SENA เคาะราคาขายหุ้นเพิ่มทุน RO ที่ 2.10 บาท/หุ้น ให้ส่วนลดสูงถึง 35.4%

SENA เคาะราคาขายหุ้นเพิ่มทุน RO ที่ 2.10 บาท/หุ้น ให้ส่วนลดสูงถึง 35.4%-ในอัตราส่วน 3.335 หุ้นเดิม/1 หุ้นใหม่ เตรียมนำเงินที่ได้ไปลงทุน”โซลาร์ฟาร์ม”ร่วมกับบี.กริม เพาเวอร์ ผูกสัญญาขายไฟให้ภาครัฐ 25 ปี/คาดผลตอบแทน 11-14%



   บอร์ด บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เคาะราคาขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับ RO  ที่ 2.10 บาท/หุ้น ในอัตราส่วน 3.335 หุ้นเดิม : 1 หุ้นใหม่ ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ประกาศพร้อมทุ่มเงินเต็มหน้าตักซื้อหุ้นเพิ่มทุน ด้านผู้บริหารหญิงแกร่ง “ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์”ระบุผู้ถือหุ้นเดิมได้ส่วนลดสูงถึง 35.4%  เปิดจองซื้อและชำระค่าหุ้นเพิ่มทุน 3-9 พ.ย.นี้ เตรียมนำเงินที่ได้ไปลงทุนโซลาร์ฟาร์มร่วมกับยักษ์ใหญ่พลังงานทดแทน”บี.กริม เพาเวอร์” มีสัญญาขายไฟให้กับภาครัฐ 25 ปี  ประเมินผลตอบแทน 11-14% ต่อปี  คาดสร้างเสร็จภายในสิ้นปีนี้ เปิดฉากรับรู้รายได้ในปี”59 มั่นใจช่วยต่อยอดธุรกิจอสังหาฯให้มีความแข็งแกร่ง-หนุน Recurring Income เพิ่มสูงกว่า 10%

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา ได้กำหนดราคาขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในส่วนที่จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) จำนวนไม่เกิน 262,763,037 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ที่ราคา 2.10 บาทต่อหุ้น ในอัตราส่วน 3.335 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ โดยเปิดให้จองซื้อและรับชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนระหว่างวันที่ 3-9 พฤศจิกายน 2558 ในกรณีที่มีหุ้นสามัญเพิ่มทุนคงเหลือจากการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ให้คณะกรรมการบริษัทมีอำนาจจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลือดังกล่าวให้กับผู้ถือหุ้นเดิมที่ประสงค์จะซื้อเกินสิทธิตามสัดส่วนการถือหุ้นเดิม (Pro Rata Basis) ในราคาเดียวกันกับหุ้นที่ได้รับการจัดสรรตามสิทธิ

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Record Date) ในวันที่ 14 ตุลาคม2558 และให้รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 ของพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนและพักการโอนหุ้น ในวันที่ 15 ตุลาคม 2558

สำหรับการเพิ่มทุนในครั้งนี้ SENA เตรียมนำเงินที่ได้ไปเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ที ที รีนิวเอเบิ้ลเอนเนอร์ยี่ จำกัด (TTRE) จำนวน 425,998 หุ้น ซึ่งคิดเป็น 99.9995% ของทุนจดทะเบียน ในราคาตามมูลค่าหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 425,998,000 บาท ซึ่ง TTRE ลงทุนในกิจการที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยร่วมกับบริษัท บี.กริมเพาเวอร์ จำกัด (BGP) เพื่อถือหุ้นของบริษัท บี.กริม ทีทีอาร์อี โซลาร์ เพาเวอร์ จำกัด (BGTTRE) ในสัดส่วน 51% และ 49% ตามลำดับ

โดย BGTTRE จะประกอบกิจการลงทุนในกิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm) ขนาดกำลังการผลิต 46.5 เมกะวัตต์ (MW) มูลค่าเงินลงทุนในส่วนของ TTRE ประมาณ 1,701.4 ล้านบาท จากมูลค่าเงินลงทุนของโครงการทั้งหมดประมาณ 3,336.0 ล้านบาท

“ราคาขายหุ้นเพิ่มทุนที่ขายให้กับ RO ในครั้งนี้ ถือว่ามีความเหมาะสม โดยให้ส่วนลดกับผู้ถือหุ้นเดิมสูงถึง  35.4% เมื่อเทียบกับราคาในกระดานย้อนหลัง 15 วัน ก่อนประชุมบอร์ดอยู่ที่ 3.25 บาท/หุ้น และการเข้ารุกธุรกิจพลังงานทดแทนของ SENA ในครั้งนี้ ถือเป็นการตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจได้อย่างลงตัว เพราะจะช่วยเพิ่ม Recurring Income (รายได้ประจำ) ให้แก่บริษัทเป็นมากกว่า 10% จากปัจจุบันที่ 8% ซึ่งจะทำให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต และเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจในโลกยุคใหม่ที่ผู้ประกอบการให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม และสังคม อีกด้วย โดยผู้ถือหุ้นใหญ่พร้อมให้การสนับสนุนการเพิ่มทุนในครั้งนี้อย่างเต็มที่ และยืนยันเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วนที่ถือ”ผศ.ดร.เกษรา กล่าว

กรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวอีกว่า การตัดสินใจเข้าลงทุนใน TTRE เพื่อใช้เป็นตัวแทนในการลงทนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทนจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อ SENA ในหลายๆ ด้าน เริ่มตั้งแต่การทำให้มีแหล่งรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว โดยคาดว่าโครงการที่ TTRE ไปลงทุนจะได้กำไรในอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสม โดยมีผลตอบแทนโครงการประมาณ 11-14% ต่อปี อีกทั้งยังช่วยลดระยะเวลาการขอใบอนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการทำโครงการ Solar Farm ทำให้มีรายได้จากการประกอบการได้เร็วกว่าการเริ่มต้นขอใบอนุญาตต่างๆ และเริ่มลงทุนก่อสร้างด้วยตนเอง และที่สำคัญ SENA จะมีประสบการณ์จากธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อใช้ต่อยอดการผลิตไฟฟ้า Solar Farm และ Solar Rooftop ซึ่งเป็นธุรกิจที่สามารถต่อยอดกับธุรกิจอสังหาฯได้เป็นอย่างดี โดยคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้ และเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2559 มีสัญญาซื้อขายไฟให้กับภาครัฐเป็นเวลา 25 ปี

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าไปเทคโอเวอร์กิจการบริษัทที่ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและวางระบบวิศวกรรม (EPC) โซลาร์รูฟท็อป ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจ และบริษัทจะมีรายได้พิเศษเสริมเข้ามาจากการรับงานติดตั้งโซลาร์รูฟฯ ให้กับผู้ประกอบการรายอื่นด้วย และเป็นการตอบโจทย์การให้บริการลูกค้าของเสนาฯครบ 360 องศา เริ่มตั้งแต่การให้คำปรึกษา การติดตั้ง การให้บริการหลังการขาย ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีปัญหาในอนาคต และเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าที่ซื้อบ้านกับเสนาฯได้อีกด้วย โดยคาดว่าจะประกาศอย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้