FB on May 04, 2016, 03:57:50 PM






The Light Between Oceans - Official Trailer [ซับไทย]
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Td8-yZwRnnA" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=Td8-yZwRnnA</a>
« Last Edit: November 01, 2016, 10:48:05 PM by FB »

FB on October 29, 2016, 01:50:03 PM
Movie Guide: อย่า ปล่อย ให้ รัก สลาย โปสเตอร์ไทยจาก THE LIGHT BETWEEN OCEANS ภาพยนตร์รักที่สร้างจากนิยายขายดียอดขายทะลุ 2 ล้านเล่มทั่วโลก









The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย - Official Trailer [ ตัวอย่าง ซับไทย ]
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=xYdFO8yIONQ" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=xYdFO8yIONQ</a>

          " คุณจะทำอย่างไร เมื่อต้องสูญเสียลูก
          และคนที่คุณรักที่สุดตกอยู่ในห้วง หัวใจสลาย
          รักแท้ของคุณจะมีพลังมากพอไหม ?
          ที่จะทำหัวใจเธอ กลับมามีชีวิต อีกครั้ง .....

          สามนักแสดงมากฝีมือ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาการแสดงมาแล้วถึงสองครั้งจาก 12 Years a Slave และ Steve Jobs, เรเชล ไวซ์ เจ้าของรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก The Constant Gardener และเจ้าของรางวัลออสการ์ปีล่าสุด อลิเชีย วิกานเดอร์ ( The Danish Girl ) มาประชันบทบาทกันในผลงานชิ้นใหม่ของผู้กำกับ ดีเร็ก เซียนฟรานซ์ (Blue Valentine) ที่ดัดแปลงจากนิยายชื่อดังของนักเขียนชาวออสซี่ เอ็ม. แอล. สเต็ดแมน เรื่อง The Light Between Oceans

          ฉากหลังคือเมืองเล็กๆ ชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลียในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ทอม เชอร์บอร์น (ฟาสเบนเดอร์) ชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่เฝ้าประภาคารอันห่างไกลกับชุมชน เขาและ อิซาเบล ผู้เป็นภรรยา (วิกานเดอร์) เฝ้ารอว่าวันหนึ่งพระเจ้าจะประทานลูกมาให้ หลังจากที่อิซาเบลเสียลูกไปหลังคลอด เธอตกอยู่ในอาการซึมเศร้า จนทอมใกล้หมดพลังใจที่จะทำให้เธอกลับมาสดใสดังเดิม ไม่นานนัก ปาฏิหาริย์ก็คล้ายจะเป็นจริงขึ้นมา พวกเขาพบทารกหญิงคนหนึ่งลอยมาเกยฝั่งพร้อมๆ กับเศษซากเรือ พวกเขาไม่รู้ว่า เด็กคนนี้มาจากไหน และเรือที่อับปางลงนั้นคือเรือของใคร แต่ที่แน่ๆ มันคือของขวัญจากเบื้องบนที่พวกเขาเฝ้ารอมานาน พวกเขาตั้งชื่อเด็กทารกว่า ลูซี่ ฟูมฟักหนูน้อยด้วยความรักและกำลังทั้งหมดที่มี

          ความสุขนั้นดำรงอยู่ได้ไม่นาน เมื่อทอมและอิซาเบลเดินทางเข้าไปในเมือง และพบว่าหญิงคนหนึ่ง (เรเชล ไวซ์) กำลังบ้าคลั่งหัวใจสลาย เพราะสูญเสียลูกน้อยจากอุบัติเหตุทางเรือเมื่อไม่กี่ปีก่อน เทียบวันและเวลาดูแล้ว มีความเป็นไปได้สูงมากว่า ทารกของหญิงคนนั้น คือ ลูซี่ แก้วตาดวงใจของทอมและอิซาเบลนั่นเอง

          พระเจ้าได้หยิบยื่นทางเลือกอันแสนเจ็บปวดให้กับทั้งคู่ เราควรทำสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่...หากสิ่งที่ถูกต้องนั้น คือการปล่อยคนที่เรารักให้หลุดลอยไป

          8 ธันวาคม นี้ … อย่าปล่อยให้รักของคุณต้องสลาย
« Last Edit: November 01, 2016, 10:47:36 PM by FB »

FB on November 04, 2016, 02:50:25 PM
Movie Guide: เปิดภาพเบื้องหลังงานสร้างสวยสะกด The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย ภาพยนตร์สื่อรัก ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ และ อลิเซีย วิกันเดอร์ จากฝีมือผู้ออกแบบงานสร้าง The Great Gatsby (เดอะ เกรท แกตสบี้)













          เปิดภาพเบื้องหลังงานสร้างสวยสะกด The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย ภาพยนตร์สื่อรัก ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ และ อลิเซีย วิกันเดอร์ จากฝีมือผู้ออกแบบงานสร้าง The Great Gatsby (เดอะ เกรท แกตสบี้)

          จากหนังสือที่มียอดจำหน่ายสูงถึง 2 ล้านเล่มทั่วโลก The Light Between Oceans ของ เอ็มแอล สเตดแมน วางจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกาในเดือนกรกฎาคมปี 2012 และกลายเป็นนิยายขายดีที่กวาดเสียงตอบรับด้านบวกจากทั้งคนอ่านและนักวิจารณ์อย่างล้นหลาม มันติดอันดับนิยายของดีจากการสำรวจของ New York Times และ USA Today ได้รางวัลหนังสือยอดเยี่ยมประจำเดือนสิงหาคมจากเว็บไซต์ Amazon.com และยังได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ อีก 35 ภาษา และปีนี้ The Light Between Oceans ( เดอะ ไลท์ บีทวีน โอเชียนส์ ) ได้ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์รักสุดประทับใจจากฝีมือ ดีเร็ก เซียนฟรานซ์ จาก Blue Valentine และยังได้ คาเรน เมอร์ฟีย์ ผู้ออกแบบงานสร้างภาพยนตร์ดัง The Great Gatsby ( เดอะ เกรท แกตสบี้ รักเธอสุดที่รัก ) เนรมิตเกาะในเคปแคมเบล ประเทศนิวซีแลนด์ ให้กลายเป็นเกาะแห่งประภาคารแสนเหงาที่ทำให้ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ และ อลิเซีย วิกันเดอร์ พบรักกันกลางกองถ่าย ดีเร็ก และ คาเรน พิถีพิถันเรื่องสีขององค์ประกอบภาพมาก โดย ดีเร็กให้เหตุผลว่า เขาตีความหนังสือในมุมที่เขาหลงรัก เขาอยากให้ความรักคือแสงสว่างที่นำทางทุกตัวละครในหนังเรื่องนี้

          ฟาสเบนเดอร์เองก็ติดใจตัวละครนี้มากไม่ต่างกัน "จากการอ่านนิยายและบทหนังเรื่องนี้ ผมประทับใจทอมอย่างมากที่มีทั้งหลักการ ความซื่อสัตย์และความแข็งแกร่ง เขายังเป็นคนที่อยากปรับปรุงแก้ไขตัวเอง คนที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจากการรบอย่างเขา เมื่อได้พบกับหญิงสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์อย่างอิซาเบล มันทำให้เขาอยากเปิดใจเพื่อเปิดรับโอกาสใหม่ในชีวิต และอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมรัก อลิเซีย จริง ๆ"

          The Light Between Oceans ทอม เชอร์บอร์น (รับบทโดย ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์) ทหารหนุ่มฮีโร่สงครามที่มารับหน้าที่นายประภาคารบนเกาะที่ห่างไกล เขา ตกหลุมรัก อิซาเบล สาวน้อยผู้สดใสตั้งแต่แรกเห็น (รับบทโดย อลีเซีย วิกานเดอร์) ทั้งคู่แต่งงานกัน ชีวิตคู่บนเกาะคือช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุด แต่แล้ววันหนึ่งพวกเขาก็พบว่า อิซาเบลไม่สามารถมีลูกได้ เธอตกอยู่ในอาการซึมเศร้า จนทอมเริ่มหมดพลังใจที่จะนำรอยยิ้มคืนมาให้ อิซาเบลอีกครั้ง แล้ววันหนึ่ง โชคชะตาจากท้องทะเลก็พัดพา เด็กทารกคนหนึ่งลอยมากับเรือที่กำลังจะจม อิซาเบล และ ทอม ช่วยเด็กไว้ พวกเขาไม่รู้ว่า เด็กคนนี้มาจากไหน แต่สิ่งที่ถูกต้องก็คือ เขาควรเก็บเด็กคนนี้ไว้ หรือตามหาครอบครัวที่แท้จริงของเด็กคนนี้กันแน่ ... หัวใจเท่านั้นจึงจะตอบคำถามนี้ได้ ?

