FB on September 22, 2014, 08:40:04 AM
“สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” โอบเอว “เวิร์คพอยท์พิคเจอร์ส” เปิดกล้องถ่ายทำ “CAT อ่ะ แว๊บ!” (CAT A WABB!)โรแมนติค-คอมมิดี้อารมณ์เหมียว ยกทีม “เท่ง+โหน่ง+เป้ อารักษ์+ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” ปะทะ “จอนนี่อาตแมว”







           ใช้เวลากว่า 1 ปีเต็มในเรื่องบทภาพยนตร์ วันนี้“สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” และ “เวิร์คพอยท์พิคเจอร์ส” พร้อมแล้วที่จะเผยภาพ “CAT อ่ะ แว๊บ!” (CAT A WABB!) ภาพยนตร์โรแมนติคคอมมิดี้ อารมณ์เหมียว เรื่องใหม่ล่าสุดที่ตลกอัจฉริยะ “เท่ง เถิดเทิง” และ “เป้ นฤบดี เวชกรรม” (สาระแนห้าวเป้ง, สาระแนสิบล้อ, สาระแนเห็นผี และสูบคู่กู้โลก”) ที่ช่วยกันแชร์ความฮา พร้อมเขียนบท และร่วมกำกับภาพยนตร์ นอกจากจะเปลี่ยนลุคส์โดยสิ้นเชิงแล้ว ยังได้คู่พระนางขวัญใจวัยรุ่นอย่าง ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือพิเศษไพบูลย์ ประกบหนุ่ม เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ ปะทะอารมณ์ฮาหงายหลังกับ เท่ง เถิดเทิง และโหน่ง ชะชะช่า อีกต่างหาก และการขึ้นจอภาพยนตร์ครั้งแรกของ จอนนี่ แมวศุภลักษณ์ (อาตแมว)เซเลบแมวชื่อดังในโลกออนไลน์ ที่มีจำนวนกดคลิ้กไลก์มากถึง 2.4 แสนไลค์

          โดยเป็นการเริ่มต้นเปิดกล้องถ่ายทำ 2 ผู้กำกับ “เท่ง-เป้” จากภ.“ CAT อ่ะ แว๊บ!” (CAT A WABB!) ที่แปลว่าแมวหาย! พร้อมเก็บภาพบรรยากาศการทำงานในระหว่างการถ่ายทำที่ยอมรับว่าถึงแม้ตนจะถนัดในการกำกับหนังอารมณ์ดีแต่การกำกับแมวเป็นอะไรที่ยากมากกกกก
เท่ง : มันแน่นอนแมวเขาก็ฟังภาษาเราไม่รู้เรื่อง ก่อนเริ่มจะทำหนังเรื่องนี้เราเขียนบทเราก็ต้องทำใจแล้วว่ามันต้องกำกับยากกับแมว แต่ดูแล้วสนุกสนานมีรอยยิ้ม เราสองคนช่วยกันกำกับถ้าในแง่ทางด้านวิช่วลของภาพต่างๆ แล้วต้องยกให้เป้เขา ส่วนมุกตลอดก็จะเป็นทางผมก็ช่วยๆ กัน ชื่อเรื่องก็ Cat ที่แปลว่า แมวอยู่แล้ว CAT อ่ะ แว๊บ! ก็คือแมวฉันหายนี่แหละ เป็นการเอาคำภาษาไทยมาใช้ แล้วก็อีกอย่างคือ ภาพยนตร์เรื่องนี้เปลี่ยนลุคส์ผมกับโหน่งด้วย แล้วก็เล่นคู่กับเป้กับน้องเฟิร์นด้วย มันก็เป็นหนังสไตล์วัยรุ่น ยังไงเต็มที่เรื่องอารมณ์เหมือนเดิมครับสนุกแน่ฝากด้วยครับ Cat a Wabb!

          เป้ นฤบดี : CAT อ่ะ แว๊บ! เป็นเรื่องราวของ คนทำโฆษณา มีพี่เท่งเป็นเจ้าของบริษัท มีพี่โหน่งเป็นตากล้อง เขาต้องทำโฆษณาที่เกี่ยวกับแมว ซึ่งแต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนที่กลัวแมว ก็พอพี่เท่งกลัวแมวใช่มั้ยครับเพราะฉะนั้นก็เลยผลักภาระให้ลูกน้อง ซึ่งรับบทโดย เป้ อารักษ์ ที่เป็นผู้ช่วยผู้กำกับให้ลองทำดูถ้าทำสำเร็จก็จะได้ขึ้นเป็นผู้กำกับ ซึ่งตั้งแต่ทำหนังเรื่องนี้ก็ทำให้มีแมวเพิ่มมาที่บ้าน 11 ตัวเพื่อศึกษาชีวิตแมว (หัวเราะ) เพราะเราสั่งแมวไม่ได้ ฝึกก็ไม่ได้ เราต้องรอจังหวะเขา เราต้องทำตามแมว แล้วก็เป็นเรื่องแรกที่ได้เจอพี่เท่งแล้วก็เป้เฟิร์นแล้วก็พี่โหน่ง น่าจะสนุกแน่ เตรียมชมกันครับเมษายนปีหน้าครับ

          โหน่ง : ในเรื่องพี่เท่งเขาต้องกลัวแมว แต่ตัวจริงเขาไม่กลัว แต่ผมในเรื่องไม่กลัวแมว แต่ตัวจริงกลัวแมวมาก แต่ก็สามารถเล่นได้จับได้ อุ้มๆ ไม่เป็นเพราะกลัวแมวกัด

          ใบเฟิร์น : ในเรื่องเป็นเด็กฝึกงานที่มีพี่เป้ อารักษ์ เป็นพี่ที่คอยเทรน เฟิร์นก็จะแบบแนวๆ ก็จะกลัวพี่เขา แล้วเวลาฝึกงานก็รู้สึกทำไมจังหวะเราทำอะไรก็พลาดไปหมดเลยนะ แต่มีพี่เป้คอยช่วย จริงๆก็เคยเห็นผลงานของพี่ๆ เขามาก่อนอยู่แล้วค่ะ ก็ได้มีโอกาสมาร่วมงานกับพี่ๆ รับรองว่าก็สนุกแน่นอน แล้วมีมุกใหม่ๆ มาทุกเทคเลยมันก็น่าสนใจค่ะ ก็จะมีกุ๊กกิ๊กกันด้วยเพราะแมวหาย แมวเป็นตัวเชื่อม

          เป้ อารักษ์ : ใบเฟิร์นเขาก็เป็นเด็กฝึกงาน เราก็ชอบ แอบชอบ แต่ว่าก็ชอบแกล้งเขาด้วย แล้วก็ฝึกแมวด้วยคือฝึกทั้งน้องฝึกงานและฝึกแมว ก่อนเปิดกล้องก็ได้เวิร์คชอพกันก็สนุกสนานดีครับ ที่สำคัญพี่เท่ง, พี่โหน่งเขาตั้งใจทำงานมากครับ คิดมุกใหม่ตลอดทุกเทคเลยครับ
« Last Edit: January 19, 2015, 10:01:32 AM by FB »

FB on January 19, 2015, 10:02:16 AM
“2 เป้มั่นใจหนุ่มๆ เตรียมตกหลุมรัก เปลี่ยนลุคส์ตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเล็บ เจ้าตัวยอมรับบทสาวช่างมโน ใน “Cat อ่ะ แว้บ!” น่ารักอยากเล่นตั้งแต่อ่านบท”
 


           หลังจากเคยสร้างปรากฏการณ์ “สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก” ให้ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือพิเศษไพบูลย์” ครองใจหนุ่มๆทั่วไปประเทศ จนดังไกลข้ามไปฮอตต่อในหลายๆประเทศทั้ง จีน,ฟิลิปปินส์ ถึงขนาดเกิดแฟนคลับของใบเฟิร์นขึ้น ในเวบไซต์ weibo มีแฟนคลับมากกว่า 4 ล้านคน (เพียงเวลา 3 เดือน ม.ย.-ก.ย.55 มีแฟนคลับมากถึง 5 แสนคน) บ.สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล และเวิร์คพอยท์พิคเจอร์ส โดยเฉพาะ 2 เป้ ทั้งผู้กำกับเป้ นฤบดี เวชกรรม และพระเอกหนุ่ม เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ มั่นใจว่าบท เมโย เด็กฝึกงานหน้าใหม่ ประจำบริษัทโฆษณา ที่ดันไปเกิดอาการจิ้น กับ พี่มอร์ (เป้-อารักษ์) พี่เทรนผู้ช่วยผู้กำกับโฆษณารุ่นพี่ ในบริษัทตั้งแต่แรกเห็น จะทำให้หนุ่มๆทั้งประเทศตกหลุมรักใบเฟิร์น โดยเฉพาะอย่งยิ่งคาแรคเตอร์สาวใสสายมโน ที่ชอบตกอยู่ในโลกฟรุ้งฟริ้งสีชมพู ของตัวเองจะทำให้หนุ่มๆหัวใจพองโตในทุกๆ ฉาก ไม่ว่าจะตอนประกบกับคน หรือประกบกับแมวใน “Cat อ่ะ แว้บ!” ภาพยนตร์คอมมิดี้-โรแมนติค ที่มีความหมายของชื่อว่าแมวหาย

          เป้ อารักษ์ : “ผมว่าใครที่เข้าไปดูก็จะรักเมโย ทุกคนนะ ผมรู้สึกว่าตอนที่เล่นกับน้องใบเฟิร์นแล้ว รู้สึกว่าน่ารักจริง ๆ ครับ ดูกุ๊กกิ๊กๆ มั่นใจครับ เหตุผลที่คนจะเข้าไปดูเพราะน้องใบเฟิร์นเป็นอย่างแรกเลยนะ”

          ในขณะที่ตัว ใบเฟิร์นนางเอกสาวสวย ยอมรับว่านี่เป็นบทที่ตัวเองหลงรัก และอยากเล่นตั้งแต่อ่านบทเลยทีเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งความน่ารักของบทและตัวละครแถมงานนี้ได้เปลี่ยนลุคส์ทั้งตัวเลยทีเดียว

          “(หัวเราะ) ตอนอ่านบทรอบแรกนี่ คิดว่าอยากเล่นเลย อยากเล่น อยากถ่าย ตลกมาก เพราะตอนอ่านบทแล้วนั่งขำ หัวเราะคิกคักกับพี่ๆ เพราะมีการอ่านบทร่วมกัน พร้อมกัน บทน่ารักจริงๆ ค่ะ ตอนเฟิร์นอ่านรอบแรกนี่คือนอกจากด้วยความตลก ความขำแล้ว คาแรคเตอร์คือเปลี่ยนตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย ตอนแรกก็คุยกันว่าจะทำแบบไหนดีนะให้เก๋ๆ แนวๆ แล้วแบบวัยรุ่นเห็นแล้วเก็ท การแต่งตัวก็มีสไตล์ ละเอียดแม้กระทั่งสีเล็บ คือเฟิร์นว่ามันน่ารักมาก เล่นเองรู้สึกว่าวันนี้ได้เป็นเมโยอีกแล้วอย่างนี้เลยค่ะ รู้สึกว่าใกล้ตัวมาก เขาเหมือนวัยรุ่น เหมือนเกือบจะมองตัวเองด้วยซ้ำ แต่แค่ชีวิตจริงอาจไม่มีโอกาสแต่งตัวแนวเท่านี้เองค่ะ แล้วก็มีความมโน มีความช่างฝันตรงกับชีวิตจริงของผู้หญิงที่เขาคิดแบบนี้ชัวร์ หรือชอบเพ้อเจ้อไปเอง ซึ่ง น่ารักมากค่ะ”
 
          เตรียมพบกับอีกหนึ่งลุคส์ที่หนุ่มๆ หรือสาวๆ หลายคนเห็นแล้วลุกขึ้นยกมือคอนเฟิร์มว่าน้องใบเฟิร์นน่ารักจริงๆ อดใจรออีกนิด 4 มี.ค. นี้กับ “Cat อ่ะ แว้บ!” ทุกโรงภาพยนตร์
« Last Edit: January 19, 2015, 03:12:28 PM by FB »

FB on January 23, 2015, 03:12:10 PM
ดัน CAT ให้ดัง! ชวนมาชะแว้บ ใน แคท อ่ะ แว้บ!


 
          บ.สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล และ เวิร์คพอยท์พิคเจอร์ส ร่วมกับ “Cat อ่ะ แว้บ!” ภาพยนตร์คอมมิดี้-โรแมนติค ขอชวนส่งภาพเจ้า CAT ของคุณในท่าทางซน / ซ่า / บ้า / สนุก / หงอย / เหงา ให้มันสุดๆ ลุ้นให้เจ้า CAT ได้มาชะแว้บ บนโปสเตอร์ภาพยนตร์ แคท อ่ะ แว้บ! ร่วมกับอาตแมว เซเลปแมวชื่อก้อง, เป้ อารักษ์, ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก และ 2 คู่หูสุดป่วน เท่ง-โหน่ง พร้อมรับรางวัลพิเศษจากภาพยนตร์

          หมดเขตส่ง 31 มกราคมนี้

          เผยโฉมโปสเตอร์ พร้อมกัน 14 กุมภาพันธ์ ทาง fb/sahamongkolfilmint

          อยากดังต้องโชว์ โอกาสแจ้งเกิดรอคุณอยู่นะ!!!

กติกา
1. ส่งภาพแมวของคุณในท่าทางซน ซ่า บ้า สนุก หงอย เหงา ให้มันสุดๆ (สามารถส่งมาได้หลายท่าทาง) พร้อมระบุชื่อแมว, เจ้าของ และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อพร้อมแนบไฟล์รูปแล้วส่งมาที่ movieactivity@sahamongkolfilm.com โดยจะต้องเป็นภาพแมวเต็มตัว
2. ภาพจะต้องเป็นลิขสิทธิ์ของคุณเอง และ สามารถนำไปใช้เพื่อการโปรโมทภาพยนตร์ได้ โดยส่งได้ไม่จำกัดจำนวนภาพ
3. ขนาดภาพที่ส่งต้องไม่ต่ำกว่า 2 MB ความละเอียดไม่น้อยกว่า 300 dpi
4. เริ่มส่งได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ม.ค. 2558
5. รางวัลพิเศษ คือ ภาพแมวของคุณที่อยู่บนโปสเตอร์โปรโมทภาพยนตร์เรื่อง แคทอ่ะแว้บ!
6. การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด

FB on February 02, 2015, 12:24:13 PM
Movie: แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” (CAT A WABB!)












สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับ เวิร์คพอยท์พิคเจอร์ส
ชวนกันมายิ้มร่ารับศักราชใหม่ 2558 กับ
ครั้งแรกบนแผ่นฟิล์มของ “จอนนี่แมวศุภลักษณ์”
สุดยอดเซเลปเหมียวยักษ์แห่งโลกออนไลน์ที่มียอดคลิ้กไลก์มากกว่า 3 แสนไลค์
สะกิด “เป้ อารักษ์+ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” เกาะแข้งเกาะขา “เท่ง+โหน่ง”
นี่ไม่ใช่หนังแมว แต่มีแววจะเป็นหนังรัก
“แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” (CAT A WABB!)
กำกับภาพยนตร์โดย “เท่ง เถิดเทิง” แท็คทีมคู่กับ เป้ นฤบดี เวชกรรม
(สาระแนห้าวเป้ง, สาระแนสิบล้อ, สาระแนเห็นผี)
ภาพยนตร์ แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ
กำหนดฉาย 4 มีนาคม พ.ศ.2558
บริษัทผู้สร้าง สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล และ เวิร์คพอยท์พิคเจอร์ส
จัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
บริษัทดำเนินงานสร้าง เวิร์คพอยท์พิคเจอร์ส
ผู้อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ, ปัญญา นิรันดร์กุล, ประภาส ชลศรานนท์
ผู้กำกับ นฤบดี เวชกรรม, พงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ
ผู้ควบคุมการสร้าง พาณิชย์ สดสี
ผู้ดำเนินการสร้าง กาญจนา ไทยถานันดร์
ผู้กำกับภาพ พนม พรมชาติ
เขียนบท กฤษณะ จิตรเนาวรัตน์, อิษรา เวชกรรม, ปรัชญ์ เนียมศรี, โรมรัน โจงจาบ
กำกับศิลป์ ชยพล วัฒนธัณกิจ
ลำดับภาพ นฤบดี เวชกรรม,พิชานนท์ วงศ์วิทยาเมธากุล,โรมรัน โจงจาบ
ดนตรีประกอบ Banana
ออกแบบเครื่องแต่งกาย วัลลภา ตั้งมิตรเจริญ
ฟิล์มแล็บ G2D
บันทึกเสียง G2D
ทีมนักแสดง อารักษ์ อมรศุภศิริ, พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์?, พงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ์, ชูศักดิ์ เอี่ยมสุข, จอนนี่แมวศุภลักษณ์ (อาตแมว)

เรื่องราวของ “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” (CAT A WABB!)
          เมโย (ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) นักศึกษาสาวใสสุดมั่นตัดสินใจสมัครเข้าฝึกงานในบริษัทเอเจนซี่โฆษณาของโดด (เท่ง เถิดเทิง) ผู้กำกับมือทองสุดเฮี้ยบ และ เฟียต (โหน่งชะชะช่า) ตากล้องเครางามขั้นเทพหุ้นส่วน แต่กลับกลายเป็นว่าเพียงแค่วันแรกเธอก็ดั๊นไปตกหลุมรักมอร์ (เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ) พี่เทรนสุดหล่อผู้ช่วยผู้กำกับแมวให้เป็นพรีเซนเตอร์เพื่อเลื่อนขั้นเป็นผู้กำกับเต็มตัว งานนี้มอร์มอบหมายให้เมโยดูแล “จอนนี่” แมวพระเอกตัวอ้วนกวนโอ๊ยสุดเลิฟของมร.โคบายาชิ ทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันจนสาวเจ้ามโนเอาเองว่าพี่มอร์มีใจให้!!! ในขณะที่ความรักฉบับมโนของเมโยกำลังงอกงาม ท่ามกลางกองถ่าย จู่ๆ เจ้าจอนนี่ก็ดั๊นมาหายแว๊บบ!!! ไปซะอย่างงั้น เป็นอันต้องวุ่นกันถ้วนหน้า แต่ก่อนที่ปรากฎการณ์แมวหายจะสลายมโนของทุกคน เมโยจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อตามหาเจ้าแมวตัวป่วนตัวนี้ให้เจอ ความรักของเมโญจะหยุดอยู่แค่ในมโนหรือไม่ อนาคตผู้กำกับของมอร์จะรุ่งหรือร่วง และบริษัทเอเจนซี่ของโดดกับเฟียตจะผ่านวิกฤตสุดหินชิ้นนี้ไปได้อย่างไร มาตามลุ้นกันได้ใน Cat a Wabb!!! #แบบว่ารักอ่ะ
« Last Edit: February 02, 2015, 03:40:55 PM by FB »

FB on February 02, 2015, 12:25:50 PM
ใครเป็นใครในหนังเมียวอารมณ์ดี
“แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” (CAT A WABB!)
จอนนี่
          แมวไทยพันธุ์ศุภลักษณ์เพศผู้ เปรียบได้กับลูกรักของ มร.โคบายาชิ ลูกค้าชาวญี่ปุ่นคนสำคัญที่ว่าจ้างบริษัทโฆษณาที่เมโยฝึกงานอยู่ หน้าตาและท่าทางดูกวนๆ แบบมีเอกลักษณ์ กำลังจะกลายเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาตัวใหม่ ที่ทั้งบริษัทต้องทั้งขุน ทั้งดัน ให้จงได้
เมโย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์)
          นักศึกษาชั้นปี 4 เอกสายมโน ส่วนโทน่าจะเป็นนิเทศน์ เด็กฝึกงานหน้าใหม่ประจำบริษัทโฆษณา ที่ปิ๊งพี่เทรนตั้งแต่แรกเห็น หน้าที่สำคัญคือรับผิดชอบดูแล “แมวจอนนี่” พรีเซนเตอร์หนังโฆษณาที่จะชี้เป็นชี้ตายอนาคตในหน้าที่การงานของพี่มอร์
มอร์ ผู้ช่วยผู้กำกับโฆษณา (เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ)
          หนุ่มโสดไม่สนิท ที่อกพึ่งหักดังเป๊าะ หัวใจเลยเปราะบางเล็กน้อย ได้รับความไว้วางใจให้กำกับหนังโฆษณาสุดหินที่มี “แมวจอนนี่” เป็นพระเอก งานนี้ชี้เป็นชี้ตายชีวิตเค้า แถมยังต้องทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลชีวิตและหัวใจ (รึเปล่า) ของเมโยเด็กปั้นนักศึกษาสาวฝึกงานสายมโนที่เข้ามาในชีวิตทำให้โลกเทาๆ ของเขาเริ่มมีสีชมพูเรื่อๆ
โดด ผู้กำกับ...สุดเฮี้ยบ (เท่ง เถิดเทิง)
          เจ้าของบริษัทและผู้กำกับโฆษณามือหนึ่งของวงการ เก๋าทั้งฝีมือและความสามารถ มีความเป็นเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์สูงปรี๊ด กำกับมาแล้วทุกอย่างในโลก ยกเว้น แมว
เฟียต ตากล้องสุดเซอร์ ฮิปสเตอร์เรียกพ่อ? (โหน่ง ชะชะช่า)
          ตากล้องมือหนึ่ง หุ้นส่วนบริษัทของโดด แต่ชอบขัดโดดซะทุกเรื่องจนเหมือนคู่กัด เป็นคนเดียวในออฟฟิศที่กล้าปีนเกลียวแบบปีนแล้วปีนอีกปีนจนถึงที่สุด

