happy on October 05, 2015, 04:57:48 PM

ชื่อไทย         เดอะ วิสิท

วันที่เข้าฉาย      22 ตุลาคม 2558

จัดจำหน่าย      บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัด

ผลงานของผู้กำกับ  เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน (จาก The Sixth Sense, Signs และ Unbreakable) กลับมาอีกครั้ง

โดยรับหน้าที่เขียนบท กำกับ และร่วมสร้างภาพยนตร์ The Visit กับ เจสัน บลัม (จากแฟรนไชส์ Paranormal Activity, The Purge และ Insidious)

ชยามาลาน กลับมาพร้อมเรื่องราวสุดระทึกของสองพี่น้องที่เดินทางไปเยี่ยมตาและยายที่เพนซิลวาเนียในช่วงสุดสัปดาห์ เมื่อทั้งคู่พบว่าตาและยายมีบางอย่างที่ผิดปกติ และอาจไม่มีโอกาสได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย

ภาพยนตร์นำแสดงโดย โอลิเวีย เดอจอนจ์, เอ็ด อ็อกเซนบูล์ด, แคธริน ฮานน์, ดีนนา ดูนาแกน และปีเตอร์ แม็คร็อบบี้
 
The Visit เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญที่ใช้ทุนสร้างเพียง 5 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ แต่สามารถกวาดรายได้จากทั่วโลกมาแล้วมากกว่า 50 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ

กำหนดฉายในไทย 22 ตุลาคม นี้


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=h3cv3J2d3Nk" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=h3cv3J2d3Nk</a>

ข้อมูลงานสร้าง

มีกฎเพียงสามข้อเมื่อคุณมาที่บ้านคุณยาย
1)   กินมากเท่าไหร่ก็ได้ตามต้องการ
2)   เพลิดเพลินกับช่วงเวลาดีๆ
3)   ห้ามออกจากห้องหลังสามทุ่มครึ่ง


                มือเขียนบท/ผู้กำกับ/ผู้อำนวยการสร้าง เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน (The Sixth Sense, Signs, Unbreakable) และผู้อำนวยการสร้างเจสัน บลูม (แฟรนไชส์ Paranormal Activity, The Purge และ Insidious) ขอต้อนรับคุณเข้าสู่โลกของ The Visit ภาพยนตร์โดยยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส

        ชยามาลานกลับสู่รากเหง้าของตัวเองอีกครั้งด้วยเรื่องราวน่าสะพรึงกลัวของเบ็กก้า (โอลิเวีย ดีจอนจ์จาก The Sisterhood of Night) และไทเลอร์ น้องชายของเธอ (เอ็ด อ็อกเซนโบลด์จาก Alexander and the Terrible, Horrible, No Good, Very Bad Day) ผู้ถูกส่งตัวไปที่บ้านไร่ที่ห่างไกลในเพนซิลวาเนียของคุณยาย (ดีแอนนา ดูนาแกนจากซีรีส์ Unforgettable) และคุณตาของพวกเขา (ปีเตอร์ แม็คร็อบบี้จาก Lincoln)  ในช่วงสัปดาห์วันหยุด

        เมื่อเด็กๆ ได้ค้นพบว่า คุณตาคุณยายของพวกเขาเกี่ยวข้องกับบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล พวกเขาก็เห็นว่าโอกาสในการได้กลับบ้านไปหาแม่ของพวกเขา (แคธริน ฮาห์นจาก We’re the Millers) เริ่มเหลือน้อยลงเรื่อยๆ ทุกวันๆ

        ทีมงานเบื้องหลังที่ประสบความสำเร็จของ The Visit มีทั้งผู้ร่วมงานกับชยามาลานเป็นประจำและทีมงานหน้าใหม่ ทีมงานเบื้องหลังของเรื่องนี้นำทีมโดยผู้กำกับภาพมาริส อัลเบอร์ตี้ (The Wrestler, Stone), ผู้ออกแบบงานสร้าง นามาน มาร์แชล (After Earth, A Man in the Dark), มือลำดับภาพลุค เชียร็อคคี (The Happening, The Last Airbender), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เอมี เวสต์ค็อทท์ (Black Swan, After Earth) และซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายดนตรี ซูซาน จาค็อบส์ (Unbreakable, Silver Linings Playbook)

        ชยามาลานได้อำนวยการสร้าง The Visit ผ่านทางบลายดิ้ง เอดจ์ พิคเจอร์สของเขา ในขณะที่บลูมอำนวยการสร้างผ่านบลูมเฮาส์ โปรดักชันส์ของเขาและมาร์ค เบียนสต็อค (Quarantine 2: Terminal) ร่วมงานกับพวกเขาในฐานะผู้อำนวยการสร้าง

        สตีเวน ชไนเดอร์ (แฟรนไชส์ Insidious) และอัศวิน ราจัน (Devil) รับหน้าที่ควบคุมงานสร้างทริลเลอร์เรื่องนี้





กลับคืนสู่รากเหง้า:
The Visit เริ่มต้นขึ้น

               ในตอนที่ผู้ชมได้ยินชื่อของเอ็ม. ไนท์ ชยามาลานครั้งแรกในปี 1999 การแนะนำนั้นมาพร้อมกับ The Sixth Sense ภาพยนตร์ของเขาที่เป็นปรากฏการณ์ทั่วโลก นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็ได้กำกับภาพยนตร์ยอดนิยมหลายเรื่อง ซึ่งรวมถึง Unbreakable และ Signs แต่เขาก็ต้องการจะย้อนกลับไปสู่รากเหง้าความอินดี้ของเขาอีกครั้งและสร้างภาพยนตร์ฟอร์มเล็กกว่าเดิมที่จะนำเสนอความตื่นเต้นตามสัญชาตญาณ และความรู้สึกสะพรึงกลัวในโรงภาพยนตร์