          "ฉันประทับใจตัวละครตัวนี้ เพราะเธอนำความมีชีวิตชีวามาสู่เนื้อเรื่อง จริงๆ เธอก็ไม่ต่างจากทอมตรงที่พบกับความสูญเสียจากสงคราม เธอสูญเสียคนในครอบครัวไปถึง 2 คน" อลิเซียเล่า "แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังคงความสวยสง่าและส่องประกายได้อยู่ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมทอมถึงหลงใหลในตัวเธอ "

          The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย
          10 พฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
« Last Edit: November 07, 2016, 02:44:41 PM by FB »

FB on November 08, 2016, 08:17:52 AM
Movie: THE LIGHT BETWEEN OCEANS







           กำหนดฉาย 8 ธันวาคม 2016

จุดเริ่มต้น
          จากนิยายขายดีที่ว่าด้วยโชคชะตา ความรัก บททดสอบทางศีลธรรมของคู่รักคู่หนึ่งที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ความฝันกลายเป็นจริง จากนิยายที่ทำให้คนอ่านต้องปาดน้ำตา สู่ภาพยนตร์นำแสดงโดย ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ อลิเซีย วิกันเดอร์ เรเชล ไวซ์ และเขียนบทและกำกับโดย เดเรค เซียนฟรานซ์
          The Light Between Oceans เป็นนิยายของ เอ็มแอล สเตดแมน ถูกตีพิมพ์เมื่อปี 2012 เรื่องราวในนิยายเกิดขึ้นที่ออสเตรเลียตะวันตก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 นิยายเรื่องนี้นำคนดูไปพบกับเรื่องราวความรักที่มาพร้อมกับทางเลือกในชีวิตระหว่างสิ่งที่ถูกกับสิ่งที่ผิด ตัวละครเอกของเรื่องคือ ทอม เชอร์บอร์น นายทหารที่สมัครมาเป็นคนดูแลประภาคารริมทะเล หลังจากล้มป่วยด้วยความเครียดจากการไปรบ เขาประจำการอยู่ที่นั่นคนเดียวโดยไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากทะเลและความเงียบเหงาเป็นเพื่อน จนกระทั่งเขาได้พบกับ อิซาเบล เกรย์สมาร์ค หญิงสาวผู้สูญเสียน้องชาย 2 คนไปในสงคราม
          ความรักของทั้งคู่ค่อยๆ เบ่งบาน จนกระทั่งวันหนึ่ง พวกเขาพบว่ามีเรือลำหนึ่งลอยมาเกยที่ชายฝั่ง แล้วภายในเรือมีศพของชายผู้หนึ่ง และมีทารกสาวน้อยอยู่ข้างในด้วย เมื่อนั้นเอง พวกเขาต้องพบกับการตัดสินใจครั้งสำคัญ การตัดสินใจซึ่งจะนส่งผลที่พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อน
          ผู้กำกับเดเรค เซียนฟรานซ์ กล่าวว่าหลังจากเขาได้อ่านนิยายเรื่องนี้ เขาพบว่ามันมีศักยภาพที่จะกลายเป็นภาพยนตร์ทรงคุณค่าได้ ผ่านการใช้เทคนิคทางภาพยนตร์และการใช้ประโยชน์จากฉากหลังของเรื่อง ในนิยายมีประเด็นสำคัญมากมายไม่ว่าจะผลของสงคราม ความต้องการ และความรักของตัวละครซึ่งผลักดันพวกเขาทำผิดครรลองคลองธรรม และเซียนฟรานซืขอปฏิญาณตนว่า จะดัดแปลงมันนิยายเรื่องนี้ออกมาอย่างซื่อสัตย์ที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
          "The Light Between Oceans เป็นหนังที่ว่าด้วยความรัก ความจริง ความลับของคู่รัก และเรื่องที่จะเกิดขึ้นหากความลับดังกล่าวถูกเปิดเผยออกมา มันคือหนังดราม่าทดสอบศีลธรรมคนดู แต่เหนืออื่นใด แก่นแท้ของมันคือเรื่องความรักที่ไร้กาลเวลานี่แหละครับ"
          ทันทีที่นิยาย The Light Between Oceans ของ เอ็มแอล สเตดแมน วางจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกาในเดือนกรกฎาคมปี 2012 มันกลายเป็นนิยายขายดีและกวาดเสียงตอบรับด้านบวกจากทั้งคนอ่านและนักวิจารณ์อย่างล้นหลาม มันติดอันดับนิยายของดีจากการสำรวจของ New York Times และ USA Today ได้รางวัลหนังสือยอดเยี่ยมประจำเดือนสิงหาคมจากเว็บไซต์ Amazon.com และยังได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ อีก 35 ภาษาด้วย
          ก่อนหน้านี้ ผู้กำกับ เดเรค เซียนฟรานซ์ ไม่เคยกำกับหนังที่ดัดแปลงมาจากหนังสือมาก่อน แต่เนื่องจาก The Light Between Oceans มีแก่นหลักของเรื่องว่าด้วยความรัก ครอบครัว ความเปลี่ยวเหงาและการตัดสินใจ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่มีในหนังเรื่องเก่าๆ ของเขาทั้งนั้นไม่ว่าจะ Blue Valentine และ The Places Beyond the Pines ทำให้เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อน เขามองว่ามันเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องสำรวจเรื่องราวความรักหลากหลายรูปแบบให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
          ในนิยายของสเตดแมน ยังมีองค์ประกอบที่น่าสนใจนั่นคือเรื่องราวความรักครั้งนี้เกิดขึ้นบนเกาะที่อยู่ห่างไกล มีเด็กทารกคนหนึ่งอยู่กลางทะเล และมีหญิงสาวอีกคนหนึ่งซึ่งสูญเสียสามีและลูกสาวไปอย่างไร้ร่องรอย เซียนฟรานซ์ ต้องการสำรวจเรื่องราวความรักของคนที่ต้องอยู่ห่างไกลกัน และแม้จะพวกเขาจะอยู่ห่างกันแค่ไหน พวกเขาก็หนีความจริง และผลกระทบจากการต้องเลือกตัวเลือกที่เลือกได้อย่างยากเย็นไม่พ้น
          เรื่องราวใน The Light Between Oceans เกิดขึ้นบนเกาะเจนัสร็อค (Janus Rock) เกาะที่ถูกตั้งขึ้นตามชื่อของ1 ในเทพประกรณัมโรมันผูมี 2 หน้า หน้าหนึ่งมองไปยังอนาคต และอีกหน้ามองไปยังอดีต ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ทั้ง ทอมและอิซาเบลเองต้องเผชิญเช่นกันนั่นคือ การเลือกว่าจะก้าวเดินไปข้างหน้า หรือจะจมจ่อมอยู่กับอดีตอันโหดร้ายต่อไป เป็นการเลือกระหว่างด้านมืดกับด้านสว่าง
เซียนฟรานซ์ทำหนังเรื่องนี้โดยซื่อสัตย์ต่อตัวต้นฉบับ เมื่อหนังเปิดตัวฉายแล้วได้รับคำชื่นชม เขาบอกว่าคำชมที่มีความหมายต่อตัวเขาที่สุดมาจาก เอ็มแอล สเตดแมน ผู้แต่งนิยายเรื่องนี้นั่นเอง โดยเธอกล่าวไว้ว่า "หนังเรื่องนี้ทำให้เธอเข้าใจว่า จุดมุ่งหมายของการมีชีวิตก็เพื่อเรียนรู้และเข้าใจกันและกันนี่แหละ"