ก่อนแมวจะหาย!!!
รายละเอียดงานสร้างของ “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ”
จุดประกายไอเดีย ที่มาที่ไปของ “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ”
หนังรักแบบฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งของสาวชอบมโนกับพี่เทรนสุดหล่อ และ แมว
          ย่างเข้าสู่ปีที่ 9 ที่ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จับมือร่วมกับ เวิร์คพอยท์ พิคเจอร์ส สร้างรอยยิ้มแห่งความสุขคัดสรรเรื่องราวและสร้างความสนุกสนานนำเสนอความบันเทิงในรูปแบบภาพยนต์อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปรากฎการณ์ความสำเร็จของ “โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง” ภาพยนตร์คอมมิดี้-พีเรียดเรื่องแรก ในปีพ.ศ. 2549 ที่มาพร้อมกับความบันเทิงที่แตกต่างจากภาพยนตร์ไทยเรื่องต่างๆ ณ ขณะนั้น
          และในปีนี้ 4 มีนาคม พ.ศ.2558 2 ยักษ์ใหญ่ในวงการบันเทิงไทยพร้อมแล้วที่จะประเดิมมอบความสุข สนุกสนาน รับศักราชใหม่ด้วยการส่ง “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ ” ภาพยนตร์อมยิ้ม ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้งสุดแสนโรแมนติคที่ขนเอาความแปลกใหม่ในไอเดียผสมผสานออกมาเป็นภาพยนตร์โรแมนติคคอมมิดี้ที่บอกเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองความรักที่เป็นตัวแทนของหญิงสาวในพ.ศ.นี้ที่มีเจ้าเหมียวสี่ขาเป็นตัวชูโรงจากการแท็คทีมร่วมกันของ 2 ผู้กำกับฝีมือดี เป้ นฤบดี เวชกรรม ผู้กำกับภาพยนตร์แห่งปรากฎการณ์อย่าง สาระแนห้าวเป้ง, สาระแนสิบล้อ และสาระแนเห็นผี และอยู่เบื้องหลังการแคนดิดศิลปินในเมืองไทยกว่า 500 เทปจากรายการสาระแน ฯลฯ แท็คทีมคู่กันเป็นครั้งแรกกับนักแสดงตลกอัจฉริยะเจ้าแห่งสารพัดมุก เท่ง เถิดเทิง ที่เคยฝากผลงานการแสดงและกำกับภาพยนตร์มาแล้วจาก “เท่งโหน่งคนมาหาเฮีย” และ “เท่งโหน่งจีวรบิน” มาร่วมกันถ่ายทอดมุมมอง แนวคิด และวิธีการกำกับที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครแบบยกกำลังสองร่วมกันเป็นครั้งแรก
          “(นฤบดี เวชกรรม) ก็เริ่มมาจากทางสหมงคลฟิล์ม และ เวิร์คพอยท์ พิคเจอร์ส โดยโปรดิวเซอร์ก็คือพี่โอ๋ พานิชย์ สดสี แกมามีไอเดียว่าอยากจะทำหนังสักเรื่องที่มองผ่านในมุมมองของผู้หญิง คือเราทำหนังเกี่ยวกับผู้ชายๆ สนุกสนานเฮฮาตีลังกาอะไรกันแบบตลกหกคะเมนกันมาเยอะแล้ว ก็เลยรู้สึกว่ามุมมองของผู้หญิงก็น่าสนใจดี ถ้าผู้ชายอย่างเรากลับมามองในมุมผู้หญิงบ้างมันจะเป็นอย่างไร ก็เลยไปนึกถึงชีวิตผู้คนในวงการโฆษณารู้สึกว่ามีเสน่ห์ น่าสนใจ ประกอบกับเราเองมักได้เจอได้ฟังเรื่องราวของน้องฝึกงานผู้หญิงเวลาไปฝึกงานที่บ.โฆษณาเจอพี่ผกก.ที่เก่งๆ มีแนวความคิดแปลกใหม่หรือว่ามุมตลกอะไรของเขายังไงบ้างซึ่งคาแรคเตอร์ตรงนี้จุดประกายและน่าจะหยิบจับมาเล่นได้คิดว่าถ้าทำหนังรักเกี่ยวกับน้องนักศึกษาฝึกงานไปเจอกับพี่เทรนที่เท่ห์ทำงานเก่ง แล้วมโนไปว่าถ้าได้เป็นแฟนกับพี่เขาจะเป็นอย่างไร นั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องแล้วเราก็มาคิดต่อถ้าเกิดพี่เทรนคนนี้ต้องกำกับงานโฆษณาชิ้นหนึ่งที่เป็นแมว แล้วน้องฝึกงานคนนี้จะช่วยพี่คนนี้ยังไง มันก็เลยเกิดขึ้นกลายเป็นโปรเจ็คต์ที่มีทั้งเรื่องรักและเรื่องแมวเข้ามาเกี่ยวซึ่งตัวแมวก็จะมาเป็นทั้งโอกาสและอุปสรรคในความรักของทั้งสองคนนี้
          คืออย่างหมาคนก็เคยเห็นมาแล้ว แล้วมันซ้ำ แล้วก็เคยคิดว่าเป็นยีราฟฟนะ พี่เท่งเคยเสนอยีราฟ เราก็ว่ามันก็น่าสนใจดีนะ(หัวเราะ) ตอนนั้นทุกคนก็เสนอหมดแหละยีราฟ นากมั้ย แต่สัตว์ที่มันใกล้ตัว และเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งที่มันใกล้เคียงกับผู้หญิงก็คือแมว ผู้หญิงกับแมวมีลักษณะที่คล้ายกันบางอย่าง อย่างหนึ่งเลยคือแมวมันจะไม่อยู่กับคนที่ไม่ดูแลมัน มันจะไปอยู่กับคนที่อบอุ่น มันก็จะคล้ายๆนิสัยผู้หญิงเหมือนกันในบางส่วนนะ แต่คงไม่เหมือนกันทั้งหมดหรอก แมวเขาจะเลือกอยู่กับคนที่เทคแคร์ดูแลแล้วก็นิ่มนวลกับเขา”
หลังจากบ่มเพาะแนวคิดขีดร่างไอเดียกว่า2ปี ปรับเปลี่ยนพล็อตและเรื่องราวออกมาเป็นบทภาพยนตร์นับสิบร่าง จนมาลงตัวกับไอเดียที่ว่า “จะเป็นอย่างไรถ้าเรื่องราวความรักระหว่างน้องนักศึกษาฝึกงานสายมโน(ไปเรื่อย)กับรุ่นพี่เทรนในบริษัทโฆษณาจะรุ่งหรือร่วงขึ้นอยู่กับเหมียวยักษ์หนัก10กิโลเป็นตัวแปร” ซึ่งกว่าจะได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ ทีมงานตลอดจนผู้กำกับต้องผ่านการออกค้นหา ศึกษา รวบรวม และกลั่นกรองข้อมูลสำคัญที่จะต้องถูกนำมาถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องราว เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในภาพยนตร์ให้เกิดขึ้นได้ใกล้เคียงกับตัวละครและมีความสมจริงที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง2เส้นเรื่องสำคัญที่จะดำเนินควบคู่ไปตั้งแต่ต้นจนจบนั่นคือเรื่องความรักของคนและเรื่องราวของแมว ถึงขนาดต้องเลี้ยงแมวกันเลย
          “ในส่วนขั้นตอนการทำงานจริงเราก็ต้องเริ่มมาจากการหาข้อมูล เราต้องคุยกับคนโฆษณา คุยกับนักศึกษาจริงๆที่เคยไปฝึกงานจริงๆบ.โฆษณาเอาข้อมูลของเขามาจริงๆ เอามาเซ็ทเอามาเขียน นอกจากนั้นก็เลี้ยงแมวเพื่อที่จะได้ศึกษาว่าคาแรคเตอร์ของแมวเป็นอย่างไรแล้วก็วางน้ำหนักของตัวละครในเรื่องว่าจะเดินทางไปทางไหน คือหนังเรื่องนี้เป็นแนวโรแมนติคคอมมีดี้ หนังรักตลกสนุกสนาน ก็คือเส้นที่มันทิ้งไปไม่ได้ก็คือเส้นรักนะแต่เส้นที่สำคัญอีกเส้นหนึ่งก็คือเส้นของแมว ที่จะทำให้ความรักของคนคู่นี้เดินต่อได้และเกิดอุปสรรคก็เพราะแมว เพราะฉะนั้นบทมันผ่านมาเกือบ10ร่างเลยนะ มีการแก้มีการคุยกัน เพราะตอนเริ่มต้นเราไม่รู้ว่ามันยากยังไง เราเขียนสุดไปเลย เราเขียนให้แมวเป็นนั่น เป็นโน่น เป็นนี่ ไปสุดเลย แต่หลังจากที่ไปศึกษาชีวิตแมว ไปนั่งดูแมว ไปคิดไปลองทำดูกับแมวที่เราเลี้ยงอยู่ ก็เริ่มรู้ว่ามันยากเพราะฉะนั้นเราก็ต้องปรับบทแก้แล้วแก้อีก สำหรับคนที่ทำงานในสายโปรดักชั่นไม่ว่าจะสัตว์เด็กเอฟเฟกต์สลิง ก็คงน่าจะเคยผ่านกันมาหมดแล้ว แต่เรามั่นใจว่าถ้าเจอแมวรับรองเสร็จแน่นอน เพราะในความเป็นจริงแมวมันเป็นสัตว์ที่ไม่ฟังไม่เชื่อ ดื้อแล้วก็บังคับอะไรไม่ได้ ก็เลยเป็นโจทย์สำคัญที่ตัวละครพระเอกในเรื่องของเราคือมอร์จะก้าวข้ามจากการเป็นผู้ช่วยผู้กำกับไปเป็นผู้กำกับโฆษณาเต็มๆตัวได้ย่อมต้องไม่ใช่เรื่องง่ายๆ รวมทั้งพวกเราทีมงานที่กำลังทำภาพยนตร์เรื่องนี้กันอยู่ด้วยหลังจากที่เราพล็อตเรื่องขึ้นมาแล้วว่าแมวต้องทำอะไรบ้างคือไม่มีใครนึกภาพออกหรอกไม่ว่าจะเป็นผู้อำนวยการสร้าง อาร์ทไดเรคเตอร์ หรือว่าใครก็ตาม แม้กระทั่งนักแสดงที่มาอ่านบท ทุกคนยังหันมามองหน้าเลยพี่แล้วมันจะทำอย่างไร คือรู้ว่ามันเป็นภาระหนักแน่ แต่เราก็ยังคิดว่าเฮ้ยมันต้องเป็นไปได้ซิ เราก็เริ่มต้นจากการเลี้ยงแมวก่อนแล้วก็คอยเฝ้าสังเกตุพฤติกรรมแมวว่าไอ้ตัวนี้มีนิสัยแบบนี้ มันชอบแบบนี้ พอสักพักหนึ่งเราจะรู้ว่าแมวและตัวมันจะมีคาแรคเตอร์แตกต่างกันตัวนี้มีนิสัยชอบโลดโผนโจนทะยาน ซน ตัวนี้ชอบความสงบ ตัวนี้ชอบให้จับเบาๆ คือเราจะเริ่มรู้ว่าแมวมันเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นเวลาจอนนี่มากอง จอนนี่ชอบอะไร เราต้องจัดให้ หรือทาโร่ไม่ชอบอะไร ชาร์ลีชอบอะไรก็จัดไป ให้พวกเขาสบายใจก่อนแล้วค่อยเริ่มทำงาน นี่คือสิ่งที่เราจะต้องเรียนรู้ในระหว่างที่กำกับแมว”

จับตา“เป้-ใบเฟิร์น”คู่มโนที่ใครๆก็ลุ้นใครๆก็จี๊ดให้ตกหลุมรัก
พลิกคาแรคเตอร์ 360 องศาเปลี่ยนลุคแปลงร่าง “ เท่ง-โหน่ง”
          นอกจากการระดมทีมงานติวเข้ม และเตรียมตัวทำการบ้านอย่างหนักนิดที่ว่าทุกคนล้วนหายใจเข้า-ออกเป็นเสียงเหมียวเหมียวและพากันเข้าเป็นสมาชิกชมรมคนรักหมียว โจทย์สำคัญของโปรเจกต์ “แคทอ่ะแว้บ!”ที่มองข้ามไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง นั่นคือการวางตัว4ซุป’ตาร์นักแสดงแม่เหล็กที่จะมาถ่ายทอด 4 ตัวละครหลักของภาพยนตร์พร้อมกับภารกิจสร้างสรรค์บุคลิกพลิกตัวละคร360องศาปรับลุคแปลงโฉมเหล่านักแสดงทั้ง4ให้ชิคแอนด์คูลดูฮิปสเตอร์ที่สุด โดยเริ่มจากคู่จิ้นสุดมโนพี่เทรน-น้องฝึกงาน โดยตัวพี่มอร์ที่มาพร้อมความหล่อกวนติสต์ในแบบฉบับของผู้ช่วยผู้กำกับโฆษณาขวัญใจสาวๆ ที่ไม่ว่าจะแต่งไหนก็ล้วนแต่เท่ห์ในสายตาของสาวมโนอย่างเมโย ซึ่งงานนี้หนุ่มเป้ อารักษ์ อมรศุภศิริก็ไม่ทำให้ผิดหวังถึงขนาดทำการบ้านและหอบหิ้วคาแรคเตอร์หนุ่มโฆษณาที่ตัวเองตีความแตกโจทย์ให้แตกแล้วนำมาเสนอกับพี่เป้พี่เท่งผกก.แถมยิงยาวถึงแอ็คติ้ง ท่าทาง การพูดจาให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงกันเลยทีเดียว
          เป้ นฤบดี “ เราเลือกเป้ อารักษ์ มาเล่นเป็นมอร์ ตัวเป้เองมีเพื่อนที่เป็นผู้ช่วยผกก.ที่เขาพอจะเอาreference มาใช้ในเรื่อง เป้ก็จะเอามานำเสนอว่าเป็นคาแรคเตอร์อย่างนี้ดีมั้ย เราก็เอามาจูนกัน ส่วนตัวเฟิร์นเองยังเป็นนักศึกษาอยู่ก็ดีเลยเพราะเรื่องใกล้ตัวมากแค่ลดประสบการณ์เกี่ยวกับวงการนี้ออกไป ให้ใสๆมาเลย ก็จินตนาการกันมาแล้วก็มาเวิร์คช็อพ คือนักแสดง ทั้งคู่มีของกันอยู่แล้วเราก็มีหน้าที่ลดนี่นิดเพิ่มนั่นหน่อยจนทั้งสองคนนี้เขาเชื่อว่าตัวเขาคือมอร์และเธอก็เชื่อว่าเธอคือเมโย พอทำงานกันไปสักพักทีมงานก็เชื่อว่าเฮ้ย2คนนี้คือมอร์กับเมโยเขากำลังจะรักกัน มันก็โอเคเลยนะ”
          ในขณะที่สาวใสน่ารักอย่างน้องใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ในบทเมโยนักศึกษาชั้นปี4สาวใสที่แอบมโนกับพี่เทรนเรียกได้ทั้งปิ๊งและถูกใจอยากเล่นทันทีที่อ่านบท
          “ ตอนอ่านบทรอบแรกนี่ คิดว่าอยากเล่นเลยอยากเล่น อยากเล่น อยากถ่าย ตลกมาก เพราะตอนอ่านบทแล้วนั่งขำ หัวเราะคิกคักกับพี่ ๆ เพราะมีการอ่านบทร่วมกัน แล้วคาแรคเตอร์ที่ได้รับคือเปลี่ยนตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย ตอนแรกก็คุยกันว่าจะทำแบบไหนดีนะให้แบบเก๋ๆแนวๆ แล้วแบบวัยรุ่นเห็นแล้วแบบเกท แล้วอยากทำตาม การแต่งตัวก็แบบมีสไตล์ ตรงสไตล์คือละเอียดแม้กระทั่งสีเล็บ คือเฟิร์นว่ามันน่ารักมาก เล่นเองรู้สึกว่า วันนี้ได้เป็นเมโยอีกแล้วอย่างนี้เลยค่ะ แล้วยิ่งพอย้อนกลับมาเป็นตัวเองหันไปดูเมโยแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย เขาใกล้ตัวมาก เขาเหมือนวัยรุ่น เหมือนเกือบจะมองตัวเองด้วยซ้ำ แต่แค่แบบชีวิตจริงอาจไม่มีโอกาสแต่งตัวแนวเท่านี้เองค่ะ แล้วก็มีความมโนมีความช่างฝันแล้วมันเป็นแบบ มันตรงกับชีวิตจริงของผู้หญิงที่แบบเฮ้ยชัวร์ เขาคิดชัวร์ ใช่ หรืออะไรอย่างนี้ เพ้อเจ้อไปเอง ซึ่งบทนี้มันน่ารักมาก มีการหยิบศัพท์วัยรุ่น แบบตามเว็บไชต์ ตามพันทิพ อะไรอย่างนี่ มาเป็นแบบกรุบกริบน่ารักค่ะ(หัวเราะ)”
          และเมื่อเริ่มต้นทำงานทั้งคู่ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง กลับกันจากครั้งแรกที่มีการเวิร์คชอพ ฟิตติ้ง ซ้อมการแสดงร่วมกัน รวมไปถึงซ้อมเข้าฉากกับแมวจอนนี่ จนกระทั่งถึงวันที่เปิดกล้องถ่ายทำ พูดได้ว่านอกจากทั้งคู่จะละลายพฤติกรรมในภาพความเป็นนักร้องและนักแสดงซูเปอร์สตาร์ที่เห็นกันชินตา มาเป็นพี่ผู้ช่วยผู้กำกับโฆษณาขี้เก๊กและน้องฝึกงานสายมโนจอมกวนได้อย่างน่ารักและน่าหมั่นไส้ ซึ่งผกก.อย่างเท่ง เทิดเถิงย้ำถึงเคมีทางด้านการแสดงของทั้งคู่ว่า
          “คือในเรื่องราวหลักของหนัง “แคท อ่ะ แว้บ!# แบบว่ารักอ่ะ” เราจะได้เห็นบรรยากาศความรักของเด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวที่เกิดขึ้นในบริษัทเราระหว่างพี่ผู้ช่วยผู้กำกับโฆษณากับน้องฝึกงานเราจะได้เห็นการแสดงของเป้กับน้องใบเฟิร์นหรือไอ้มอร์กับเมโย ซึ่งเป็นตัวแทนของวัยรุ่นทั่วๆไปในยุคนี้ที่มีความรักแบบใสๆ แค่มองตากันแล้วโลกมันปิ๊งปั้งสีชมพู ดูฟรุ้งฟริ้งๆสดใสๆ ยิ่งไอ้ตอนที่มีการแชทไลน์หากัน อารมณ์แบบอมยิ้มๆ ช่างมโนไงแอบชอบพี่เขา ไอ้เราอยากจะบอกรักเขา คือต่างคนต่างไม่กล้าบอกว่าเริ่มมีใจให้กันแล้ว ก็อาศัยสื่อผ่านกับพวกเครื่องไม้เครื่องมือพวกนี้แหละ มือถือ แท็บเล็ต จะบอกดีไหมนะ มันจะลุ้นเลย แล้วยิ่งพอเราได้ดูได้เห็นทั้งในหนังแล้วการทำงานนะ อดคิดไม่ได้ว่าคู่นี้ทีแรกตอนถ่ายทำก็มีแอบสงสัยเหมือนกันนะว่าคู่นี้ท่าทางจะมีข่าวว่ารักกันจริงๆ เพราะเขาแสดงได้เนียนมาก เป้กับเฟิร์นเนียนมาก อารมณ์ของความรักของวัยรุ่น โอเคเลย แล้วตีบทแตกด้วย”
          และแน่นอนว่าไม่เพียงแต่พี่ๆนักแสดง ทีมงานและผู้กำกับ แม้แต่ตัวหนุ่มเป้ อารักษ์เองที่รับบทพี่มอร์ก็ยอมรับว่าด้วยบทภาพยนตร์ ตัวเรื่องราว คาแรคเตอร์ ตลอดจนความสัมพันธ์ของตัวละครคู่นี้ที่น่ารักและโดนใจซะขนาดนี้อย่าว่าแต่คนแสดงเลย มั่นใจว่าคนดูก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกหลุมรักเมโยจากการแสดงของน้องใบเฟิร์นเหมือนกับที่ตนเองก็รู้สึกไปแล้วในระหว่างการถ่ายทำ
          “น้องใบเฟิร์นทำได้ดีมากครับ ในเรื่องนี้ใครดูก็คงต้องชอบเขานะ เพราะน่ารักมากในเรื่อง น่าจะชอบหมด หน้าตาแบบนี้ แต่งตัวแบบนี้ โผล่มาในกองแล้วทำมาเป็นชอบเรา โดนหมดครับ ไม่รอด โดนชอบกลับหมดนะ (หัวเราะ) กลับกันแล้วในส่วนของตัวพี่มอร์เองถ้าถามว่าเขาจะรู้สึกประทับใจเมโยตอนไหน ตรงที่หน้าตาน่ารักก่อนเลยตอนแรก แล้วยังเป็นคนจิตใจดีรักสัตว์อีก แล้วยิ่งพอเขามาชอบเราด้วยเราก็รู้สึกแบบเฮ้ย น่าจะเวิร์คมั้ง เหตุผลที่คนดูจะชอบ ผมว่ามันน่าจะเป็นเรื่องราว ผมว่าใครที่เข้าไปดูก็จะรักเมโยทุกตัวนะ ผมรู้สึกว่าตอนที่เล่นกับน้องแล้วรู้สึกว่าน่ารักจริง ๆ น้องเขาเล่นทำออกมาให้ดูกุ๊กกิ๊กซะขนาดนี้ เชื่อว่าคนที่เข้าไปก็เข้าไปดูใบเฟิร์นอย่างแรกนะ แล้วก็พี่เท่งพี่โหน่งที่เราจะได้เห็นเขาเล่นแบบไม่ยอมกันเลยนะ เขาไม่ยอมหยุดในการปล่อยมุก ต้องฮาแน่นอนครับแล้วก็คนที่ชอบแมวก็คงได้ไปดูแมวในแอ็คชั่นต่างๆ”
          นอกเหนือจากพาร์ทโรแมนติค แล้วอารมณ์คอมมิดี้แบบจัดเต็มจากการกลับมาแท็คทีมวาดลีลาปล่อยมุกทางด้านการแสดงของ เท่ง เถิดเทิง และโหน่งชะชะช่า (2ซูเปอร์สตาร์ตลกระดับแถวหน้าของเมืองไทย) ในบทของโดด ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาฝีมือดีเจ้าของบริษัทสติ และ เฟียตตากล้องโฆษณาสุดแนวแถมติสต์สุดๆ ก็เป็นอะไรที่มองข้ามไปไม่ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานนี้รับประกันว่าทั้ง แปลก แหวก ล้ำ ในบทบาทและคาแรคเตอร์ที่แฟนๆแก๊งสามช่ามีสิทธิ์ขากรรไกรค้างและนั่งหลังไม่ติดเบาะ เมื่อเห็นลุคและลีลาการแสดงของทั้งคู่ นี่ขนาดยังไม่รวมเวลาที่ทั้งคู่ต้องเข้าฉากร่วมกับแมวอีกนะ ลองคิดดูละกันขนาดน้องใบเฟิร์น นางเอกของเรื่องถึงขนาดสะดุดลุคใหม่ของพี่ๆทั้งคู่กันเลยทีเดียว
          “พี่เท่งหล่อมากเลยเรื่องนี้ พี่เท่งหล่อจริงๆมาถึงปุ๊บแว่นดำกลม แนวใส่หมวกแบบเท่มากเลย แล้วเวลาเดินกลายเป็นอีกคน เป็นผู้กำกับโฆษณาที่แบบน่ามอง แล้วพูดแบบมีวิธีการพูดที่แบบ ไอ้มอร์ ไอ้ อะไรอย่างนี้ แล้วพี่โหน่งเขามาถึงปุ๊บก็แบบติดหนวดมาเลย แล้วก็โวยวายดุหน่อยเป็นเหมือนตากล้องที่แบบเหมือนเราจะคุ้นเคยกับคนตามกองถ่าย ตากล้องตามโฆษณาอะไรมาบ้าง เฮ้ย เร็ว ๆ ซิสั่งนู้นสั่งนี่แล้วเหมือน แล้วหนูก็จะแบบ โอ๊ะๆ ตกใจจริง เหมือนเด็กฝึกงานจะขนเก้าอี้ตกๆ หล่นๆ ด้วยความเกร็งพี่เขามาก่อน พอพี่เขาเข้าคาแรคเตอร์แล้วพลิกมากค่ะ แต่ว่าความที่ยังเป็นพี่เท่งพี่โหน่งอยู่ก็คือเรื่องมุกตลกเรื่องอะไรที่แบบถ่ายสิบเทคไม่ซ้ำกันสักเทคเลยอย่างนี่ ก็น่ารักค่ะก็ต้องตามให้ทัน”
เท่ง เถิดเทิง “ตอนที่พูดกับพี่เป้(นฤบดี เวชกรรม) ผมไม่อยากให้คนดูเห็นผมกับโหน่งในแบบเก่าๆ เพราะคนดูเห็นในทีวีก็เยอะแล้ว ละครก็เยอะแล้ว อยากเห็นรูปแบบเปลี่ยนลุคไปเลยอย่างนี้เราก็เลยค้นคว้า ในเรื่องเราเป็นเจ้าของบริษัททำโฆษณา เพราะฉะนั้นโดยลุคของการแต่งตัวเราก็จะดูรูปแบบของคนที่ทำโฆษณาเป็นหลัก ส่วนมากก็จะแต่งแนวนี่หมดนะ ตั้งแต่นี่เท้าจรดหัวเลย ดูบุคลิกของนักทำโฆษณา ดูแม้กระทั่งคำพูด การแต่งตัว การการเดิน บุคลิกต่างๆเอามาเป็นตัวเรา แต่แน่นอนลายเซ็นต์ความเป็นเท่งยังคงมีอยู่ ส่วนตัวโหน่งเล่นเป็นตากล้องโฆษณาเป็นทั้งเพื่อนและลูกน้องเราแต่ชอบปีนเกลียวเรา คาแรคเตอร์โหน่งจะเป็นคนรั้น เถียงเจ้าของบริษัท หนวดเคราจะรุงรัง มันไม่มีเวลาที่จะไปตัด นั่นคาแรคเตอร์ของโหน่งก็ถอดมาจากตากล้องทั่ว ๆ ไป แต่ลายเซ็นต์ความเป็นโหน่งก็ยังอยู่คงเดิมนั่นคือความสนุก คือความเป็นคู่หูดูโอ้กัน
          โหน่งชะชะช่า “สำหรับคาแรคเตอร์ในเรื่องนี้ จริงๆแล้วคือต้องบอกว่าตั้งใจเปลี่ยนลุคเลย คาแรคเตอร์บุคลิกการแต่งตัวท่าทางทรงผมหนวดเครา แตกต่างจากเรื่องที่ผ่านๆมาเลย คือผมต้องใส่หนวดใส่เครา ถามว่ายาก มันก็ยาก แต่เพื่อความสนุกสนานของท่านผู้ชม คนดู แฟนๆ เราก็ต้องทำ จริงๆผมก็เป็นคนที่เป็นภูมิแพ้ด้วย พอมาเป็นผู้กำกับภาพมือหนึ่ง ไอ้เราก็คืออาศัยประสบการณ์การทำงานในกองถ่ายหนังหลายๆปีที่ผ่านมาจะคอยสังเกตวิธีการทำงานวิธีคิดของพี่ๆผู้กำกับภาพ ทีมกล้องต่างๆเราก็จดจำบุคลิกลักษณะ คาแรคเตอร์ของพี่ๆเขาแม้แต่วิธีการนั่ง วิธีการจัดแสงจัดอะไร วิธีการพูด คือเราก็จำๆมาแม้แต่วิธีการยืน การนั่ง การเดิน การชี้นิ้ว ท่าทาง การสั่งการ อุปกรณ์ศัพท์แสงเทคนิคต่างๆ ส่วนการทำงานกับพี่เท่งมันเป็นอะไรที่เข้าขากันอยู่แล้ว อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ แล้วยิ่งมาเป็นภาพยนตร์ที่สนุกอยู่แล้วด้วย ไม่ซีเรียส ไม่เครียด สบายๆ แล้วเรื่องนี้มีแมวด้วยก็แปลกใหม่ทีเดียวเลย”

ถึงเวลาหา “แมว”
กระบวนการ “แคสติ้งแมว” จากสารพัดแมวหลากหลายพันธุ์
สะดุด จอนนี่ แมวไทยพันธุ์ศุภลักษณ์ เหมียวยักษ์หนัก10กิโล
มีคาแรคเตอร์ ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนแมวตัวใดใด
          กระบวนการที่เรียกได้ว่ามีความสำคัญแทบจะมากที่สุดของภาพยนตร์เรื่อง “แคท อ่ะ แว้บ! # แบบว่ารักอ่ะ” ก็คือการเสาะแสวงหาแมว เสน่ห์ เอกลักษณ์ความน่าสนใจ ทั้งจากเซเลปแมวชื่อดังในเมืองไทยตลอดจนในโซเชี่ยลต่างๆ ล้วนถูกชักชวนให้มาทำการคัดเลือก หรือ แคสติ้ง เพื่อให้ได้แมวที่เหมาะสมที่สุดที่จะมารับบทตัวละครสำคัญที่จะมาเป็น “แมวหาย” ในภาพยนตร์เรื่อง “ แคท อ่ะ แว้บ! # แบบว่ารักอ่ะ ” จอนนี่อาตแมว หรือ จอนนี่แมวศุภลักษณ์ แมวยักษ์สีทองดำพันธุ์ศุภลักษณ์ หน้านิ่ง ดูเหมือนเบื่อโลก ไม่สนใจใคร ที่สำคัญหนักเกือบ10กิโลกรัม และได้รับการจัดอันดับจากเวบไซต์กระปุกดอทคอมให้เป็น1ใน12เซเลปแมวที่โด่งดังในโซเชี่ยลก็เข้าตาผู้กำกับและทีมงานจนคว้าบท จอนนี่ แมวคุณหนู ที่มร.โคบายาชิ ลูกค้าชาวญี่ปุ่นรักดั่งลูกชาย แมวหนุ่มตัวใหญ่ยักษ์ที่จะกลายมาเป็นตัวแปรสำคัญให้ความรักของสาวมโน เมโยกับพี่มอร์สุดหล่อออกหัวหรือก้อยนั่นเอง
          เท่ง เถิดเทิง “ทำไมเราเลือกจอนนี่ ผมเกิดมาก็เพิ่งมาเห็นนะ แมวที่มันสมบูรณ์ แล้วขนเขาเงา เป็นแมวโหวงเฮ้งดีครับ ซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่องนี้ไง ดูแล้วน่าเกรงขาม ด้วยความเป็นสีดำด้วย แตกต่างจากแมวตัวอื่นๆทั่วๆไป แล้วยิ่งพออยู่ในหนังฉากเปิดตัวเขาแบบ โอ้โห้ นั่งรถมาเหมือนเจ้าพ่อ ถ้าเราลองคิดดู เป็นแมวของยากูซ่า คือแน่นอนต้องเป็นแมวที่ทรงอิทธิพล แมวเสริมบารมี เราถึงเลือกตัวนี้มา
เป้ อารักษ์ “จอนนี่ มันเป็นแมวที่ผมจะเรียกมันว่าไง คือมันนิ่ง มันจะมีจังหวะนิ่งคือจับใส่อะไรมันก็ใส่ได้ จับใส่ชุดอะไรนั่งท่านี้ไม่มีแมวตัวไหนนั่งได้ ดัวยความที่มันคงอ้วนมั่งครับ มันก็เลยนั่งท่านี้ได้ พอมันนั่งท่านี้ได้มันก็เลยเป็นแมวที่สเปเชียล แต่งตัวอะไรก็ได้ แมวทุกตัวมันก็ไม่ค่อยฟังอยู่แล้วล่ะ แต่ว่าจอนนี่มันก็จะตัวใหญ่กว่าปกติ ก็จะมีความดุอยู่บ้าง ก็จะเป็นเสน่ห์ของมันครับ”
          เป้ นฤบดี “เรามีการแคสติ้งแมวก่อน ตอนแรกก็เลือกแมวใดๆ ใครมีแมวหรือแมวที่มีคาแรคเตอร์ในโซเชี่ยลในอะไรเราก็เอามา ไม่ว่าจะเป็นแมวส้ม แมวเปอร์เซีย แมวสฟิงซ์ มาลองดูว่าคาแรคเตอร์จะตรงกับในบทมั้ย ก็ลองมาสั่งมานั่งมายืน ทำทุกอย่างๆที่พล็อตในหนังจะต้องให้แมวทำ สุดท้ายแล้วไปโดนกับจอนนี่ซึ่งเป็นเนตไอดอลในโซเชี่ยลเฟซบุคส์ ซึ่งจอนนี่มีคาแรคเตอร์อย่างหนึ่งคือเป็นแมวที่หน้านิ่ง แล้วก็เป็นแมวศุภลักษณ์ซึ่งเป็นแมวไทยที่หาได้ยากมีคาแรคเตอร์ที่ค่อนข้างชัดเจน แค่วันแรกที่มาก็รู้สึกได้ว่าตัวนี้มีออร่า มีความเป็นธรรมชาติของแมวซึ่งใกล้เคียงกับบทที่เราเขียนไว้ ตรงที่เป็นแมวที่มีความเป็นตัวเองสูง แล้วเวลาซนไม่เหมือนแมวตัวอื่น คือเป็นแมวตัวใหญ่ แต่มีความสามารถที่จะกระโดดสูง ว่องไว คล่องตัว แล้วนิ่งเวลามันจะมอง ไม่สนใจ หันหนี มันมีคาแรคเตอร์ของมันอยู่ ที่สำคัญคาแรคเตอร์ตรงกับบทด้วย นอกจากจอนนี่ในเรื่องแล้วก็จะมีแมวอีก3ตัวที่มีบทบาทสำคัญเช่นมีแมวสีขาวขนฟูลูกครึ่งเปอร์เซีย ขาวสะอาด น่ารัก ตาใสปิ๊ง แล้วก็นิ่งเวลาแต่งชุดเป็นเกอิชา แล้วเหมาะกับเขามากเลยชื่อชาลี แต่จริงๆแล้วก็คือแมวตัวผู้นะ แต่พอแต่งแล้วใช่เลยดูยังไงก็เป็นเกอิชา(หัวเราะ)ฉายามันคือชาลีแมวตุ๊ดส่วนอีกตัวหนึ่งก็คือทาโร่ ทาโร่เล่นเป็นซามูไรญี่ปุ่นตัวร้าย หน้าตามันจะหลุกหลิกเจ้าเล่ห์เป็นคู่ต่อสู้ของจอนนี่แล้วก็ส้มจี๊ดซึ่งในบทเล่นเป็นแมวตัวเมียที่เจ้าของเลี้ยงปล่อยแล้วมันก็มาอ่อยจนจอนนี่ใจแตกเสียงานเสียการส้มจี๊ดนี่เราก็เลือกมาจาก แฟนจอนนี่จริงๆซึ่งในบรรดาทั้งสี่ตัวใครกำกับยากสุดก็น่าจะเป็นส้มจี๊ดยากสุดคือบังคับอะไรไม่ได้เลย อย่างจอนนี่ยังมีความนิ่ง ชาลีก็นิ่ง เรายังพอแคนดิดหรือแอบถ่ายอะไรบางอย่างได้ แต่ส้มจี๊ดนี่ขี้กลัววางปุ๊บวิ่ง ตัวเล็กปราดปรียว เขาไม่อยู่กับที่ บางทีถ่ายไม่ทันด้วย”

FB on February 02, 2015, 12:26:38 PM

ใครว่ากำกับแมวเป็นเรื่องง่าย?
Before and After ขึ้นชื่อว่าแมว ร้องเรียกเหมียวๆ ไหนว่าเดี๋ยวก็มาไง!!
          ด้วยบุคลิกที่มีความเป็นตัวเองสูง รักอิสระ มีความสันโดษ ถ้าเทียบกับศิลปินก็คืออาร์ทติสท์ดีๆนี่เองทั้งๆที่รู้ ว่าแมวไม่เหมือนสุนัขครั้นจะขอมือ ขอแขน หมอบลุกคลาน ไม่ต้องมโนเลย ถึงแม้ว่างานนี้ทีมงานจะทำการบ้านมาอย่างเต็มที่ แต่ครั้นพอถึงเวลาถ่ายทำจริงๆก็ “ไม่ง่าย” แต่ก็ยังมีบางคนที่เชื่อว่า แมวกำกับได้
          โหน่งชะชะช่า “ว่ากันว่าอะไรที่เกี่ยวกับสัตว์เด็กเอฟเฟกต์สลิงนี่ล้วนเป็นเรื่องยาก แต่ผมก็เชื่อว่าไม่น่าเกินความสามารถของพี่เป้ นฤบดี เวชกรรมผู้กำกับของเราและพี่เท่ง เถิดเทิง ไอ้เรื่องแค่กำกับแมวนี่ไม่ยากสำหรับพี่เป้พี่เท่งหรอก จะให้แมวมาใส่ชุดซามูไร ฟันกัน ช้งเช้งๆ แมวโดดสะพาน แมววิ่งหนี ส่วนการทำงานกับแมว ผมว่าความวุ่นวายต่างๆมันเป็นความน่ารักของชีวิตสัตว์อยู่แล้ว ผมว่าความรักของมัน”
แต่ถ้าขึ้นชื่อว่าแมวแล้วละก็ ต่อให้ร้องเรียกเหมียวๆ แต่ไหงไม่ยักจะเห็นว่ามา ถึงกลายเป็นเหตุว่า ทำไมถึงไม่ค่อยมีใครสร้างหนังที่เกี่ยวกับแมว อย่าว่าแต่หนังไทยเลย ย้อนกลับไปดูในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ เราแทบนับจำนวนหนังที่ถูกสร้างขึ้นในโลกที่มีแมวเป็นตัวเอกได้
เป้ อารักษ์ : “ต้องบอกก่อนลยครับว่า ตอนแรกที่อ่านบท ไอ้เรื่องแมวหรือเล่นกับแมว แมวจะแสดงได้มั้ยนั้นผมไม่ติดเลยครับ พอเป็นแมวนี่ ผมนึกว่ามันฝึกได้ตอนแรกนะครับ ตอนหลังมารู้ทีหลังว่าแมวฝึกไม่ได้ ซึ่งอันนี้มันเป็นเรื่องของผู้กำกับแล้วครับ เราก็อาศัยความอดทนเข้าไว้ ตอนที่ถ่ายจะติดที่มันช้าบ้าง ก็จะมีตอนแมวนี่ล่ะครับ แบบว่าทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีนะ เพราะว่าพี่เป้ นฤบดีเขาเป็นคนค่อนข้างเป๊ะ คมกับสิ่งที่เขาต้องการจะใช้ ซึ่งในความจริงตอนแรกมันเหมือนจะเป็นไปได้ครับผม แต่หลังจากการรอการถ่ายด้วยจังหวะคิวหรือสภาพอารมณ์ของแมวแต่ละวันแล้วนี่มันเป็นไปได้ยากครับก็อาจจะต้องช่วยๆกัน ในหลายๆด้านครับทั้งนักแสดงเอง หรือเจ้าของแมว อย่างนักแสดงก็ต้องรอจังหวะ พอสั่งแอ็คชั่นดังเกินแมวก็หนีหรือบางทีอยากให้มันกินอะไรมันก็ไม่กินนะ”
          ใบเฟิร์น : “ทีแรกก็คิดว่าเขาคงมีวิธีหรือไม่ก็แมวคงโดนฝึกมาหรืออะไรอย่างพอมาถ่ายจริง ถึงได้รู้ว่าแมวเป็นสัตว์ที่ฝึกไม่ได้ค่ะ จนถึงตอนนี้นะค่ะตั้งแต่อ่านบทคิดว่าไม่เป็นปัญหาอะไร คือบทมันก็ไม่ยากนิ คิดไว้เอง คงตั้งกล้องไว้เดี๋ยวแมวก็อยู่เฉย ๆ นิ่ง ๆ แต่กลายเป็นว่ามันไม่ได้แม้กระทั่งอยู่เฉยๆค่ะ พอเรามาถ่ายจริงๆ เราจะรู้ว่าเขาคุมไม่ได้แม้แต่เจ้าของเขาก็คุมไม่ได้ เพราะฉะนั้นมันคือการตั้งกล้องรอตลอด คือถ้าเฟิร์นกับพี่เป้เล่นนะ มีกล้องหนังสองตัวกะว่า สองตัวนะ เดี๋ยวเสร็จเร็ว สองตัวอยู่กับแมวหมด เฟิร์นกับพี่เป้เล่นเฉยๆลอยๆยิ้มยืนอยู่ในฉากผ่านๆเป็นตัวประกอบไป ตอนนี้เอาแมวก่อน คือถ้าให้นั่งเขาก็จะเดิน ให้เดินเขาก็เดินไปไหนก็ไม่รู้คือมันคุมยากมากเลยจริง ๆ มันยากกว่าที่เฟิร์นคิดไว้แบบล้านเท่าเลยค่ะ”

รวมกลเม็ดเด็ดๆ และสารพัดเทคนิคในการรับมือกับ
“จอนนี่และชาวคณะ”ที่หลายคนไม่เคยรู้
          และหนทางที่จะทำให้ “แคท อ่ะ แว้บ! # แบบว่ารักอ่ะ” รอด และคลอดออกมาเป็นภาพยนตร์สนุกสนาน เรียกรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะเบิกบานใจแก่ผู้ชมได้ สารพัดกลเม็ดเด็ดๆ ตลอดจนสารพัดเทคนิควิธีในการที่จะรับมือกับจอนนี่และบรรดาเหล่าแก๊งแมวๆที่จะต้องมาโลดแล่นเข้าฉาก จึงถูกงัดมาจากทุกตำรา อะไรที่ว่าเวิร์คๆ ทำแล้วได้ผลต่างถูกหยิบจับและนำมาทดลองกันจนหมดสิ้นงานนี้ จึงต้องอาศัยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของบรรดาผกก.,ทีมงานตลอดจนนักแสดงทั้งคนและนักแสดงแมวโดยเริ่มต้นที่ผู้กำกับเท่ง เถิดเทิงที่ยอมรับว่าเป็นเพราะสปิริทของทุกๆคนและการยอมให้เวลาในการกำกับแมวเยอะขึ้น
          “จำได้ว่าพอบทเสร็จแล้วก็มานั่งอ่านกัน อู้หู มันอู้หูหลายอย่าง อู้หู เฮ้ยมันได้เหรอ จะถ่ายกันยังไงวะ มันโอ้โห เยอะมาก หนักใจทั้งตอนนึกภาพกำกับแมว หรือแม้แต่ตอนที่เราจะต้องแสดง อย่างไอ้ฉากของเรานี่เอาเศษอาหารเอาหนูวางไว้บนอกแล้วให้แมวขึ้นมาอย่างนี่ เราได้ อย่างนี้เราถือว่าได้อยู่แล้ว แต่ผายปอดแมว เฮ้ย มันจะผายยังไงวะ เอาปากไปประกบมัน มันจะไม่กัดเอาเหรอวะ แต่มานั่งคิดว่าไหนๆทำแล้วก็ทำให้สุดๆไปเลยไง ต้องเอาให้สุดทุกๆซีนที่มีแมวอยู่ เราต้องเอาทุกอย่างที่เราจินตนาการไว้ อย่างที่เราคิดเอาไว้ มันจะใช้เวลาเท่าไหร่ก็ช่าง เราต้องเอาบุคลิก อุปนิสัยของแมว ออกมาตามที่เราคิด ต้องบอกว่าที่มันเกิดขึ้นได้เพราะทุกคนมีสปิริตหมด เพราะทุกคนรู้ เป้ก็รู้ น้องเฟิร์นก็รู้ ผมรู้ โหน่งรู้ พี่เป้รู้ คนในกองถ่าย “แคท อ่ะ แว้บ! # แบบว่ารักอ่ะ” รู้หมดว่าการทำงานกับสัตว์นี่มันยาก โดยเฉพาะแมวมันไม่เคยมีใครทำเลยไง เด็กช่างไฟ ตากล้องทุกคนต้องรอแมว เพื่อจะทำอะไรบางอย่างซึ่งเรากำหนดให้แมวทำ เวลาถ่ายต้องเช็คเลยพรุ่งนี้มีแมวไหมมี แล้วเราก็ไม่ทำมันลวก ๆ ทำแบบใจเย็น ๆ ทำกับแมว ถ่ายต้องทำใจเย็น ๆ ใช้เวลาเท่าไหร่ ไม่เป็นไร ใจเย็น ๆ เอาจนให้ออกดีที่สุด คือทุกๆอย่างต้องรอแมว ถ้าแมวไม่เอาก็ไม่ได้ ก็เคยถ่ายแล้วแมววิ่งหนีก็ต้องหยุดกองกันไปตามหาแมว”
          การรับแอ็คติ้งคนตามแอ็คติ้งแมวก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ถูกนำมาใช้กับนักแสดงทุกคนทุกครั้งที่ต้องเข้าฉากร่วมกับเจ้าเหมียวสี่ขาที่แม้แต่นางเอกสาวใบเฟิร์นเองก็ยอมรับว่าไม่ง่าย
          “คือในเรื่องนักแสดงต้องมีสมาธิมากๆนะ ถ้าแมวหลุดออกไปต้องดึงกลับมาที่มาร์ค เราต้องพยายามอุ้มเข้ามาที่มาร์ค แล้วก็มีแบบที่ยากกว่านั้นคือปล่อยแมวหล่นลงไปแล้วแมวต้องวิ่งไปทางนั้น แต่แมววิ่งไปทางนี้ ทุกคนก็ต้องนัดกันว่าห้ามมองทางนี้ต้องมองทางนั้นให้พร้อมกันทุกคน”
          รวมไปถึงการอาศัยมุมมองความสามารถเฉพาะของตัวผกก.อย่างเป้ นฤบดีที่ผ่านประสบการณ์แคนดิด แอบถ่ายมาแล้วอย่างโชกโชน เพื่อการแอบถ่ายแมวในแบบสดๆโดยเฉพาะเวลาแมวเผลอ
          เท่ง เถิดเทิง “ภาพยนตร์เรื่อง “แคท อ่ะ แว้บ! # แบบว่ารักอ่ะ” ก็กำกับสองคนกับพี่เป้ (นฤบดี) ด้วย หนึ่งถ้าเป็นอารมณ์ ภาษามุก อารมณ์แบบเป็นการต่อยอดมุกอะไรอย่างนี้ เราก็จะกำกับในส่วนนี้ แต่ถ้าเป็นอารมณ์ ธรรมชาติ ภาพสวย คือพี่เป้เขาเคยทำเรื่องสาระแนมาแล้วนั่นเป็นการแอบถ่าย การแอบถ่ายนี่ยากมาก สดๆเลย ได้พี่เป้ในส่วนตรงนี้เอามาใช้อะไร เอามาถ่ายแมว เวลาแมวมีปฏิกิริยาที่มันเกิดขึ้นนี่ เราสั่งมันไม่ทำหรอก แต่เวลาเราเผลอหน่อยมันทำ ฉะนั้นแล้วก็ทุกอย่างพี่เป้เขาต้องรัน รันเก็บบรรยากาศสดๆ คือการแสดงสดๆของแมว ซึ่งตอนเรานั่งชมภาพยนตร์ในเรื่องเราอาจจะคิดว่า เฮ้ย แมวน่ารักนะ แมวใคร เชื่องจังเลย สอนได้ยังไง แต่ความจริงเวลาถ่ายจริงๆ มันไม่ใช่นะ นั่นคือการแอบถ่าย แอบถ่ายแมว บางทีนักแสดงเล่นกันนี่ก็เล่นรอจังหวะแมว ยากแต่โจทย์นี่คือพี่เป้เขา ผ่าน สอบผ่าน สบาย หรือไม่ก็ต้องมีเทคนิคมาล่อ สมมติผมกำลังอยู่กับแมว แมวเขาถ้าลูบหัวหรือเกาคางเขาจะอยู่กับเรา แต่อยากให้ไปนี่ ไม่ไปหรอกจะนั่งนี่ ให้ไปไม่ไป ทำไงถึงให้ไป มีวิธี สเปรย์ลม กองถ่ายหนังเขาจะมีสเปรย์ลม ฉีดหน้าเลนส์ ฟี๊ด ๆ เสียงนี้เขาจะไม่ชอบ พอฉีดใกล้ๆ เขาจะตกใจแล้วรีบวิ่งหนีไปเลย”
เป้ นฤบดี “เวลาที่จะให้มันเล่นอะไรต้องมีตัวล่อ จอนนี่เราต้องรู้ว่ามันชอบอะไรไม่ชอบอะไร ชอบคนไหนไม่ชอบคนไหนต้องบอกเลยว่าแมวถ้ามันไม่ชอบ เวลาที่ถูกโยนเข้าไปอยู่ในกองถ่ายมันกลัวอยู่แล้วละ มันตื่นมันผิดที่ผิดทาง แมวปกติมันจะอยู่ในที่ที่มันโอเคนะ ที่บ้านที่อะไรกับคนที่มันคุ้นเคยกับกลิ่นที่มันคุ้นเคย เอาแมวมากองมันตื่นทุกตัว กว่ามันจะนิ่งได้ กว่าจะให้มันทำตามที่เราต้องการได้ ไม่ว่าจะเดินมาหา เดินผ่านกล้อง หยุดมอง เอาแค่นี้ให้มันหยุดมองหรือเดินซ้ายเดินขวา หรือแม้จะให้มันอยู่เฉยๆ ไม่มีทางที่แมวมันจะทำตาม ต้องใช้วิธีแคนดิดเอา แอบถ่ายเอาบ้าง แล้วรอจังหวะเผลอบ้าง ไม่สั่งแอ็คชั่นบ้าง ให้ดารารอแมวบ้าง หรือบางทีถ้าเอาแมว ช่วงที่เเอาแมวหลายๆตัวมาแคสท์มันมีหนีบ้าง แอบหนีไปเลยหายไป3-4ชั่วโมงซึ่งเจ้าของเริ่มใจแป้วแล้ว ประสบการณ์แบบนี้ก็มีจนตอนหลังคือเวลาที่จะถ่ายแมวต้องหาคนบล็อคหรือไม่ก็ต้องถ่ายในที่ปิด ให้แมว คือดูแลยิ่งกว่าพวกดารา”
          รวมไปถึงการรวบรวมเอาสารพัดอุปกรณ์ที่เป็นตัวช่วยพิเศษเผื่อหวังผลในการกำกับจอนนี่ให้ทำหรือไม่ทำอะไร
          เป้ อารักษ์ “จอนนี่จะกลัวเสียงเครื่องปั่น แค่อยากทำให้เขานิ่งได้ก็แค่เปิดเครื่องปั่น ถ้ามีเสียงเครื่องปั่นเขาจะกลัว แล้วเขาจะเชื่อฟัง หรือจอนนี่ชอบเดินเข้าบ้านกระเป๋าของเขา ถ้าเกิดเปิดบ้านกระเป๋ามาล่อ บางทีก็อาจจะอยากเดินเข้า คือต้องบอกว่าโชคดีมากที่จอนนี่กับชาลี(แมวสีขาว)จะนิ่งครับผม คือเขาสามารถนั่งอยู่ในเซทได้ครับ ทาโร่ หมดสิทธ์ครับ ทาโร่นี่ไม่มีทางถ่ายได้เลยครับ หนีแบบกลัวตัวสั่นตลอด”
โหน่งชะชะช่า “มีอยู่ฉากหนึ่งผมพี่เท่งกับจอนนี่ต้องเข้าฉากด้วยกันความยากคือเป็นซีนที่พี่เท่งต้องนอนแล้วแมวต้องขึ้นไปกินอาหารบนตัวพี่เท่งแล้วผมต้องไปอุ้มเอาแมวออก แต่ผมบอกว่าไม่อุ้มดีกว่าพี่ เอาเป็นแบบนี้ดีกว่า คือจริงๆถามว่าแค่ทำปกติเอาอาหารไปวางไว้กว่าแมวมันจะขึ้นไปกินอาหาร แค่นี้ก็ไม่ใช่ง่ายๆแล้วนะ ถ้าเป็นคนสั่งแอ็คชั่น คุณหยิบอาหารมากิน แต่แมวนี่เราจะสั่งเขายังไง เดี๋ยวคุณนะพอ 5 4 3 2 แอ็คชั่นนะ พอแอคชั่นนี่คุณเริ่มเดินขึ้นไปแล้วไปกินอาหารบนนี้ แล้วก็โดดลงมา คือมันสั่งไม่ได้ แต่ทีนี้ด้วยความเป็นโหน่ง ชะชะช่า เป็นเท่ง เถิดเทิง เราอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่กันแล้ว มันก็เลยต้องมีเพิ่มโน้นเพิ่มนี่แต่พี่เท่งเขาไม่กลัวแมวหรอก ชีวิตจริงไม่กลัวแมว แต่ในเรื่องเขากลัวแมว เราก็สร้างสีสัน เพิ่มสีสัน เอาไปยัดจมูกไปยัดปาก ให้แมวขึ้นไปกินบนหน้าเขาเพื่อให้เกิดความสนุกสนานขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้”

ประวัติผู้กำกับ เป้-นฤบดี เวชกรรม
          จบการศึกษาปริญญาตรีคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้กำกับศิลป์ให้กับมานพ อุดมเดช จากกะโหลกบางตายช้า กะโหลกหนาตายก่อน และคว้ารางวัลกำกับศิลป์ยอดเยี่ยมรางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิงจากภาพยนตร์เรื่องฝากฝันไว้เดี๋ยวจะเลี้ยวมาเอา
ต่อมาร่วมงานกับอิทธิสุนทร วิลชัยลักษณ์(ผู้กำกับโหมโรงและลูกบ้าเที่ยวล่าสุด)ในงานโฆษณา และงานละคร จนได้ร่วมงานกับ เพื่อนสนิทอย่างเปิ้ล นาคร ศิลาชัยที่ชวนมาตั้งบริษัทเพื่อทำรายการสาระแนร่วมกันภายใต้ไอเดียที่ว่า “มาทำรายการที่ไร้สาระกันเถอะ”
          เป็นผู้ร่วมก่อต้ังรายการสาระแน และมีส่วนสำคัญในการแคนดิดนักแสดงกว่า 500ชีวิต อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของสาระแนมาตลอด12ปี รับผิดชอบตั้งแต่คิดรูปแบบ สร้างสถานการณ์เลือกแขกรับเชิญไปจนถึงควบคุมการผลิตทั้งหมดก่อนที่ความสนุกสนานมันส์ฮาของสาระแนแต่ละคร้ังจะปรากฎสู่สายตาประชาชน แต่ความฝันลึกๆคือการทำหนังตั้งใจที่จะทำภาพยนตร์มาตลอด10ปีจนกระทั่งรับหน้าที่ในฐานะกรรมการบริหาร (Managing Director) บ.ลักษ์ฟิล์ม ผลิตและสร้างปรากฎการณ์ภาพยนตร์ไทยที่เรียกได้ว่า แปลก แหวก ล้ำโดยร่วมกับบ.สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ผลิตภาพยนตร์ในแนวแคนดิดที่ไม่มีบทภาพยนตร์อย่าง สาระแนห้าวเป้ง ที่ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายเมื่อออกฉายและกลายเป็นปรากฎการณ์ห้าวเป้งทะลุ100ล้าน ตามด้วย “สาระแนสิบล้อ” ภาพยนตร์ในแนวABNORMAL COMEDY ที่มีบทภาพยนตร์เป็นชิ้นเป็นอันเรื่องแรกของทีมสาระแน และปิดท้ายโปรเจ็คต์ในนามสาระแนด้วย “สาระแนเห็นผี” ภาพยนตร์ในแนวสยอง-ฮาที่สร้างจากประสบการณ์จริงของทีมงาน“สาระแน” ก่อนที่จะตอกย้ำลายมือและไอเดียที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวต่อมาในนามบ.พิพัลทรีเดินหน้าลุยงานโปรดักั่นเฮ้าส์อย่างเต็มสูบผลิตภาพยนตร์อารมณ์ดี “สูบคู่กู้โลก”ให้กับสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล หลังจากนั้นได้เข้าไปร่วมงานกับบริษัทผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ในเมืองไทยอย่างเวิร์คพอยท์ โดยรับหน้าที่ผู้กำกับในรายการ “ตลก6ฉาก” ล่าสุดกลับมาสร้างปรากฎการณ์ที่คาดว่าจะเป็นที่จับตามองและเป็นอีกหมุดหมายหนังไทยที่ชวนให้กล่าวถึงอีกครั้งเมื่อจับมือแท็คทีมกับ “เท่ง เถิดเทิง” กำกับ”แมว” ใน “แคท อ่ะ แว้บ! # แบบว่ารักอ่ะ ” ภาพยนตร์โรแมนติคคอมิดี้ที่มีซูเปอร์สตาร์อย่าง เป้ อารักษ์ ,ใบเฟิร์นพิมพ์ชนก,โหน่งชะชะช่า และจอนนี่แมวศุภลักษณ์เป็นตัวชูโรง

ประวัติผู้กำกับ-นักแสดง พงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ์ หรือ “เท่ง เถิดเทิง”
          กว่าจะมาเป็น “เท่ง เถิดเทิง” เจ้าของรางวัลเอเชี่ยน เทเลวิชั่นอวอร์ด สาขานักแสดงตลกฝ่ายชายยอดเยี่ยมที่ชีวิตประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ ผ่านความยากลำบากและประสบการณ์ชีวิตอันหลากหลายตั้งแต่ ปั่นสามล้อ ขายก๊วยเตี๋ยว ล้างจาน เล่นลิเก ก่อนที่จะเข้าร่วมในคณะตลกเล็กๆอย่างมะกอกสามตะกร้า โยกย้ายคณะ ต่อมาเข้าเป็น 1ในสมาชิกตลกคณะชูศรีเชิญยิ้ม ซึ่งได้ร่วมงานกับโหน่งและนุ้ยเชิญยิ้มเป็นครั้งแรก จนถูก“หม่ำ จ๊กมก”เห็นแววดึงมาร่วมคณะออกเดินสายตามคาเฟ่ต่างๆ และได้เข้ามาสร้างสีสันในวงการโทรทัศน์ โดยได้รับการผลักดันจาก “ปัญญา นิรันดร์กุล” แห่งเวิร์คพอยท์ฯ ซึ่งเป็นผู้ตั้งชื่อ “เท่ง เถิดเทิง”ให้ ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในฐานะสมาชิกแก๊งค์สามช่าร่วมกับหม่ำ จ๊กมกและโหน่งชะชะช่า ร่วมสร้างรอยยิ้มและความสนุกสนานให้กับแฟนๆนับล้านๆคนที่เฝ้าดูพวกเขาในรายการชิงร้อยชิงล้าน(ตั้งแต่ปี40) มาเกือบ2ทศวรรษ เคียงคู่กับระเบิดเถิดเทิง(ตั้งแต่ปี39) ปัจจุบันมีงานงานพิธีกรในรายการโทรทัศน์และซิทคอมต่างๆมากมาย อาทิ ชัยบดินทร์โชว์,คุณพระช่วย,เท่งโหน่งผจญภัย,เท่งโหน่งวิทยาคม,ระเบิดเถิดเทิง) ฯลฯ ขณะที่ทางด้านภาพยนตร์กล่าวได้ว่าชี่อของ “เท่ง เถิดเทิง” เป็นที่การันตีถึงความสำเร็จแก่ผู้สร้างมาตลอดไม่ว่าจะเป็น7 ประจัญบาน , หลวงพี่เท่ง ,โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง และเท่งโหน่งคนมาหาเฮียที่กำกับร่วมกับโหน่งะชะช่าทำรายได้มากกว่า 100 ล้านบาท และไปร่วมสร้างสีสันใน โป๊ะแตก ,ตุ๊กกี้เจ้าหญิงขายกบ,จั๊กกะแหล๋น,ใหม่กะหม่ำโดนกะโดน ก่อนที่จะกลับมาร่วมแท็คทีมกับโหน่งชะชะช่าอีกครั้งใน “เท่งโหน่งจีวรบิน” ที่คิดพล็อตเองโดยรับหน้าที่กำกับร่วมกับสมิทธิ์ ทิมสวัสดิ์ นอกจากนี้บทเพลงที่ตัวเองเขียนคำร้องแต่งทำนองและขับร้องเองปีละครั้งอย่าง “กินตับ” “ร้องไห้หาพ่อเธอหรือ” และ “อ๊อดแอด” มียอดฟังและชมมากถึง 25ล้าน ,9.8ล้าน, 27 ล้านวิวในยูทูป และล่าสุดในปีพ.ศ.2558มีภาพยนตร์โรแมนติคคอมมิดี้อารมณ์ดีอย่าง “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” ที่ผลงานการกำกับ “แมว” เป็นครั้งแรกร่วมกับ เป้ นฤบดี เวชกรรม จากสาระแนห้าวเป้ง, สาระแนสิบล้อ, สาระแนเห็นผี, สูบคู่กู้โลก เตรียมเข้าฉาย

BIG STAR IS COMING TO TOWN. ON MARCH 2015
ชื่อในวงการ จอนนี่แมวศุภลักษณ์ ,จอนนี่อาตแมว
ชื่อจริง จอนนี่
อายุ 9 ขวบกว่า
เพศ ชาย
ลักษณะพันธุ์ เป็นแมวพันธุ์ศุภลักษณ์ ซึ่งจัดให้เป็น 1 ใน 4 แมวพันธุ์ไทยที่ยังคงหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบันซึ่งรวมถึงพันธุ์วิเชียรมาศ โกนจา และสีสวาด
ระดับความป็อบปูล่า,ฮอตฮิต
          เป็น1ใน12แมวเซเลปที่โด่งดังในสังคมโลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คซึ่งจัดอันดับโดยเวบไซต์กระปุที่มีแฟนๆเฝ้าติดตามจำนวนมหาศาล นับตั้งแต่การถือกำเนิดของเพจจอนนี่แมวศุภลักษณ์เมื่อเดือนธ.ค.2555 โดยสองสามีภรรยาชาวจังหวัดระนองที่รักและเลี้ยงแมวจอนนี่ที่มักนิยมถ่ายรูปและอัพโหลดลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งถูกเพจชื่อดัง “โหดสัสV2"นำภาพจอนนี่ห่มผ้าจนหนูสีเหลืองนั่งพาดบ่าอยู่ เพื่อล้อเลียนข่าว “เณรคำ”ไปแชร์ จนกระทั่งมีคนนำภาพดังกล่าวไปแชร์ต่ออีกว่า1000ครั้ง เพียงแค่ช่วงระยะเวลาแค่คืนเดียวมีคนมากดไลค์มากมายนับหมื่นไลก์ หลังจากชื่อของ “จอนนี่อาตแมว” หรือ “จอนนี่แมวศุภลักษณ์”ก็เป็นที่รู้จักต่อในวงกว้างยิ่งๆขึ้นไปจนได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทุกแขนง และมีการนำเอาเรื่องราวชีวิตตลอดจนความ“ฮอต”ของจอนนี่ไปถ่ายทอดต่อจนประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงในวงกว้างยิ่งๆขึ้นไปอีก

เอกลักษณ์ความโดดเด่นเฉพาะตัวของ “จอนนี่”
          ปัจจุบันเพจจอนนี่แมวศุภลักษณ์ มีคนเฝ้าตามคลิ้กไลก์เพจมากถึง 312,522ไลค์ พูดได้ว่าในแต่ละวันมีผู้คนเฝ้าติดตามเรื่องราวอัพเดทชีวิตในแต่ละวันของจอนนี่นับหมื่นนับแสนคน คอยติดตามว่าวันนี้จอนนี่จะมาในลุคส์ไหน หรือมีวีรกรรมเด็ดอะไรเกิดขึ้นในชีวิตบ้าง รวมไปถึงวันนี้จะมีภาพและข้อความล้อเลียนข่าวดังหรือแง่มุมอื่นใดในสังคมซึ่งกำลังเป็นนิยมจะถูกจอนนี่ล้อเลียนบ้าง หรือการใช้ชีวิตที่เกิดขึ้นในแต่ละวันกับเพื่อนแมวด้วยกันไม่ว่าจะเป็นแมวคู่ปรับอย่างทาโร่(โร่ศักดิ์)หรือกับมาดามเจนแมวสาวคู่รักของจอนนี่ และส้มจี๊ดแมวสาวคู่จิ้นล่าสุดของจอนนี่ ฯลฯ ว่าวันนี้เดินทางไปเที่ยวเล่นหรือมีกิจกรรมงานอะไรที่ต้องทำบ้าง ฯลฯ
          ด้วยความฮอตของจอนนี่ส่งผลให้ แมวพันธุ์ "ศุภลักษณ์" ซึ่งว่ากันว่าเป็นพันธุ์นิยมที่ชนชั้นสูงในอดีตนิยมเลี้ยงดู เพราะเชื่อว่าผู้ครอบครองจะร่ำรวย เต็มไปด้วยความสุข สุขภาพดี การงานรุ่งเรือง และเป็นที่นิยมเลี้ยงกันทั่วโลกกลับมาเป็นที่รู้จักและกล่าวถึงอีกครั้ง
ผลงานในด้านต่างๆ
          ตลอดระยะเวลาเกือบ2ปีที่ผ่านมาเรียกได้รับจอนนี่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทุกแขนงที่มุ่งทำข่าวและนำเสนอเรื่องราวและความโด่งดังของจอนนี่เฉกเช่นซูเปอร์สตาร์ชื่อดัง อาทิ รายการโทรทัศน์ต่างๆทั้งรายการข่าว,รวมไปถึงรายการบันเทิงวาไรตี้ ไม่ว่าจะเป็น “เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์” ที่นำเสนอโดยพิธีกรชื่อดังอย่างสรยุทธ์,5เช้าข่าวใหญ่ ตลอดจนเวบไซต์ชื่อดังอย่าง sanook.com,kapok.com และสื่อออนไลน์มากมายรวมไปถึงสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ อย่างมติชน รวมไปถึงสื่อหนังสือพิมพ์ประจำท้องถิ่นภาคภาษาอังกฤษขึ้นพาดหัวรายงานการมาเยือนภูเก็ตของจอนนี่ ฯลฯ และเนื่องด้วยความฮอตของจอนนี่นี่เองส่งผลให้ภาพของจอนนี่ได้รับการเผยแพร่ออกไปอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นการล้อเลียนภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่องดังซึ่งกำลังเป็นที่ฮือฮาอยู่ในขณะนี้อย่างThe Hunger Games: Mockingjay Part I และเมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อจอนนี่ได้ไปเปิดบัญชีซื้อสลากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (สลากธกส.) ล่าสุดเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาเหล่าสาวกแฟนคลับจอนนี่แมวศุภลักษณ์ได้เฮกันยกใหญ่เมื่อมีการเปิดเผยออกมาว่าจอนนี่กำลังจะมี “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ!” ผลงานการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกในชีวิตในแนวโรแมนติคคอมมิดี้อารมณ์เหมียวๆ