        สำหรับมือเขียนบท/ผู้กำกับ ผู้กล่าวถึง The Exorcist, Jaws, Psycho และ Alien ว่าเป็นทริลเลอร์แบบปูพื้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปเรื่องโปรดของเขา การสร้างภาพยนตร์เป็นกระบวนการที่เกิดจากภายในสู่ภายนอก ซึ่งพล็อตของเรื่องราวของเขาจะเกิดขึ้นจากตัวละครเอง ในการนั้น ชยามาลานรู้สึกหลงใหลในดรามาที่ร้อยเรียงอยู่ในชีวิตตัวละครของเขา และเขาก็เชื่อว่าทริลเลอร์ที่ไม่ได้เริ่มต้นด้วยพื้นฐานดรามาที่มั่นคงเป็นภาพยนตร์ที่ไม่คู่ควรกับการสร้างขึ้นมา เขาชื่นชอบภาพยนตร์แนวนี้เพราะเขาชื่นชมที่มันนำไปสู่การเล่าเรื่องที่ดี และเขาก็มองว่าความลุ้นระทึกของมันเป็นเรื่องตามสัญชาตญาณ

        เมื่อเร็วๆ นี้ ชยามาลานเริ่มโหยหาความกระชับแบบภาพยนตร์ฟอร์มเล็ก และเขาก็ได้ทำการเขียนบทภาพยนตร์เกี่ยวกับครอบครัวที่แยกจากกันและพยายามหาวิธีกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เขากล่าวว่า “ผมพยายามนึกถึงเรื่องราวของผมในแง่ของการมีมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง ความนัยจากการกระทำของพวกเขาและความสัมพันธ์ของพวกเขาครับ”

        ผู้กำกับรู้สึกว่าการตัดสินใจนี้ทำให้เขามีอิสระที่จะโฟกัสพลังงานของเขาไปที่การวางพล็อตเรื่องราวและพัฒนาการตัวละครเป็นหลัก เขาตั้งข้อสังเกตว่า “วันหนึ่ง ผมบอกว่า ‘ตั้งแต่นี้ไป เราจะสร้างหนังฟอร์มเล็กลงแล้วนะ’ มันมีระดับความเร็วที่ความคิดต่างๆ ผุดขึ้นมาสำหรับผม รวมถึงช่วงเวลาที่ไอเดียพวกนั้นมีความหมายต่อผม สำหรับหนังฟอร์มยักษ์ที่ใช้เวลาสร้างสามปี มันเป็นกระบวนการที่นานเกินไป ผมต้องเขียนบท สร้างมันและถ่ายทำมันด้วยพลังแบบเดียวกับที่มาจากไอเดียที่เมคเซนส์สำหรับผมในช่วงขณะนั้นน่ะครับ”

        ชยามาลานจินตนาการถึงเรื่องราวของเบ็กก้าและไทเลอร์ เด็กสองคนที่ถูกพ่อทิ้งในตอนที่พ่อแม่ของพวกเขาหย่าร้างกัน เบ็กก้า เด็กหญิงผู้ฉลาดเฉลียวและช่างคิด เป็นผู้กำกับมือสมัครเล่น ผู้ถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับการเดินทางไปเยี่ยมคุณตาคุณยายที่พวกเขาไม่เคยพบมาก่อน เธอและไทเลอร์ น้องชายของเธอ ผู้ใฝ่ฝันจะเป็นแร็ปเปอร์และรับมือกับความวิตกกังวลด้วยการทำอะไรย้ำคิดย้ำทำ ได้กล่าวคำอำลาแม่ของพวกเขาที่สถานีรถไฟและมุ่งหน้าไปยังชนบทของเพนซิลวาเนีย เพื่อสัมผัสกับสิ่งที่พวกเขาขาดหายไปมานาน นั่นคือความรักที่ไร้เงื่อนไขของคุณตาคุณยาย ในที่สุด นี่ก็เป็นโอกาสที่พวกเขาจะได้รับการตามใจและรู้สึกเหมือนกับที่หลานคนอื่นๆ รู้สึก...และพวกเขาก็จะได้รู้เสียทีว่าทำไมแม่ของพวกเขาถึงกีดกันพวกเขาจากคุณตาคุณยายจนกระทั่งตอนนี้

        ในตอนที่เขาสร้างเรื่องราวของครอบครัวที่พยายามจะทำใจกับอดีตที่ผ่านมาและก้าวต่อไป ชยามาลานก็ตั้งใจให้สไตล์การถ่ายทำของเขาสะท้อนถึงการเดินทางที่ตรงไปตรงมาของพวกเขา เขาเล่าถึงกลยุทธของเขาว่า “หนังเรื่องนี้มีรูปแบบเป็นสารคดีบุคคลที่หนึ่ง และมันก็มีระดับความตรงไปตรงมาอย่างที่เกิดขึ้นได้ยากในตอนที่คุณเขียนบท กับหนังอย่าง Paranormal Activity หรือ The Blair Witch Project ข้อดีของมันคือพวกเขาบันทึกภาพแบบปัจจุบันทันด่วน จนทำให้เกิดความรู้สึกสมจริงครับ”

        ในความเป็นจริงแล้ว แรงบันดาลใจที่ชยามาลานได้รับจากแฟรนไชส์ Paranormal Activity ของผู้อำนวยการสร้างเจสัน บลูม เป็นประโยชน์กับเขาในตอนที่เขาวางโครงสร้าง The Visit เขาอธิบายว่า “กลยุทธของหนังเรื่องนี้คือการทำให้ทุกอย่างดูเหมือนเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องท้าทาย ตัวละครสองตัวใน The Visit มีกล้อง มันก็เลยเป็นการถ่ายทำสองสไตล์ที่แตกต่างกันเพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างกล้องทั้งสองตัวครับ”

        หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำและลำดับภาพแล้ว ชยามาลานก็ทาบทามบลูม ผู้อำนวยการสร้างเบื้องหลังแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จอย่าง Sinister, Insidious และ The Purge รวมถึง Paranormal Activity ที่กล่าวถึงไปแล้วก่อนหน้านี้ ผู้อำนวยการสร้างทั้งสองคนติดต่อกันมาได้ซักพักแล้ว โดยบลูมพยายามทาบทามชยามาลานมาหลายปีแล้วเพื่อให้พวกเขาได้ร่วมงานกันในโปรเจ็กต์ซักเรื่อง และชยามาลานก็รู้ว่าบลูมจะให้ความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมาเกี่ยวกับภาพยนตร์ที่มีความเป็นส่วนตัวเรื่องนี้ที่เขาได้เขียนบท กำกับและออกเงินทุนในการสร้างเอง

        บลูมชื่นชอบดรามา อารมณ์ขันและความน่าสะพรึงกลัวในภาพยนตร์เรื่องนี้ในทันที และรู้สึกว่า The Visit เป็นภาพยนตร์ที่เพอร์เฟ็กต์สำหรับข้อตกลงการจัดจำหน่ายระยะยาวกับยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส เขาเล่าว่าพอเขาได้ดูภาพยนตร์ของชยามาลาน การวางแผนเพื่อนำภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายก็เป็นขั้นตอนต่อไปทันที “ผมได้ดูหนังน่ากลัวเกือบทุกเรื่องในรอบทศวรรษที่ผ่านมา และการสั่นประสาทผมก็เป็นเรื่องยาก แต่ผมพบว่า The Visit เป็นหนังที่น่าสะพรึงมากๆ แต่มันไม่ใช่แค่น่ากลัวเท่านั้น เวลากลางคืนก็ช่วยทำให้หนังเรื่องนี้สนุกอย่างเหลือเชื่อด้วย มันเป็นสไตล์การถ่ายทำที่ไม่ค่อยปรากฏบ่อยนักและเป็นสิ่งที่ทำได้ยากสำหรับหนังแนวนี้ด้วยครับ”

        ตัวผู้อำนวยการสร้างเองชื่นชมพลังความมีชีวิตชีวาที่เพื่อนร่วมงานของเขาได้แสดงให้เห็นและเขาก็เชื่อว่าหน้าที่ของเขาในฐานะผู้รักษาและผู้สนับสนุนภาพยนตร์ฟอร์มเล็กคือการคิดอย่างสม่ำเสมอว่าจะนำเสนอภาพยนตร์แต่ละเรื่องให้แตกต่างกันออกไปอย่างไร บลูมตั้งข้อสังเกตว่า “มีแนวโน้มในฮอลลีวูดที่เชื่อว่า ‘ถ้ามีหนังใหม่ซักเรื่องประสบความสำเร็จ ก็ทำซ้ำสิ’ ผมคิดมานานแล้วว่า คุณควรจะทำในสิ่งตรงข้าม ไนท์นำเสนอหนังสไตล์ล้อเลียนสารคดีที่มีช็อตที่จัดวางองค์ประกอบอย่างประณีตและงดงาม และผมก็ประทับใจที่หนังของเขาได้รับแรงบันดาลใจจากหนังเรื่องโปรดของผมอย่าง The Shining และ Psycho ครับ”

        บลูมกล่าวว่าเขาสนใจกับการทำงานร่วมกับผู้กำกับที่ท้าพนันกับตัวเองและแหวกขนบเท่านั้น “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับอย่างไนท์ใน The Visit เขาเข้าใจโดยสัญชาตญาณว่าความสะพรึงกลัวอยู่ในสิ่งที่มองไม่เห็นและอยู่เพียงแค่เลยหัวมุมไปหน่อยเท่านั้น ความน่ากลัวที่ไนท์สร้างขึ้นในหนังเรื่องนี้ดูเหมือนเรียบง่าย เขาล่อหลอกเราให้รู้สึกปลอดภัยและมั่นคงด้วยเรื่องราวที่เข้าถึงได้ของเด็กสองคนไปเยี่ยมคุณตาคุณยายที่ไม่เคยพบหน้าเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ก่อนจะสร้างสิ่งที่แปลกใหม่และน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาครับ"

        มาร์ค เบียนสต็อค ผู้ที่ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมาได้ทำงานในฐานะผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์แนวทริลเลอร์ ได้ร่วมงานกับชยามาลานและบลูมเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาเล่าว่าพวกเขาตั้งใจให้การถ่ายทำ The Visit กะทัดรัด “เราคุยกันถึงข้อดีของทุนสร้างต่ำ ซึ่งรวมถึงการมีอิสระและการร่วมมือกัน ไนท์เป็นคนเปิดกว้างที่มีวิสัยทัศน์แน่วแน่ เขาก็เลยยอมรับเรื่องนั้น นอกจากนั้น เรายังถ่ายทำหนังเรื่องนี้ตามลำดับเวลาด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องปกติครับ”

        ในตอนที่เขาเตรียมพร้อมที่จะได้เห็นภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ชยามาลานกล่าวว่า เขาไม่ได้รู้สึกมีชีวิตชีวาอย่างนี้มาหลายปีแล้ว และเขาก็ภูมิใจในงานของเขา “The Visit มีโครงสร้างไม่เหมือนกับหนังเรื่องอื่นๆ และมันก็เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นและอันตรายด้วยครับ ตัวละครเอกของเรื่องเป็นคนทำหนังวัย 15 ปี ที่เชื่อในพลังของหนัง มันเหมือนกับการที่ผมกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งและสงสัยว่าตัวเองเชื่อว่าการสร้างหนังเป็นเวทมนตร์รึเปล่าน่ะครับ”

happy on October 05, 2015, 05:05:56 PM








พบครอบครัว:
การคัดเลือกนักแสดงสำหรับทริลเลอร์

                   ด้วยทุนสร้างที่ไม่มากนักและทีมนักแสดงหลักที่ส่วนมากแล้วจะมีเพียงห้าคน ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของชยามาลานคล้ายกับละครเวทีขนาดเล็ก...ซึ่งช่วยดึงความตึงเครียดจากทีมนักแสดงและเฝ้ามองขณะที่ความน่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าผู้ชมได้ดียิ่งขึ้น