          เซียนฟรานซ์สารภาพว่าเขาร้องไห้ตอนอ่านนิยายเล่มนี้ตอนนั่งรถไฟใต้ดินด้วย "หลายปีที่ผ่านมา ผมเห็นคนอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วร้องไห้ในร้านกาแฟ สวนสาธารณะและรถไฟใต้ดิน มันทำให้ผมเข้าใจถึงความเป็นมนุษย์อย่างสุดซึ้ง และสาเหตุที่คนมีอารมณ์ร่วมไปกับมันก็เพราะมันซื่อตรงต่อความรู้สึกเจ็บปวดจากการความรัก และการต้องสูญเสียความรักไป มันยังกลายเป็นความงดงามที่ทำให้คนอ่านได้เยียวยารักษาบาดแผลของตนเองด้วย"
          ไม่เพียงแค่เซียนฟรานซ์ที่ตกหลุมรักนิยายเล่มนี้ เดวิด เฮย์แมน โปรดิวเซอร์ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของหนังตระกูล Harry Potter และหนังไซ-ไฟ Gravity ก็ปลาบปลื้มนิยายเรื่องนี้เข้าเต็มเปาเหมือนกัน หลังจาก โรซี่ อลิสัน โปรดิวเซอร์หนังเรื่อง Testament of Youth และThe Boy in the Striped Pajamas แนะนำให้เขาได้อ่าน
          "นิยายทำให้ผมมองเห็นแง่มุมต่างๆ อย่างรอบด้าน คุณจะไม่ได้เห็นแค่แง่มุมความคิดของทอม อิซาเบล และฮานนาห์ แต่ตัวละครทุกตัวต่างทำให้นิยายเรื่องนี้มีหลายระดับชั้น มันพาเราไปสำรวจตัวเอง พาเราไปพบกับผจญภัยที่เปี่ยมด้วยอารมณ์ ผมคิดว่าทันทีที่หนังจบลง ผู้คนจะต้องอยากถกเถียงกันอย่างเมามันแน่นอน"
          เฮย์แมนพบว่าสไตล์การทำงานของเซียนฟรานซ์ ซึ่งเน้นการเขียนบทด้วยภาษานุ่มนวลและยังมีวิชวลด้านภาพที่แข็งแรง เหมาะกับการดัดแปลงหนังเรื่องนี้มากๆ เขากล่าวถึงเซียนฟรานซ์ไว้ว่า " เราโชคดีที่ เดเรค สามารถเข้าถึงตัวละครแต่ละตัวได้ เราสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณอันแข็งกล้าของเขาในบททุกหน้าที่เขาเขียน รวมถึงในทุกเฟรมภาพที่ปรากฏขึ้นบนจอใหญ่"
          เซียนฟรานซ์เขียนบทดัดแปลงหนังเรื่องนี้โดยไม่ได้พูดคุยหรือขอคำปรึกษา สเตดแมน เลย "แม้เราจะไม่ได้ติดต่อสื่อสารกัน แต่เหมือนว่าเราจะเข้าใจกันได้ดีในความคิดของผม ผมปฏิบัติต่อถ้อยคำในนิยายของเธอประหนึ่งเป็น คัมภีร์ไบเบิ้ล ผมอ่านหนังสือหลายรอบจนสามารถจำมันได้ขึ้นใจ ผมจะพยายามคงความรู้สึกจริงใจที่ได้ หลังอ่านหนังสือเล่มนี้จบลงเป็นครั้งแรกเอาไว้ครับ"
ไม่เพียงแค่นั้น เขาจะไม่ด่วนตัดสินตัวละครตามแบบในหนังสือด้วย "สิ่งที่ผมตระหนักอยู่ตลอดเวลาคือในนิยายเรื่องนี้ไม่มีใครที่เป็นคนดีสุดขั้วชั่วสุดขีด ในใจของพวกเขาเป็นคนดี แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องในทุกๆ เรื่อง และผลที่ได้จะไม่เกิดผลเสียต่อใครเลย ในฐานะคนทำหนังที่สนใจความเป็นมนุษย์ ถือเป็นเกียรติอย่างสูงที่ผมจะได้เล่าเรื่องราวของคนที่เหมือนจะร้ายที่สุด และยังเป็นคนที่เรารักมากที่สุดด้วยเช่นกัน"
          อย่างที่ผู้กำกับเซียนฟรานซ์กล่าวไว้ว่า เขาจะพยายามคงทุกอย่างที่นิยายเคยมีให้มากที่สุด แต่เขาก็จำเป็นต้องหาดัดแปลงให้มันเป็นหนังที่มีชีวิตชีวาในแบบของมันเอง เขาต้องพบกับการตัดสินใจที่ยากลำบาก ว่าจะดัดแปลงเรื่องราวที่สเตดแมนเขียนขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบให้กลายมาเป็นหนังที่มีเลือดเนื้อ มีจิตวิญญาณที่น่าค้นหาได้อย่างไร
          "ไม่ว่าจะเป็นการดัดแปลงใดๆ ก็ตาม ความท้าทายที่สุดคือการต้องหาว่าอะไรคือสิ่งที่ไม่ต้องใส่เข้ามาก็ได้ มันคล้ายๆ งานประติมากรรมตรง เมื่อคุณเลือกจะทำงานนี้แล้ว มันจะกลายมาเป็นผลงานของคุณ คุณสามารถเลือกได้ว่าจะขยายเรื่องราวและแกนของเรื่องที่คุณรักออกไปยังไง ตัวแปรสำคัญอย่างยิ่งระหว่างหนังกับหนังสือคือปัจจัยว่าด้วยเวลา เราจะจัดการกับจังหวะของหนังยังไง รวมถึงการต้องหาวิธีการเปิดเผยความลับในหนังเรื่องนี้ใหม่ด้วย"
          "วิธีการเฉลยปมลับของตัวละครเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับหนังที่ดัดแปลงจากนิยาย ตัวอย่างเช่น ในหนังสือ ทั้งทอม และอิซาเบลรู้ความจริงเกี่ยวกับเด็กทารกพร้อมๆ กัน แต่ในหนัง ทอมจะรู้ก่อน และคนดูจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแบกรับความกดดันนั้นไว้แต่เพียงผู้เดียวของเขา"
          หลังจากเขียนบทเสร็จไปหลายดราฟท์แล้ว เซียนฟรานซ์ถึงได้ไปพบกับ สเตดแมน "ผมตื่นเต้นมากครับ" เขาทบทวนความจำ "เพราะผมเคารพเธอมากและหวังอย่างยิ่งว่าผมจะปฏิบัติต่องานของเธออย่างดี เราทานอาหารร่วมกันเธอช่างมีเสน่ห์มาก เป็นคนน่ารักและมีหัวคิดดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ เธออาจเป็นคนเก็บตัวแต่เธอก็สนับสนุนผมอย่างเต็มที่ตอนผมทำหนังเรื่องนี้ การที่ผมเอาเรื่องที่เธอสร้างสรรค์ขึ้นมาสร้างใหม่ แล้วเธอยังไว้วางใจในตัวผมอีก มันทำให้ผมมีกำลังใจและความมั่นใจในการทำหนังเรื่องนี้ครับ"
          ทางฝั่งของ สเตดแมน เองก็เปิดใจถึงโปรเจ็คท์นี้ว่า "ฉันโชคดีมากที่ Heyday Films (บริษัทสร้างหนังของ เดวิด เฮย์แมน) และค่าย DreamWorks เลือกใช้งานคนที่ไว้ใจได้อย่าง เดเรค เซียนฟรานซ์ เขานำความรักและความเป็นมืออาชีพมาใช้ดัดแปลงนิยายเรื่องนี้ให้กลายเป็นหนังชั้นยอด ที่มีนักแสดงชั้นนำมารับบทนำ และมีการกำกับภาพและดนตรีประกอบที่ดี ผลที่ออกมาแสดงให้เห็นถึงความซื่อตรงที่เขามีต่อนิยายเล่มนี้ และในฐานะผู้กำกับ เขายังทุ่มเทตีความหนังเรื่องนี้กับนักแสดง ถือเป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับฉันที่ได้ชมหนังเรื่องนี้บนจอค่ะ"
          ไม่เพียงแค่ สเตดแมน ที่ชื่นชมความทุ่มเทในการทำงานของเซียนฟรานซ์ แต่นักแสดงนำอย่าง ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ผู้รับบท ทอม เชอร์บอร์น ก็ปลาบปลื้มเซียนฟรานซ์มากเช่นกัน "บทหนังเรื่องนี้ทำให้ผมร้องไห้หนักพอๆ กับตอนอ่านนิยายเลยครับ ความรักของทอมและอิซาเบลถูกเล่าออกมาอย่างงดงาม เมื่อเราได้เห็นอะไรบางอย่างบนจอที่ทำให้เราสัมผัสถึงความเป็นมนุษย์ ผมคิดว่าคนดูจะได้เห็นความเป็นทอมและอิซาเบลในตัวเอง นั่นคือช่วงเวลาที่หนังทรงพลานุภาพที่สุดเลยทีเดียว"
          " love you forever and ever and ever "