ประวัตินักแสดง เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ
          ศิลปิน นักร้อง นักดนตรีวงSLUR นายแบบ พรีเซนเตอร์ นักแสดงหนุ่มคลื่นลูกใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ปรากฎตัวต่อสื่อครั้งแรกในปี48 และออกอัลบั้มแรกในปี49 booในสังกัดสมอลล์รูมในฐานะมือกีตาร์ของวง ปีถัดมาได้รับคัดเลือกให้เป็น1 ใน50หนุ่มโสดในฝันโดยนิตยสาร cleo บทบาทในฐานะการแสดงของเขาถูกฉายแววในปีเดียวกันจาก บอดี้ศพ#19 ก่อนที่จะมีผลงานทางด้านการแสดงทางด้านภาพยนตร์ตามมาอย่างอย่างต่อเนื่องทั้งในฐานะนักแสดงนำและนักแสดงรับเชิญ อาทิ รักสามเศร้า,ความจำสั้น แต่รักฉันยาว ,เฉือน,สุดเขตเสลดเป็ด,บุปผาราตรี3.2,ตุ๊กกี้เจ้าหญิงขายกบ,30+โสดON SALE นับจากผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกเมื่อปี50จนถึงปัจจุบันมีผลงานภาพยนตร์มาแล้วกว่า20เรื่อง ถือได้ว่าเป็นนักแสดงชายสุดฮอตขวัญใจผู้ชมอย่างแท้จริงไม่รวมกับผลงานละครที่มีมาต่อเนื่อง ล่าสุดมีผลงานเพลงในนาม “อารักษ์&เดอะปีศาจแบนด์” และมีผลงานพิธีกรรายการ เกษตรซ้าด และในปี58 หนุ่มเป้พร้อมแล้วที่จะกลับมาตอกย้ำภาพลักษณ์หนุ่มอารมณ์ดีใน “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” ภาพยนตร์โรแมนติค-คอมมิดี้ประกบกับนักแสดงสาวใบเฟิร์น พิมพ์ชนก จากสิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารักและการขึ้นจอครั้งแรกของ จอนนี่ศุภลักษณ์แมวสุดฮอตจากโซเชี่ยลออนไลน์ที่มีคนตามไลก์กว่า3แสนไลก์

ประวัตินักแสดง ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์
          นางแบบ นักแสดงสาวที่เรียกได้ว่าความสามารถเกินตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการแสดง ประสบความสำร็จอย่างสูงสุดในการสวมบทเป็น “น้ำ” เด็กสาวที่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่าง เพื่อเอาชนะใจรุ่นพี่(ซึ่งรับบทโดยมาริโอ้ เมาเร่อ)ที่ตนหลงรักจากภาพยนตร์เรื่อง “สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก”ที่กวาดรายได้กว่า100ล้านบาทและทำให้ ใบเฟิร์น กลายเป็นนักแสดงสาวขวัญใจแฟนๆไปทั่วประเทศ และตัวภาพยนตร์เองก็ประสบความสำเร็จจนทำให้ มาริโอ้-ใบเฟิร์น เป็นคู่ขวัญและโด่งดังในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีนจนสร้างปรากฎการณ์ภาพยนตร์ไทยเรื่องเดียวที่เปิดฉายในจีนด้วยจำนวนจอฉาย6,000โรงมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีหนังไทยเรื่องใดในประวัติศาสตร์เคยทำได้มาก่อน ล่าสุดมีการจัดอันดับศิลปินไทยที่มีแฟนคลับชาวจีนติดตามมากที่สุด(มกราคม2558)ในเวบไซต์weibo โดยใบเฟิร์นมียอดผู้ติดตามFollowersสูงสุดเป็นอันดับ1ด้วยยอดแฟนคลับที่ติดตามมากถึง4.8ล้านคน(เพียงเวลา3เดือนกว่าในช่วง มิ.ย.-ก.ย.55มีแฟนคลับมากถึง5แสนคน)
          หลายคนไม่รู้ว่าใบเฟิร์นวัยเด็กคืออดีตนักกีฬายิมนาสติเจ้าของเหรียญรางวัล และในสนามฝึกซ้อมนี่เองคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ได้มีโอกาสแสดงโฆษณาครั้งแรกเมื่อเรียนอยู่ชั้นป.6 เรียกได้ว่าตลอด2ทศวรรษนักแสดงสาวมากความสามารถเป็นที่รู้จักจากมิวสิควิดีโอ,โฆษณาและมีผลงานละครและภาพยตร์ออกมาอย่างต่อเนื่อง
          ในส่วนงานภาพยนตร์ใบเฟิร์นเริ่มต้นจากภาพยนตร์ของสหมงคลฟิล์มฯเรื่อง “นายอโศกกับ น.ส.เพลินจิต” ในปี46 และมีผลงานเรื่อยมาทั้ง ดราม่า,โรแมนติค,คอมมิดี้,สยองขวัญ,แอ็คชั่นออกมาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น 5หัวใจฮีโร่,เล็กเล็กที่เรียกว่ารัก,โคตรสู้โตรโส ฯลฯ ด้วยวัยเพียง22ปี เธอคือนักแสดงสาวที่แฟนๆเฝ้าจับตามองและอยากให้กลับมาถ่ายทอดผลงานทางด้านการแสดงในบทโรแมนติคคอมมิดี้มากที่สุด และในปี2558 มั่นใจว่าหนุ่มๆทุกคนจะตกหลุมรักสาวน้อยใบเฟิร์นอีกครั้งในบทเมโยสาวมโนที่แอบหลงรักพี่เทรนในบ.โฆษณาซึ่งรับบทโดยเป้อารักษ์พร้อมประกบกับแมวจอนนี่ศุภลักษณ์ใน “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” อย่างแน่นอน

ประวัตินักแสดง ชูศักดิ์ เอี่ยมสุข หรือ “โหน่ง ชะชะช่า”
          ก่อนที่จะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ โหน่งเริ่มต้นสู้ชีวิตด้วยลำแข้งตัวเองมาตั้งแต่อายุเพียง11-12 ปี ทำมาแล้วแทบทุกอาชีพ ตั้งแต่ขายพวงมาลัย รับจ้างขูดสีบ้านเก่าตามริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นหางเครื่องอยู่วงดนตรีลูกทุ่งโดยจากบ้านนานถึง 7-8 ปี เคยเป็นเด็กส่งเอกสาร ยืนตะโกนขายผ้าที่สำเพ็ง แม้แต่เต้นคาบาเรต์ที่พัฒน์พงศ์ ฯลฯ ก่อนที่จะมีโอกาสได้อยู่ในทีมตลกคณะต่างๆ โดย1ในนั้นคือคณะตลกชูศรีเชิญยิ้มที่ได้พบกับ ตู้ หรือ เท่ง เถิดเทิงเป็นครั้งแรก และกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในคณะตลกของ หม่ำ จ๊กมก จนชีวิตถึงจุดสูงสุดเมื่อ ปัญญา นิรันดร์กุล แห่ง เวิร์คพอยท์ฯเปิดพื้นที่ให้ หม่ำ เท่ง โหน่ง ในนามของแก๊งค์สามช่า ได้โชว์ศักยภาพในการเรียกเสียงหัวเราะในรายการเกมโชว์อันดับ 1 อย่างชิงร้อยชิงล้าน(ตั้งแต่ปี41) จนเกิดการปฏิวัติโฉมใหม่ของรายการโทรทัศน์เมืองไทยเข้าสู่ยุคทองของตลกทางทีวี นอกจากนี้โหน่งชะชะช่า ยังเป็นกำลังสำคัญที่คอยสร้างสีสันและเติมเต็มความสนุกให้กับรายการต่างๆทั้งในส่วนวาไรตี้เกมโชว์และซิทคอม อาทิ ชัยบดินทร์โชว์,สงครามเท้าไฟ,ระเบิดเถิดเทิง,เก่งยกห้อง,เท่งโหน่งผจญภัย,ตลก6ฉาก,ขบวนการ3ช่า,เท่งโหน่งวิทยาคม ฯลฯ
          ขณะที่งานภาพยนตร์ โหน่งชะชะช่า ก็มีผลงานการแสดงมากมาย อาทิ ฟอร์มาลีนแมนรักเธอเท่าฟ้า,เอ๋อเหรอ,สายล่อฟ้า,โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง แท็คทีมกับคู่ซี้อย่างเท่ง เถิดเทิงกำกับภาพยนตร์ร่วมกันเป็นครั้งแรกจากไอเดีย มุกแก๊ก ต่างๆที่ทั้งคู่คิดค้นร่วมกันจนเกิดเป็นเรื่องราวสนุกสนานในแบบฉบับของเท่งโหน่งใน “เท่งโหน่งคนมาหาเฮีย” และมีผลงานการแสดงภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องอาทิ 32 ธันวา, โป๊ะแตก , มือปืนดาวพระเสาร์,จั๊กกะแหล๋น,ใหม่กะหม่ำโดนกะโดน ,เท่งโหน่งจีวรบิน และในปี58 พร้อมกลับมาแท็คทีมกับเท่ง เถิดเทิงอีกครั้งในรอบ4ปี โดยคราวนี้ยอมเปลี่ยนลุคส์แปลงโฉมอย่างเต็มพิกัด พร้อมสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะควบคู่กับคู่มโนขวัญใจวัยรุ่น เป้ อารักษ์ และใบเฟิร์นพิมพ์ชนก พร้อมกับปะทะกับ “จอนนี่แมวศุภลักษณ์”เป็นครั้งแรกในภาพยนตร์คอมมิดี้โรแมนติคอารมณ์เหมียวเหมียว “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ”

FB on February 04, 2015, 01:38:30 PM
Movie Guide: นี่ไม่ใช่หนังแมว แต่มีแววจะเป็นหนังรัก “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” (CAT A WABB!)





แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ (Official Trailer)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=tEifxTkBTjE" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=tEifxTkBTjE</a>

    เรื่องราวความรักของสาวเมโย (ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) นักศึกษาสาวใสสุดมั่นตัดสินใจสมัครเข้าฝึกงานในบริษัทเอเจนซี่โฆษณา­ของโดด (เท่ง เถิดเทิง) ผู้กำกับมือทองสุดเฮี้ยบ และ เฟียต (โหน่งชะชะช่า) ตากล้องเครางามขั้นเทพหุ้นส่วน แต่กลับกลายเป็นว่าเพียงแค่วันแรกเธอก็ดั๊­นไปตกหลุมรักมอร์ (เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ) พี่เทรนสุดหล่อผู้ช่วยผู้กำกับแมวให้เป็นพ­รีเซนเตอร์เพื่อเลื่อนขั้นเป็นผู้กำกับเต็­มตัว งานนี้มอร์มอบหมายให้เมโยดูแล “จอนนี่” แมวพระเอกตัวอ้วนกวนโอ๊ยสุดเลิฟของมร.โคบา­ยาชิ ทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันจนสวเจ้ามโนเอาเองว่าพี่มอร์มีใจให้!!! ในขณะที่ความรักฉบับมโนของเมโยกำลังงอกงาม ท่ามกลางกองถ่าย จู่ๆ เจ้าจอนนี่ก็ดั๊นมาหายแว๊บบ!!! ไปซะอย่­างงั้น เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต้องติดตาม

    “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ”
     4 มีนาคม 58 นี้ ในโรงภาพยนตร์
« Last Edit: February 06, 2015, 02:45:04 PM by FB »

FB on February 09, 2015, 03:06:22 PM
เท่ง-โหน่ง แท็คทีมเล่น “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” ยึดสไตล์คนโฆษณาเปลี่ยนลุคแปลงโฉมพลิคคาแรคเตอร์ 360 องศา






 
          ช่วงนี้แฟนๆ แก๊งสามช่านอกจากจะได้เฮ และฮาไปกับลุคใหม่ถอดด้ามพลิกคาแรคเตอร์ 360 องศาแปลงร่างใหม่หมดของ คู่หู “เท่ง เถิดเทิง และ โหน่งชะชะช่า” จากการกลับมาแท็คทีมร่วมกันสร้างสีสัน รอยยิ้ม และความสนุกสนานแบบจัดเต็มบนจอภาพยนตร์ใน “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” ชนิดที่ว่าอัดแน่นความแปลก แหวกให้สมกับที่ห่างหายไปในรอบ3ปี แน่นอนว่าสำหรับหนังรักอารมณ์ดีที่มีน้องเหมียวเป็นตัวชูโรงเรื่องนี้ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล และ เวิร์คพอยท์พิคเจอร์ส หมายมั่นตั้งใจมากๆ ส่ง เป้ นฤบดี เวชกรรม ผกก.บ้าพลังไอเดียแหวกที่เคยสร้างปรากฎการณ์ สาระแนห้าวเป้ง,สาระแนสิบล้อและสาระแนเห็นผีมา แท็คทีมกำกับภาพยนตร์ร่วมกับ เท่ง เถิดเทิง โดยเฉพาะ ทำให้งานนี้นอกจากแฟนๆ จะได้สัมผัสกับอารมณ์รักแบบฟรุ้งฟริ้งสุดมโนของคู่จิ้น ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก กับ หนุ่มเป้ อารักษ์ แล้ว ยังเป็นการขึ้นจอครั้งแรกของจอนนี่แมวศุภลักษณ์ที่กำลังฮอตอยู่ในโซเชี่ยลขณะนี้ และที่สำคัญยังมีทีเด็ดอยู่ที 2 คู่หูเท่งโหน่งที่จะมารับบทเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาสุดแนว และ ผู้กำกับภาพของภาพยนตร์โฆษณาติสต์แตก คู่ซี้คู่กัดที่ดูเหมือนว่ส เจ้าตัวจะถูกอกถูกใจเป็นพิเศษกับลุคใหม่ถอดด้ามยึดสไตล์คนโฆษณาระดับท็อปของเมืองไทยเป็นแนวทาง แถมทำการบ้านกันเต็มเหนี่ยวเพื่อให้ 2 คาแรคเตอร์กลั่นออกมาได้จี๊ดถูกใจผู้ชมที่สุด

          เท่ง เถิดเทิง : ตอนที่พูดกับพี่เป้ นฤบดี เวชกรรม ผมไม่อยากให้คนดูเห็นผมกับโหน่งในแบบเก่าๆ เพราะคนดูเห็นในทีวีก็เยอะแล้ว ละครก็เยอะแล้ว อยากเปลี่ยนลุคไปเลย ก็มาลงตัวกับคาแรคเตอร์นี้เป็นเจ้าของบริษัททำโฆษณา เพราะฉะนั้นโดยลุคของการแต่งตัวเราก็จะดูรูปแบบบุคลิกของคนที่ทำโฆษณาเป็นหลัก ตั้งแต่เท้าจรดหัวเลย ดูแม้กระทั่งคำพูด การแต่งตัว การเดิน บุคลิกต่างๆ เอามาเป็นตัวเรา ส่วนบทเฟี๊ยตที่โหน่งเล่นก็ให้เป็นตากล้องโฆษณามือหนึ่งของเมืองไทย ก็ให้เปลี่ยนลุคเหมือนกัน จะออกติสต์ๆ หน่อย มีไว้หนวดเครารุงรัง ก็ถอดแบบมาจากตากล้องทั่วๆ ไป แต่ลายเซ็นต์ความเป็นเท่งโหน่งก็ยังอยู่คงเดิมนั่นคือความสนุก คือ ความเป็นคู่หูดูโอ้กันเป็นเส้นเรื่องราวความสนุกสนานนอกเหนือจากเรื่องราวความรักของพระเอกเป้ อารักษ์ กับน้องใบเฟิร์น ที่มีเรื่องแมวเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะต้องทำโฆษณาที่เกี่ยวกับแมวที่ลูกค้าคนญี่ปุ่นเขามาจ้างให้เราทำโฆษณาเกี่ยวกับแมว แต่เราดันมีความลับคือเป็นคนกลัวแมว ก็เลยให้ลูกน้องคือเป้อารักษ์ทำแทน แต่ดันปรากฎว่าแมวหาย แล้วแมวยากูซ่านะ แล้วเราเป็นเจ้าของบริษัทตายละซิ นี่แหละ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายก็เกี่ยวกับแมว

          โหน่ง ชะชะช่า : จริงๆ เราก็ผ่านอะไรมาเยอะนะฮะ ทั้งเล่นหนัง หรือคาแรคเตอร์ต่างๆ กันไป แต่สำหรับคาแรคเตอร์ในเรื่องนี้ต้องบอกว่าเปลี่ยนลุคไปเลย ก็อาศัยประสบการณ์หลายๆ ปีที่ผ่านมา จะคอยสังเกตพี่ผู้กำกับภาพจากหนังหลายๆ เรื่องที่เราเคยทำงานร่วมกันมาดูวิธีคิด วิธีการทำงานของพี่ๆ ผู้กำกับภาพ ทีมกล้องต่างๆที่เขาร่วมงานกับผกก.หนังแต่ละคนว่าเขามีวิธีคิดยังไง เราก็จดจำคาแรคเตอร์แม้แต่วิธีการนั่ง วิธีการจัดแสงจัดอะไร วิธีการพูด มันจะมีศัพท์ของการจัดแสง อย่าง 18 เค 5 เค 6 เค อะไรเยอะแยะมากมาย พวกดอลลี่ มีตัววัดสงวัดแสง ชื่อเรียกมันก็แตกต่างกันออกไปมาใช้ในคาแรคเตอร์นี้คือ เราก็จำๆ มาอะ แล้วเราก็นำมาใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย แล้วต้องบอกว่าพอมาเล่นด้วยกันกับพี่เท่งซึ่งเราเข้าขากันอยู่แล้ว มันก็ยิ่งสนุกขึ้น ไม่ซีเรียส ไม่เครียด ก็ลองอยากให้มาดูกันกับแคท อ่ะ แว้บ มีแมวเล่น แต่มีนิยามว่า ไม่ใช่หนังแมวแต่มีแววว่าจะเป็นหนังรัก แปลกใหม่ดีครับ 4 มีนาคมนี้ทุกโรงภาพยนตร์

          เตรียมพบกับ ลุคใหม่ของ 2คู่ซี้เท่ง-โหน่ง และความน่ารักของเป้-เฟิร์น-จอนนี่ได้ใน “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” 4 มีนาคมนี้ทุกโรงภาพยนตร์

FB on February 16, 2015, 03:36:19 PM
บทสัมภาษณ์ “เป้-อารักษ์ จาก แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ”


 
“บางทีมันก็ยากที่จะบอกความรู้สึกลึกๆ ในใจให้ได้รู้
ได้แต่ถามใจตัวเองว่า รึเปล่า? คิดไปเอง รึเปล่า? พี่เขาจะรู้สึกบ้าง รึเปล่านะ?”
เป้ อารักษ์ กับบทที่สาวๆ จะต้องถามตัวเองด้วยประโยคข้างต้นถึงความรู้สึกของ “พี่มอร์”
ผู้ช่วยผู้กำกับโฆษณาหนุ่ม ทั้งหล่อ ทั้งติสต์ ทั้งแนว พี่เทรนของ
“เมโย” น้องนักศึกษาสาวฝึกงานสายมโนที่หัวใจฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งตั้งแต่สบตาเมื่อแรกเห็น
กับ “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ”
ภาพยนตร์โรแมนติคอารมณ์ดีที่มีน้องเหมียวเป็นตัวชูโรง

Q.ภาพยนตร์ “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” หนังโรแมนติคคอมมิดี้เรื่องใหม่ ที่บอกว่างานนี้นอกจากประกบกับนางเอกน่ารักๆอย่างน้อง ใบเฟิร์น แล้ว ยังต้องประกบกับจอนนี่ แมวเซเลปสุดฮอตในโซเชี่ยลด้วย ก่อนอื่นอยากให้เล่าให้ฟังว่าเป็นไงมาไง
เป้ : พอดีเราเคยร่วมงานกับบริษัท หัวฟิล์มท้ายฟิล์ม ซึ่งตอนนี้เป็นเวิร์คพอยท์พิคเจอร์สนะครับ ดีมากพี่โอ๋ (พาณิชย์ สดสี) โปรดิวเซอร์รวมถึง พี่ต้อย (กาญจนา ไทยถานันดร์) ไลน์โปรดิวเซอร์น่ารักมาก แล้วก็สหมงคลฟิล์มด้วย เป็นทีมงานที่เราแฮปปี้ทั้งเรื่องการโปรโมทการดูแล ก็เรื่องของความตั้งใจในการทำงานครับผม นี่ไม่ได้อวยนะ นี่พูดจริงๆ แล้วก็มีโอกาสที่จะได้เล่นกับพี่เท่งพี่โหน่ง ซึ่งก็เป็นดาราตลกอยู่แล้ว ก็ทำให้ผมมีความรู้สึกว่าอยากจะเล่นหนังตลกอีกครั้งหนึ่ง ยอมรับว่าไม่ได้เล่นหนังตลกมานานแล้วครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นโรแมนติก คอมมิดี้ แต่เรื่องนี้คอมมิดี้นำโรแมนติกมาหน่อยหนึ่ง แล้วก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับนักแสดงที่เรียกว่าเป็นยอดฝีมือ ของยุคนี้ น้องใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ครับผม ซึ่งพออ่านบทแล้วก็ไม่ได้เป็นบทที่ไกลตัวผมมาก หรือว่ายากเกินไปอะไรอย่างนี้นะครับก็น่ารักดีครับ ก็คิดว่าทุกคนที่กำลังจะได้ร่วมงานกันก็น่าจะร่วมกันทำออกมาแล้วแฮปปี้ไปพร้อมกับตัวละคร

