KTAMเตรียมรับเปิดAECลุยลงทุนหุ้นกลุ่มอาเซียน
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม อาเซียน อิควิตี้ ฟันด์ (KTAM ASEAN Equity Fund ) เสนอขายถึงวันที่ 27 มีนาคม 2558 เป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ ที่มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวม JP Morgan Fund- ASEAN Equity Fund โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม หรือตามสัดส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต. กำหนด
ส่วนกองทุนรวมหลักจะลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 67 ของสินทรัพย์ของกองทุน ในหลักทรัพย์ประเภทตราสารทุนของบริษัท ที่มีภูมิลำเนาหรือมีผลการดำเนินงานหลักของบริษัทมาจากประเทศที่เป็นสมาชิกในกลุ่มอาเซียน ซึ่งประเทศในกลุ่มอาเซียนบางประเทศ อาจถูกพิจารณาให้เป็นประเทศตลาดเกิดใหม่ กองทุนรวมหลักอาจลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งมีธุรกรรมกับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน การป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ขึ้นกับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน โดยอาจไม่ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนโดยสิ้นเชิงได้
กองทุนรวมหลักให้ความสำคัญกับการใช้ผู้เชี่ยวชาญของประเทศนั้นๆ เนื่องจาก บริษัทจดทะเบียนในตลาดอาเซียนส่วนมากจะมุ่งเน้นดำเนินธุรกิจภายในประเทศ ประกอบกับตลาดการเงินของแต่ละประเทศในอาเซียนมีลักษณะเฉพาะ ผู้จัดการกองทุนจะลงทุนแบบเชิงรุกในประเทศอาเซียน เนื่องจาก ตลาดอาเซียนยังคงเป็นตลาดที่ไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเอื้อให้นักลงทุนที่มีประสบการณ์สามารถสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มได้ในสภาวะตลาดผันผวน และเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่เน้นการขยายตัวของกิจการ โดยมองหาบริษัทที่มีการเติบโตของผลประกอบการ และกระแสเงินสดสูง เพื่อโอกาสการจ่ายปันผลที่สูงขึ้นได้
สำหรับมุมมมองการลงทุน ในประเทศต่างๆในกลุ่มอาเซียนนั้น ผู้จัดการกองทุนรวมหลักได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในประเทศไทยสูงกว่าตลาด จากการกลับมาขยายตัวของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2015 จากการฟื้นตัวของการลงทุน และการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังให้น้ำหนักการลงทุนที่สูงกว่าตลาดในหมวดธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากการลงทุน และการปฎิรูปพลังงาน ผู้จัดการกองทุนยังคงสนใจหลักทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ประเทศอินโดนีเซีย ราคาน้ำมันที่ลดลงควรจะเป็นประโยชน์ต่ออินโดนีเซีย ซึ่งประสบกับปัญหาขาดดุลบัญชีเดินสะพัด และอัตราเงินเฟ้อที่สูง และผันผวนมาโดยตลอด โดยปัจจัยข้างต้นจะช่วยปูทางไปสู่ช่วงของอัตาเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงในเชิงโครงสร้างในระยะยาว นโยบายของ Jakowi ที่จะปฎิรูปขั้นตอนราชการของรัฐบาล และจัดสรรเงินทุนใหม่ โดยนำเงินอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงไปใช้ในภาคเศรษฐกิจที่มีประโยชน์มากกว่า เช่น โครงสร้างพื้นฐาน ที่อยู่อาศัยและอื่นๆ เป็นกุญแจสำคัญต่อการเจริญเติบโต และความเชื่อมั่นของประเทศ โดยกองทุนยังคงรักษาสัดส่วนการลงทุนให้กับตลาด และสนใจลงทุนในบริษัทเกี่ยวเนื่องกับโครงสร้างพื้นฐาน และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
ประเทศมาเลเซีย ครึ่งปีแรกของ2015 จะเป็นปีที่ท้าทายจากการที่ตลาดยังคงตื่นตัวในประเด็นด้านเศรษฐกิจ และวิธีการที่รัฐบาลจะใช้จัดการกับ การพลาดเป้า ทั้งเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเป้าหมายการขาดดุลการคลัง ราคาน้ำมันที่ลดลงมีผลลบต่อค่าเงิน และตลาดหลักทรัพย์ อีกทั้งยังส่งผลให้มีเงินทุนไหลออก และก่อให้เกิดความผันผวน ของเงินทุนมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องในประเทศคาดว่าจะสามารถลดกระทบได้บ้าง กองทุนยังคงรักษาสัดส่วนของการลงทุนที่ต่ำกว่าตลาด และได้ลดการลงทุนในกลุ่มน้ำมันและแก๊ส
ประเทศสิงคโปร์ เป็นช่วงการปรับสมดุลภายหลังการเลือกตั้งที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายครั้งสำคัญ ในปี 2011 ส่งผลให้อัตราการเติบโตชะลอตัวลง ระบบเศรษฐกิจอยู่ในช่วงเปลี่ยนเข้าสู่การเจริญเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปในระยะกลางที่ช้าลง ราคาตลาดเมื่อเทียบกับการคาดหมายอัตราการเติบโตของผลประกอบการนับว่าไม่น่าสนใจเป็นพิเศษ ดังนั้น ผู้จัดการกองทุนยังคงน้ำหนักการลงทุนในประเทศสิงคโปร์ ที่น้อยกว่าตลาด แต่ยังคงมีความเป็นบวกในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และหุ้นที่ไม่เป็นไปตามวงจรตลาด ที่มีงบการเงินที่แข็งแกร่ง
ประเทศฟิลิปปินส์ ราคาน้ำมันที่ลดลง และค่าเงินดอลล่าร์ที่แข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลดีต่อแรงงานฟิลิปปินส์ ที่ทำงานในต่างประเทศ และการบริโภคในประเทศ การใช้จ่ายเพื่อการเลือกตั้ง ในปี 2015 น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น กองทุนรวมหลัก ได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในฟิลิปปินส์เมื่อเทียบกับตลาด เนื่องจากราคาหุ้นที่แพง และอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจชะลิตัว หุ้น กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากยังคงมีอัตราการขยายตัวของสินเชื่อที่แข็งแกร่ง และมีส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยสม่ำเสมอ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และจำนวนแรงงานฟิลิปปินส์ ที่ทำงานในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนรวมหลัก ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558 ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 6.3% ย้อนหลัง 3 ปี โดยเฉลี่ยต่อปี อยู่ที่ 5.8% ย้อนหลัง 5 ปี โดยเฉลี่ยต่อปี อยู่ที่ 12.2% และ YTD อยู่ที่ 1.3% ซึ่งผลการดำเนินงานของกองทุน สูงกว่าเกณฑ์มาตราฐานของ MSCI South East Asia Net โดยย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 5.7% ย้อนหลัง3 ปี เฉลี่ยต่อปี อยู่ที่ 3.3% ย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยต่อปี อยู่ที่ 9.8% และ YTD อยู่ที่ 0.9%