FB on November 09, 2016, 02:54:07 PM
Movie Guide: เปิดใจ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ในบท ทอม เชอร์บอร์น –ประภาคาร- ความรัก “ ผมจะปกป้องและรักคุณตลอดไป “

The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย - รักแท้จะมีพลังมากพอไหม?
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=wSVfKoIFX7A" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=wSVfKoIFX7A</a>

          The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย เล่าเรื่องราวของ ทอม เชอร์บอร์น นายทหารผู้เดินทางมาดูแลประภาคาร บนเกาะซึ่งตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทร 2 แห่งที่มาบรรจบกันพอดี เพราะต้องการอยู่กับตัวเองตามลำพัง แต่กลายเป็นว่าที่นั่นเขากลับได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่ง และรักเธอเข้าอย่างเต็มเปา

          ผู้รับบท ทอม เชอร์บอร์น คือ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ นักแสดงผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 2ครั้ง จาก 12 Years a Slave และ Steve Jobs และยังได้รับบทเด่น แมกนีโต้ ผู้สามารถควบคุมแม่เหล็ก ในหนังตระกูลมนุษย์กลายพันธุ์ X-Men

          เปิดใจถึงบทนี้ว่า "จากการอ่านนิยายและบทหนังเรื่องนี้ ผมประทับใจทอมอย่างมากที่มีทั้งหลักการ ความซื่อสัตย์และความแข็งแกร่ง เขายังเป็นคนที่อยากปรับปรุงแก้ไขตัวเอง คนที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจากการรบอย่างเขา เมื่อได้พบกับหญิงสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์อย่างอิซาเบล มันทำให้เขาอยากเปิดใจเพื่อเปิดรับโอกาสใหม่ในชีวิต"

          ฟาสเบนเดอร์ยังกล่าวถึงตัวละครของเขาอีกว่า ในช่วง 4 ปีที่ ทอม อยู่บนเกาะนั้นมันอาจยาวนานเหมือนเขาอยู่มาเป็น 10 ปี ซึ่งเขาน่าจะได้รับประสบการณ์ที่มีค่าไปไม่น้อยบนประภาคารที่เกาะนั้น "แม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยความผิดพลาด แต่อย่างน้อย เขาก็ได้รู้จักความรัก"

FB on November 11, 2016, 01:48:15 PM
บุกเกาะทาสมาเนีย ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ โลเกชั่นถ่ายทำ The Light Between Oceans ( เดอะ ไลท์ บีทวีน โอเชี่ยน ) สถานที่ถ่ายทำเดียวกับ The hobbit ( เดอะ ฮอบบิท )








          ถือเป็นภาพยนตร์ที่ใช้เวลาถ่ายทำนานที่สุดเรื่องหนึ่งเพราะยกกองถ่ายไปใน 2 ประเทศ และต้องพิถีพิถันในการเลือกโลเกชั่นเพื่อให้ภาพออกมาสวยสมจริงมากที่สด สำหรับ The Light Between Oceans ภาพยนตร์ที่ใช้เวลาถ่ายทำ 45 วัน ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2014 ทีมงานยกกองไปถ่ายทำกันที่เมืองมัลโบโรห์ กับโอเทกอน ประเทศนิวซีแลนด์ และเกาะทาสมาเนีย ประเทศออสเตรเลีย

          1 ในภารกิจสำคัญของการทำหนังเรื่องนี้คือการหาโลเคชั่นที่จะกลายเป็นเกาะเจนัสร็อค ที่ตั้งของประภาคารซึ่งเป็นฉากหลังที่มีความสำคัญของเรื่อง ทีมงานตามหาประภาคารกลังที่ใช่อยู่นานไม่ต่ำกว่า 300 แห่งทั่วออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ในที่สุดพวกเขาก็เจอได้ประภาคารที่แหลมแคมป์เบล (Cape Campbell Lighthouse) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณช่องแคบคุก (Cook Strait) นิวซีแลนด์ ประภาคารความสูง 72 ฟุตแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1870 แถมบรรยากาศโดยรอบก็ยังเตะตาทีมงานด้วยเช่นกัน

          ฝ่ายตามหาโลเคชั่น จาเร็ด คอนนอน เปิดเผยว่า "ตอนที่ เดเรค ยืนอยู่ข้างในประภาคารแล้วหันหน้าออกมามองสายน้ำแล้วเห็นโขดหินอยู่เบื้องล่าง เราก็รู้ในทันทีว่าเราเจอเกาะของเราแล้ว เดเรคชอบวิวของมันมาก เพราะมันดูเหมือนจุดที่มหาสมุทร 2 แห่งมาบรรจบกันพอดีเลย"

          "เกาะเจนัส เป็นเกาะที่มีส่วนผสมของแสงสว่างกับความมืด ความรักและความเกลียดชัง ความจริงกับความลวง มันเป็นสถานที่แห่งความสุขและความเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน เป็นที่ที่มีทั้งชีวิตและการแตกดับ ผมตื่นเต้นมากๆ ที่จะได้สร้างเกาะอันเป็นตำนานขึ้นมาให้ทุกคนได้เห็น"

          แม้แหลมแคมป์เบลจะไม่ใช่เกาะ แต่มันก็ให้ความรู้สึกหมือนถูกตัดขาดจากสังคมในเมือง ทางเดียวที่จะเข้ามาได้คือทางถนนซึ่งมีหนทางสลับซับซ้อน " ทั้งบรรยากาศและสภาพแวดล้อมโดยรวม มันไม่เหมือนสถานที่ถ่ายทำหนังที่เราเจอมาก่อนเลยครับ" คอนนอน ซึ่งเคยหาโลเคชั่นให้กับหนังดังอย่าง The Lord of the Rings และ The Hobbit กล่าว

          ด้านฝ่ายออกแบบงานสร้างของ คาเรน เมอร์ฟี่ เธอต้องรับหน้าที่ตกแต่งภายในประภาคารให้ดูมีชีวิตชีวาและสวยงาม เธอเคยออกแบบในหนังเรื่อง The Great Gatsby มาก่อน "ฉันคิดว่าเราต้องตกแต่งภายในประภาคารให้ออกมาดูพิเศษ และเป็นเอกลักษณ์ เราจะตกแต่งมันให้กลายเป็นบ้านที่น่าอยู่ค่ะ"

          ในขณะที่โลเคชั่นถ่ายหนังส่วนใหญ่อยู่ที่นิวซีแลนด์ ทีมงานได้แปลงโฉมเมืองสแตนลี่ย์ เมืองเล็กๆ บนเกาะทาสมาเนีย ให้กลายเป็นชายฝั่งของเมืองปาร์ทากีส ที่นี่มีประชากรอยู่ประมาณ 460 คน เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศย้อนยุคเข้ากับเรื่องราวในหนังพอดี "เมืองสแตนลี่ย์มีถนนสายหลักซึ่งค่อนข้างเงียบ เราสามารถใช้ที่แห่งนี้มาดัดแปลงเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังได้ และมันก็อยู่ติดเนินเขาพอดี กลายเป็นฉากหลังที่สวยงามทีเดียว"

          นอกจากนั้น เซียนฟรานซ์ ยังทาบทาม อดัม อาร์คาพอว์ ผู้กำกับภาพมือดีที่เคยได้รางวัลเอมมี่ (Emmy) 2 สมัย ให้มารับหน้าที่อันทรงเกัยรติ เขายังได้ 2 มือตัดต่อชั้นดี รอน พาเทน และ จิม เฮลตัน ที่เคยร่วมงานกันมาใน The Place Beyond the Pines และ Blue Valentine มาช่วยลำดับภาพให้ และ อเล็กซานเดอร์ เดสปลาต์ เจ้าของรางวัลออสการ์จาก The Grand Budapest Hotel ก็ตกลงมาทำดนตรีประกอบให้ด้วย

          "สิ่งที่ทำให้เราทำงานกับ เดเรค ได้อย่างลุล่วง คือการที่เขาเข้าใจและเข้าถึงนิยายของ เอ็มแอล สเตดแมนเป็นอย่างดี" โปรดิวเซอร์ เจฟฟรี่ คลิฟฟอร์ด เล่า "สำหรับ เดเรค นี่ไม่ใช่การทำหนังธรรมดา เพรามันเป็นหนังที่เข้าตั้งมั่นไว้ว่าจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้ แม้จะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม"

          และเซียนฟรานซ์เองก็หวังว่า เขาจะสามารถทำให้คนดูเข้าใจและเข้าถึงเรื่องราวการผจญภัยในหนังเรื่องนี้ได้เช่นกัน "ผมหวังว่าพวกเขาจะได้พบกับประสบการณ์แห่งความรักที่น่าจดจำ และหวังว่า คนดูจะถกเถียงกันถึงหนังเรื่องนี้ว่าพวกเขาเห็นตัวเองในตัวละครตัวไหน ใครทำถูก และทำไมพวกเขาถึงคิดว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกด้วย" เซียนฟรานซ์กล่าวปิดท้าย

          The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย
          8 ธันวาคมนี้
« Last Edit: November 11, 2016, 01:58:51 PM by FB »

FB on November 17, 2016, 08:19:55 AM
Movie Guide: เปิดภาพเบื้องหลังงานสร้างสวยสะกด The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย ภาพยนตร์สื่อรัก ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ และ อลิเซีย วิกันเดอร์ จากฝีมือผู้ออกแบบงานสร้าง The Great Gatsby









The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย - Official Trailer [ ตัวอย่าง ซับไทย ]
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=xYdFO8yIONQ" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=xYdFO8yIONQ</a>