Q.แสดงว่าพออ่านบทแล้วคาแรคเตอร์หรือเรื่องราวของภาพยนตร์ต้องมีอะไรสะดุดใจที่ทำให้หนุ่มเป้รู้สึกอยากและตัดสินใจเล่น
เป้ : ผมรับบทเป็น มอร์ ครับเป็นผู้ช่วยผู้กำกับโฆษณาในบริษัทสติ ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของโดย คุณชัยโดด หรือว่าพี่โดด (เท่ง เถิดเทิง) เป็นผู้กำกับมือรางวัล รุ่นใหญ่มีผีมือมาก แล้วก็จะมาพร้อมกับตากล้องคู่ใจ พี่เฟี๊ยต (โหน่ง ชะชะช่า) หนุ่มหนวดขาว ก็จะมีความกวนๆ แบบเพี้ยนๆ นิสัยบางอย่างก็อาจเกิดขึ้นจริงกับคนในกองโฆษณาครับผม แล้วก็จะมีคุณมอร์คนเดียวที่คอยเป็นทั้งมือขวา เท้าขวา มือซ้าย เท้าซ้าย ของคุณโดด คือสั่งอะไรก็ต้องทำ จะเห็นว่าเขาจะเป็นคนที่เสียงดังที่สุดในกองคอยจัดการทุกอย่าง พี่โดดอยากได้อะไรก็ต้องทำให้ได้นะครับ ทนอกจากเรื่องงานแล้วก็ยังมีเรื่องความรักของตัวมอร์ครับผม มอร์ก็เคยมีแฟนคนหนึ่ง ตอนนี้กลายเป็นคนโสด เขาก็เป็นคนที่สาวๆ ออฟฟิศก็ชอบมาเกี้ยวเขาเหมือนกันนะ จนวันหนึ่งมีน้องฝึกงานหน้าใสเข้ามาคนหนึ่ง ชื่อน้องเมโย มาฝึกงานในออฟฟิศสตินี้ มอร์ก็เป็นพี่เทรนก็เป็นคนสอนน้องเขาว่า ทำอะไรยังไง แล้วด้วยความที่เป็นกองโฆษณา มันสอนธรรมดาก็ไม่ได้ ก็จะกวนๆ แกล้งๆ กันตลอด สั่งอะไรน้องก็ต้องทำ แต่น้องก็เหมือนจะติ๋มนะ แต่ความจริงก็ไม่ คือแบบกวนกลับมาตลอด ก็มีความกุ๊กกิ๊กกันเกิดขึ้นในกอง มาถึงวันหนึ่งที่มอร์ก็มีโอกาสที่จะได้ก้าวขึ้นเป็นผู้กำกับ เนื่องจากว่าโฆษณาชิ้นต่อไปที่เขากำลังจะทำกับบริษัทสตินี้ มีลูกค้าเป็นนักธุรกิจญี่ปุ่นอาจจะออกแนวยากูซ่านิดๆ มาจ้างให้กำกับโฆษณาโดยใช้แมวเป็นตัวเอก แล้วพอดีว่าพี่โดดนี่กลัวแมวครับ ก็เลยทำให้มอร์ได้กำกับหนังโฆษณาเป็นครั้งแรก เขาจะเอาแมวของเขาชื่อว่า จอนนี่ เป็นแมวศุภลักษณ์ตัวใหญ่ 10 กิโล ไม่ค่อยฟังใคร แล้วก็ถูกดูแลประคบประหงมอย่างลูกชายมาโดยตลอด มอร์ก็ต้องบังคับเจ้าจอนนี่ฟันดาบ กระโดดได้ กินบะหมี่ ยากมากครับ ซึ่งกลายเป็นว่าเรื่องราวความรักของมอร์ และเมโยจะเกิดขึ้นได้ราบรื่น ก็เพราะว่าแมวให้ความร่วมมือครับ
โดยที่มอร์รับหน้าที่กำกับ เมโยเป็นคนที่ถูกกับสัตว์ ก็รับหน้าที่แคสติ้งดูแลแมวไป แล้วก็ถ้าเกิดว่ามันราบรื่น ความรักของเขาก็น่าจะสมหวังได้เร็วขึ้น แต่ก็มีปัญหามากมาย จนปัญหาสุดท้ายที่มันเกิดขึ้นก็คือแมวพระเอกหายไป มันมีเหตุการณ์ทำให้ได้เห็นใจกันมากขึ้น อย่างนี้จังหวะมันก็จะพาไปเป็นเรื่องของความรักมากขึ้น บวกกับความกวนของคนรอบข้าง ที่ไม่ใช่แค่พี่เท่ง-พี่โหน่ง ทั้งพี่โจ๊ก (อัครินทร์) ที่โผล่ออกมา น้องแอมป์แปรอะไรอย่างนี้ ซึ่งแมวแต่ละตัวก็ไม่ใช่ย่อยครับผม

Q.ฟังๆ ดูแล้วเรื่องราวความรักแบบฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้ง ของน้องฝึกงานกับพี่เทรนที่น่าจะใกล้ตัวกับวัยรุ่นยุคนี้ แถมยังมีเรื่องราวของผู้คนรอบตัว น่าจะเป็นหนังรักยิ้มๆ อารมณ์ดีเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
เป้ : เราตั้งใจ จะเป็นการล้อเลียนกองโฆษณาซึ่งจะมีผู้กำกับที่ บางทีแล้วดุๆ แต่ความจริงแล้วก็คืออยากได้อะไรก็ต้องได้อย่างนั้น จะมีทีมอาร์ตที่ดูเพี้ยนๆ จะมีตากล้องที่เพี้ยนกว่าอะไรอย่างนี้ครับ ของจริงเรื่องงานมันนำไง แล้วความแปลกๆ ของสิ่งที่ทีมเขียนบทเขาได้เจอในกองโฆษณามา มาล้อเล่นอะไรอย่างนี้

Q.ร่วมงานกับน้องใบเฟิร์นครั้งแรกเป็นอย่างไรบ้าง
เป้ : น้องเขาเก่งมากนะครับ ค่อนข้างจะซีเรียสจริงจัง มีความรู้เรื่องการแอคติ้งเยอะมากครับ เยอะกว่าผม เพราะว่าเขาเป็นนักเรียนทางการแสดงด้วยซ้ำ แต่ว่าตัวจริงนอกกองเขาตลกมากครับ เขาจะกวนไปทุกคน แกล้งทุกคน ดูมีความสุขที่อยู่ในกอง ทำให้บรรยากาศรอบข้างมันสดใสขึ้นครับ

Q. หลายๆ คนที่ได้ร่วมงานในภาพยนตร์เรื่องนี้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าบทเมโย ที่ใบเฟิร์นถ่ายทอดออกมาจะทำให้คนดูโดยเฉพาะแฟนๆ มีกรี๊ดแน่ๆ ประมาณว่าใครที่รักน้ำในสิ่งเล็กเล็กฯ นั่นเลย รวมไปถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ในแบบมโนๆ ของน้องฝึกงานกับพี่เทรนด้วย
เป้ : คือผมมองว่ามันเป็นรีแอ็คชั่นนะครับ ต่อการกระทำของตัวละครรอบข้าง น้องใบเฟิร์นทำได้ดีมากครับ ในเรื่องนี้ใครดูก็คงต้องชอบเขานะ เพราะน่ารักมากในเรื่อง หน้าตาแบบนี้ แต่งตัวแบบนี้ โผล่มาในกองแล้วทำมาเป็นชอบเรา โดนหมดอ่ะ โดนชอบกลับหมดนะ

Q.เป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ทำงานกับ 2 ตลกซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทยอย่างพี่เท่ง เถิดเทิง และพี่โหน่งชะช่า
เป้ : ยอมรับก่อนว่า พอรู้ว่าหนังเรื่องนี้มีพี่เท่งพี่โหน่งเล่นด้วย ในใจเราก็คิดว่ามันต้องตลกแน่นอน โดยพาร์ทที่เราเล่นจะเป็นตัวที่นำเสนอในเรื่องราวของความรัก ที่ไปควบคู่กับความตลกของพี่เท่งโหน่ง ก็รู้สึกว่าน่าจะลองดู เราก็ไม่ได้เล่นหนังตลกแบบจริงๆ มานานนะ ยิ่งรู้ว่าเป็นหนังตลกโรแมนติก แล้วก็มีนางเอกที่เก่งกาจมากคนหนึ่งอย่างน้องใบเฟิร์น แล้วพี่เท่งพี่โหน่งก็อยากเจอด้วย แล้วอีกอย่างหนึ่งคือผมชอบภาพยนตร์สาระแนที่ออกมา ที่เป็นพี่สตาร์บัคส์กับพี่หลังเลนส์เล่น ผมว่ามันคลาสสิคนะ เพราะหนังเรื่องนี้มีพี่เป้นฤบดีกับพี่เท่ง เถิดเทิงช่วยกันกำกับด้วย

Q.พูดได้ว่าคงเป็นนักแสดงไม่กี่คนอย่าว่าแต่ในระดับประเทศเลย ระดับโลกเลยก็ว่าได้ที่จะได้ทำงานร่วมกับแมว
เป้ : ตอนแรกที่อ่านบท เรื่องเล่นกับแมว แมวจะแสดงได้มั้ยนั้นผมไม่ติดลยครับ ผมนึกว่ามันฝึกได้ มารู้ทีหลังว่าแมวฝึกไม่ได้ แล้วยิ่งเป็นแมวเลี้ยงธรรมดายิ่งฝึกไม่ได้ แล้วซึ่งอันนี้มันเป็นเรื่องของผู้กำกับแล้วครับ เราก็อาศัยความอดทนเข้าไว้ ตอนที่ถ่ายจะติดที่มันช้าบ้าง ก็จะมีตอนแมวนี่ล่ะครับ แบบว่าทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีนะ เพราะว่าพี่เป้ นฤบดี เขาเป็นคนค่อนข้างเป๊ะ คมกับสิ่งที่เขาต้องการจะใช้ ก็อาจจะต้องช่วยๆ กัน ในหลายๆ ด้านครับทั้งนักแสดงเอง หรือเจ้าของแมวหรือทางด้าน CG อย่างนักแสดงก็ต้องรอจังหวะ พอสั่งแอ็คชั่นดังเกินแมวก็หนี แมวพวกนี้มันเป็นแมวคุณหนูไง มันกินมาอิ่มแล้ว จะมาป้อนในฉากมันไม่กิน เลือกยี่ห้อ ก็สนุกดีครับ ผมเองก็ไม่เคยเลี้ยงแมวด้วยไงครับ แถมในหนังเราไม่ได้มีแมวแค่ตัวเดียวนะครับ มีเป็นสิบ เวลาเราถ่ายหนังจริงๆ มันไม่ได้จบแค่ถ่ายในสตูดิโอนะครับ มันมีการตามหาแมวซึ่งมันค่อนข้างจะยากลำบาก มีการผจญภัยนิดหน่อยเข้ามาเกี่ยวด้วย มีการลุ้นระทึกตามจังหวะของตัวละครก็อยากจะบอกพี่ๆ ที่อยากจะทำหนังแมวนะครับว่า ไม่เขียน CG ก็เอาแมวที่มันฝึกได้มาแต่ผมว่ามันยากครับแต่ว่าตัวนี้มันก็พิเศษไง จอนนี่ หรือว่าตัวชาลีที่เข้าฉากมันน่ารักมาก

Q.พูดถึงนักแสดงคนแล้วคราวนี้มาพูดถึงนักแสดงแมวบ้าง จอนนี่แมวศุภลักษณ์สุดฮอตที่มีคนกดไลก์ในแฟนเพจมากกว่า 400,000 ไลก์
เป้ : จอนนี่ มันเป็นแมวที่จะมีจังหวะนิ่ง คือจับใส่อะไรมันก็ใส่ได้ นั่งท่านี้ไม่มีแมวตัวไหนนั่งได้ ดัวยความที่มันคงอ้วนมั่งครับ เลยเป็นแมวที่สเปเชียล แมวทุกตัวมันก็ไม่ค่อยฟังอยู่แล้วล่ะ ก็จะมีความดุออยู่บ้าง ก็จะเป็นเสน่ห์ของเขาครับ จริงๆ แล้วการที่ต้องแสดง หรือกำกับจอนนี่ นี่เป็นไปไม่ได้เลยดีกว่าครับผม แค่อยากทำให้เขานิ่งได้ ก็แค่เปิดเครื่องปั่นนะ จอนนี่จะกลัวเสียงเครื่องปั่น ชอบเดินเข้าบ้าน บ้านกระเป๋าเขา คือต้องบอกว่าโชคดีมากที่ จอนนี่กับชาลี (แมวสีขาว) จะนิ่งครับผม คือเขาสามารถนั่งอยู่ในเซทได้ครับ ทาโร่ หมดสิทธ์ครับหนีแบบกลัวตัวสั่นตลอด ส้มจี๊ด นี่ยังโอเคก็มีหนีมั่ง นิ่งบ้าง อ๋อ นอกจากนี้มันจะมีแมวอีกตัว เป็นแมวพันธุ์สฟิงซ์ครับ จะกลัวมากตัวสั่น แล้วมันก็โดดหนีครับ แล้วปีนแบล็คดร็อปกระดาษขาดหมดเลย

Q.มีฉากไหนที่ต้องเข้าฉากกับแมวแล้วมีวีรกรรมเด็ดที่ต้องพูดถึงไหม
เป้ : ก็มีเยอะครับอย่างฉากที่ผมกับเฟิร์นต้องเข้าฉากร่วมกับแมวเยอะที่สุดเป็นสิบตัวครับ ซึ่งเป็นช่วงที่เมโยกับพี่มอร์ต้องช่วยกันแคสท์ติ้งแมวครับผมก็จะมีแมวหลายชนิดมากๆ มาให้ดู ก็ยากในการที่เราต้องจับเขาไว้ เพื่อให้เข้าฉาก เราก็ให้ใบเฟิร์นที่เล่นเป็นเมโยแนะนำตัวแมวว่า แมวตัวนี้เป็นตัวอะไร เพศอะไร นิสัยยังไง จะเอาไปเล่นบทไหน แต่ว่าจังหวะก็จะมีแบบเราก็ต้องอิมโพรไวส์ตามแมวที่เขาจะเดินทำอะไร ซึ่งก็เป็นคาแรคเตอร์ของตัวพี่มอร์ที่จะสั่งน้องฝึกงานแบบกวนๆ แกล้งๆ อะไรอย่างนี่ครับ แล้วก็มีเอาแมวไปอาบน้ำ ซึ่งแมวตัวนั้นก็คือจอนนี่ไปอาบน้ำ เจ้าของบอกว่าจอนนี่ชอบเล่นน้ำนะ พอแช่มันหนีตลอดเลย แมวมันควบคุมไม่ได้จริงๆ ครับก็ แฟนๆ จอนนี่น่าจะได้เห็นอะไรที่มันเยอะ

Q.ต้องเข้าฉากกับแมวเยอะที่สุด เรียกได้ว่าแทบจะแค่สองคนกับใบเฟิร์น ตกลงมีรอยรักฝากเล็บจากจอนนี่บ้างไหม
เป้ : มันโดนแต่ว่ามันไม่เจ็บครับ มันกัดผมวันแรกเลย มันหันมา แง่ม เราพยายามจับมันใส่เสื้อครับวันแรก ยังไม่ได้ถ่ายนะครับ เป็นการฟิตติ้ง ผมก็อุ้มไปก็ตะปบผ่านหน้าใบเฟิร์นหนึ่งที่ ใบเฟิร์นก็โดนแต่ว่ามันไม่ได้กางเล็บออกมาแค่ขู่ แล้วก็ตอนหลังผมคงจับมันแรงไปมั่ง มันงับเบาๆ ทีหนึ่ง ทักทาย อย่ามายุ่งอะไรอย่างเนี่ยะครับ ไม่ครับไม่ยุ่ง ใบเฟิร์นนี่กรี๊ดไหว้เลยครับ ไหว้แมว

Q. พูดถึงผู้กำกับ กำกับแมว
เป้ : พี่เป้เป็นคนที่เขารู้ว่าเขาต้องการอะไรครับ แล้วก็รู้ว่าจะตัดแบบไหน ประสบการณ์เขาเยอะมาก แล้วเขาก็ไม่ถ่ายเยอะ เรื่องการถ่ายแมวเขาก็ค่อนข้างจะให้เวลากับมัน คือเขาจะเซ็ทเวลา คือถ้ามีแมวแล้วมันต้องนานแน่นอน แล้วเขาก็พยายามจะกำกับในแบบที่ จังหวะแมวเป็นแบบนี้เราก็ทำตามแบบนี้ ทำให้มันเป็นตามนั้นครับ แต่บางทีมันก็ยากอยู่ดี ไม่ใช่คนธรรมดากำกับไม่ได้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาถึงจะกำกับแมวได้

Q.ทำไม “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” เป็นหนังที่ต้องดู
เป้ : ใครที่เข้าไปดูก็จะรักเมโยนะ ผมรู้สึกว่าตอนที่เล่นกับน้องแล้วรู้สึกว่าน่ารักจริงๆ พี่เท่ง-พี่โหน่งเขาไม่ยอมกันเลย ไม่ยอมหยุดในการปล่อยมุก ต้องฮาแน่นอนครับ แล้วก็คนที่ชอบแมว ก็คงได้ไปดูแมวในแอ็คชั่นต่างๆ ก็อยากจะให้ลองไปชมโรแมนติกคอมเมดี้แบบเมี้ยวๆ เรื่อง แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ นี้ 4 มีนาคมนะครับ รับรองว่า เรื่องนี้จะทำให้ทุกคนมีรอยยิ้มออกมาแล้วก็ สนุกสนานแน่นอน สำหรับคนที่เป็นแฟนแมวเรื่องนี้ไม่น่าจะพลาดนะครับ เพราะว่าเราได้นำแมวซุปเปอร์สตาร์ระดับหลากหลายตัวมาร่วมในฉากหนังเรื่องนี้ คือแมวนี่มันสั่งให้เดินยังยากเลยครับผม อยากจะให้ทุกคนลองมาชมกันดูนะครับว่าทำยังไงให้โรแมนติกคอมเมดี้แบบเมี้ยวๆ เรื่องนี้

FB on February 17, 2015, 01:50:43 PM
“แคสติ้งแมวเล่นหนัง” จับตาดูใบเฟิร์นใจดีสู้แมว แท็คทีมเป้-อารักษ์รับมือน้องเหมียวนับ 10 ตัว ใน “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ”


 
           เป็นนางเอกภาพยนตร์ “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” หนังรักอารมณ์ดี ที่มีน้องเหมียว 4 ขามาป่วน ก่อนเปิดกล้องถ่ายทำผกก.เป้ นฤบดี เวชกรรม และ เท่ง เถิดเทิง ชิงถามก่อนเลยว่า “กลัวแมวป่ะ ถ้าต้องเข้าฉากกับแมว ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ไม่ห่วงเพราะที่บ้านก็เลี้ยงน้องหมาอยู่บ้าง แต่หลังจากที่มีโอกาสเวิร์คช็อปกับ จอนนี่ แมวศุภลักษณ์ แมวพระเอกที่จะต้องเข้าฉากด้วยกัน ทั้งเรื่องเจอฝ่ามือสัมผัส เข้าแก้มบางๆ เข้าอย่างจัง รวมไปถึงพระเอกหนุ่ม เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ โดนงับเป็นการทักทายกันตั้งแต่วันแรก งานนี้คู่พระนางของเราเลยต้องมีการเตรียมตัวเป็นพิเศษ แต่ถึงกระนั้นสิ่งที่หนุ่มเป้ สาวเฟิร์นจะต้องเจอเต็มๆ คือ เข้าฉากร่วมกับแมวต่างสายพันธุ์นับ 10 ตัว ทั้งแมวไทยพื้นบ้าน-สายพันธุ์ต่างชาติ อาทิ เบงกอล, อเมริกันช็อตแฮร์, สฟิงซ์ ฯลฯ ที่เรียงตัวกันมาเข้าฉาก ประกบสาวเฟิร์นที่รับบทเป็น เมโย นักศึกษาสาวฝึกงานเด็กปั้นของ พี่มอร์ (เป้-อารักษ์) ผู้ช่วยผกก.โฆษณาหนุ่มไฟแรง ที่กำลังจะได้เลื่อนชั้นเป็นผกก.ถ้าสามารถรับผิดชอบ ในการกำกับหนังโฆษณาที่มีแมวเป็นพรีเซนเตอร์ได้สำเร็จ

          โดยในฉากนี้สาวเฟิร์นจะต้องช่วยหนุ่มเป้ แคสติ้งคัดเลือกแมวเพียง 1 จากจำนวนทั้งหมดนับ10ตัวเพื่อหาแมวที่เพอร์เฟคต์ที่สุดไปเป็นพรีซนเตอร์โฆษณาให้กับลูกค้าชาวญี่ปุ่น ปกติเข้าฉากกับแมวตัวเดียวก็ทำเอาสาวเฟิร์นต้องตั้งหลักทำสมาธิ คอยสังเกตว่าจะโดนฝ่ามือของน้องเหมียวรึเปล่า แต่นี่แต่ละตัว ก็ล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์บุคลิกความซน ดื้อ ติสต์ เฉพาะตัวแตกต่างไปแต่ละสายพันธุ์อีกต่างหาก งานนี้สาวเฟิร์นแอบบ่นเล็กน้อย เพราะในภาพยนตร์จะต้องโดนหนุ่มเป้ ได้ทีสั่งโน่นให้ทำนี่ตลอดเวลา ในขณะที่ตัวเองถ่ายกล้อง และคอยสั่งการอย่างเดียว

          “ฉากนี้เป็นฉากที่เฟิร์นต้องเปลี่ยนตัวแมวหลายๆ ตัวเข้ามานั่งในฉาก แล้วก็ทดสอบดูว่าแต่ละตัวทำอะไรได้บ้าง เป็นฉากแคสท์ติ้งแมว หาแมวมาเล่นหนังโฆษณาในเรื่อง แต่สำหรับพี่เป้นั่งสัมภาษณ์แมวเฉยๆ ซึ่งจะมีแมวแต่ละพันธุ์เป็นเกือบสิบพันธุ์ไม่ซ้ำกันเลยค่ะ มีแมวพันธุ์หนึ่งที่แบบหน้าตาน่ากลัวมากที่เป็นหนังกลับค่ะ หนังจริงๆ เลย หนูกลัวมาก แล้วคือหน้าเขาดุอยู่แล้ว ลำพังแค่เจอจอนนี่มาหนูก็เริ่มหลอนแมว กลัวเขาจะตะปบ แล้วเขาดุจริงๆ ค่ะ เป็นแมวสฟิงซ์ค่ะ หนูก็ถามพี่เขาแล้วว่าดุไหม ไม่ดุหรอกครับ พอหนูจับตั้งเท่านั้นแหละ ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ แล้วพี่เป้ก็ชอบสั่งเฟิร์นจับยกซิ ให้ต่อยซิ ให้มันชักดาบออกมาฟัน เล่นยังไงค่ะ ลำพังกลัวก็กลัวก็สั่งจังเลย ตอนนั้นหนูรู้สึกกลัวจริงๆ ร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ทั้งหน้า เหมือนแบบมันต้องมีสติพร้อมกระโดดออกให้ทันแมวค่ะ แต่มันก็สนุกนะพอมองย้อนไป แต่หลังจากได้ร่วมงานกับแมวสักพักหนึ่ง จะเริ่มมีรู้เขารู้เรา เวลาถ่ายหนังพออยู่หน้าเซ็ท มันจะวุ่นวายมาก แล้วแมวก็จะร้อน เสียงตีสเลท เสียงไมค์บูมอย่างนี่ พอแมวเริ่ม ม๊าวว ขึ้นมาทุกคนจะแบบถอยหลัง ถ้ามีคนไปยุ่งกับเขา เขาจะแบบกางเล็บแล้วค่ะ แล้วเฟิร์นก็ถอยล่ะ พี่เป้ผู้กำกับสั่งให้ทำอะไร หนูก็จะเริ่มดื้อล่ะ ไม่กล้าเข้าไปเพราะว่าแมวมันจะมีช่วงจังหวะที่เร็วมาก

