KTAMเปิดขายกองทุนออลล์เอเชียอิควิตี้ฟันด์ จับจังหวะลงทุนสร้างผลตอบแทนกระจายเสี่ยง
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดเคแทม ออลล์ เอเชีย แปซิฟิก อิควิตี้ ฟันด์ (KT-AASIA) ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 21 กรกฎาคม 2558 โดย เน้นลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในกองทุนรวมหลัก Fidelity – Pacific Equity Fund บริหารโดย Fidelity Worldwide Investment ซึ่งกองทุนรวมหลักมีวัตถุประสงค์ที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตของเงินทุนในระยะยาว มีนโยบายการลงทุนแบบเชิงรุก ซึ่งจะลงทุนในบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่หรือประกอบกิจการส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประกอบไปด้วยญี่ปุ่น ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลี มาเลเซีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และประเทศไทย เป็นต้น
กองทุนรวมหลัก Fidelity – Pacific Equity Fund จะเน้นลงทุนในลักษณะหุ้นที่มีการเติบโตสูง (Growth Stock)และเน้นให้น้ำหนัก ในหุ้นขนาดกลางและเล็ก โดยกลุ่มประเทศที่ทางทีมบริหารของกองทุนรวมหลักให้น้ำหนักมากที่สุด สำหรับข้อมูล ณ 31 พฤษภาคม 2558 ได้แก่ กลุ่มประเทศเอเชียเหนือ เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นต้น นอกจากนี้ กองทุนรวมหลัก ยังสร้างผลการดำเนินงานที่ดีจนได้รับรางวัลกองทุนดีเด่น จาก Lipper Standard & Poor’s และ Morningstar ในกลุ่ม Equity Asia Pacific และ Best Asia-Pacific Equity Fund จากประเทศฮ่องกง ไต้หวัน และ สิงคโปร์ ในช่วง 10ปีที่ผ่านมากว่า 23 ครั้ง
” หากเรามาดูในเรื่องของระดับราคา ณ ปัจจุบัน ยังมองว่ามีความน่าสนใจอย่างมาก โดยเปรียบเทียบ หุ้นในกลุ่มเอเชียแปซิฟิก กับหุ้นในตลาดที่พัฒนาแล้ว พบว่าปัจจุบันหุ้นในกลุ่มนี้มีการซื้อขายกันในระดับ PE และ PB Ratioที่ต่ำกว่าตลาดที่พัฒนาแล้ว ในรอบ10ปี ผ่านมา ” นางชวินดา กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดจำหน่ายอีก 2 กองทุนตราสารหนี้ เพื่อเป็นการทางเลือกและรองรับลูกค้าที่เงินครบกำหนด และมองหาช่องทางการลงทุนที่ต่อเนื่อง โดยเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟ ไอเอฟ เอ็นแฮนซ์ 19 ( KTFFE19 ) อายุ 6 เดือน และกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ เอ็นแฮนซ์ 20 ( KTFFE20 ) อายุ 3 เดือน ทั้ง2 กองทุนเสนอขายในวันที่ 15-21 กรกฎาคม 2558 เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ซึ่งกองทุน KTFFE19 จะลงทุนใน MTN ออกโดย Banco Santander (Brasil) S.A , MTN ออกโดย Turkiye IS Bankasi A.S , MTN ออกโดย Turkiye Vakiflar Bankasi TAO , เงินฝากประจำ PT Bank Rakyat Indonesia (PERSERO ) Tbk และ เงินฝากประจำ Union National Bank PJSC ผลตอบแทนประมาณ 1.95% ต่อปี
ส่วนกองทุน KTFFE20 จะลงทุนใน MTN ที่ออกโดย BLADEX , MTN ที่ออกโดย Tuekiye IS Bankasi A.S. , MTN ที่ออกโดย Turkiye Vakiflar Bankasi TAO , เงินฝากประจำ Bank of china (Macau ) และเงินฝากประจำ PT Bank Rakyat Indonesia ( PERSERO) Tbk ในสัดส่วน 85% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วแลกเงิน บมจ. กรุงไทย ผลตอบแทนประมาณ 1.70% ซึ่งทั้ง2 กองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน