ผู้แพ้ล้มลง ผู้ชนะสู้ต่อ แชมเปี้ยนจะถูกจดจำ
NOW26 ภูมิใจเสนอ
มาดพยัคฆ์
MARD PAYAK : The Great MuayThai Fighter
SF Exclusive Movie คัดสรรหนังดีเพื่อคนรักหนัง
มาดพยัคฆ์ • 2558 • ไทย • 90 นาที • DCP • 1.85:1 • สี • 5.1 Surround Sound
ภาษาไทย มีคำบรรยายอังกฤษ
เรต : ท เข้าฉาย : 24 กันยายน 2558 ที่โรงภาพยนตร์ในเครือ SF
กรุงเทพฯ SF World Cinema Central World
เชียงใหม่ SFX Cinema MAYA Chiangmai
พัทยา SFX Cinema Central Pattaya Bleachอำนวยการสร้าง NOW STUDIO
ผู้สร้าง โลคอล คัลเลอ ฟิล์ม ค่ายภพธีรธรรม
นำแสดงโดย
สามารถ ภพธีรธรรม Samart Poptheeratham
สันสกฤต คงถาวร Sansakit Khongtaworn
ทวีเกียรติ เพชรโต Thawikiar Phetto
พิทัต ผลทวี Pitat Phontawee
ควบคุมการผลิต
เถกิง สมทรัพย์
พวัสส์ สวัสดิ์ชัยเมธ
อะธิวัตน์ เวชประเสริฐสุข
กำกับภาพยนตร์ นรชาย กัจฉปานนท์
บทภาพยนตร์ สิปปภาส ตรังคสันต์
กำกับภาพ ภิไธย สมิตสุต
ลำดับภาพ ศราวุธ นะคะจัด
ดนตรีประกอบ วานิลลา สกาย
กำกับศิลป์ สมรภูมิ ภักดีไทยเรื่องย่อ “มาดพยัคฆ์” ภาพยนตร์สารคดีชีวิตของ สามารถ พยัคฆ์อรุณ ยอดนักชกขวัญใจชาวไทย เจ้าของฉายา “พยัคฆ์หน้าหยก” ผู้ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักชกอัจฉริยะทั้งมวยไทยและมวยสากล โดยนำเสนอในรูปแบบภาพยนตร์ที่จำลองภาพชีวิต รวมถึงภาพการต่อสู้ที่เข้มข้นทั้งในและนอกสังเวียน ตั้งแต่วัยเด็กจนโต ผ่านการสัมภาษณ์บุคคลจริงที่มีส่วนเกี่ยวข้อง บวกกับคลิปการชกจริงตั้งแต่ได้ตำแหน่งแชมป์มวยสากลจนถึงเสียเข็มขัดแชมป์ และคลิปการชกเมื่อคราวกลับมาต่อยมวยไทยอีกครั้ง จนได้ตำแหน่งนักมวยไทยยอดเยี่ยมประจำปี พ.ศ.2531 ภาพยนตร์แบ่งการเล่าเรื่องออกเป็น 5 ยก ได้แก่ ยกที่ 1 ”กำเนิดพยัคฆ์” ยกที่ 2 ”ทางพยัคฆ์ผ่าน" ยกที่ 3 ”พยัคฆ์คำราม” ยกที่ 4 ”พยัคฆ์ลำบาก” ยกที่ 5 ”ชาติพยัคฆ์ต้องไว้ลาย”มาดพยัคฆ์ เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เครือ SF พร้อมกัน 24 กันยายน นี้
