรื่องนี้คือการทำให้ทุกอย่างดูเหมือนเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องท้าทาย ตัวละครสองตัวใน The Visit มีกล้อง มันก็เลยเป็นการถ่ายทำสองสไตล์ที่แตกต่างกันเพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างกล้องทั้งสองตัวครับ”
หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำและลำดับภาพแล้ว ชยามาลานก็ทาบทามบลูม ผู้อำนวยการสร้างเบื้องหลังแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จอย่าง Sinister, Insidious และ The Purge รวมถึง Paranormal Activity ที่กล่าวถึงไปแล้วก่อนหน้านี้ ผู้อำนวยการสร้างทั้งสองคนติดต่อกันมาได้ซักพักแล้ว โดยบลูมพยายามทาบทามชยามาลานมาหลายปีแล้วเพื่อให้พวกเขาได้ร่วมงานกันในโปรเจ็กต์ซักเรื่อง และชยามาลานก็รู้ว่าบลูมจะให้ความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมาเกี่ยวกับภาพยนตร์ที่มีความเป็นส่วนตัวเรื่องนี้ที่เขาได้เขียนบท กำกับและออกเงินทุนในการสร้างเอง
บลูมชื่นชอบดรามา อารมณ์ขันและความน่าสะพรึงกลัวในภาพยนตร์เรื่องนี้ในทันที และรู้สึกว่า The Visit เป็นภาพยนตร์ที่เพอร์เฟ็กต์สำหรับข้อตกลงการจัดจำหน่ายระยะยาวกับยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส เขาเล่าว่าพอเขาได้ดูภาพยนตร์ของชยามาลาน การวางแผนเพื่อนำภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายก็เป็นขั้นตอนต่อไปทันที “ผมได้ดูหนังน่ากลัวเกือบทุกเรื่องในรอบทศวรรษที่ผ่านมา และการสั่นประสาทผมก็เป็นเรื่องยาก แต่ผมพบว่า The Visit เป็นหนังที่น่าสะพรึงมากๆ แต่มันไม่ใช่แค่น่ากลัวเท่านั้น เวลากลางคืนก็ช่วยทำให้หนังเรื่องนี้สนุกอย่างเหลือเชื่อด้วย มันเป็นสไตล์การถ่ายทำที่ไม่ค่อยปรากฏบ่อยนักและเป็นสิ่งที่ทำได้ยากสำหรับหนังแนวนี้ด้วยครับ”
ตัวผู้อำนวยการสร้างเองชื่นชมพลังความมีชีวิตชีวาที่เพื่อนร่วมงานของเขาได้แสดงให้เห็นและเขาก็เชื่อว่าหน้าที่ของเขาในฐานะผู้รักษาและผู้สนับสนุนภาพยนตร์ฟอร์มเล็กคือการคิดอย่างสม่ำเสมอว่าจะนำเสนอภาพยนตร์แต่ละเรื่องให้แตกต่างกันออกไปอย่างไร บลูมตั้งข้อสังเกตว่า “มีแนวโน้มในฮอลลีวูดที่เชื่อว่า ‘ถ้ามีหนังใหม่ซักเรื่องประสบความสำเร็จ ก็ทำซ้ำสิ’ ผมคิดมานานแล้วว่า คุณควรจะทำในสิ่งตรงข้าม ไนท์นำเสนอหนังสไตล์ล้อเลียนสารคดีที่มีช็อตที่จัดวางองค์ประกอบอย่างประณีตและงดงาม และผมก็ประทับใจที่หนังของเขาได้รับแรงบันดาลใจจากหนังเรื่องโปรดของผมอย่าง The Shining และ Psycho ครับ”
บลูมกล่าวว่าเขาสนใจกับการทำงานร่วมกับผู้กำกับที่ท้าพนันกับตัวเองและแหวกขนบเท่านั้น “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับอย่างไนท์ใน The Visit เขาเข้าใจโดยสัญชาตญาณว่าความสะพรึงกลัวอยู่ในสิ่งที่มองไม่เห็นและอยู่เพียงแค่เลยหัวมุมไปหน่อยเท่านั้น ความน่ากลัวที่ไนท์สร้างขึ้นในหนังเรื่องนี้ดูเหมือนเรียบง่าย เขาล่อหลอกเราให้รู้สึกปลอดภัยและมั่นคงด้วยเรื่องราวที่เข้าถึงได้ของเด็กสองคนไปเยี่ยมคุณตาคุณยายที่ไม่เคยพบหน้าเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ก่อนจะสร้างสิ่งที่แปลกใหม่และน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาครับ"
มาร์ค เบียนสต็อค ผู้ที่ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมาได้ทำงานในฐานะผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์แนวทริลเลอร์ ได้ร่วมงานกับชยามาลานและบลูมเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาเล่าว่าพวกเขาตั้งใจให้การถ่ายทำ The Visit กะทัดรัด “เราคุยกันถึงข้อดีของทุนสร้างต่ำ ซึ่งรวมถึงการมีอิสระและการร่วมมือกัน ไนท์เป็นคนเปิดกว้างที่มีวิสัยทัศน์แน่วแน่ เขาก็เลยยอมรับเรื่องนั้น นอกจากนั้น เรายังถ่ายทำหนังเรื่องนี้ตามลำดับเวลาด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องปกติครับ”
ในตอนที่เขาเตรียมพร้อมที่จะได้เห็นภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ชยามาลานกล่าวว่า เขาไม่ได้รู้สึกมีชีวิตชีวาอย่างนี้มาหลายปีแล้ว และเขาก็ภูมิใจในงานของเขา “The Visit มีโครงสร้างไม่เหมือนกับหนังเรื่องอื่นๆ และมันก็เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นและอันตรายด้วยครับ ตัวละครเอกของเรื่องเป็นคนทำหนังวัย 15 ปี ที่เชื่อในพลังของหนัง มันเหมือนกับการที่ผมกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งและสงสัยว่าตัวเองเชื่อว่าการสร้างหนังเป็นเวทมนตร์รึเปล่าน่ะครับ”