        เมื่อถึงเวลาคัดเลือกนักแสดง เขาและดักกลาส ไอเบล ผู้กำกับฝ่ายคัดเลือกตัวนักแสดง ก็พิถีพิถันกับการคัดเลือกของพวกเขามาก มือเขียนบท/ผู้กำกับอธิบายถึงเหตุผลของเขาในการเลือกนักแสดงว่า “นักแสดงของเรื่องได้รับเลือกจากความบริสุทธิ์และตัวละครก็ถูกเขียนขึ้นจากความบริสุทธิ์ครับ ผมเลือกคนพวกนี้จากทั่วโลกเพื่อมาแสดงในหนังเรื่องนี้ ในตอนที่เราอ่านบท ผมตระหนักได้ว่านี่อาจจะเป็นทีมนักแสดงที่ผมชื่นชอบก็เป็นได้ มันเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นคนที่ผมเขียนถึงในบทเลยครับ”

        สำหรับบท เบ็กก้า ผู้ใฝ่ฝันจะเป็นผู้กำกับ ชยามาลานเลือกนักแสดงหญิงชาวออสเตรเลีย โอลิเวีย ดีจอนจ์ ผู้สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมในประเทศบ้านเกิดของเธอมาหลายปีแล้ว นักแสดงหญิงรุ่นเยาว์เล่าถึงสิ่งที่ทำให้เธอสนใจบทนี้ว่า “The Visit เป็นเรื่องราวเรียบง่ายที่ทำให้คุณนั่งไม่ติดเก้าอี้ ฉันกับแม่อ่านบทเรื่องนี้ แล้วตอนจบเราก็ลุ้นกันมากค่ะ มันเหลือเชื่อและสุดๆ ไปเลยค่ะ”

        เหตุผลหนึ่งที่ชยามาลานอยากใหเธอมาแสดงบทนี้คือดีจอนจ์และตัวละครของเธอมีความรักอย่างลึกซึ้งต่อภาพยนตร์เหมือนกัน “ทั้งเบ็กก้าและฉันต่างก็สนใจในการสร้างหนังค่ะ” เธอบอก “ฉันรักการสร้างหนังสั้น ซึ่งฉันทำเป็นประจำตอนอยู่โรงเรียน นอกจากนั้น เธอยังเป็นคนที่ซับซ้อนและเหมือนมนุษย์จริงๆ มากๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากๆ ค่ะ เธอมีศีลธรรม มีค่านิยมที่ยึดถือ และฉันก็รู้สึกเข้าใจเธอจริงๆ ค่ะ”

        ดีจอนจ์ชื่นชมที่ผู้กำกับของเธอเต็มใจจะให้เธอร่วมสร้างตัวละครที่เขาเขียนขึ้นมาอย่างเต็มที่ “ฉันโชคดีมากที่ได้พัฒนาตัวละครเบ็กก้าร่วมกับไนท์ ไม่เพียงแต่เขาจะมีจินตนาการสุดบรรเจิดเท่านั้น แต่เขายังเป็นคนที่คุยด้วยง่ายและเปิดกว้างมากๆ เขาเป็นเบ็กก้าเลยล่ะค่ะ ดังนั้น ฉันเลยรู้สึกเยี่ยมมากที่ได้คุยเรื่องบทกับเขาในส่วนที่ฉันคิดว่าแสดงยาก เขาช่วยเราในการพัฒนาตัวละครและความสัมพันธ์ขึ้นมา เพื่อทำให้แน่ใจว่าเราจะดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดของเราออกมาเพื่อให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จน่ะค่ะ”

        ด้วยความที่แม่ของเธอเป็นคนที่รักอิสระเสรี เบ็กก้าจึงต้องโตเป็นผู้ใหญ่อย่างรวดเร็วและกลายเป็นเหมือนแม่สำหรับไทเลอร์นับตั้งแต่ที่พ่อแม่ของพวกเขาหย่าร้างกัน ดีจอนจ์พูดถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวนี้ว่า “เบ็กก้าและไทเลอร์โทษตัวเองว่าทำให้พ่อจากไป พวกเขาคิดว่าพวกเขาทำอะไรผิดหรือไม่ก็พวกเขาไม่ดีพอที่จะทำให้เขาอยู่ต่อได้ พวกเขาไม่เข้าใจว่ามันไม่ใช่ความผิดของพวกเขาค่ะ”

        ความเคลือบแคลงในตัวเองทำให้การไปเยี่ยมคุณตาคุณยายของเบ็กก้ายิ่งสำคัญมากขึ้นสำหรับเด็กสาวคนนี้ “เบ็กก้าเป็นเหมือนแม่สำหรับไทเลอร์ แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็ต้องการครอบครัวที่พร้อมสมบูรณ์ด้วยค่ะ” เธอกล่าวต่อ “เธอรักแม่ น้องชายและคุณตาคุณยาย เธออยากให้ทุกคนเป็นครอบครัวใหญ่ที่มีความสุข มันเกิดจากความรู้สึกจริงๆ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอเป็นตัวละครที่พิเศษสุดค่ะ”

        เอ็ด อ็อกเซนโบลด์ เพื่อนนักแสดงชาวออสเตรเลีย ผู้เป็นที่รู้จักของผู้ชมทั่วโลกจากการแสดงนำในคอเมดีสำหรับครอบครัวเรื่อง Alexander and the Terrible, Horrible, No Good, Very Bad Day ได้ถูกนำตัวมารับบท ไทเลอร์ น้องชายของเบ็กก้า อ็อกเซนโบลด์อธิบายถึงเหตุผลที่เขารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เข้าร่วมกับทีมนักแสดงเรื่องนี้ว่า “สิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้นเกี่ยวกับ The Visit คือบทครับ บทหนังเรื่องนี้ทั้งตลก ดรามา ลุ้นระทึกและน่าขนลุก มันเป็นเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมและตอนจบก็น่าอัศจรรย์มากครับ”