          จากหนังสือที่มียอดจำหน่ายสูงถึง 2 ล้านเล่มทั่วโลก The Light Between Oceans ของ เอ็มแอล สเตดแมน วางจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกาในเดือนกรกฎาคมปี 2012 และกลายเป็นนิยายขายดีที่กวาดเสียงตอบรับด้านบวกจากทั้งคนอ่านและนักวิจารณ์อย่างล้นหลาม มันติดอันดับนิยายของดีจากการสำรวจของ New York Times และ USA Today ได้รางวัลหนังสือยอดเยี่ยมประจำเดือนสิงหาคมจากเว็บไซต์ Amazon.com และยังได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ อีก 35 ภาษา และปีนี้ The Light Between Oceans ( เดอะ ไลท์ บีทวีน โอเชียนส์ ) ได้ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์รักสุดประทับใจจากฝีมือ ดีเร็ก เซียนฟรานซ์ จาก Blue Valentine และยังได้ คาเรน เมอร์ฟีย์ ผู้ออกแบบงานสร้างภาพยนตร์ดัง The Great Gatsby ( เดอะ เกรท แกตสบี้ รักเธอสุดที่รัก ) เนรมิตเกาะในเคปแคมเบล ประเทศนิวซีแลนด์ ให้กลายเป็นเกาะแห่งประภาคารแสนเหงาที่ทำให้ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ และ อลิเซีย วิกันเดอร์ พบรักกันกลางกองถ่าย ดีเร็ก และ คาเรน พิถีพิถันเรื่องสีขององค์ประกอบภาพมาก โดย ดีเร็กให้เหตุผลว่า เขาตีความหนังสือในมุมที่เขาหลงรัก เขาอยากให้ความรักคือแสงสว่างที่นำทางทุกตัวละครในหนังเรื่องนี้

          ฟาสเบนเดอร์เองก็ติดใจตัวละครนี้มากไม่ต่างกัน "จากการอ่านนิยายและบทหนังเรื่องนี้ ผมประทับใจทอมอย่างมากที่มีทั้งหลักการ ความซื่อสัตย์และความแข็งแกร่ง เขายังเป็นคนที่อยากปรับปรุงแก้ไขตัวเอง คนที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจากการรบอย่างเขา เมื่อได้พบกับหญิงสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์อย่างอิซาเบล มันทำให้เขาอยากเปิดใจเพื่อเปิดรับโอกาสใหม่ในชีวิต และอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมรัก อลิเซีย จริง ๆ"

          The Light Between Oceans ทอม เชอร์บอร์น (รับบทโดย ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์) ทหารหนุ่มฮีโร่สงครามที่มารับหน้าที่นายประภาคารบนเกาะที่ห่างไกล เขา ตกหลุมรัก อิซาเบล สาวน้อยผู้สดใสตั้งแต่แรกเห็น (รับบทโดย อลีเซีย วิกานเดอร์) ทั้งคู่แต่งงานกัน ชีวิตคู่บนเกาะคือช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุด แต่แล้ววันหนึ่งพวกเขาก็พบว่า อิซาเบลไม่สามารถมีลูกได้ เธอตกอยู่ในอาการซึมเศร้า จนทอมเริ่มหมดพลังใจที่จะนำรอยยิ้มคืนมาให้ อิซาเบลอีกครั้ง แล้ววันหนึ่ง โชคชะตาจากท้องทะเลก็พัดพา เด็กทารกคนหนึ่งลอยมากับเรือที่กำลังจะจม อิซาเบล และ ทอม ช่วยเด็กไว้ พวกเขาไม่รู้ว่า เด็กคนนี้มาจากไหน แต่สิ่งที่ถูกต้องก็คือ เขาควรเก็บเด็กคนนี้ไว้ หรือตามหาครอบครัวที่แท้จริงของเด็กคนนี้กันแน่ ... หัวใจเท่านั้นจึงจะตอบคำถามนี้ได้ ?

          "ฉันประทับใจตัวละครตัวนี้ เพราะเธอนำความมีชีวิตชีวามาสู่เนื้อเรื่อง จริงๆ เธอก็ไม่ต่างจากทอมตรงที่พบกับความสูญเสียจากสงคราม เธอสูญเสียคนในครอบครัวไปถึง 2 คน" อลิเซียเล่า "แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังคงความสวยสง่าและส่องประกายได้อยู่ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมทอมถึงหลงใหลในตัวเธอ "

          The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย
          8 ธันวาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

FB on November 17, 2016, 09:21:33 AM
Movie Guide: เปิดใจ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ในบท ทอม เชอร์บอร์น –ประภาคาร- ความรัก





The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย - รักแท้จะมีพลังมากพอไหม?
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=wSVfKoIFX7A" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=wSVfKoIFX7A</a>

          The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย เล่าเรื่องราวของ ทอม เชอร์บอร์น นายทหารผู้เดินทางมาดูแลประภาคาร บนเกาะซึ่งตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทร 2 แห่งที่มาบรรจบกันพอดี เพราะต้องการอยู่กับตัวเองตามลำพัง แต่กลายเป็นว่าที่นั่นเขากลับได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่ง และรักเธอเข้าอย่างเต็มเปา

          ผู้รับบท ทอม เชอร์บอร์น คือ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ นักแสดงผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 2ครั้ง จาก 12 Years a Slave และ Steve Jobs และยังได้รับบทเด่น แมกนีโต้ ผู้สามารถควบคุมแม่เหล็ก ในหนังตระกูลมนุษย์กลายพันธุ์ X-Men

          เปิดใจถึงบทนี้ว่า "จากการอ่านนิยายและบทหนังเรื่องนี้ ผมประทับใจทอมอย่างมากที่มีทั้งหลักการ ความซื่อสัตย์และความแข็งแกร่ง เขายังเป็นคนที่อยากปรับปรุงแก้ไขตัวเอง คนที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจากการรบอย่างเขา เมื่อได้พบกับหญิงสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์อย่างอิซาเบล มันทำให้เขาอยากเปิดใจเพื่อเปิดรับโอกาสใหม่ในชีวิต"

          ฟาสเบนเดอร์ยังกล่าวถึงตัวละครของเขาอีกว่า ในช่วง 4 ปีที่ ทอม อยู่บนเกาะนั้นมันอาจยาวนานเหมือนเขาอยู่มาเป็น 10 ปี ซึ่งเขาน่าจะได้รับประสบการณ์ที่มีค่าไปไม่น้อยบนประภาคารที่เกาะนั้น "แม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยความผิดพลาด แต่อย่างน้อย เขาก็ได้รู้จักความรัก"

          The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย  8 ธันวาคม ในโรงภาพยนตร์

FB on November 17, 2016, 03:08:55 PM
Movie Guide “…รักแท้ เท่านั้น ที่จะรักษาอาการหัวใจสลายได้ “ THE LIGHT BETWEEN OCEANS





The Light Between Oceans TRAILER 1 (2016) - Alicia Vikander, Michael Fassbender Movie HD
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=g3uULkvZh1w" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=g3uULkvZh1w</a>

          กำกับการแสดง ดีเร็ก เซียนฟรานซ์ /

          เขียนบท ดีเร็ก เซียนฟรานซ์ - ดัดแปลงจากนิยายของ เอ็ม.แอล. สเต็ดแมน

          นักแสดง ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์, อลิเชีย วิกานเดอร์, เรเชล ไวซ์

          ประเภท ดราม่า / ประเทศ อังกฤษ-อเมริกา / ความยาว 130 นาที

          " คุณจะทำอย่างไร เมื่อต้องสูญเสียลูก และคนที่คุณรักที่สุดตกอยู่ในห้วง หัวใจสลาย รักแท้ของคุณจะมีพลังมากพอไหม ? ที่จะทำหัวใจเธอ กลับมามีชีวิต อีกครั้ง .....

