เอแคปฯฉาวปล่อยกู้ 350 ล้านให้บริษัทฯที่มีหนี้ท่วมหัว แถมอนุมัติที่ดินที่ใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันทั้งที่กรรมสิทธิ์ยังคลุมเครือ เพราะเคยเป็นของมูลนิธิคุณหญิงส้มจีน ตกดึกส่งชายชุดดำบุกชุมชนยิงปืนขึ้นฟ้าขู่เผาบ้านเผาวัด พระจับมือชาวบ้านร้องนายกฯส่งทหารคุ้มครองชาวด่วน
จากกรณี บริษัท เอแคป แอ๊ดไวซอรี่ จำกัด (มหาชน) แจ้งมติที่ประชุมกรรมการ ครั้งที่ 6/2558 ไปยังกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรณีอนุมัติเงินกู้ให้ บจก.โปรเฟสชันแนล คอลเลคชั่น ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่เอแคปฯ ถือหุ้น 99.99% ปล่อยวงเงินกู้จำนวน 350 ล้านบาท ให้แก่บริษัทแห่งหนึ่งที่กำลังประสบปัญหามีหนี้ท่วมหัวอย่างเร่งรีบจนผิดสังเกตุ
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายปัญญ์ เกษมทรัพย์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจกล่าวว่า การที่คณะกรรมการ เอแคปฯ ลงมติอนุมัติให้บริษัท โปรเฟสชันแนล คอลเลคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของเอแคปฯ ให้กู้ยืมเงินแก่บริษัทกรีนทาวน์ เรียลเอสเตท จำกัด เป็นเงินจำนวนถึง 350 ล้านบาท โดยผู้กู้จะต้องจำนองที่ดินในจังหวัดปทุมธานีจำนวน 2 แปลง เนื้อที่รวมกันประมาณ 176 ไร่เศษ เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้เงินกู้ ตนได้ตรวจสอบสถานะทางการเงินของผู้กู้ในเบื้องต้น จึงทราบว่า ผู้กู้มีหนี้สินตามงบดุลสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 ถึงกว่า 1,400 ล้านบาท ในขณะที่มีสินทรัพย์เพียง 685 ล้านบาทเศษ เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ตามงบกำไรขาดทุนของผู้กู้หลายปีย้อนหลัง ปรากฏว่า ผู้กู้มิได้มีรายได้จากการประกอบการติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปี ผู้กู้จึงไม่น่าจะมีความสามารถชำระเงินกู้จำนวน 350 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 14 ต่อปี คืนภายในกำหนดได้ ทั้งนี้ การให้เงินกู้เพิ่มเติมแก่บุคคลที่ทราบดีอยู่แล้วว่ามีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินจำนวนมาก ผู้ให้กู้อาจจะไม่สามารถขอรับชำระหนี้ได้ตามกฎหมายล้มละลายก็เป็นได้ ตนเห็นว่า ก่อนที่กรรมการจะอนุมัติให้ผู้กู้สามารถกู้ยืมเงินเป็นจำนวนเกินกว่ากึ่งหนึ่งของเงินทั้งหมดที่เอแคปฯ มีอยู่ในขณะนี้ ฝ่ายบริหารของเอแคปฯ ควรแจ้งข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับธุรกรรมนี้ให้กรรมการทุกท่านทราบล่วงหน้าก่อนมีมติอนุมัติเงินกู้
นายปัญญ์ กล่าวต่อไปว่า ได้ติดตามข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับเมื่อไม่นานมานี้ว่า ผู้กู้รายนี้กำลังมีปัญหากับประชาชนจำนวนที่อาศัยอยู่บนที่ดินแปลงที่นำมาเสนอจำนองเป็นประกันการชำระหนี้ ในประเด็นเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์บนที่ดินดังกล่าวว่าเป็นของผู้กู้หรือไม่ ผมจึงเห็นว่าฝ่ายบริหารของเอแคปฯ จึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัดก่อนว่าจะทำธุรกรรมการให้กู้ยืมเงินจำนวนมากเช่นนี้กับผู้กู้หรือไม่ การที่คณะกรรมการมีมติกำหนดให้ทำรายการกู้หลังจากวันประชุมกรรมการบริษัทฯ เพียง 2 วันหลังดังเช่นที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่นนี้ (แจ้งว่าจะทำรายการนี้ในวันที่ 26 มิถุนายน 2558) จึงมีความน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า เอแคปฯ กำลังจะทำอะไรกันแน่
ทนายปัญญ์ กล่าวต่อไปว่า ได้ตรวจสอบเอกสารสารสนเทศที่เอแคปฯ ส่งไปยังตลาดหลักทรัพย์ฯ เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินครั้งนี้ ซึ่งระบุมูลค่าและลักษณะของรายการว่าเป็นการกู้ยืมเงิน โดยมีทรัพย์สินเป็นที่ดินมาจำนองเป็นประกัน และระบุเหตุผลและที่มาของการให้ความช่วยเหลือทางการเงินว่า พิจารณาความสัมพันธ์ทางธุรกิจและความมั่นคงในการประกอบธุรกิจของผู้กู้เป็นสำคัญ ซึ่งจริงๆ แล้วผู้กู้รายนี้ไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจใดๆ กับเอแคปฯ มาก่อนในอดีตเลย อีกทั้งเอแคปฯ ยังระบุในสารสนเทศอีกด้วยว่า ผู้กู้ต้องการความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจของผู้กู้ โดยระบุขั้นตอนการพิจารณาและเหตุผลและความจำเป็นในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินในครั้งนี้ว่า พิจารณาปัจจัยความสามารถในการชำระหนี้คืน และความมีชื่อเสียงและความมั่นคงในการประกอบธุรกิจของผู้กู้ ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานะทางการเงินและการไม่มีรายได้จากการประกอบกิจการติดต่อกันเป็นเวลาหลายปีของผู้กู้ตามที่ผมกล่าวถึงข้างต้น และในสารสนเทศของเอแคปฯ ก็มิได้ระบุว่าผู้กู้จะนำเงินกู้จำนวน 350 ล้านบาทไปลงทุนประกอบกิจการใดเพื่อก่อให้เกิดรายได้ที่เพียงพอเพื่อนำมาชำระหนี้เงินกู้และดอกเบี้ย (ร้อยละ 14 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าอัตราเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ถึงเกือบสองเท่า) ผมจึงอยากตั้งข้อสังเกตผ่านไปยังตลาดหลักทรัพย์ฯ และ กลต. ว่า ธุรกรรมการกู้ยืมเงินที่เอแคปฯ กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เป็นการทำกับบุคคลซึ่งมีหนี้สินมากกว่าสินทรัพย์กว่า 800 ล้านบาท และเป็นผู้ที่ไม่มีรายได้จากการประกอบการเลยเป็นเวลาเกินกว่า 3 ปี การนำเงินถึง 350 ล้านบาทออกให้กู้เป็นเวลาเพียง 6 เดือนเพียงเพื่อหวังผลตอบแทนจากดอกเบี้ยในอัตราที่สูง จะมีความเป็นไปได้จริงหรือ หากเป็นการทำธุรกรรมให้กู้เงินเช่นนี้จริง ก็เท่ากับเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เอแคปฯ ไม่น่าจะมีทางได้รับเงินต้นและดอกเบี้ยคืนมาตามกำหนดแน่นอน เว้นแต่จะเป็นกรณีอื่นที่ เอแคปฯ กำลังมองไปถึงการได้มาซี่งที่ดินอันเป็นหลักประกันหนี้กู้ยืมเงินหรือการเข้าไปเทคโอเวอร์บริษัทผู้กู้ซึ่งมีทรัพย์สินเป็นที่ดินเสียเอง ซึ่งผมขอเรียนว่า หากเป็นเช่นนี้ เอแคปฯ น่าจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎกติกาเกี่ยวกับการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน ตามประกาศ กลต. และประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่เกี่ยวข้องจึงจะถูกต้อง และหากเป็นไปตามที่ผมว่านี้ การกู้ยืมเงินเพื่อหวังผลสิ่งอื่น กฎหมายเค้าเรียก “นิติกรรมอำพราง” ผมเองไม่อยากคิดในเชิงลบเป็นประการอื่นเกินไปกว่านี้จริงๆ นายปัญญ์ ทนายผู้รับมอบอำนาจกล่าวในที่สุด
สำหรับที่ดินแปลงเจ้าปัญหาที่ผู้กู้นำมาเป็นหลักทรัพย์คำประกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คือที่ดินที่กำลังมีปัญหาอย่างรุนแรงกับชาวบ้านหมู่ 14 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง และ ต.ท่าโขลง จ.ปทุมธานี โดยนายพรชัย ร่วมญาติ ตัวแทนชาวบ้านและพระมหาสถิต บัวศรี เจ้าอาวาสสำนักปฏิบัติธรรมสงฆ์ไทยพัฒนา ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ.เขมพัทธ์ โพธิพิทักษ์ ผกก.สภ.คลองหลวง และยังส่งเรื่องร้องเรียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กรณีถูกมาเฟียยิงปืนข่มขู่ไล่ที่ที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่กว่า 2,000 คนมากกว่า 600 ครัวเรือน
นายพรชัยกล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวมีขนาด 172 ไร่ แต่เดิมเป็นของมูลนิธิคุณหญิงส้มจีน อุณหนันท์ ซึ่งชาวบ้านเข้าไปอยู่ในพื้นที่มากว่า 10 ปีแล้ว โดยมีสัญญาเช่าปีต่อปีในราคาไม่สูงมาก กระทั่งเกิดการเปลี่ยนมือเจ้าของ จนตกเป็นของบริษัท กรีนทาวน์ เรียลเอสเตท จำกัด ต่อมาบริษัทกรีนทาวน์ นำที่ดินไปจำนองกับ บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด แต่ระหว่างที่ดินอยู่ในการจำนองนั้น มีกลุ่มมาเฟีย ผู้มีอิทธิพล เข้ามาข่มขู่ กลั่นแกล้งรังแกชาวบ้าน และปิดประกาศให้ชาวบ้านย้ายออกจากพื้นที่ โดยในช่วงเวลากลางคือมีกลุ่มชายชุดดำยิงปืนข่มขู่ตะโกนด่าข่มขู่จะเผาบ้านขับไล่ชาวบ้านทุกวัน ทั้งยังขู่ว่าจะเผาบ้านเผาวัด จนชาวบ้านและพระสงฆ์ตกอยู่ในความหวาดกลัว
ด้านพระมหาสถิตกล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมามีชายฉกรรจ์ 3 คนขี่รถมาที่วัดแล้วขู่ให้ย้ายออกจากวัด ถ้าไม่ไปจะถูกอุ้ม พร้อมล้วงแม็กกาซีนปืนขึ้นมาข่มขู่ ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ก็เข้ามาชี้หน้าขู่ชาวบ้านอีก จึงอยากให้ทหารเข้ามารักษาความสงบในพื้นที่โดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เมื่อสำรวจรายชื่อผู้บริหาร เอแคปฯพบว่า มีกรรมการบางคนมีความผูกพันธ์กับ บ่อนคาสิโน สตาร์เวกัส ในประเทศเพื่อนบ้าน