        นอกจากนี้ เขายังชื่นชอบที่ตัวละครของเขาไม่ใช่เด็กชายตามแบบฉบับที่ถูกนำตัวเข้ามาเพื่อสร้างอารมณ์ขันและความกลัวแบบง่ายๆ ตัวน้องชายผู้นี้ต้องรับมือกับอาการย้ำคิดย้ำทำ ซึ่งเลวร้ายลงนับตั้งแต่พ่อทิ้งพวกเขาไป อ็อกเซนโบลด์กล่าวว่า “ไทเลอร์เป็นเด็กน่ารักและอ่อนไหว เขามีปัญหาตั้งแต่พ่อทิ้งไป เขาทำตัวเข้มแข็งและกล้าหาญขึ้นด้วยการแสดงตัวเป็น ‘ที-ไดมอนด์’ ครับ”

        แม้จะมีอาการย้ำคิดย้ำทำ ไทเลอร์ หรือ “ที-ไดมอนด์” ก็เป็นเหมือนตัวสร้างอารมณ์ขันของเรื่อง อ็อกเซนโบลด์เล่าว่าผู้กำกับช่วยเขาอย่างมากในตอนที่เขาเตรียมตัว ด้วยการเสนอให้เขาใช้แรงบันดาลใจจากหนึ่งในผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกๆ ของดาราดังในปัจจุบันคนหนึ่ง “ไนท์บอกชื่อหนังบางเรื่องที่มีฉากที่จะช่วยผมได้ ผมได้ดู Empire of the Sun ที่คริสเตียน เบลแสดง เขากล้าแสดงมากๆ ตั้งแต่ยังอายุน้อย ทุกคืนผมจะอ่านบทกับพ่อแม่ผมและวิเคราะห์ทุกอย่างครับ”

        แต่มันก็ไม่ใช่วิธีการแสดงแบบเมธ็อดที่ลึกซึ้งไปซะทั้งหมด อ็อกเซนโบลด์เล่าว่า “มีฉากหนึ่งที่ไทเลอร์เปลี่ยนเข้าสู่โหมดที-ไดมอนด์ ผมต้องแร็ปแบบฮาร์ดคอร์และแทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ผมบอกได้ว่าไนท์เองก็หัวเราะคิกคักอยู่หลังจอมอนิเตอร์เหมือนกันครับ”

        โชคดีที่การที่อ็อกเซนโบลด์และดีจอนจ์จะทำตัวเป็นเหมือนพี่น้องที่มักจะดูแลเอาใจใส่และเย้าแหย่กันและกันให้รำคาญไม่ใช่เรื่องยาก นักแสดงเด็กคนนี้กล่าวชื่นชมนักแสดงรุ่นพี่ของเขาว่า “โอลิเวียวิเศษสุดครับ เราเข้ากันได้ดีเหมือนพี่น้อง การแสดงของเธอน่าทึ่งมาก เธอเหมือนกับไนท์ในแง่ที่ว่าเธอสามารถทำตัวจริงจังได้ แต่ก็พร้อมที่จะสนุกอยู่เสมอด้วยครับ”

         ความรู้สึกสนุกสนานแบบนั้นในกองถ่ายช่วยให้อ็อกเซนโบลด์และดีจอนจ์เกิดความผูกพันกัน...ทันเวลาที่ตัวละครของพวกเขาจะต้องเผชิญกับเรื่องที่มืดหม่น ดีจอนจ์เล่าถึงน้องชายในเรื่องของเธอว่า “ไทเลอร์เป็นตัวละครเพี้ยนๆ ค่ะ และสีหน้ากับคำพูดของเขาทำให้เขาเป็นเด็กตลก ในขณะเดียวกัน เขาก็เป็นคนกลัวเชื้อโรคและทำตัวเหมือนเป็นแร็ปเปอร์ จริงๆ แล้ว เขาก็เหมือนเด็กชายอายุ 12 ปีคนอื่นๆ เขารักแม่และพี่สาว แม้ว่าเขาจะตั้งกำแพงกั้นยังไง ภายในเขาก็เป็นคนอ่อนโยนค่ะ”

        ปฏิสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่นำไปสู่หนึ่งในฉากที่ทรงพลังที่สุดใน The Visit เมื่อไทเลอร์สลับบทบาทเพื่อให้เบ็กก้านั่งสำหรับการสัมภาษณ์ต่อหน้ากล้อง ดีจอนจ์เล่าถึงวันที่ทรงพลังนั้นว่า “ฉากที่ทำอารมณ์ได้ยากที่สุดคือการสัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายของเบ็กก้าสำหรับสารคดีของเธอในตอนที่เธออยู่ข้างนอกกับไทเลอร์ เขาทำให้เธอพูดในสิ่งที่เธอไม่เคยบอกใครมาก่อนและมันก็สะเทือนอารมณ์มากๆ มันเป็นหนึ่งในฉากที่แสดงยาก แต่ฉันคิดว่ามันออกมาดีทีเดียวนะคะ”

        เมื่อเบ็กก้าและไทเลอร์ใกล้ชิดกันมากขึ้นและความน่าสะพรึงกลัวของเรื่องราวถูกเผยออกมา พวกเขาก็ต้องเจอกับพฤติกรรมที่แปลกขึ้นเรื่อยๆ ของคุณตาคุณยายของพวกเขา ที่แสดงได้อย่างยอดเยี่ยมโดยนักแสดงหญิงรางวัลโทนี อวอร์ด ดีแอนนา ดูนาแกนและนักแสดงสมทบชาวสก็อต ปีเตอร์ แม็คร็อบบี้ อ็อกเซนโบลด์ประทับใจอย่างยิ่งกับนักแสดงมากประสบการณ์ผู้นี้จนเขารับเอาเคล็ดลับในการแสดงที่เขาจะใช้ในอีกหลายปีข้างหน้านับแต่นี้มาจากเขาด้วย เขากล่าวชื่นชมว่า “ดีแอนนาและปีเตอร์แสดงได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกฉากของพวกเขา ตัวละครของพวกเขาน่าสยองมากครับ”