สารจากผู้กำกับ (Director's Statement) ถ้าชีวิตเปรียบเหมือนกับการชกมวย สามารถ พยัคฆ์อรุณ มีทั้งช่วงเวลาที่เขาแสดงความเหนือชั้นจนคู่ต่อสู้ไม่อาจทำอะไรเขาได้ โลกทั้งใบแทบจะหมุนไปตามจังหวะหมัดและเท้าของเขา และก็มีช่วงเวลาที่เขาตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำจนคู่ต่อสู้ก็แทบจะคว่ำเขาให้ลงไปกองได้เช่นกัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ เผยให้เห็นภาพคู่ต่อสู้ที่ สามารถ พยัคฆ์อรุณ ต้องต่อกรนั้นมีอยู่มากมาย ในยามเด็ก คือ ความยากจน ในยามไต่เต้า คือ ความเหนื่อยยาก ในยามโด่งดัง คือ ความกดดัน และในยามลำบาก คือ ความท้อแท้ เราจะเห็นว่ากว่าที่เขาจะฝ่าฟันจนก้าวมาสู่ความเป็นสุดยอดนักมวยไทยในตำนานได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเขาต้องคว่ำคู่ต่อสู้ ด้วยไหวพริบ ด้วยความอดทน ด้วยเลือดนักสู้และด้วยหัวใจเสือ ที่ไม่เคยคิดจะยอมแพ้เลยสักครั้ง เราทุกคนก็เช่นกัน เรามีคู่ต่อสู้ที่ถูกชีวิตส่งมาเป็นบททดสอบ "มันคือสังเวียนชีวิต" เราต้องเรียนรู้ที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ของเราเอง เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ผ่านมาทุกยกนำมาใช้ในชีวิตจริง บทสัมภาษณ์ผู้กำกับ "นรชาย กัจฉปานนท์"
https://youtu.be/tZZhrZz-Uroทำไมถึงต้องเป็นสารคดีชีวิตของพี่มาด สามารถ พยัคฆ์อรุณจุดเริ่มต้นของโปรเจคนี้ มันเริ่มต้นมาจากทางช่อง Now มาร่วมงานกับ Local Color Films เค้าจะทำคอนเทนท์เกี่ยวกับมวยมี สามารถ พยัคฆ์อรุณ เป็นตัวตั้ง โปรดิวเซอร์เขาเคยเห็นเราทำสารคดีเบื้องหลังหนังครับ ก็เลยให้ช่วยมาลองคิดว่า จะทำอะไรเกี่ยวกับอันนี้ดี ก็ทำสารคดีชีวิตเขา เพราะว่าชีวิตเขาเคยผ่านอะไรมาเยอะ แล้วก็เป็นสุดยอดมวย คือรู้สึกว่า เขาก็เป็นหนึ่งในตำนานนักมวยที่คนทั่วประเทศให้การยอมรับครับ
เท่าที่พอลงไปสัมภาษณ์เขา รู้สึกว่าชีวิตเขามีความเป็นหนังมาก แต่ละช่วงชีวิตมันจะมีความสูงสุด ต่ำสุดของชีวิต อีกอย่างหนึ่งคือเขาหน้าตาดี ทำงานอยู่ในวงการบันเทิง เราก็คิดว่า เราน่าจะทำหนังชีวิตเขาได้ เราก็พล็อตชีวิตเขามาเป็นบทหนังเรื่องหนึ่งครับมีหลายคนที่มองว่าหนังชกมวย ทำออกมากี่เรื่องก็สนุกทั้งนั้น ผู้กำกับคิดว่าจริงหรือไม่จริงจริง ๆ ผมว่า ก็จริงครับ เพราะว่าชีวิตนักมวยมันจะสนุก แพทเทิร์นคล้าย ๆ กัน ต้องไต่เต้า ต้องต่อสู้กับอะไรต่าง ๆ นา ๆ ที่น่าสนุกก็คือ “ชีวิตนักมวยมันจะต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่ชีวิตส่งมาให้ ตอนเด็กอาจจะเป็นความยากจน โตขึ้นมาหน่อยก็ความท้อแท้ที่ต้องพยายามขึ้นไป ตอนมีชื่อเสียงโด่งดังก็เป็นความกดดันอีกแบบหนึ่ง