‘ทาคาชิมาย่า’ ห้างสรรพสินค้าระดับพรีเมี่ยมจากญี่ปุ่น ผนึกกำลังไอคอนสยาม ตั้งสาขาแลนด์มาร์คระดับโลกแห่งใหม่
• เซ็นสัญญาร่วมทุน สร้างห้างสรรพสินค้าแลนด์มาร์คระดับโลกแห่งใหม่ ด้วยเงินลงทุน 3,000 ล้านบาท
• ห้างสรรพสินค้าระดับโลกแห่งใหม่นี้ จะเป็นพันธมิตรหลักรายใหญ่ ในโครงการไอคอนสยาม – กำหนดเปิดให้บริการปี 2560
• ทาคาชิมาย่าวางแผนการลงทุนมีโอกาสเปิดสาขาเพิ่มในอนาคต
• การลงทุนครั้งสำคัญในประเทศไทย และเป็นสัญญานความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในประเทศไทย
• ไอคอนสยามตั้งเป้าดันกรุงเทพเป็น ‘เมืองหลวงทางด้านค้าปลีกของเอเชีย’
กรุงเทพฯ (21 ต.ค. 2557) – วันนี้ ‘ทาคาชิมาย่า’ ห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ระดับพรีเมี่ยมจากประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับบริษัท ไอคอนสยาม จำกัด ผู้พัฒนาโครงการ ‘ไอคอนสยาม’ แลนด์มาร์คริม ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามูลค่า 5 หมื่นล้านบาท ลงนามในสัญญาการร่วมทุนเพื่อเนรมิตห้างสรรพสินค้า ทาคาชิมาย่าสาขาแรกในประเทศไทย บนพื้นที่โครงการไอคอนสยาม โดยจะเป็นพันธมิตรหลักรายใหญ่ของอภิมหาโครงการเมืองแลนด์มาร์คของประเทศไทยไอคอนสยาม
ห้างสรรพสินค้าทาคาชิมาย่าสาขาไอคอนสยามแห่งนี้ จะถูกเนรมิตขึ้นด้วยงบประมาณการลงทุน 3,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นมูลค่าการก่อสร้าง 1,800 ล้านบาท ตั้งเป้าสร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกของวงการค้าปลีกด้วยการนำเสนอความแปลกใหม่ระดับโลกให้กับลูกค้าผู้มาใช้บริการ และเป็นสิ่งสำคัญสิ่งใหม่ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทั้งภูมิภาค เพราะจะเป็นห้างสรรพสินค้าระดับหรูคัดสรรสินค้าคุณภาพสูงที่มีความหลากหลายมากที่สุด อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยสินค้าเอ๊กซ์คลูซีฟที่มีจำหน่ายเฉพาะในห้างสรรพสินค้าทาคาชิมาย่าไอคอนสยามเท่านั้น
นางพาสินี ลิ่มอติบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวว่า “ด้วยปณิธานและความมุ่งมั่นของไอคอนสยาม ที่ให้คำมั่นสัญญาในการทำสิ่งที่ไม่เคยมีมา ก่อนในประเทศไทยให้เกิดขึ้น และสร้างปรากฏการณ์ระดับโลกที่เป็นครั้งแรกให้กับวงการ วันนี้การเซ็นสัญญาความร่วมมือการร่วมทุนกับทาคาชิมาย่าคือการเดินหน้าทำตามคำมั่นสัญญาที่จะเนรมิตประสบการณ์ใหม่ให้เกิดขึ้นในอภิมหาโครงการเมือง ที่ซึ่งรวบรวมสิ่งที่ดีที่สุดของโลกและสิ่งที่ดีที่สุดของไทยเข้าไว้ด้วยกัน ทาคาชิมาย่าเป็นห้างสรรพสินค้าที่พรีเมี่ยมที่สุดห้างหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น และจะเลือกตั้งสาขาแรกในประเทศไทยเฉพาะในทำเลที่ดีที่สุดเท่านั้น ซึ่งการตัดสินใจเลือกไอคอนสยาม ถือเป็นเกียรติและการให้ความไว้วางใจแก่โครงการเป็นอย่างยิ่ง ห้างสรรพสินค้าทาคาชิมาย่าจะเป็นพันธมิตรหลักรายแรกของไอคอนสยาม เป็นการเสริมสร้างและตอกย้ำความแข็งแกร่งของสถานภาพของไอคอนสยามในฐานะแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ซึ่งการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยของทาคาชิมาย่าจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการค้าปลีกของประเทศ”
นายยูทากะ ยามากูชิ กรรมการผู้จัดการโครงการในประเทศไทย บริษัท ทาคาชิมาย่า จำกัด กล่าวว่า “ห้างสรรพสินค้าทาคาชิมาย่าสาขาแรกในกรุงเทพฯ ของเราแห่งนี้ จะสร้างความตื่นตาตื่นใจครั้งยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้น เรารู้ดีว่าทำเลที่ตั้งของโครงการไอคอนสยาม จะเป็นแลนด์มาร์คสำคัญระดับโลกที่ดึงดูดคนไทยจากทั่วประเทศและจากทั่วภูมิภาคเอเซียและทั่วโลกปีละนับล้านๆ คน เราจึงหวังที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของโครงการไอคอนสยาม เพราะเราเป็นห้างสรรพสินค้าที่มีเครือข่ายซัพพลายเชนจัดหาสินค้าที่แข็งแกร่งที่สุดรายหนึ่งของวงการค้าปลีก เพื่อนำเสนอสินค้าแบรนด์ญี่ปุ่นและสินค้าแบรนด์ประเทศอื่นๆ มากมาย ‘ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย’ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อีกหลายชนิดที่จะมีจำหน่ายเฉพาะที่ห้างสรรพสินค้าทาคาชิมาย่าสาขานี้เท่านั้น รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์และออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยและนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ”