        แม้จะเป็นนักแสดงหญิงผู้คร่ำหวอดในวงการจอเงินและละครเวที แต่ดูนาแกนก็ยอมรับว่าเธอรู้สึกลังเลก่อนหน้าที่จะตกปากรับคำมาทดสอบบทคุณยาย เธออธิบายว่าเธอมามีส่วนเกี่ยวข้องกับ The Visit ได้อย่างไรว่า “เอเจนท์ของฉันโทรหาฉันบอกว่าฉันมีออดิชันเพื่อรับบทคุณยาย ฉันไม่สนใจที่จะรับบทคุณยายหรอกค่ะ แต่พอเขาบอกฉันว่าเป็นงานของเอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน ฉันก็ตกลงเลย ถ้าคุณดูผลงานที่ผ่านมาของเขา จะเห็นว่าเขามีจินตนาการที่เหลือเชื่อค่ะ”

        ในตอนที่เธอได้พบกับผู้กำกับและฟังเขาอธิบายวิสัยทัศน์ที่เขามีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้และพัฒนาการตัวละครของเธอ เธอก็รู้ได้ว่าเธอไม่ต้องกังวลเลย “คุณยายมีความลับบางอย่างและไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นค่ะ” ดูนาแกนเล่า “เธอไม่ได้เป็นคุณยายใจดีอย่างที่คุณเห็นในตอนเริ่มต้น เธอมีพลกำลังอย่างที่คุณมองไม่เห็นค่ะ”

        เช่นเดียวกับเพื่อนนักแสดงคนอื่นๆ เธอชื่นชมที่ชยามาลานเปิดกว้างต่อการรับฟังไอเดียของเธอตลอดระยะเวลาถ่ายทำ “ไนท์เป็นผู้ฟังที่ดีค่ะ” ดูนาแกนตั้งข้อสังเกต “เขาเต็มใจให้ความร่วมมืออย่างมากในเรื่องของสิ่งที่เราเปิดเผยสำหรับตัวละคร นอกจากนั้น เขาก็จะให้เราแสดงฉากต่างๆ ในหลายๆ รูปแบบ ดังนั้น การสร้างตัวละครที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดในบทก็เลยเป็นความท้าทายน่ะค่ะ”

        โชคดีสำหรับทีมงานและนักแสดง วันเวลามืดหม่นที่ตัวละครของพวกเขาต้องเผชิญถูกลบล้างไปด้วยบรรยากาศที่สดใสในกองถ่าย ดูนาแกนกล่าวสรุปเกี่ยวกับความคิดที่พวกเขามีต่อการร่วมงานกับผู้กำกับผู้นี้ว่า “การใช้เวลาวันหนึ่งกับเอ็ม. ไนท์ ชยามาลานเหมือนกับวันหนึ่งท่ามกลางแสงอาทิตย์ เขาเต็มไปด้วยความอบอุ่น ทีมงานทุกคนซึมซับความอบอุ่นนั้นและมอบมันกลับออกมาค่ะ ฉันไม่เคยร่วมงานกับคนที่มีความสุขและยินดีกับการทำงานในหนังมากไปกว่านี้อีกแล้ว เขาเป็นคนมีอารมณ์เร่าร้อนและชื่นชมนักแสดงของตัวเองค่ะ”

        ในบรรดาหลานสองคนของเธอ คุณยายรู้สึกใกล้ชิดกับเบ็กก้าที่สุดระหว่างหนึ่งสัปดาห์ที่พวกเขาอยู่ร่วมกัน แม้ว่าพวกเขาจะเรี่มต้นสร้างสายสัมพันธ์ในห้องครัว ที่ซึ่งเธอทำอาหารเช้ามื้อใหญ่และคุ้กกี้ที่ดูเหมือนไม่มีวันหมดให้พวกเขา เวลาของพวกเขาก็เริ่มมืดหม่นเมื่อเบ็กก้าขอสัมภาษณ์คุณยายและพยายามจะล้วงความจริงถึงสาเหตุที่แม่ของเธอเลิกคุยกับคุณตาคุณยาย

        ดูนาแกนเล่าถึงพัฒนาการและกระบวนการของตัวละครของเธอว่า “ฉากโปรดของฉันที่ยากที่สุดคือฉากการสัมภาษณ์กับเบ็กก้า หลานสาวของตัวละครของฉัน “คุณยายมีความสุขมากและเธอก็รู้สึกแปลกๆ ในการสัมภาษณ์เพราะเธอไม่เคยออกหน้ากล้องมาก่อน แต่คุณยายก็ไม่ได้เผยอะไรออกมาซักเท่าไหร่ระหว่างการสัมภาษณ์ เธอตอบคำถามทำนองว่า ‘คุณยายชอบสีอะไร’ และ ‘คุณยายชอบสัตว์ชนิดไหน’ อย่างสนุกสนาน ด้วยความสุขกับชั่วขณะนั้น แต่เมื่อเบ็กก้าถามเกี่ยวกับแม่ของเธอ การสัมภาษณ์ก็กลายเป็นเรื่องจริงและกระทบจิตใจสำหรับพวกเขาทั้งคู่

        การรับบทตัวละครที่สับเปลี่ยนระหว่างความอ่อนโยนสุดซึ้งและอาการทางจิตขั้นรุนแรงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับดูนาแกน เธอเล่าว่ามันเป็นความท้าทายที่น่ายินดีที่เธอได้รับบทคุณยายในแบบต่างๆ ในหลายๆ เทคระหว่างการถ่ายทำ เธอบอกว่า “มันน่าสนใจเพราะแม้ว่าไนท์จะเป็นคนเขียนบท แต่เขาก็เหมือนกับฉันที่เรียนรู้เกี่ยวกับตัวละครระหว่างที่เราทำงานไปเรื่อยๆ เราถ่ายทำแต่ละฉากหลายเทคเพื่อทดลองบุคลิกที่หลากหลายสำหรับคุณยาย มันทำให้ไนท์มีตัวเลือกให้ใช้ระหว่างการประกอบหนังเรื่องนี้เป็นรูปเป็นร่างในตอนสุดท้ายค่ะ”