มันก็จะเหมือนชีวิตคนเรามันต้องต่อสู้”ส่วนตัวชอบซีนที่นักข่าวบอกพี่มาดว่า "ขอท่าเด็ด ๆ หน่อย ขอท่าสวย ๆ หน่อย" เป็นซีนที่แอบรู้สึกว่ามีอารมณ์ขันอยู่ในนั้น แล้วตัวผู้กำกับเอง คิดว่าซีนไหนที่ใส่เข้ามาแล้วรู้สึกว่า "ซีนนี้คือซีนที่น่ารัก"คือผมชอบตรงที่ หนังเรื่องนี้มันเล่าด้วยสารคดี มันก็จะมีบุลคลจริงที่อยู่ในนั้น ผมรู้สึกว่า ซีนที่มันรีแลกซ์ ที่มันยิ้ม ๆ ก็คือพี่มาดเขาไปเจอกับบุลคลจริงเหล่านั้น มันเหมือนบทสนทนาที่เกิดจากการเล่ารำลึกความหลังกัน เขาจะพูดเรื่องตลก ๆ แบบเจอเพื่อนที่เป็นแชมป์มวยสากลด้วยกันอย่าง “สด จิตรลดา” เจอกับคู่ชกที่ชกด้วยกันแบบ “ดีเซลน้อย” เขาก็มากอดคอนั่งคุยเรื่องเก่า ๆ “เออมึงจำตอนโน้นได้ไหม มึงจำตอนนี้ได้ไหม” ตรงเนี้ยมันเป็นอีกซีนหนึ่งที่สนุก ๆ ครับนักแสดงในเรื่อง ทั้งนักแสดงนำ, นักแสดงสมทบและอื่น ๆ ถือว่ามีความคล้ายคลึงกับตัวจริงมากเลยทีเดียว มีวิธีการคัดเลือกนักแสดงอย่างไรบ้างคะจริง ๆ แล้วก็หนักใจครับตรงนี้ เพราะว่าอย่างที่บอก เหมือนเราหาเรื่องที่จะเซ็ตตัวละครขึ้นมาเขียนเป็นหนัง ก็ต้องไปหาคนที่หน้าคล้าย ๆ แล้วบุลคลจริงพวกนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ ปวดหัวเลยครับ ก็คือทั้งเดือนไม่ต้องทำอะไรเลย ไปหาทุก ๆ ค่าย ถ่ายรูปนักมวยทุกคนทุกค่าย แล้วก็มานั่งเลือกกันว่าคนนี้หน้าเหมือนใคร แล้วก็จับใส่เข้าไป เราไม่ได้เอานักแสดงจริงเล่น เราใช้นักมวยจริง ๆ นักมวยเล่นแล้วใครจะหน้าเหมือนพี่มาด ก็คือหากันแทบทุกคน หา ๆ แล้วก็ คนนี้หน้าเหมือนมากสุด แต่ว่าต้องไปฝึกเพิ่ม เราก็ใช้วิธีแบบนั้นครับ แบบไปหาตามค่ายมวย แล้วก็เอามาให้ใกล้เคียงที่สุดในแต่ละยุคครับสุดท้ายนี้ขอให้ผู้กำกับฝากถึงภาพยนตร์เรื่องนี้หน่อยค่ะหนังเรื่องนี้มันอาจจะสร้างความหลากหลายให้วงการภาพยนตร์ได้ คือเหมือนหนังที่ทำเป็นอัตชีวประวัติอาจจะไม่ค่อยมี อาจจะเป็นหนังที่ biography แล้วก็ผสมความเป็นสารคดีเข้าไป คิดอย่างเดียวเลยว่าทำให้ดีที่สุดครับ ก็ฝากภาพยนตร์เรื่อง “มาดพยัคฆ์” ครับ จะเข้าฉายวันที่ 24 กันยายนครับ 2558 ฉายที่โรงในเครือ SF เป็น Exclusive Movie ฉาย 3 โรงครับ ที่ Central world, พัทยา, แล้วก็ที่ศูนย์การค้าเมย่า เชียงใหม่ ฝากติดตามหนังเล็ก ๆ เรื่อง “มาดพยัคฆ์” ด้วยครับ ขอบคุณครับ