MSN on July 02, 2015, 03:12:42 PM
แสนสิริสรุปยอดขายครึ่งแรกปี 58 โกยกว่า 15,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 260%เผยครึ่งปีหลัง 58 เดินหน้าตามแผน เปิดอีก 12 โครงการใหม่ ยอดขายรอรับรู้รายได้สูงกว่า 38,500 ลบ. รองรับการรับรู้รายได้ในอีก 4 ปี


 
           แสนสิริสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปี 2558 มียอดขายกว่า 15,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 270% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 45% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ 33,000 ล้านบาท เผยแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง เดินหน้าตามแผนงาน เปิดอีก 12 โครงการ มูลค่า 24,000 ล้านบาท ไฮไลท์ 6 คอนโดใหม่ พร้อมลุยแนวราบอีก 6 โครงการ มั่นใจรายได้ตามเป้าหมายจากรายได้ไตรมาสแรกที่ทำได้แล้ว 6,000 ล้านบาทและยอดขายรอรับรู้รายได้ที่มีอยู่ในมือแล้วอีก 24,000 ล้านบาท รวมเป็น 30,000 ล้านบาทซึ่งคิดเป็น 85% จากเป้าหมายรายได้รวมที่ตั้งไว้ในปีนี้ 36,000 ล้านบาท ขณะที่มียอดขายรอรับรู้รายได้ในขณะนี้สูงกว่า 38,500 ล้านบาท รองรับการรับรู้รายได้ในอีก 4 ปี

          นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยถึงผลการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 บริษัทมียอดขาย(พรีเซล) ประมาณ 15,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 260% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขายในช่วงครึ่งปีแรกที่ 4,281 ล้านบาท และคิดเป็น 45 % ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ 33,000 ล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจากการที่ลูกค้าให้การตอบรับโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ของแสนสิริเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปิดการขาย 2 โครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดการขายติดต่อกันได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วภายในวันเปิดขายพรีเซลล์วันแรก ทั้งโครงการเดอะ โมนูเมนต์ สนามเป้า โครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมล่าสุดของแสนสิริซึ่งนับเป็นมาสเตอร์พีซของถนนพหลโยธิน มูลค่า 1,500 ล้านบาท และโครงการ เดอะ ไลน์ จตุจักร – หมอชิต ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมภายใต้การร่วมทุนระหว่างแสนสิริและบีทีเอส มูลค่าโครงการเกือบ 6,000 ล้านบาท

          นอกจากนี้บริษัทยังประสบความสำเร็จจากการเปิดการขายโครงการแนวราบต่างๆ อาทิ โครงการบ้านเดี่ยวระดับบน นาราสิริ บางนา ซึ่งมียอดขายไปถึงกว่า 75% รวมถึงบ้านเดี่ยวแบรนด์ "เศรษฐสิริ" ที่จ่อคิวปิดการขายถึง 4 โครงการ ได้แก่ เศรษฐสิริ ราชพฤกษ์-จรัญฯ2, เศรษฐสิริ วัชรพล, เศรษฐสิริ ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ, และเศรษฐสิริ อ่อนนุช-ศรีนครินทร์ โดยคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ในไตรมาส 3 นี้ รวมถึงความสำเร็จจากการจัดแคมเปญการตลาดต่างๆ ทั้งแคมเปญการตลาดโครงการคอนโดมิเนียมตากอากาศที่หัวหิน The Joy of Huahin และแคมเปญการตลาดโครงการแนวราบ Make It Yours ส่งผลให้ยอดขายรวมของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรก พุ่งสูงไปถึง 15,000 ล้านบาท

          "ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทประสบความสำเร็จจากการตอบรับที่ดีของลูกค้า โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นจากการทำการตลาดแบบ Global Launch เปิดการขายคอนโดมิเนียมเดอะ ไลน์ พร้อมกันใน 3 ประเทศ ไทย ฮ่องกง และสิงคโปร์และได้รับความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทยังมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่อีก 12 โครงการ ตามแผนที่วางไว้ โดยแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 6 โครงการ และบ้านเดี่ยว 6 โครงการ ทั้งนี้จากความสำเร็จในการเปิดตัวคอนโดมิเนียมในช่วงที่ผ่านมาซึ่งได้รับการตอบรับจากลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี ล่าสุดบริษัทยังได้เตรียมสานต่อความสำเร็จโดยเตรียมเปิดการขายคอนโดมิเนียมใหม่ต่อเนื่องทันที โดยคาดว่าจะเปิดการขายในเร็วๆ นี้" นายเศรษฐา กล่าว   
       
          นอกจากนี้ในปัจจุบันบริษัทยังมียอดขายรอรับรู้รายได้แล้ว สูงถึงกว่า 38,500 ล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับการรับรู้รายได้ไปถึงอีก 4 ปีข้างหน้า ทั้งนี้จากการที่ลูกค้าให้การตอบรับโอนที่อยู่อาศัยต่างๆ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ยังส่งผลให้ปัจจุบัน บริษัททำรายได้ในไตรมาสแรกไปได้ 6,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับยอดขายรอรับรู้รายได้ที่มีอยู่ในมือแล้วอีก 24,000 ล้านบาท เป็น 30,000 ล้านบาท คิดเป็น 85% จากเป้าหมายรายได้รวมที่ตั้งไว้ในปีนี้ 36,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็น presale backlog ที่สามารถ secure เป้ารายได้ที่สูงมาก ดังนั้นจึงยังคงเหลือยอดขายและยอดโอนที่จะต้องทำให้ได้ตามเป้าหมายอีกเพียง 25% บริษัทจึงมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายรายได้ที่วางไว้อย่างแน่นอน ขณะที่การบริหารงานภายใต้แผนงาน "Engineer For Growth" หรือ EFG นั้นนับว่าประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพ ทั้งการลดสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย เพิ่มยอดโอนและเน้นการสร้างกำไรเพิ่มขึ้นได้ตามเป้าหมายที่ประกาศไว้ จึงคาดว่าในสิ้นปีนี้บริษัทจะมีอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่ 12% และมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 15% ในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้