          รับประกันว่าแฟนๆ ของน้องใบเฟิร์น กับหนุ่มเป้ ได้ฟินอย่างแน่นอนกับฉากน่ารักๆ กับวิธีการรับมือของน้องใบเฟิร์นที่เล่นได้อย่างมืออาชีพสุดๆ กับน้องเหมียวแต่ละตัว งานนี้น้องใบเฟิร์นกระซิบมาว่าไม่ใช่การแสดงค่ะพี่แต่เป็นความรู้สึกจริงๆ ค่ะ สำหรับแฟนคลับโร่ศักดิ์ เพื่อนซี้ของจอนนี่ ประเดิมการแสดงในฉากนี้ เป็นซีนแรกก็เจอหนุ่มเป้ จับโชว์ฟันหล่อแยกเขี้ยวด้วยนะ แต่ 4 มี.ค.นี้ ถึงเวลาของ “แคทอ่ะแว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” ทุกโรงภาพยนตร์แน่นอน

FB on February 17, 2015, 02:10:07 PM
ใบเฟิร์น สาวใสสายมโน ฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งในความรักสีชมพู ใน แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ


 
“ตอนอ่านบทรอบแรกนี่ คิดว่าอยากเล่นเลยนะ อยากเล่น อยากเล่น อยากถ่าย
คือเฟิร์นว่ามันน่ารักมาก เล่นเองรู้สึกว่าวันนี้ได้เป็นเมโยอีกแล้ว
ยิ่งพอย้อนกลับไปดูรู้สึกว่า เฮ้ย!ใกล้ตัวมากเหมือนเกือบจะมองตัวเองด้วยซ้ำ
แล้วก็มีความมโนมีความช่างฝัน ตรงกับชีวิตจริงของผู้หญิงยุคนี้”

ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือพิเศษไพบูลย์ ในบท เมโย
สาวใสสายมโน ฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งในความรักสีชมพู
บทที่เป้-อารักษ์การันตีว่าหนุ่มๆทุกคนต้องตกหลุมรัก
จาก “สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก” ถึง “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ”

Q. แฟนๆ กำลังจะได้ชมผลงานภาพยนตร์เรื่องใหม่ของใบเฟิร์นแล้วเรื่อง “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ”
ใบเฟิร์น : สวัสดีค่ะ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือพิเศษไพบูลย์ กำลังจะมีภาพยนตร์เรื่องใหม่นะคะ เรื่อง “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” รับบทเป็น เมโย ค่ะ เป็นเด็กสาวนักศึกษาปี 4 ค่ะ สดใสสมวัย ร่าเริง แต่ก็มีลุคส์ มีสไตล์การแต่งตัวที่แนวๆ แล้วมีทรงผมเด็กแนวเท่ห์ๆ หน้าม้า ผมฟูๆ บางวันก็กวนๆ เท่ห์ๆ บางวันก็หวานบ้าง เปรี้ยวบ้าง ที่สำคัญเป็นสาวโซเซียล เฟซบุ๊คอะไรอย่างนี้ แล้วที่สำคัญเป็นแบบผู้หญิงมโน๊ มโนค่ะ เป็นนักศึกษาที่มาฝึกงานในบริษัทโฆษณา มีเจ้าของบริษัทเป็นรุ่นใหญ่ เป็นผู้กำกับมือดีมากคือ พี่เท่ง แล้วก็มีเพื่อนสนิทของเขาเป็นตากล้องคือ พี่โหน่ง ค่ะ แล้วก็จะมีแบบทีมงาน หรือว่าบรรดาแก๊งทำโฆษณาที่มีคาแรคเตอร์หลุดๆ หลายคนมาก มีทั้ง อาร์ตไดฯซึ่งก็คือ พี่โจ๊ก(อัครินทร์) มาเท่ห์เลย โหดมาเลย ซึ่งหล่อมากน่ามองมาก แล้วก็มีสายเสื้อผ้า คอสตูมก็มีพี่แอมแปร์ค่ะ มีแคสท์ติ้งเป็นดีเจบุ๊คโกะ แล้วก็พี่ AE เป็นพี่ปอนด์ใจดีทีวีค่ะ
แต่มีอยู่คนหนึ่งเลยค่ะในบริษัทนี้พูดเลยว่ามาแรงแซงโค้งหัวใจเมโย เป็นหนุ่มมาดเซอร์แล้วดีกรีเป็นผู้ช่วยผู้กำกับเลยค่ะ เรียกได้ว่าหล่อเท่ เป็นพี่เทรนเราด้วยเรียกได้ว่าเหมือนมาดูแลเมโยตั้งแต่เริ่มฝึกงาน เรา ผ่านโปรไม่ผ่านโปรขึ้นอยู่กับพี่คนนี้ แต่ว่าเมโยนี่ก็ดันปิ๊งพี่เขาไปแล้ว ซึ่งก็คือ พี่เป้-อารักษ์ ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่าเมโยจะลักกี้อินเกม หรือลักกี้อินเลิฟได้มั้ย มันขึ้นอยู่กับแมวตัวนี้ตัวเดียวล่ะค่ะแมวจอนนี่ เพราะว่าอย่างของพี่มอร์หรือพี่เป้ในเรื่องเขาก็จะได้รับมอบหมายงานชิ้นสำคัญซึ่งเป็นความฝันของเขาเลย เขาก็ได้เป็นผู้กำกับโฆษณาชิ้นหนึ่งที่มีแมวเป็นพรีเซนเตอร์สำคัญมาก แล้วตัวเมโยเองก็ต้องดูแลแมวตัวนี้ ความวุ่นวายมันก็เกิดขึ้นตรงที่ว่าแมวมันดันเป็นแมวสุดรักสุดหวงของลูกค้าคนสำคัญของโฆษณาชิ้นนี้ที่เป็นตัวแปรทุกอย่างเลย แต่มันดันหาย ก็คือไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อ ความยุ่งเหยิงก็เลยเกิดขึ้น จะได้รับไหมงาน จะได้ถ่ายไหม อย่างนี้ก็ต้องติดตามต่อไปค่ะ

Q.จริงมั้ยที่ว่าว่าแค่ใบเฟิร์นได้อ่านบทก็รู้สึกอยากเล่นแล้ว
ใบเฟิร์น : (หัวเราะ) ตอนอ่านบทรอบแรกนี่ คิดว่าอยากเล่นเลยอยากเล่นๆ อยากถ่าย ตลกมาก เพราะตอนอ่านบทแล้วนั่งขำ เพราะมีการอ่านบทร่วมกัน บทน่ารักจริงๆ ค่ะ นอกจากด้วยความตลก คาแรคเตอร์คือเปลี่ยนตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย การแต่งตัวก็แบบมีสไตล์ ละเอียดแม้กระทั่งสีเล็บ เล่นเองรู้สึกว่า วันนี้ได้เป็นเมโยอีกแล้ว ยิ่งพอย้อนกลับมาเป็นตัวเอง หันไปดูเมโยแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย เขาใกล้ตัวมาก เหมือนเกือบจะมองตัวเองด้วยซ้ำ แต่แค่แบบชีวิตจริงอาจไม่มีโอกาสแต่งตัวแนวเท่านี้เองค่ะ แล้วก็มีความมโนมีความช่างฝันแล้วมันเป็นแบบ มันตรงกับชีวิตจริงขอผู้หญิงที่แบบเฮ้ยชัวร์ เขาคิดชัวร์ ใช่ หรืออะไรอย่างนี้ เพ้อเจ้อไปเอง มีการหยิบศัพท์วัยรุ่น แบบตามเว็บไชต์ มาให้เป็นแบบกรุบกริบน่ารักค่ะ

Q. พาร์ทความรักของพระเอกนางเอกเรื่องนี้ที่ว่าฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งมาก เป็นยังไงเล่าให้ฟังหน่อย
ใบเฟิร์น : (หัวเราะ) ก็ความสัมพันธ์ของตัวละครระหว่างมอร์ (เป้-อารักษ์) กับเมโย มันเป็นความสัมพันธ์ที่มันแบบน่ารัก ใส ๆ ใจเต้นตลอด เหมือนกับคนที่เราไปปิ๊งเค้าตั้งแต่ครั้งแรก ด้วยงานการทำหลายๆ อย่างร่วมกัน พอเจอน้องใหม่ก็เหมือนรับน้อง ก็จะมีการอำกัน แกล้ง ซึ่งก็ไม่รู้อันไหนจริงอันไหนเล่น หลังๆ เมโยเริ่มตามทันก็จะมีการเอาคืน เป็นความสัมพันธ์ที่ เอ๊ะ เธอคิดอะไรฉันคิดอะไร อะไรอย่างนี้ ดูเกิดขึ้นจริงในความไม่แน่นอน ความไม่แน่ใจ พอเรารู้สึกชอบใครสักคน แล้วก็เห็นความฝันของใครสักคน แล้วเราแบบอยากจะทำเพื่อความฝันนั้นของเขาไม่ว่าแบบจะเจ็บตัวแค่ไหน หรือเหนื่อยแค่ไหน บางทีความรักที่มันแบบเป็นแรงผลักดัน เป็นความสดใหม่อะไรอย่างนี้มันทำให้เมโยนี่ยอมทำหลายๆ อย่างเลยเพื่อเขาเลยค่ะ

Q.คงต้องเล่าให้ฟังแล้วละว่าเรื่องราวของ “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
ใบเฟิร์น : มันเป็นเรื่องของนักศึกษาฝึกงานคนหนึ่ง ที่เข้ามาทำงานในบริษัทโฆษณาที่เต็มไปด้วยผู้กำกับมือหนึ่ง แล้วก็ทีมงานที่แต่ละคนก็มีคาแรคเตอร์ของตัวเอง แล้วก็ดันไปหลงรักไปชอบพี่เทรนของตัวเอง เป็นผู้ช่วยผู้กำกับด้วย แล้วก็ดันเป็นจังหวะดีที่แบบเขากำลังจะได้ทำโฆษณา เป็นผู้กำกับเอง แล้วเราก็ได้ไปช่วยเขา แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่ามันต้องมีแมว แล้วก็เราดันทำแมวหาย เป็นแมวที่สำคัญมาก สำคัญกับลูกค้า สำคัญกับบริษัท สำคัญกับงานชิ้นนี้ ผู้ชายที่เราไปแอบชอบนี่จะทำงานชิ้นนี้สำเร็จไหม แล้วความรักของเราครั้งนี้ลงเอยไหม แล้วแมวที่หายไปตัวนี้ละ มันจะเป็นยังไงต่อไป เกิดความรักความวุ่นวายในการที่จะต้องออกตามหาแมวต่อไป

Q.ที่บอกว่ามีแมว แล้วตอนอ่านบทพอถึงฉากที่ต้องเข้ากับแมวเล่นกับแมว คิดมั้ยว่าแล้วจะเป็นอย่างไร
ใบเฟิร์น : ใช่ๆ ค่ะแล้วก็ต้องอ่านกับแมว แต่ตอนแมวหนูไม่ติดนะ หนูคิดว่าเขาคงมีวิธี หรือไม่ก็แมวคงโดนฝึกมาพอมาถ่ายจริง ถึงได้รู้ว่าแมวเป็นสัตว์ที่ฝึกไม่ได้ค่ะ คือบทมันก็ไม่ยากนิ คิดไว้เอง คงตั้งกล้องไว้เดี๋ยวแมวก็อยู่เฉยๆ นิ่งๆ แต่กลายเป็นว่ามันไม่ได้ แม้กระทั่งอยู่เฉยๆ ค่ะ เราจะรู้ว่าเขาคุมไม่ได้ แม้แต่เจ้าของเขาก็คุมไม่ได้ เพราะฉะนั้นมันคือการตั้งกล้องรอตลอด คือถ้าเฟิร์นกับพี่เป้เล่นนะ มีกล้องหนังสองตัวกะว่า สองตัวนะ เดี๋ยวเสร็จเร็ว สองตัวอยู่กับแมวหมด เฟิร์นกับพี่เป้เล่นเฉยๆ ลอยๆ ยิ้มยืนอยู่ในฉากผ่านๆ เป็นตัวประกอบไป ตอนนี้เอาแมวก่อน คือถ้าให้นั่งเขาก็จะเดิน ให้เดินเขาก็เดินไปไหนก็ไม่รู้คือมันคุมยากมากเลยจริงๆ มันยากกว่าที่เฟิร์นคิดไว้แบบล้านเท่าเลยค่ะ

Q.ในเรื่องนี้นอกจากแมวแล้วยังเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับซูเปอร์สตาร์ตลกชั้นแนวหน้าของเมืองไทยอย่างพี่เท่งพี่โหน่ง รวมทั้งประกบกับพระเอกอย่างเป้-อารักษ์ด้วย
ใบเฟิร์น : โอ้โห้ เฟิร์นพูดได้เลยว่าเฟิร์นน่ะแอบเกร็งพี่เท่ง-พี่โหน่ง รู้สึกว่าพี่เขาเป็นรุ่นใหญ่น่ะ ทุกวันนี้ก็ยังเกร็งอยู่ แต่ว่าคือพี่เขาน่ารัก คือเฟิร์นจะติดภาพว่าเขาเป็นคนตลก แต่พอเขามาอยู่ในคาแรคเตอร์นี่ เฟิร์นรู้สึกว่าพูดตลอดว่าพี่เท่งหล่อมากเลยเรื่องนี้ มาถึงปุ๊บแว่นดำกลม ใส่หมวกเท่มากเลย กลายเป็นว่าเป็นอีกคน เป็นผู้กำกับที่แบบน่ามอง เขาจะสายอำ แล้วพี่โหน่งเขามาถึงปุ๊บก็แบบติดหนวดมาเลย แล้วก็โวยวายดุหน่อย เป็นเหมือนตากล้องที่เราจะคุ้นเคยกับคนตามกองถ่าย ตามโฆษณาอะไรมาบ้าง สั่งนู้นสั่งนี่แล้วหนูก็จะแบบ โอ๊ะๆ ตกใจจริง เหมือนเด็กฝึกงานจะขนเก้าอี้ตกๆ หล่นๆ พอพี่เขาเข้าคาแรคเตอร์แล้วพลิกมากค่ะ แต่ว่าความที่ยังเป็นพี่เท่งพี่โหน่งอยู่ ก็คือเรื่องมุกตลกเรื่องอะไรที่แบบถ่ายสิบเทคไม่ซ้ำกันสักเทคเลยอย่างนี่ ต้องตามให้ทัน คนเก่งจะเป็นแบบพี่เป้ อารักษ์มากกว่า ต้องอยู่ด้วยบ่อยๆ หนูก็จะแบบโดนสั่งโดนแกล้ง โดนอำ เหมือนสไตน์เด็กฝึกงานเลยล่ะค่ะ

FB on February 17, 2015, 02:10:31 PM
Q. เรื่องนี้ที่ว่าโหดหินคือการกำกับแมวอย่างไรที่จะให้เล่นตามความต้องการ แล้วเรื่องนี้ได้ผู้กำกับไอเดียล้นถึง 2 คน พี่เป้ นฤบดี เวชกรรม กับพี่เท่ง เถิดเทิง แล้วเป็นอย่างไรคนที่ริมากำกับแมว
ใบเฟิร์น: โหที่เขาบอกว่าคนอะไรคิดจะมากำกับแมวใช่ไหมคะ ซึ่งแบบยากจริงๆ แล้วก็กำกับร่วมกัน พี่เป้ พี่เท่งทั้งคู่เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์มาก มีมุมมองมีไอเดียใหม่ๆ ที่เฟิร์นคิดว่ามันเป็นได้ขนาดนี้เลยเหรอ อะไรอย่างนี่ แล้วก็เป็นคนที่มีความอดทน ในการแบบตั้งกล้องรอแมว มันไม่เป็นภาวะตึงเครียดเลยค่ะในกอง เขามีมุมมองใหม่ผุดขึ้นมาระหว่างการถ่ายทำตลอด

Q.ได้ข่าวว่าปกติใบเฟิร์นเป็นคนไม่กลัวแมว แต่กลายเป็นว่าพอถ่ายหนังเรื่องนี้ก็มองแมวเปลี่ยนไป
ใบเฟิร์น : (หัวเราะ) ใช่แรกๆ หนูไม่กลัวแมวเลยค่ะ พี่เป้ผู้กำกับถามว่า เล่นนี่ได้ไหมกับแมว เฟิร์นไม่กลัวค่ะ แล้วไปเจอวันแรก จอนนี่ตัวอ้วนมากเลย อยากจะเข้าไป จอนนี่!! ปึ๊บ ตบหน้า ได้รับน้องหลังจากนั้น พี่เป้ อารักษ์ก็เหมือนกัน มาถึงมันต้องเป็นอย่างนี้เฟิร์น โชว์ใหญ่เลย ปั๊บ ง่ำ แมวกัดนิ้วเป็นรูตั้งแต่วันแรก หลังจากนั้นทั้งสองคนเกรงใจแมวหมดเลย ได้ครับ จอนนี่ สักพักหนึ่งมันจะเริ่มมีแบบ เริ่มรู้เขารู้เรา รู้อารมณ์เขาล่ะว่า เวลาถ่ายหนังพออยู่หน้าเซ็ทมันจะวุ่นวายมาก แล้วแมวก็จะร้อน เสียงตีสเลท เสียงไมค์บูมอย่างนี่ พอแมวเริ่ม ม๊าวว ขึ้นมาทุกคนจะแบบถอยหลัง อย่างนี่ไม่กล้าเข้าไปเพราะว่าแมวมันจะมีช่วงจังหวะที่เร็วมากที่แบบ ฟึ๊บ คือโดนหลายทีมาก แต่ด้วยความเขาที่เขาน่าจะตัดเล็บ ก็เลยไม่ได้เป็นแผล แล้วก็เวลาอุ้มนอกจากหนักมาก แล้วต้องแบบล็อคขาเขาดีๆ นะคะ ไม่งั้นเขาทั้งถีบ ทั้งดิ้น แล้วเอาเล็บออกมาก เพราะเขาตัวหนักมาก แต่ว่ามันจะมีวิธีหนึ่งที่ทำให้จอนนี่นิ่ง คือเจ้าของจะเอาที่บดอาหารบด จอนนี่ก็อยู่เฉยๆ เลยอันนั้นใช้ได้ค่ะ

Q.เป็นนางเอกน่าจะคนเดียวในประเทศ ที่ได้ร่วมงานชนิดที่เรียกได้ว่าใกล้ชิด ชนิดหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว มีเคล็ดลับหรือประสบการร์การทำงานรวมงานกับแมวเหมียวมาเล่าให้ฟัง
ใบเฟิร์น : คือเราจะไม่มีทางงรู้รายละเอียดว่าแมวแต่ละตัวเนี่ย เขากลัวอะไร หรือชอบอะไร หรือเล่นอะไร อย่างจอนนี่ที่กลัวเครื่องปั่นอาหาร แล้วก็จะนิ่ง ชีวิตอยู่สุขสบายแล้ว ก็ไม่ต้องอยากกินอาหารอะไรอีก มีอีกอันหนึ่งเขาเป็นเหมือนแบบต้นอะไรสักอย่างหนึ่ง แล้วเอามาล่อๆ แล้วแมวจะแบบชอบเล่นอะไรอย่างเนี่ย ทุกตัวเล่นหมด แต่จอนนี่ไม่เอา ไม่สนใจ เอาใจลำบากที่สุดแล้วค่ะ ก็วิธีที่จะให้เดินมาหน้ากล้อง ก็จะเอากระเป๋าที่แมวนอนนี่ มาไว้หน้ากล้อง แล้วเขาจะเรียก เมี๊ยวๆ จอนนี่ก็ทำท่าจะเดินลงไป แล้วก็กลับหลังไปอีกทาง เป็นอย่างนี้ทุกรอบ ก็ต้องแบบแล้วแต่จริงๆ ค่ะ ต้องมีการย้ายกล้องแล้วก็ย้ายหลายๆ อย่างบ้างทีก็ย้ายบทเลยค่ะ สมมติว่านั่งแล้วกันนะเฟิร์นอันนี้ พี่เป้ก็จะเปลี่ยนกระเป๋า หรือตามสถานการณ์เอา

Q.ได้ข่าวว่าได้รับเกียรติเป็นนักแสดงแค่สองคนในภาพยนตร์ที่ได้ร่วมงานกับแมวมากที่สุดเกือบสิบชีวิตในฉากเดียว และในทุกๆ ฉากของภาพยนตร์
ใบเฟิร์น : ในหนังก็มีแมวหลายตัวมากค่ะ มี การฟิตติ้ง แล้วต้องให้เฟิร์นมาทำแคสท์ติ้งแมว พี่เป้ อารักษ์ เขาก็จะคอยสั่งเราให้เราทำ เขาก็สั่งอย่างเดียวไม่ต้องทำ เฟิร์นให้แมวต่อยกัน ให้แมวใส่ชุดนั้น ชุดนี้ บางตัวแมวมันไม่สนุกกับหนู ก็แฮ่ๆ จะกัดอย่างเดียวเลย ซึ่งแบบน่ากลัวมาก เวลาฉากหนึ่งที่ทุกตัวต้องมานั่งรวมกันหมดอ่ะค่ะ โห บางตัวก็ไม่ถุกกับตัวนั้น ไม่เล่นกันไม่คุยกัน หนูเอาใจไม่ถูกเลย อยู่ใกล้กันก็ขู่ หนูจะลืมบทค่ะ เพราะหนูต้องคอยมาระวังแมว เขาทะเลาะกันแล้วมันเป็นเรื่องใหญ่มากเลยค่ะ และสองใช่เลยค่ะก็เป็นนักแสดงสองคนค่ะที่อยู่กับแมวทั้งเรื่อง ทุกที่เลยไม่ว่าจะไปที่ไหน มีแมวหลายตัวมากมีทั้ง จอนนี่ ชาลี ส้มจี๊ด ทาโร่ ก็อยู่ด้วยกันตลอด บางตัวก็ไม่อยากจะเล่นแล้วร้อน เหนื่อยอยากกลับบ้านอะไรอย่างนี้ ซึ่งมันก็สนุกไปอีกแบบหนึ่ง ก็แบบทุกวันนี้เลยโดนอำไปเลยว่าเฟิร์นกลัวแมว อะไรอย่างนี้ค่ะ