“เราปรารถนาที่จะร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ผลิตสินค้าและบริการของไทยและผู้แทนจำหน่ายสินค้าต่างๆในประเทศไทยทุกประเภททั้งหมด เพื่อร่วมกันสร้างห้างสรรพสินค้าที่จะมอบประสบการณ์แปลกใหม่ที่น่าประทับใจ เป็นการหลอมรวมสิ่งที่ดีที่สุดของไทยกับสิ่งที่ดีที่สุดจากต่างประเทศ แล้วนำเสนอความหลากหลายได้อย่างครบครันที่สุด “
นายยูทากะ กล่าวว่า ทาคาชิมาย่ากำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะลงทุนเปิดสาขาอื่นเพิ่มในประเทศไทยในอนาคต
นายณรงค์ เจียรวนนท์ รองประธานกรรมการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวว่า “เป้าหมายของเราคือการผลักดันให้กรุงเทพเป็นเมืองหลวงทางด้านค้าปลีกของภูมิภาคเอเชีย ซึ่งการร่วมทุนในครั้งนี้ ถือเป็นการผนึกกำลังสำคัญของวงการค้าปลีกระหว่างประเทศ โดยผสานทักษะความรู้ความเชี่ยวชาญชั้นสูงของผู้บริหารห้างสรรพสินค้าที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กับทีมงานมืออาชีพผู้มากด้วยประสบการณ์ในธุรกิจค้าปลีกระดับพรีเมี่ยมของประเทศไทยที่มีความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคในเชิงลึกอย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของวงการค้าปลีกครั้งแรกในประเทศไทย”
นายณรงค์กล่าวว่า “การเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ของห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น เป็นการส่งสัญญานถึงความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจภายในประเทศไทยของเรา และการร่วมทุนระหว่างทาคาชิมาย่ากับไอคอนสยามในครั้งนี้ ยังเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น และช่วยเปิดตลาดสินค้าไทยในประเทศญี่ปุ่น โดยผ่านเครือข่ายของทาคาชิมาย่าอีกด้วย”
“การสร้างจุดหมายปลายทางที่มีความสำคัญและเป็นที่สนใจในระดับโลกอย่างไอคอนสยาม เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและตอกย้ำสถานของกรุงเทพฯ และประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางของการช้อปปิ้งและการท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจและน่ามาเยี่ยมเยียนมากที่สุด ประกอบกับการเข้ามาเปิดสาขาของทาคาชิมาย่าในโครงการไอคอนสยามแห่งนี้ แน่นอนว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายจากทั่วโลก และสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวทั้งหลายกลับมาเที่ยวกรุงเทพฯ ซ้ำอีกหลายครั้ง ให้สมกับที่กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมมากที่สุดเมืองหนึ่งของโลก” นายณรงค์กล่าว
ทาคาชิมาย่าก่อตั้งขึ้นเมื่อ 180 กว่าปีที่แล้ว เป็นผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าระดับพรีเมี่ยมที่ได้รับการยอมรับและยกย่องชื่นชมมากที่สุดห้างหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น มี 19 สาขาในประเทศญี่ปุ่นและอีก 3 สาขาอยู่ในสิงคโปร์ เซี่ยงไฮ้ และไทเป และในปี 2559 จะเปิดอีก 1 สาขาในกรุง โฮจิมินห์