        สามีผู้จงรักภักดีของคุณยาย ที่เบ็กก้าและไทเลอร์รู้จักในฐานะคุณตา แทบจะระงับอาการตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ที่ในที่สุดเขาก็ได้กอดหลานรักไว้ในอ้อมแขน ตัวละครตัวนี้ ที่รับบทโดยแม็คร็อบบี้ ผู้ใช้ประสบการณ์นานหลายทศวรรษในฐานะนักแสดงสมทบในการตัดสินใจ เป็นบทที่ตรงกันข้าม เขาอธิบายว่า “คุณตามีความเชื่อบางอย่างเกี่ยวกับโลกใบนี้ ซึ่งอาจจะไม่สอดคล้องกับสิ่งที่คนอื่นๆ มองว่าเป็นความเป็นจริง คนภายนอกอาจพูดถึงพฤติกรรมของเขาว่าพิลึกหรือเพี้ยน แต่ภายในโลกของเขา คุณจะรู้ว่าทุกอย่างที่เขาทำ พูดหรือคิดต่างก็มีเหตุผลรองรับครับ”

        แม็คร็อบบี้ชื่นชอบการมีมือเขียนบทของเรื่องอยู่ในกองถ่ายด้วย เขากล่าวชื่นชมสไตล์ของชยามาลานว่า “มันไม่ได้เป็นการเขียนบทแบบกึ่งกลางตามปกติ ตัวละครของผมเป็นคนพิลึก ดังนั้น แรงจูงใจของเขาก็จะต้องชัดเจนและจะต้องมีการใส่ความเป็นมนุษย์ให้กับเขา เขาจะเป็นแค่คนพิลึกไม่ได้ แม้ว่าคุณจะแสดงเป็นสัตว์ประหลาด คุณก็ต้องหาความเป็นมนุษย์ในตัวชายคนนี้ให้เจอครับ” เขาหยุดครู่หนึ่ง “ฉากเด็ดๆ คือฉากที่ผมพบว่าง่ายดายที่สุด ในตอนที่อารมณ์มันลึกซึ้งและเป็นเรื่องของจิตใต้สำนึก คุณจะมีอะไรให้คำนึงถึงมากมาย มันทำให้งานของเราเข้าถึงได้มากขึ้นครับ”

         เช่นเดียวกับดูนาแกน แม็คร็อบบี้รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่ผู้กำกับของพวกเขายอมให้พวกเขามีอิสระมากขนาดนี้ในการตีความถ้อยคำของเขา อิสระนั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในช่วงองก์ที่สามของ The Visit ในตอนที่คุณตาคุณยายเผยธาตุแท้ที่น่ากลัวออกมา แม็คร็อบบี้กล่าวว่า “การร่วมงานกับไนท์เป็นความสุขเสมอเพราะเขามักจะเปิดกว้างต่อการรับฟังสิ่งที่เรานำเสนอ นอกจากนั้น เขายังสร้างความขัดแย้งที่ก่อให้เกิดประกายวูบวาบด้วย มันเป็นกระบวนการที่ผมสนใจและเป็นสิ่งที่ทำให้ผมยังคงทำอาชีพนี้ครับ”

        นักแสดงทุกคนตระหนักดีว่าพวกเขาได้รับการนำทางโดยผู้กำกับที่พร้อมจะยอมรับว่าหัวใจเขายังเป็นเด็กอยู่ ชยามาลานชื่นชอบความรู้สึกกลัวพอๆ กับหรือมากกว่าทุกคนในทีมงานถ่ายทำของเขา แม็คร็อบบี้กล่าวชื่นชมว่า “สิ่งที่ดึงดูดผมในฐานะนักแสดงคืออารมณ์ขัน  และความรู้สึกอยากเล่นสนุกของเขา เขามีความสุขกับเรื่องแบบนี้ การที่คนที่กำกับคุณมีอารมณ์ขันและความสุขในสิ่งที่เขาทำเป็นของขวัญที่เหลือเชื่อครับ กองถ่ายเราเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ซึ่งมันก็ทำให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายครับ”

        คุณตาเป็นตัวละครที่เก็บความรู้สึกมากกว่าภรรยาผู้ร่าเริงของเขา และแม็คร็อบบี้ก็คิดว่าตัวละครของเขารู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ของเขาในการปรับลดระดับความแรงของพฤติกรรมของเธอและเป็นตัวปรับสมดุลของเธอ

        ในตอนที่พวกเขาทั้งคู่จะต้องเจอกับสภาพจิตใจที่มืดหม่นมากๆ ของตัวละคร ดูนาแกนได้รับการสนับสนุนจากแม็คร็อบบี้และเขาเองก็เช่นกัน เธอบอกว่า “คุณตาภักดีกับคุณยายมากๆ เขาคอยดูแลเธอเสมอ เขามักต้องการทำในสิ่งที่จะทำให้เธอมีความสุข เขาเป็นคนที่น่าสนใจและซับซ้อนค่ะ เหมือนกับที่เธอเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจและซับซ้อน เขาพยายามที่จะมอบสัปดาห์ที่มีความสุขที่สุดในชีวิตให้กับเธอ นั่นเป็นเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวของเขาค่ะ”

        ดีจอนจ์เล่าถึงความสามารถของนักแสดงที่พึ่งพากันและกันระหว่างการถ่ายทำได้ว่า “เบ็กก้ารับมือกับอารมณ์ต่างๆ มากมายในขณะเดียวกับที่ต้องพยายามทำตัวเข้มแข็งสำหรับน้องชายเธอและพยายามรักษาครอบครัวที่เธอต้องการเอาไว้ให้ได้ การพยายามรับมือกับอารมณ์สามหรือสี่อารมณ์ภายในการพูดเพียงไม่กี่ครั้งเป็นเรื่องยากมากๆ แต่การทำงานร่วมกับไนท์, ดีแอนนา, ปีเตอร์และเอ็ดช่วยทำให้การแสดงออกอารมณ์ที่หลากหลายเหล่านั้นเป็นเรื่องง่ายขึ้นค่ะ”