          สามนักแสดงมากฝีมือ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาการแสดงมาแล้วถึงสองครั้งจาก 12 Years a Slave และ Steve Jobs, เรเชล ไวซ์ เจ้าของรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก The Constant Gardener และเจ้าของรางวัลออสการ์ปีล่าสุด อลิเชีย วิกานเดอร์ ( The Danish Girl ) มาประชันบทบาทกันในผลงานชิ้นใหม่ของผู้กำกับ ดีเร็ก เซียนฟรานซ์ (Blue Valentine) ที่ดัดแปลงจากนิยายชื่อดังของนักเขียนชาวออสซี่ เอ็ม. แอล. สเต็ดแมน เรื่อง The Light Between Oceans

          ฉากหลังคือเมืองเล็กๆ ชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลียในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ทอม เชอร์บอร์น (ฟาสเบนเดอร์) ชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่เฝ้าประภาคารอันห่างไกลกับชุมชน เขาและ อิซาเบล ผู้เป็นภรรยา (วิกานเดอร์) เฝ้ารอว่าวันหนึ่งพระเจ้าจะประทานลูกมาให้ หลังจากที่อิซาเบลเสียลูกไปหลังคลอด เธอตกอยู่ในอาการซึมเศร้า จนทอมใกล้หมดพลังใจที่จะทำให้เธอกลับมาสดใสดังเดิม ไม่นานนัก ปาฏิหาริย์ก็คล้ายจะเป็นจริงขึ้นมา พวกเขาพบทารกหญิงคนหนึ่งลอยมาเกยฝั่งพร้อมๆ กับเศษซากเรือ พวกเขาไม่รู้ว่า เด็กคนนี้มาจากไหน และเรือที่อับปางลงนั้นคือเรือของใคร แต่ที่แน่ๆ มันคือของขวัญจากเบื้องบนที่พวกเขาเฝ้ารอมานาน พวกเขาตั้งชื่อเด็กทารกว่า ลูซี่ ฟูมฟักหนูน้อยด้วยความรักและกำลังทั้งหมดที่มี

          ความสุขนั้นดำรงอยู่ได้ไม่นาน เมื่อทอมและอิซาเบลเดินทางเข้าไปในเมือง และพบว่าหญิงคนหนึ่ง (เรเชล ไวซ์) กำลังบ้าคลั่งหัวใจสลาย เพราะสูญเสียลูกน้อยจากอุบัติเหตุทางเรือเมื่อไม่กี่ปีก่อน เทียบวันและเวลาดูแล้ว มีความเป็นไปได้สูงมากว่า ทารกของหญิงคนนั้น คือ ลูซี่ แก้วตาดวงใจของทอมและอิซาเบลนั่นเอง

          พระเจ้าได้หยิบยื่นทางเลือกอันแสนเจ็บปวดให้กับทั้งคู่ เราควรทำสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่...หากสิ่งที่ถูกต้องนั้น คือการปล่อยคนที่เรารักให้หลุดลอยไป

          ผู้กำกับ ดีเร็ก เซียนฟรานซ์ ยังคงแน่วแน่กับสไตล์ของตนเองกับ The Light Between Oceans คือให้ความสำคัญกับตัวละคร (ผ่านฝีมืออันจัดจ้านของนักแสดงนำ) และความไม่ลงตัวของโชคชะตาที่เข้ามาแทรกแซงทำให้ความรักความสัมพันธ์ดำเนินไปอย่างไม่ราบรื่น

          นิยาย The Light Between Oceans ของ เอ็ม. แอล. สเต็ดแมน ตีพิมพ์ในปี 2012 และกลายเป็นนิยายขายดี นักวิจารณ์ยกย่องว่าสำนวนการเขียนและเนื้อหานั้น ชวนให้นึกถึงงานของนักเขียนชั้นครูอย่างโธมัส ฮาร์ดี้เลยทีเดียว

          เกร็ดภาพยนตร์
          1. ภาพยนตร์กำกับและเขียนบทโดยผู้กำกับดราม่ารุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง ดีเร็ก เซียนฟรานซ์ ที่ฝากผลงานดราม่าสุดเข้มข้นอย่าง The Place Beyond The Pine และ Blue Valentine เขาเคยได้รับรางวัลผู้กำกับหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากสมาคมนักวิจารณ์ชิคาโก้ จากภาพยนตร์เรื่อง Blue Valentine ซึ่งได้เข้าชิงรางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ 2010 ถึงสองรางวัล ได้แก่กล้องทองคำ (Camera D'or) ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่สร้างโดยผู้กำกับหน้าใหม่ และรางวัล Un Certain Regard ที่มอบให้กับภาพยนตร์ที่มีวิธีการเล่าเรื่องแปลกใหม่ที่สุด ทั้งด้านภาพ หรือสไตล์การเล่า
          2. รวมนักแสดงคุณภาพไว้คับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น เรเชล ไวซ์ เจ้าของรางวัลออสการ์ปี 2006 สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก The Constant Gardener ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ นักแสดงเข้าชิงรางวัลออสการ์ปีล่าสุด และปี 2014 สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง Steve Jobs, 12 Years a Slave และอลิเซีย วิคานเดอร์ เจ้าของรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมคนล่าสุด จากเรื่อง The Danish Girl
          3. นอกจากนักแสดง และผู้กำกับแล้ว ก็ยังรวมทีมงานคุณภาพไว้อย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับภาพเจ้าของรางวัลเอ็มมี่สองสมัยอย่างอดัม อาร์คาพอว์ จากซีรีย์ยอดฮิตอย่าง True Detective, อเล็กซานเดอร์ เดสแพลต นักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์เจ้าของรางวัลออสการ์หนึ่งสมัย จาก The King's Speech, Argo, Benjamin Button, คาเรน เมอร์ฟีย์ นักออกแบบการสร้างจาก The Great Gatsby, Moulin Rouge!, The Matrix Reloaded/Revolutions, เอริน เบนาค นักออกแบบเสื้อผ้าจาก The Lincoln Lawyer และเดวิด เฮย์แมน ผู้อำนวยการสร้างเข้าชิงรางวัลออสการ์จาก Gravity
          4. ยกกองถ่ายกันไปถ่ายทำที่สแตนลีย์ ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะทาสเมเนีย ประเทศออสเตรเลีย ให้ตรงกับเนื้อเรื่องจริงๆ ในนิยาย ซึ่งที่จริงแล้ว เกาะทาสเมเนียแทบจะไม่เคยมีกองถ่ายหนังใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำเลย โดยภาพยนตร์ที่จะฉายในปี 2016 นี้ก็มีเพียงสองเรื่องเท่านั้นที่ถ่ายทำที่นี่
          5. นอกจากในหนังแล้ว การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ยังทำให้ อลิเซีย วิคานเดอร์ และไมเคิล ฟาสเบนเดอร์กลายมาเป็นคู่รักกันจริงๆ นอกจออีกด้วย โดยพวกเขาเริ่มคบหากันตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งเป็นช่วงที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้พอดี

FB on November 21, 2016, 03:18:15 PM
Movie Guide: 5 ภาพใหม่ หัวใจสลายไปกับหนังรักปาดน้ำตา “The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย” งานพิสูจน์ฝีมือผู้กำกับ Blue Valentine (บลู วาเลนไทน์)













The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย - Official Trailer [ ตัวอย่าง ซับไทย ]
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=xYdFO8yIONQ" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=xYdFO8yIONQ</a>

          จากนิยายขายดีเรียกน้ำตาสู่ภาพยนตร์โรแมนติกดราม่าภาพสวยสุดเข้มข้น "The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย" ผลงานการเขียนบทและกำกับฝีมือดีเดเรค เซียนฟรานซ์เจ้าของผลงานที่โดนในนักวิจารณ์อย่าง Blue Valentine

          โดย "The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย" มีกำหนดเข้าฉายวันที่ 8 ธันวาคมนี้ ได้ปล่อย 5 ภาพใหม่ที่จะดึงสายตายผู้ชมทุกคนให้หัวใจสลายไปพร้อมกับตัวละครในเรื่อง ซึ่งนอกจากจะเรียกความรู้สึกก่อนเข้าชมได้เป็นอย่างดีแล้ว ทั้ง 5 ภาพยังแฝงไปด้วยความสวยงามของโลเคชั่นที่ทางทีมงานพิถีพิถันในการเลือกโลเคชั่นที่โรแมนติกเพื่อทำให้ผู้ชมอินไปกับความรักของพวกเขา
8 ธันวาคมนี้ในโรงภาพยนตร์

FB on November 28, 2016, 03:54:04 PM
Movie Guide: 7 ความยอดเยี่ยมเรียกน้ำตาใน The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย?









The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย - Official Trailer [ ตัวอย่าง ซับไทย ]
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=xYdFO8yIONQ" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=xYdFO8yIONQ</a>

          1. สร้าง จากปรากฏการณ์หนังสือขายดีที่สร้างยอดขายถล่มทลายและเรียกน้ำตาผู้อ่านทั่วโลกได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆมาก ถึง 40 ภาษา
          2. กำลังจะถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ โดยฝีมือผู้กำกับคลื่นลูกใหม่ของฮอลลีวู้ด ดีเร็ก เซียนฟรานซ์ จาก Blue Valentine ที่ถนัดในการถ่ายทอดเรื่องรัก ที่กรีดลึกถึงจิตใจตัวละคร
          3. เหนือกว่าหนังรักทั่วไป ด้วยพลอตที่พูด ถึงความถูกต้องและให้อภัย จะถูกต้องมั้ย เมื่อการทำให้ตัวเองและคนรักมีความสุข ต้องแลกมาด้วย การทำให้ คนอีกคนต้องหัวใจสลาย แม้จะเป็นความไม่ตั้งใจก็ตาม
          " เมื่อคนที่คุณรักมากที่สุด กำลังหัวใจสลายเพราะเสียลูกไป แล้ววันหนึ่งคุณก็พบเด็กผู้หญิง
          อยู่บนเรือ ที่กำลังจะจม คุณช่วยชีวิตเด็กไว้ .................... แต่มันจะถูกต้องมั้ย ?
          ถ้าคุณจะเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้ โดยไม่ออกตามหาครอบครัวที่แท้จริงของเธอ "

          4. หนังรวมพลัง 3 นักแสดงระดับ รางวัลออสการ์ อลิเซีย วิกันเดอร์ เจ้าของรางวัลออสการ์จาก The Danish Girl ราเชล ไวซ์ เจ้าของรางวัลออสการ์จาก constant gardener ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ นักแสดงผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ จาก Steve Jobs และ 12 Years a Slave
          5. งานด้านภาพสวยสะกดทุกฉาก จากฝีมือ ผู้ออกแบบงานสร้างของ The great Gatsby
          6. ถ่ายทำใน 2 ประเทศ ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ สถานที่ถ่ายทำเดียวกับ The Hobbit
          7. ได้โปรดิวเซอร์มือทอง เดวิด เฮย์แมน ผู้ปลุกปั้น หนังดังอย่าง Harry Potter และ Fantastic Beast and Where to Find Them มาอำนวยการสร้าง ภาพยนตร์เรื่องนี้
« Last Edit: November 28, 2016, 03:56:00 PM by FB »

FB on November 28, 2016, 10:10:06 PM
Movie Guide: The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย – Scoop 4 ความยอดเยี่ยมเรียกน้ำตา



The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย - 4 ความยอดเยี่ยมเรียกน้ำตา
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=N715O2m_Txc" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=N715O2m_Txc</a>

          จากปรากฏการณ์หนังสือขายดีที่เรียกน้ำตาผู้อ่านทั่วโลก ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆมากที่สุด ถึง 40 ภาษา ปีนี้ The Light Between Oceans กำลังจะถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ โดยฝีมือผู้กำกับคลื่นลูกใหม่ของฮอลลีวู้ด ดีเร็ก เซียนฟรานซ์ จาก Blue Valentine

          ด้วยพลอตเรื่องที่โดนใจ นำไปสู่ ความยอดเยี่ยมที่เรียกน้ำตาในภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมพลัง 3 นักแสดงระดับ รางวัลออสการ์ อลิเซีย วิกันเดอร์ เจ้าของรางวัลออสการ์จาก The Danish Girl ราเชล ไวซ์ เจ้าของรางวัลออสการ์จาก constant gardener ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ นักแสดงผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ จาก Steve Jobs และ 12 Years a Slave ด้วยงานด้านภาพที่สวยสะกดทุกฉาก จากฝีมือ ผู้ออกแบบงานสร้างของ The Great Gatsby และ ถ่ายทำใน 2 ประเทศ ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ สถานที่ถ่ายทำเดียวกับ The Hobbit อีกทั้งยังได้โปรดิวเซอร์มือทอง เดวิด เฮย์แมน ผู้ปลุกปั้น หนังดังอย่าง Harry Potter และ Fantastic Beast and Where to Find Them มาอำนวยการสร้าง ภาพยนตร์เรื่องนี้

          หนังถ่ายทอดเรื่องราวของ ทอม เชอร์บอร์น (รับบทโดย ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์) อดีตนายทหารผู้ทำหน้าที่เฝ้าประภาคารอันห่างไกลกับชุมชน เขาและ อิซาเบล ผู้เป็นภรรยา (รับบทโดย อลีเซีย วิกันเดอร์) ที่เสียลูกไปหลังคลอด เธอตกอยู่ในอาการซึมเศร้า จนทอมใกล้หมดพลังใจที่จะทำให้เธอกลับมาสดใสดังเดิม ไม่นานนัก ปาฏิหาริย์ก็คล้ายจะเป็นจริงขึ้นมา พวกเขาพบทารกหญิงคนหนึ่งอยู่บนเรือที่ถูกทิ้งกลางทะเล พวกเขาไม่รู้ว่า เด็กคนนี้มาจากไหน และเรือที่อับปางลงนั้นคือเรือของใคร แต่ที่แน่ๆ มันคือของขวัญจากเบื้องบนที่พวกเขาเฝ้ารอมานาน พวกเขาตั้งชื่อเด็กทารกว่า ลูซี่ ฟูมฟักหนูน้อยด้วยความรักทั้งหมดที่มี

          แต่ เมื่อทอมและอิซาเบลเดินทางเข้าไปในเมือง และพบว่าหญิงคนหนึ่ง (รับบทโดย เรเชล ไวซ์) กำลังบ้าคลั่งหัวใจสลาย เพราะสูญเสียลูกน้อยจากอุบัติเหตุทางเรือเมื่อไม่กี่ปีก่อน เทียบวันและเวลาดูแล้ว มีความเป็นไปได้สูงมากว่า ทารกของหญิงคนนั้น คือ ลูซี่ แก้วตาดวงใจของทอมและอิซาเบลนั่นเอง แล้วทั้งคู่ควรเก็บเด็กคนนี้ไว้ หรือ คืนเธอให้แม่ที่แท้จริงของเธอ
« Last Edit: November 30, 2016, 03:23:28 PM by FB »

FB on December 06, 2016, 03:28:17 PM
Movie Guide: 6 ประโยครัก ที่จะทำให้ คุณเลิกโสด



          " ความรักไม่ได้เลือกคนที่ดีที่สุด แต่ความรักเลือก คนที่จะไม่มีวันทิ้งเราไปไหน " ทอม ( ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ) คือคนที่มั่นคงในความรักต่อ อิซาเบล ( อลิเซีย วิกันเดอร์ ) ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาไปม่มีวันจะทิ้งเธอไปไหน ความรักของทอมจึงชนะใจ อิซาเบล

          " ความคิดถึงจะมีคุณค่า เมื่อได้รู้ว่าเรา คิดถึงใคร " ใน The Light Between Oceans ความรักของทอม และ อิซาเบล ใช้เวลา ศึกษาและรอคอยกันนานนับปี ทอมเลือกใช้วิธีการ ส่งจดหมายรัก หา อิซาเบล และรอคอยจดหมายตอบกลับจากเธอ " ความคิดถึงจะมีคุณค่ามากขึ้น เมื่อได้รู้ว่าเรา คิดถึงใคร

          " บางครั้งก็กลัวเวลามีความสุขมาก ๆ กลัวว่า ความสุขจะหายไป " อิซาเบล เป็นผู้หญิงสดใสและเด็ดเดียว เธอมองโลกมุมบวกและ รักทอมมาก แต่วันหนึ่งความสดใสของเธอก็ลดลง เมื่อพบว่า ตัวเอง มีลูกไม่ได้

          " การมีความสุขมาก ๆ บางครั้งก็ทำให้เรากลัวว่า ความสุขจะหายไป "

          ก่อนหน้าที่ ทอม จะ ขอ อิซาเบล แต่งงาน เขากลัวว่า จะไม่ดีพอ ที่จะดึงเธอมาอยู่ด้วยบนเกาะที่โดดเดียว กับเขา แต่สุดท้ายความรักของทอมก็ได้พิสูจน์แล้วว่า หากเรารักคน ๆ นั้น จริง ๆ ก็ไม่ต้องกลัวว่า จะเป็นคนที่ดีไม่พอ

          ทอม เคยเป็นนายทหารที่ไปออกรบในสงคราม นั่นทำให้เขาเป็นคนเย็นชายิ้มยาก เขาทำโทษตัวเอง หนีจากผู้คนไปรับหน้าที่เป็นผู้ดูแล ประภาคาร บนเกาะอันห่างไกล จนเมื่อได้เจอกับ อิซาเบล ผู้หญิงที่มีรักแท้ให้กับเขาหัวใจของทอมก็เริ่มเปลี่ยนไป

          " ความรักคือการที่เราจะไม่ทิ้งกันง่าย ๆ และจะไม่ยอมปล่อยมือกันไปไหน "  ทอม และ อิซาเบล เก็บเด็กทารกที่ถูกทิ้งไว้บนเรือที่กำลังจะจมมาเลี้ยง ในความเป็นจริง พวกเขาช่วยชีวิตเด็กไว้ แต่ก็ไม่ได้ตามหาครอบครัวที่แท้จริงของเด็กคนนั้น  สุดท้ายแล้ว ความรักที่แสนบริสุทธิ์ของพวกเขาอาจทำให้อีกครอบครัวต้องเจ็บปวด แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทอมและ อิซาเบล ก็ไม่มีวันที่จะยอมปล่อยมือจากกัน

FB on December 08, 2016, 08:45:52 AM
The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย เรียกน้ำตา รอบสื่อ ทุกเสียงการันตี การแสดงระดับเทพ ภาพสวย ซึ้งจัด



The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย - Official Trailer [ ตัวอย่าง ซับไทย ]
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=xYdFO8yIONQ" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=xYdFO8yIONQ</a>