นายยูทากะ ยามากูชิ กล่าวว่า “เราได้ตัดสินใจร่วมทุนกับไอคอนสยามในครั้งนี้ เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าในภูมิภาคได้มากยิ่งขึ้น และหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทยและก่อให้เกิดการจ้างงานภายในประเทศอีกด้วย ทั้งนี้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของทาคาชิมาย่า เนื่องจากปัจจุบันประชากรในประเทศไทยมีรายได้สูง และเป็นผู้ที่มีรสนิยมดี จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าที่มีอำนาจการจับจ่ายและมองหาสินค้าคุณภาพสูงที่มีจำหน่ายที่ห้างของเราได้อย่างรวดเร็ว”
ห้างสรรพสินค้าทาคาชิมาย่าในโครงการไอคอนสยามจะเปิดให้บริการในปี 2560 โดยจะมีขนาดพื้นที่ประมาณ 36,000 ตารางเมตร ครอบคลุม 7 ชั้น ประกอบด้วยพื้นที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์หรูหราที่ครบครันอาทิ เครื่องสำอางค์ เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับทั้งบุรุษและสตรี ผลิตภัณฑ์ของใช้ในชีวิตประจำวัน รวมทั้งอาหารและเครื่องดื่มคุณภาพพรีเมี่ยมของไทย รวมทั้งจากประเทศญี่ปุ่นและจากนานาประเทศทั่วโลก
ที่สุดของความพิเศษที่แตกต่างไม่เหมือนใครของทาคาชิมาย่า
• ทาคาชิมาย่าแตกต่างอย่างโดดเด่นด้วยคอนเซ็ปต์ห้างสรรพสินค้าที่แปลกใหม่ที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจนักช้อประดับพรีเมี่ยมได้เป็นอย่างอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งทาคาชิมาย่ามีเครือข่ายจัดหาสินค้าที่ไม่เป็นรองใคร จึงรับประกันได้ว่าห้างสรรพสินค้าทาคาชิมาย่าสาขาไอคอนสยามจะมีแบรนด์และสินค้าที่น่าตื่นเต้นเร้าใจหลากหลายจุใจนักช้อประดับพรีเมี่ยมอย่างแน่นอน
• ทาคาชิมาย่ามีผลิตภัณฑ์คุณภาพที่หลากหลายครอบคลุม ภายใต้ ‘แบรนด์ทาคาชิมาย่า’ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในห้างสรรพสินค้าทาคาชิมาย่าสาขาต่างๆ ซึ่งรับประกันว่าจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักช้อปชาวไทย
• ทาคาชิมาย่ามีสินค้า ภายใต้ตราสินค้า ‘Voice File’ ซึ่งเป็นสินค้าแฟชั่นและสินค้าเครื่องใช้ในครัวเรือนขนาดเล็กที่ออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าของ
ทาคาชิมาย่าโดยเฉพาะ
• “นอกจากนี้ ทาคาชิมาย่ายังมีพี้นที่ขาย สามารถวางจำหน่ายสินค้าตามซีซั่นส์ หรือตามฤดูกาลโดยสามารถปรับเปลี่ยนสินค้าภายในร้านให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าตามฤดูกาล ภายใต้การดูแลและให้คำแนะนำโดยทาคาชิมาย่า ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดิสเพลย์หรือการจัดวางสินค้า และตัวสินค้าในร้านค้าอิสระเหล่านี้ จะทำให้ศูนย์การค้าโดยรวมมีความแปลกใหม่ และมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ” นายยูทากะกล่าว
• ทาคาชิมาย่ายังโดดเด่นด้วยการอนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น อาทิ
การนำเสนองานศิลปะและผ้ากิโมโนที่มีคุณภาพสูงสุด
“ประวัติศาสตร์ประเพณีอันยาวนานของทาคาชิมาย่าในการนำเสนอและจำหน่ายงานศิลปะ ซึ่งย้อนไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2452 (หรือ ค.ศ. 1909) ทำให้การจับมือกับโครงการไอคอนสยามมีความลงตัวสมบูรณ์แบบ เพราะไอคอนสยามเองก็มีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์รวมที่เต็มไปด้วยสิ่งดึงดูดในเชิงวัฒนธรรม” นางพาสินีกล่าว
• คุณลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของทาคาชิมาย่าอีกคุณลักษณะหนึ่งก็คือ คุณภาพของการบริการลูกค้า ที่ทำให้การมาใช้บริการของลูกค้าแต่ละครั้งเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและความประทับใจ ส่วนหนึ่งของคุณภาพการให้บริการนี้ คือความเชี่ยวชาญในระดับสูงของพนักงานประจำห้าง ซึ่งพนักงานเหล่านี้ประกอบไปด้วยพนักงานต้อนรับ (Store Concierges) และผู้เชี่ยวชาญด้านการขาย (Sales Specialists)ที่สามารถให้คำแนะนำแก่ลูกค้าเกี่ยวกับรายละเอียดของสินค้าได้อย่างครอบคลุมและครบครัน
กลุ่มห้างสรรพสินค้าทาคาชิมาย่ามียอดขายรวมใน 22 สาขามากกว่า 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 300,000 ล้านบาท) ในปี 2556 และมีพนักงานประมาณ 15,300 คน