MSN on October 22, 2014, 03:02:39 PM
เศรษฐกิจโลกฉุดตลาดหุ้นไทย-เทศผันผวน KTAMแนะพักเงินKTSUPB127ยิลด์2.35%     
 
นางชวินดา  หาญรัตนกูล  กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า   ในช่วงที่ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นทั้งในและต่างประเทศ มีความผันผวน  และปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง  จากความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัวในกลุ่มยูโรโซน โดยเฉพาะแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจเยอรมนี  ที่นักลงทุนมีความกังวล ว่า ภาวะเงินฝืดและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจะมีผลกระทบต่อเนื่องและนานกว่าที่คาดการณ์   รวมถึงสถานการณ์ในยูเครนและตะวันออกกลางที่ยืดเยื้อมาหลายเดือน ล้วนเป็นเหตุให้เกิดแรงเทขายหุ้น เพื่อลดความเสี่ยงภายหลังตลาดหุ้นมีการปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในช่วงก่อนหน้า นักลงทุนเคลื่อนย้ายเม็ดเงินลงทุนเข้าสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ  เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และทองคำ ในขณะที่ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเริ่มมีแรงขายดอลลาร์สหรัฐ จากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐอาจไม่เร็วอย่างที่คาด

ในโอกาสนี้   บริษัทจึงเปิดจำหน่วยกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 127 ( KTSUPB 127 )  เสนอขายตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 28  ตุลาคม 2557   อายุโครงการ  6 เดือน  เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ   ประเภท เงินฝากBank  of  China    , เงินฝาก  China Construction Bank ,   MTN ออกโดย   Banco  BTG   Pactual  S.A.  และ MTN ออกโดย  Banco  ABC  ( Brasil )    ในสัดส่วน 75% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน  ส่วนที่เหลือลงทุนใน ตราสารหนี้ในประเทศ ประเภท  หุ้นกู้  ตั๋วแลกเงิน  สถาบันการเงิน /บริษัทเอกชน  ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.35% ต่อปี     ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือก  สำหรับนักลงทุนที่ต้องการพักเงินไว้ในกองทุนที่มีโอกาสรับผลตอบแทนตามที่กำหนดไว้  และบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี   
 
สำหรับ อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ไทย มีการปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุ จากแรงซื้อของนักลงทุนในประเทศต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ตามความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวอาจสกัดการขึ้นดอกเบี้ย โดยดอกเบี้ยนโยบายทั้งของไทยและสหรัฐน่าจะทรงตัวในระดับปัจจุบันไปอีกระยะหนึ่ง ส่วนตราสารหนี้ต่างประเทศ อัตราผลตอบแทนมีการปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุเช่นกัน  จากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยตลาดวิตกกับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB ที่อาจไม่ราบรื่นและอาจเผชิญเงินฝืด โดย S&P และ FITCH ได้ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศษลงสู่เชิงลบ  ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด ทั้งดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวมเขตนิวยอร์ก  ความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมถึงความเห็นสมาชิกเฟดบางรายที่ออกมาเตือนว่า การขึ้นดอกเบี้ยเร็วเกินไปยังเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