Q.ถึงขนาดต้องมีตำแหน่งทีมงานพิเศษในกองถ่าย ขึ้นมาโดยเฉพาะคือเจ้าหน้าที่ดูแลแมว
ใบเฟิร์น : จะมีพี่แบบทีมงานคอยอยู่รอบๆ หน้าเซท เพื่อที่จะคอยดูว่า เวลา ห้า สี่ สาม สอง หรือว่าเริ่มปุ๊บแมววิ่งหายไปไหนบ้างเพราะบางทีคัทแล้วหรือปล่อยออกมาจากกรง จากลังอะไรนี่ เขาจะวิ่งหนีแล้ว เตลิดเปิดเปิงไปหายไปที่อื่นแล้วที่สำคัญแมวมันจะขี้ตกใจมาก อย่างหนูเจอฉากหนึ่งแบบแค่เสียงคัทค่ะ ทะยานขึ้นฟ้าเลยค่ะ ไต่ฉากขึ้นฟ้า ฉากขาด คนหาย หนูก็กรี๊ด วิ่งหนี เข้ากล้อง คือทุกอย่างวุ่นวายมาก มันคือความวุ่นวายในช่วงเขาชอบพุ่งทุกอย่างแบบเร็วๆ

Q.ถึงขนาดที่ว่าแค่วันแรกของแมวที่ต้องเข้าฉากปรากฎว่า “แมวหาย” สมกับชื่อเรื่องชนิดที่ว่าเจ้าของใจแป้วกันเลย
ใบเฟิร์น : ตามเนื้อเรื่องเลยแมวหาย หายจริง ด้วยความที่ไปถ่ายในสตู มีห้องหับอะไรเต็มไปหมด ก็ลำบากตามหาแมวกันไป แล้วแมวก็จะอยู่ทุกที่ที่เราไปถ่ายเลย ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือเป็นตามชื่อเรื่อง บางทีก็จะมีแมวมาแอบดูเราถ่ายหนังตามช่องหน้าต่าง มีแมวเดินผ่านไปหันมามองอะไรอย่างนี้คือแบบรู้สึกว่า เฮ้ย ทำไมช่วงนี้ชีวิตเจอแต่แมว แมวเต็มไปหมด

Q.มีโอกาสได้ร่วมงานกับแมวสุดฮอตในโลกโซเชี่ยลอย่าง “จอนนี่” คิดว่าเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่ทำให้จอนนี่แตกต่างจากแมวทั่วไปอย่างไร
ใบเฟิร์น : ต่างทุกตรงค่ะ ตั้งแต่ขนาดเลยเอามาตั้งเลย โอ้โห ไม่ต้องพูดเลยหนักมาก จอนนี่เขาจะเป็นแมวที่เป็นแมวตัวเดียวที่หนูรู้สึกว่าหนูเกรงใจมาก เขาจะแบบหน้านิ่งๆ ตัวนิ่งๆ แล้วก็เวลาหนูจับก็จะมองอย่างเดียว จับทำไม มีอะไร เอาอะไรมาล่อเขาก็ไม่สนใจแล้วเลย เป็นแมวที่นั่งอย่างนี้ได้นานมากค่ะ หนูไม่รู้ว่าติดเสื้อลุกไม่ได้หรือว่าอะไร แต่เขาอยู่อย่างนี่ไม่ขยับเลย มีแต่เจ้าของเขาที่แบบควบคุมอยู่

Q.เล่าให้ฟังถึงการทำงานที่ต้องเข้าฉากร่วมกันพี่สี่ขาเหมียวๆ หน่อย
ใบเฟิร์น : ฉากที่ฟิตติ้งจอนนี่ คือจะต้องเปลี่ยนชุดให้พี่จอนนี่ ลำพังแค่อุ้มก็เกรงใจพี่จอนนี่จะแย่อยู่แล้วค่ะ ต้องจับพี่จอนนี่เขาฉีกแข้งฉีกขาใส่ชุด สวมเสื้อผ้าใส่แล้วต้องเปลี่ยนเข้าเปลี่ยนออกอีก แล้วที่สำคัญต้องเอาลงอ่างน้ำค่ะ คือเขาก็ไม่ใช่ว่าจะชอบอาบน้ำ ตอนนั้นคนก็เยอะ อาจจะมีการอายนิดนึง ตะปบใหญ่เลย อย่ามายุ่งๆ พี่เป้ก็จะค่อยๆ นะคะ คือในเรื่องเขาจะเป็นแมวของลูกค้าที่ทุกคนต้องเกรงใจค่ะ ทุกคนเกรงใจจริงๆ มาก เป็นแมวเซเลปค่ะ แล้วก็มีอีกฉากหนึ่งที่ใบเฟิร์นกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะเลยค่ะ คือวันนั้นแป็นฉากที่พี่เท่งเข้ามาอวดเลย มาเกทับเลยว่า เฮ้ยนี่ พี่มอร์นี่เขากำกับหนังได้หรือยัง แมวไปถึงไหนแล้วอะไรอย่างนี้ ด้วยความที่แมว สามตัว เราต้องมาอยู่ในฉาก เราต้องมาลองเสื้อผ้ากัน ก็เกิดอารมณ์ไม่ดีกันขึ้นมาอีก จะสู้กันหรืออะไรสักอย่าง ตรงนี้ที่เขาอยู่ก่อน ที่อีกตัวหนึ่งอยู่นี่ ถ้าใครถอยมาหน่อยหรืออะไร เอาล่ะ ทะเลาะกันล่ะ แล้ววันนั้นเหมือนเขาขู่กันรุนแรง แล้วแบบแยกไม่ได้ แม้แต่เจ้าของยังไม่กล้าเขามาแยกเลยแบบ เฟิร์นก็เลยได้จ๊ะขึ้นไปอยู่บนโต๊ะ ไม่รู้จะทะเลาะกันกระจายวงกว้างแค่ไหน หนูก็เลยขึ้นมาแอบก่อนดีกว่า เสียวน่องมากเลยค่ะตอนนั้น อีกฉากเป็นฉากที่เฟิร์นต้องเปลี่ยนแมวหลายๆตัวเข้ามานั่งในฉาก แล้วดูว่าเขาทำอะไรได้บ้าง หาแมวมาเล่นหนังโฆษณาในเรื่อง แต่คือพี่เป้ นั่งสัมภาษณ์แมวเฉยๆแมวแต่ละพันธุ์ๆเป็นเกือบสิบพันธุ์ไม่ซ้ำกันเลยค่ะ มีแมวพันธุ์หนึ่งที่แบบหน้าตาหน้ากลัวมาก ที่เป็นหนังกลับค่ะ คือหน้าเขาดุอยู่แล้ว ลำพังจอนนี่มาหนูก็เริ่มหลอนแมว กลัวเขาจะตะปบ แล้วเขาดุจริงๆ ค่ะ แมวสฟิงซ์ค่ะ หนูก็ถามพี่เขาแล้วว่าดุไหม ไม่ดุหรอกครับ แมวดุเอามาเขาฉากไม่ได้ พอหนูจับตั้งเท่านั้นแหละ ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ แล้วพี่เป้ก็ชอบสั่งแบบว่าเฟิร์นจับยกซิ แบบเมโยยกซิ ให้มันต่อยซิให้มันชักดาบออกมาฟัน เล่นยังไงค่ะ ลำพังกลัวก็กลัว ร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ทั้งหน้า เหมือนแบบมันต้องมีสติพร้อมกระโดดออกให้ทันแมวค่ะ แต่มันก็สนุกนะ

Q.มีชอบแมวตัวไหนเป็นพิเศษไหม
ใบเฟิร์น : เฟิร์นชอบตัวสีขาวเขาจะแบบเรียบร้อย แต่ก็เรียบร้อบแบบน่าเกรงใจ คล้ายๆ จอนนี่เหมือนกัน ก็จะแบบ อย่ามาจับฉันนะ ก็น่ารักดี ก็จะมีตัวสีส้มๆ ค่ะ จะเชื่องๆ หน่อยแบบอุ้มได้เล่นได้

Q.ผ่านการร่วมงานกับแมวมาแล้วอย่างเต็มตัว มีเคล็ดลับหรือเทคนิคอะไรเป็นพิเศษมั้ยในการทำงานในภาพยนตร์เรื่องนี้
ใบเฟิร์น : ก็คือเรื่องนี้นักแสดงต้องอาศัย ต้องมีสมาธิมากนะ ถ้าแมวหลุดออกไปต้องดึงกลับมาที่มาร์ค เราต้องพยายามอุ้มเข้ามาที่มาร์ค แล้วก็มีแบบที่ยากกว่านั้นคือปล่อยแมวหล่นลงไปแล้วแมวต้องวิ่งไปทางนั้น แต่แมววิ่งไปทางนี้ ทุกคนก็ต้องนัดกันว่าห้ามมองทางนี้ต้องมองทางนั้นให้พร้อมกันทุกคน

Q.นอกจากเรื่องของแมวแล้วว่ากันว่าที่จะโดนใจผู้ชมมากๆ เลยก็คือมุมมองความรักในหนังเรื่องนี้ของเป้กับเฟิร์นด้วย
ใบเฟิร์น: ใช่ค่ะ ก็เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่เราจะได้เห็น ครบทุกรสเลย มีทั้งอารมณ์แบบ รัก เศร้า สนุกสนาน เรื่องนี้ก็จะมีความเก๋ตรงที่บางอย่างบางอารมณ์ไม่ต้องพูดก็รู้สึก มันเป็นความรักที่แบบผิดจังหวะ ผิดเวลา ความไม่แน่ใจ ความไม่แน่นอน ที่แบบมันมีผลกับจิตใจเรามาก เฟิร์นคิดว่ามันตรงและใกล้ตัวกับแทบจะทุกคนเลยค่ะ อย่างมีฉากหนึ่งซึ่งถือได้ว่าเป็นซีนอารมณ์เลยของพระเอกหนู พี่เป้ คือซีนอารมณ์มากถึงขนาดทุบตีกีต้าร์ อยากให้จับตาดู

Q.ร่วมงานกับพระเอกสุดแนวเป้อารักษ์เป็นอย่างไรบ้าง
ใบเฟิร์น : ก็ตัวจริงพี่เป้เป็นคนสนุก ตลก ก่อนหน้าก็เคยดูการแสดงของพี่เป้มาอยู่แล้วค่ะ พอมาทำงานด้วยกันรู้เลยค่ะว่าพี่เป้เป็นคนที่มีความตั้งใจในการทำงานสูงมาก อย่างมีอยู่ฉากหนึ่ง ที่ไม่ใช่แค่ทีมงาน หรือพี่ผู้กำกับที่ตั้งใจทำให้มันดี นักแสดงหลายๆ คนก็อยากจะปั้นให้มันดี ทั้งเฟิร์นทั้งพี่เป้ เป็นฉากที่แบบแม้จะไม่ได้มองหน้ากันแต่ความรู้สึกบางอย่างต้องส่งถึงกันก็สำคัญมาก ช่วยกันถ่ายกัน 8 เทค ขอถ่ายเพิ่มวันหลังอีก วันแรกที่ถ่ายนี่นั่น สักพักไม่ไหว เลือดกำเดาพุ่ง ไม่ได้ถ่ายล่ะ ไปนอนอยู่กับพื้นเลยค่ะ ก็แซวกันว่า โห หนูเซ็กซี่ขนาดนั้นเลยเหรอ เลือดกำเดาไหล เปล่าหรอก มันร้อนมาก มันเครียดแบบรับหลายอย่าง เลือดกำเดาหยด คือเขาตั้งใจมาก

Q.ท้ายนี้อยากฝากอะไร แล้วสำหรับหนัง “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” เรื่องนี้พิเศษอย่างไรทำไมต้องดู
ใบเฟิร์น : หนูก็ชื่นชมบทนะคะ บางอย่างก็คิดได้ยังไง เช่น บางอย่างมันก็ทำยากมาก เช่น แมวคาบหนูมากินบนอกพี่เท่ง หรือ ไม่ก็ผายปอดแมว พี่เท่งผายปอดแมวใหญ่เลยค่ะ บอกได้เลยค่ะว่าสำหรับคนที่ชอบแมว ให้แมวเป็นซามูไร ฟาดฟันกันทำได้ไง ฉากเปิดตัวเล็กๆ เรื่องนี้ไม่เคยทำให้เล็ก เล่นเปิดตัวลูกค้าลงเฮลิคอปเตอร์กันมาเลยค่ะ ผึ่บๆ ผับ ๆ ทุกคนถามว่าเฟิร์นกลัวฮ.ไหม เฟิร์นไม่เคยเข้าใจว่าทำไมต้องกลัว ฮ. มาจริงวิ่งคนแรกเลยค่ะ ในฉากเมโยต้องเขามาหยิบแมว เฟิร์นหยิบเร็วมาก ตั้งแต่ฮ,ยังไม่ถึงเลยค่ะ แค่เสียงก็กลัว จำได้เลยว่าซีนแรกของเรื่อง ก็รับน้องใบเฟิร์นเลยค่ะ ด้วยการให้แต่งตัวสวยมาก กระโปรงสั้นเท่านี่ ส้นสูงด้วย พาไปอยู่คันนาแบบแดดร้อนมาก ขี้โคลน ขี้เลนเต็ม ให้เฟิร์นแบกถุงปุ๋ยค่ะอยู่กลางนาแล้วก็ให้เซิ้งด้วย แบบพี่โหน่ง พี่เป้ ก็ใส่ยับเลยค่ะ สั่งทำนู่น ทำนี่กลางนา คิดดูว่าถ่ายกันจนรองเท้าหักเลยค่ะ ก็อยากให้ไปชมกันนะค่ะสำหรับภาพยนตร์เรื่อง “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” 4 มี.ค. นี้ทุกโรงภาพยนตร์ค่ะ

FB on February 23, 2015, 01:37:39 PM
Movie Guide: ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ มาจ้องตากันไหม – แคท อ่ะ แว้บ!



ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ มาจ้องตากันไหม - แคท อ่ะ แว้บ!
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=BA_zOViC6oE" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=BA_zOViC6oE</a>

          ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ มาจ้องตากันไหม - แคท อ่ะ แว้บ! เขาว่าถ้าเราแข่งจ้องตากับแมว แล้วเเมวกะพริบตาก่อน เราจะสำเร็จในความรัก
          นี่ไม่ใช่หนังแมว แต่มีแววจะเป็นหนังรัก
          “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” (CAT A WABB!)
          4 มีนาคมนี้ ในโรงภายนตร์

FB on March 05, 2015, 12:36:30 PM
Movie Guide: ใบเฟิร์น อินบทสาวมโน แฟนคลับจิ้น จับคู่ ใบเฟิร์น – เป้ ให้อินเลิฟนอกจอ



เป้-เฟิร์น จิ้นกลางกอง "แคทอ่ะแว้บ" แบบว่าสนิ๊ท สนิท อ่ะ
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=FJr5R8kB3nY" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=FJr5R8kB3nY</a>

          กลายเป็นหนังที่สร้างกระแสแอบรักจนได้เรื่อง สำหรับภาพยนตร์เรื่อง แคทอ่ะแว้บ#แบบว่ารักอ่ะที่ผู้กำกับตั้งใจให้หนังเป็นหนังรักอมยิ้ม ต้อนรับปิดเทอมเรื่องแรกของปีนี้จนทำให้ 2 นักแสดงนำ เป้ อารักษ์ - ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” หวานกันจนอินจนออกอาการหวานนอกจอกลางกองถ่าย

          จะหวานกันขนาดไหน จะอินกันจริงหรือเปล่า

FB on March 05, 2015, 12:39:26 PM
2 ซุปตาร์คนกับ 1 ซุปตาร์แมว ไม่จัดเต็มไม่ใช่เท่งโหน่ง โจทย์ยากเข้าฉากปะทะแมวจอนนี่



           มั่นใจได้ว่าแฟนๆ ของ เท่ง เถิดเทิง และโหน่ง ชะชะช่าไม่มีผิดหวังอย่างแน่นอน กับบทบาทการแสดงที่ทั้งคู่ตั้งอกตั้งใจเป็นพิเศษ ซึ่งเท่ง รับบทผกก.โฆษณามือ1 พ่วงตำแหน่งเจ้าของบริษัทโฆษณาที่ชื่อว่า “สติ” แต่กลัวแมวถึงขั้นเข้าเส้นเลือด และ โหน่ง กับบทผกก.ภาพสุดติสต์ฮิปสเตอร์ตัวพ่อ ที่ต้องเนรมิตภาพยนตร์โฆษณาที่มีแมวของยากูซ่าป็นพรีเซนเตอร์ ในภาพยนตร์คอมมิดี้ อารมณ์ดี มีน้องเหมียวเป็นตัวชูโรง “นี่ไม่ใช่หนังแมว แต่มีแววว่าเป็นหนังรัก” นอกเหนือจากความโรแมนติคของคู่ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก และเป้ อารักษ์ที่มาถ่ายทอดเรื่องราวความรักของน้องฝึกงานวัยมโน และพี่เทรนสุดหล่อ แต่สิ่งสำคัญที่ทั้ง4นักแสดงจะต้องรับมือคือการเข้าฉากถ่ายทำร่วมกับแมว โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากไฮไลท์ของคู่ซี้ เท่ง-โหน่ง ที่เราจะได้เห็นแมวไต่ไปบนตัวของเท่ง แต่แน่นอนว่าเมื่อใดก็ตามที่คู่ซี้เข้าฉากด้วยกันมีหรือจะปล่อยมุกกันแค่นี้

          โหน่ง : จริงๆ ผมกับเท่ง เถิดเทิง นี่แสดงอะไรคู่กันมานานแล้ว ตามรายการต่างๆ แต่ภาพยนตร์ที่มาเล่นก็ส่วนมากจะเล่นคู่กับพี่เท่งมากกว่า แต่ครั้งนี้ก็แตกต่างตั้งแต่บทบาทของคนในอาชีพโฆษณาที่ได้รับซึ่งจะเห็นได้จากการแต่งตัว ท่าทาง ทรงผม หนวดเครา เพื่อความสนุกสนาน พอเข้ามาเป็นคู่กันนี่ผมว่ามันเป็นอะไรที่เข้าขากันอยู่แล้ว แล้วยิ่งมาเป็นภาพยนตร์ที่สนุกอยู่แล้วด้วย บรรยากาศโดยรวมของหนังที่เกิดขึ้นในบริษัทโฆษณา ผมอยากให้ทุกบริษัทมีคาแรคเตอร์แบบนี้ คือเหมือนบริษัทติงต๊องฮะ คือมันก็สนุกดีนะ การทำงานก็จะไม่เครียดด้วย เรื่องนี้พิเศษขึ้นไปอีกที่เราสองคนจะต้องมีฉากที่เล่นกับแมวด้วย ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมเองจะไม่ค่อยกล้าเล่นกับแมวมาก ไม่ถึงกับเกลียดนะครับ มีเกรงๆ ในฉากนี้ซึ่งผมพี่เท่งต้องเข้าฉากด้วยกัน กับแมว ความยากคือ ตรงที่พี่เท่งต้องนอน แล้วแมวต้องขึ้นไปบนตัวพี่เท่งกินอะไรบางอย่างอยู่ แล้วผมต้องไปอุ้มแมวออก พี่เป้พี่เท่งแกอยากให้ผมทำ ตอนถ่ายทำกว่าแมวมันจะขึ้นไปกินอาหาร โอโหมันไม่ใช่ง่ายๆนะ แมวนี่เราจะสั่งเขายังไง มันไม่ได้สั่งคนฮะ มันสั่งแมวให้แมวทำ แต่ทีนี้ด้วยความเป็นโหน่ง -เท่ง อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่กันแล้ว มันก็เลยต้องมีเพิ่มโน้น เพิ่มนี่แต่พี่เท่งชีวิตจริงไม่กลัวแมว แต่ในเรื่องเขากลัวแมว เราก็สร้างสีสัน เพิ่มสีสัน เอาไปยัดจมูกไปยัดปาก ให้แมวขึ้นไปกินบนหน้าเขาเพื่อให้เกิดความสนุกสนานขึ้น

          ซึ่งงานนี้นอกจากจะต้องเล่นเองแล้ว เท่ง เถิดเทิง ที่รับหน้าที่กำกับคู่กับ นฤบดี เวชกรรม ยอมรับว่ากว่าจะได้แต่ละเทคแต่ละฉากและซีนยากจริงๆ

          เท่ง : โอ้โห นึกดูว่าที่ผ่านมาไม่มีใครทำหนังเกี่ยวกับแมวนะ แล้วใครจะกำกับแมว กำกับลิงยังโอเคนะ จะไปวานพ่อประกิตมาก็ได้ น้องหมา ผมว่ามันยังได้ไง สั่งคอยได้ แต่นี่แมวนะแมว เขาเป็นสัตว์ที่นุ่มนวล เป็นสัตว์ที่น่ารัก แต่เขาโมโหเขาจะมีลายของเขา คือมีเล็บอะไรอย่างนั้น แมวกัดเราไม่กลัวหรอก แต่มนุษย์กลัวแมวข่วน หมาไม่ข่วนแต่หมากัด แต่การกำกับแมว เฮ้ยเรื่องใหญ่เลยทีนี้ แคสท์แมวมาในเมืองไทย แล้วมันก็สร้างความปวดหัวจริงๆ มันกำกับยากมาก คือศิลปินทุกคน ดาราทุกคนพร้อม แต่งหน้าเซ็ทผม พร้อมไฟพร้อมหมด แต่ทุกคนต้องรอแมว มันไม่ใช่ว่าเจ้าของแมวมาช้านะ คือรออารมณ์แมว อารมณ์ให้แมวหันหน้ามาทางนี้ ทางพระเอก อารมณ์แยกเขี้ยวใส่ไอ้โดด อะไรอย่างนี่ แต่ละช็อต การถ่ายทำมันยากมาก ถ้าแมวไม่เอาก็ไม่ได้ ก็เคยถ่ายแล้วแมววิ่งหนี ก็ต้องหยุดกองกันไปตามหาแมว”

          4 มี.ค. นี้พบอีกหนึ่งสีสันความสนุกสนานของ “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” ทุกโรงภาพยนตร์จ้า