        นักแสดงหลักสี่คนมีผู้ร่วมแสดงในฉากสำคัญๆ คือแคธริน ฮาห์น ผู้รับบทแม่ของเบ็กก้าและไทเลอร์ ฮาห์นผู้เป็นที่รู้จักจากการแสดงคอเมดีที่ยอดเยี่ยมของเธอในภาพยนตร์เรื่อง We’re the Millers, Wanderlust และ The Secret Life of Walter Mitty เป็นส่วนหนึ่งของนักแสดงตลกยุคปัจจุบัน ผู้ไม่เกรงกลัวการแสดงอย่างสุดโต่ง เธอพบว่าความไม่เกรงกลัวนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อต้องรับมือกับฉากที่น่าสะพรึงกลัวบางฉากใน The Visit

        การรับบทแม่ผู้เปลี่ยนจากความรู้สึกตื่นเต้นระคนหวาดระแวงที่ในที่สุดลูกๆ ของเธอก็ได้พบกับคุณตาคุณยายเสียที ไปสู่ความรู้สึกกลัวในสิ่งที่เกิดขึ้นในที่ที่ห่างไกลจากการดูแลของเธอเป็นสิ่งที่เหนื่อยอย่างยิ่งสำหรับนักแสดงผู้นี้ อย่างไรก็ดี ฮาห์นต้องเผชิญกับความท้าทายในแบบที่เพื่อนร่วมแสดงของเธอไม่ต้องเจอ เธออธิบายว่า “ฉากของฉันส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในการคุยผ่านทางสไคป์ ที่ถ่ายทำหลังจากเด็กๆ ถ่ายทำเสร็จแล้วหลายวันหรือหลายสัปดาห์ มันเป็นเรื่องยากค่ะ ฉันพยายามจะไปดูการถ่ายทำของพวกเขาเพื่อที่ว่าฉันจะสามารถจำจังหวะของฉากได้ เพราะฉันต้องกะจังหวะให้พอดีในตอนที่ฉันถ่ายทำส่วนของฉัน มันเป็นความท้าทายด้านการแสดงที่งดงาม ที่ฉันจะได้ยินเสียงที่พวกเขาบันทึกไว้ก่อนหน้านี้ผ่านทางหูฟังในหูของฉันและต้องพยายามตอบสนองให้ตรงจังหวะ...แต่ด้วยความมีชีวิตชีวาและความสดใหม่ในทุกครั้ง มันเป็นเรื่องยากแต่ก็น่าตื่นเต้นสุดๆ ด้วยค่ะ”

        นักแสดงหญิงกล่าวเห็นพ้องด้วยกับประสบการณ์ของนักแสดงทุกคนที่มีต่อองค์ประกอบที่น่ากลัวที่สุดของการถ่ายทำ นั่นคืออุณหภูมิเย็นจัด เมื่อถามถึงสิ่งที่ท้าทายที่สุด ฮาห์นกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “นอกเหนือจากความหนาวเย็นน่ะเหรอคะ ฉันจำได้ว่าตอนที่ฉันขับรถเช่าท่ามกลางพายุหิมะจากโรงแรมของฉันไปยังออฟฟิศของกองถ่าย ฉันรู้สึกหลงทางและโดดเดี่ยวมาก ฉันอยู่ท่ามกลางคลื่นสีขาว ที่หนาวจัดจนขวดน้ำฉันแข็งเป็นน้ำแข็ง มันทำให้เกิดความรู้สึกเร่งด่วน ความกลัวและความช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ซึ่งมันช่วยเสริมสร้างความรู้สึกได้จริงๆ ค่ะ”

        อย่างไรก็ดี เธอยอมรับว่าการฝ่าฟันอากาศที่เย็นยะเยือกเป็นสิ่งที่คุ้มค่า “ฉันชื่นชอบการซ้อมกับไนท์และเด็กๆ ที่เป็นการสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกันของทั้งสามคนนี้ นั่นทำให้ฉันในฐานะนักแสดงมีความสุขค่ะ แล้วก็จิตใจที่งดงามของไนท์ด้วย ฉันรักทุกวินาทีของการทำงาน มันให้ความรู้สึกเหมือนการซ้อมละครเวทีเลยค่ะ”

        ผู้ที่รับบทสมทบใน The Visit คือซีเลีย คีแนน-โบลเกอร์ ในบท สเตซีย์ เพื่อนที่เป็นกังวลของคุณตาคุณยาย ผู้มาที่บ้านไร่ของพวกเขาเพื่อระบายความหงุดหงิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น, ซามวล สตริคเลนในบทพนักงานเก็บตั๋วรถไฟ ผู้รับฟังเพลงแร็ปของที-ไดมอนด์อย่างกระตือรือร้นและแพทช์ ดาร์รัฟในบทดร.แซม แพทย์จากบ้านพักคนชราที่ซึ่งคุณตาคุณยายเป็นอาสาสมัคร

        บลูมตั้งข้อสังเกตว่า การตัดสินใจด้านการคัดเลือกนักแสดงของมือเขียนบท/ผู้กำกับของเขาเด็ดเดี่ยวและเป็นไปตามกลยุทธแม้กระทั่งบทสมทบ “ไนท์มีสัมผัสที่ละเอียดอ่อนในเรื่องของการคัดเลือกนักแสดงที่สมบูรณ์แบบสำหรับแต่ละบท เขาสามารถเลือกนักแสดงที่มีพรสวรรค์พิเศษสุด ผู้เนรมิตชีวิตให้กับถ้อยคำของเขาและดึงดูดให้ผู้ชมสนใจตัวละครของพวกเขาครับ”