          ถือเป็นภาพยนตร์รักแห่งปี ที่มีผู้ชมรอคอยที่จะชมมากที่สุดตั้งแต่ประกาศเริ่มสร้าง สำหรับ The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย ล่าสุดหลังเปิดฉายรอบสื่อมวลชนไปเมื่อค่ำวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้เรียกน้ำตาจากสื่อมวลชน และ 2 นักร้องเสียงดี อิมเมจ สุธิตา และ ลุลา กันยารัตน์ ที่การันตี การแสดงของ 3 นักแสดงนำ และ และงานด้านภาพที่สวยสะกดของ ภาพยนตร์เรื่องนี้

          " อยากดูเพราะผู้กำกับ Blue Valentine และ ชอบ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ จาก X-Men และ ราเชล ไวซ์ จาก The Lobster" - อิมเมจ สุธิตา

          " ได้อ่านหนังสือมาบ้างแต่ก็เดาไม่ออกว่าหนังจะออกมาแบบนี้ ในหนังสวยมาก นักแสดงทั้ง 3 คน แสดงเป็นธรรมชาติ มาก ๆ " - ลุลา กันยารัตน์

          " ได้ชมการแสดงของ 3 นักแสดง ถือว่าคุ้มมาก " - Mint Movie

          " เป็นหนังที่พูดถึงการครอบครองและปล่อยวางได้เจ็บสุด ๆ " - Mr. Kanin The Movie

          "ชอบที่หนังมันตั้งคำถามกับคือหนังมันตั้งคำถามเราในประเด็นที่ว่า….. ถ้าสิ่งที่ได้มาทำให้เรามีความสุขและเติมเต็มชีวิต แต่ความโชคดีนั้นกลับส่งผลร้ายต่อชีวิตของอีกคน ทำให้เขาทุกข์ตกนรกทั้งเป็น เรายังจะครอบครองสิ่งนั้นอยู่ไหม " – แมวตัวนั้นนั่งบนแถว C

          "The Light Between Oceans" เป็นผลงานดราม่าสุดซาบซึ้งสะเทือนใจที่ดัดแปลงมาจากนวนินายขายดีในชื่อเดียวกัน โดยภาพยนตร์นั้นจะบอกเล่าถึงเรื่องราวของ ทอม (ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์) ทหารผ่านศึกที่รับอาสาเป็นผู้ดูแลประภาคารบนเกาะเล็กนอกชายฝั่ง เขาได้แต่งงานและอยู่อาศัยกับหญิงสาวนามว่า อิซาเบล (อลีเซีย วิแกนเดอร์) อย่างไรก็ตามทั้งคู่พยายามจะมีลูกด้วยกันอยู่หลายครั้ง แต่ก็ต้องพบกับความสูญเสียอยู่ร่ำไป … และแล้ววันหนึ่งก็ได้มีเรือลอยมาติดเกาะพร้อมกับเด็กทารกหญิง ทอมและอิซาเบลจึงตัดสินใจดูเลี้ยงเด็กคนนั้นขึ้นมาในฐานะ 'ลูก' แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ ความรักระหว่างทั้งคู่ที่เกิดการสั่นคลอน ไปจนถึงการสำนึกเรื่องความถูกต้องภายในจิตใจ

          งานนี้นำแสดงโดยเหล่าดาราคุณภาพอย่าง ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาการแสดงมาแล้วถึงสองครั้งจาก 12 Years a Slave และ Steve Jobs ร่วมด้วย อลีเซีย วิแกนเดอร์ ดาราสาวมาแรงที่เพิ่งคว้ารางวัลออสการ์ครั้งล่าสุดในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก The Danish Girl มาครอบครองไว้ได้อย่างสำเร็จ และ ราเชล ไวสซ์ เจ้าของรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก The Constant Gardener และล่าสุดมาพยนตร์สุดฮิตเรื่อง The Lobster ผ่านการกำกับโดย ดีเร็ก เซียนฟรานซ์ ผู้กำกับที่เคยฝากผลงานดราม่าชั้นเยี่ยมอันโดนใจคอหนังทั่วโลกมาแล้วนับไม่ถ้วนอย่าง Blue Valentine และ The Place Beyond the Pines

          ซึ่งจากการแสดงร่วมกันในผลงานเรื่องนี้ยังทำให้ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ และ อลิเซีย วิคานเดอร์ ได้กลายมาเป็นคู่รักนอกจอกันจริงๆ อีกด้วย โดยพวกเขาเริ่มคบหากันตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งเป็นช่วงที่ภาพยนตร์เรื่องนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนระหว่างการถ่ายทำพอดี

          The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย
          8 ธันวาคม 2559

FB on December 09, 2016, 02:46:10 PM
Movie Guide: ลุลา – อิมเมจ ชวนดู The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย

ลุลา-อิมเมจ ปลื้มหนังรักสัมผัสหัวใจ " The Light Between Oceans "
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=fFN-GcjULSg" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=fFN-GcjULSg</a>

          ถือเป็นภาพยนตร์รักแห่งปี ที่มีผู้ชมรอคอยที่จะชมมากที่สุดตั้งแต่ประกาศเริ่มสร้าง สำหรับ The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย ล่าสุดหลังเปิดฉายรอบสื่อมวลชนไปเมื่อค่ำวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้เรียกน้ำตาจากสื่อมวลชน และ 2 นักร้องเสียงดี อิมเมจ สุธิตา และ ลุลา กันยารัตน์ ที่การันตี การแสดงของ 3 นักแสดงนำ และ และงานด้านภาพที่สวยสะกดของ ภาพยนตร์เรื่องนี้

          " อยากดูเพราะผู้กำกับ Blue Valentine และ ชอบ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ จาก X-Men และ ราเชล ไวซ์ จาก The Lobster " - อิมเมจ สุธิตา

          " ได้อ่านหนังสือมาบ้างแต่ก็เดาไม่ออกว่าหนังจะออกมาแบบนี้ พในหนังสวยมาก นักแสดงทั้ง 3 คน แสดงเป็นธรรมชาติ มาก ๆ " - ลุลา กันยารัตน์

          "The Light Between Oceans" เป็นผลงานดราม่าสุดซาบซึ้งสะเทือนใจที่ดัดแปลงมาจากนวนินายขายดีในชื่อเดียวกัน โดยภาพยนตร์นั้นจะบอกเล่าถึงเรื่องราวของ ทอม (ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์) ทหารผ่านศึกที่รับอาสาเป็นผู้ดูแลประภาคารบนเกาะเล็กนอกชายฝั่ง เขาได้แต่งงานและอยู่อาศัยกับหญิงสาวนามว่า อิซาเบล (อลีเซีย วิแกนเดอร์) อย่างไรก็ตามทั้งคู่พยายามจะมีลูกด้วยกันอยู่หลายครั้ง แต่ก็ต้องพบกับความสูญเสียอยู่ร่ำไป … และแล้ววันหนึ่งก็ได้มีเรือลอยมาติดเกาะพร้อมกับเด็กทารกหญิง ทอมและอิซาเบลจึงตัดสินใจดูเลี้ยงเด็กคนนั้นขึ้นมาในฐานะ 'ลูก' แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ ความรักระหว่างทั้งคู่ที่เกิดการสั่นคลอน ไปจนถึงการสำนึกเรื่องความถูกต้องภายในจิตใจ

          งานนี้นำแสดงโดยเหล่าดาราคุณภาพอย่าง ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาการแสดงมาแล้วถึงสองครั้งจาก 12 Years a Slave และ Steve Jobs ร่วมด้วย อลีเซีย วิแกนเดอร์ ดาราสาวมาแรงที่เพิ่งคว้ารางวัลออสการ์ครั้งล่าสุดในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก The Danish Girl มาครอบครองไว้ได้อย่างสำเร็จ และ ราเชล ไวสซ์ เจ้าของรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก The Constant Gardener และล่าสุดมาพยนตร์สุดฮิตเรื่อง The Lobster ผ่านการกำกับโดย ดีเร็ก เซียนฟรานซ์ ผู้กำกับที่เคยฝากผลงานดราม่าชั้นเยี่ยมอันโดนใจคอหนังทั่วโลกมาแล้วนับไม่ถ้วนอย่าง Blue Valentine และ The Place Beyond the Pines

          ซึ่งจากการแสดงร่วมกันในผลงานเรื่องนี้ยังทำให้ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ และ อลิเซีย วิคานเดอร์ ได้กลายมาเป็นคู่รักนอกจอกันจริงๆ อีกด้วย โดยพวกเขาเริ่มคบหากันตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งเป็นช่วงที่ภาพยนตร์เรื่องนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนระหว่างการถ่ายทำพอดี

          The Light Between Oceans อย่าปล่อยให้รักสลาย
          8 ธันวาคม 2559
« Last Edit: December 10, 2016, 12:51:20 PM by FB »