sianbun on April 30, 2009, 04:51:09 PM
สมิติเวชขีดมาตรฐานใหม่ในวงการสุขภาพด้วย “นวัตกรรมดูแลชีวิต” ส่งโซลูชั่นอัจฉริยะช่วยให้ผู้ป่วยพบหมอได้แบบไร้ขีดจำกัด


 
             สมิติเวช โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำยกระดับมาตรฐานบริการด้าน สุขภาพ นำเทคโนโลยีไอที-สื่อสารเปิดมิติใหม่ในการให้บริการที่ไร้ขีดจำกัดกับ “นวัตกรรมดูแลชีวิต” ที่ช่วยให้ผู้ป่วยและผู้รับบริการได้รับบริการรวดเร็วทันใจ แม่นยำ สะดวกสบาย พบหมอได้ ทุกที่ทุกเวลาโดยที่อยู่ภายนอกโรงพยาบาล

          สมิติเวชได้พัฒนาและวางเครือข่ายระบบไอทีที่ทันสมัย (Unified Communications) รวมทั้งได้เชื่อมต่อระบบไอทีของแต่ละแผนก และคลินิกตามที่ต่างๆ ของโรงพยาบาลเข้าด้วยกัน จึงสามารถให้บริการหรือเชื่อมโยงข้อมูลของทุกฝ่ายได้อย่างไร้พรมแดน เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ และสามารถให้บริการแก่ผู้ป่วยได้ไม่ว่าผู้ป่วยจะอยู่ที่โรงพยาบาล ที่บ้าน หรือที่ใดก็ตาม

          มร. เรมอนด์ ฌอง กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “สมิติเวชมีการพัฒนามาอย่างไม่หยุดยั้ง ตลอด 30 ปีที่ผ่านมาจนในปัจจุบัน เราได้สร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเป็นเลิศทางด้านการแพทย์ การบริการ ทีมเจ้าหน้าที่ เครื่องมือและอุปกรณ์ และที่สำคัญคือความมุ่งมั่นของเรา ทำให้วันนี้ เราพร้อมที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ในวงการบริการด้านสุขภาพของไทย โดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิตอลที่ทันสมัย เราเชื่อว่าการผสานเทคโนโลยีทันสมัยหรือความไฮเทค เข้ากับความใส่ใจที่เรามีต่อผู้ป่วยและผู้รับบริการทุกคนจะทำให้เกิดมาตรฐานใหม่ในด้านบริการด้านสุขภาพ และทำให้เรามอบ “นวัตกรรมดูแลชีวิต” ให้กับทุกคนได้อย่างแท้จริง”

          สมิติเวชได้ลงทุนในการพัฒนาเครือข่ายการสื่อสารและไอทีใหม่ทั้งหมดมาตั้งแต่ปี 2550 ด้วยงบ 500 ล้านบาท โดยได้ริเริ่มโครงการบริการใหม่ๆ เช่น บริการอินโฟเทนเมนต์สำหรับผู้ป่วยและผู้รับบริการ การเปิดให้ผู้ป่วยและผู้รับบริการสามารถเรียกดูข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพได้สะดวก รวมทั้งยังสามารถปรึกษาแพทย์ในระบบทางไกลจากแพทย์ของสมิติเวชได้ที่ร้านบูทส์ที่เซ็นทรัลบางนา โดยระบบ “ไอแคร์” เป็นต้น

          วันนี้ สมิติเวชได้ผสานระบบและบริการต่างๆ เข้าด้วยกันโดยอาศัยเทคโนโลยีและอุปการณ์การสื่อสารที่ทันสมัย เช่น โทรศัพท์แบบไอพีโฟน เป็นต้น

          “ทุกวันนี้เราอยู่ในโลกที่ไร้พรมแดน ทุกคนเดินทางกันตลอดเวลา แต่ก็ยังสื่อสารกันได้ ยังได้รับข้อมูลข่าวสารและบริการต่างๆ ได้ตลอดเวลา บริการด้านการแพทย์ก็เช่นกัน” มร. ฌองกล่าว

          สมิติเวชได้นำไอพีโฟนมาใช้ในแผนกต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดต่อสื่อสารระหว่างแผนก ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวกับผู้ป่วยสามารถรู้ข้อมูลพร้อมกันได้ในเวลาเดียวกันทำให้ ลดระยะเวลาในการทำงานของระบบงานต่างๆ ภายในโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการเตรียมการสำหรับผู้ป่วยกลับบ้าน การเตรียมยา การรวบรวมค่าใช้จ่าย ฯลฯ ขณะเดียวกันเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพในความถูกต้องได้เหมือนเดิม แต่เวลาทำงานลดลงซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้รับบริการโดยตรง

          นอกจากนี้ สมิติเวชยังได้พัฒนาระบบไอทีต่อเนื่อง เพื่อขยายการให้บริการออกไปนอกเขต โรงพยาบาล เช่นเดียวกับที่ได้เปิดให้บริการ “ไอแคร์” มาแล้ว โดยเปิดให้บริการ “โฮมแคร์” เพื่อให้ความมั่นใจแก่ผู้ป่วยที่กลับบ้านไปแล้ว แต่ยังสบายใจได้ว่าจะสามารถพบแพทย์หรือขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้ทันทีที่ต้องการ บริการแรกในกลุ่ม “โฮมแคร์” ได้แก่บริการสำหรับ คุณแม่มือใหม่ เพื่อช่วยให้คุณแม่มือใหม่สามารถติดต่อกับทีมพยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้เมื่อต้องการความช่วยเหลือ หรือขอคำแนะนำเกี่ยวกับการเลี้ยงทารกได้ทันที โดยเห็นหน้ากันและถามตอบกัน (Real time)

          ส่วนการสื่อสารกับโรงพยาบาลพันธมิตร สมิติเวชได้นำระบบไอทีและการสื่อสารอัจฉริยะมาใช้ด้วยเช่นกัน โดยได้มีการสร้างเครือข่ายการสื่อสารเชื่อมต่อกับโรงพยาบาลซานเปาโลที่อำเภอหัวหินซึ่งเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลพันธมิตร ซึ่งจะทำให้แพทย์และบุคลากรของสมิติเวชและซานเปาโลติดต่อ ปรึกษา และขอความช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ เพื่อให้การรักษาแก่ผู้ป่วยได้ดีที่สุด นอกจากนี้ สมิติเวชยังได้ติดตั้งเครือข่ายการสื่อสารพิเศษนี้กับคลินิกของสมิติเวชโดยเริ่มต้นที่สาขาแจ้งวัฒนะด้วยเช่นกัน

          “สมิติเวชได้นำเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือในการเพิ่มความสามารถในการให้บริการได้อย่างชาญฉลาด ลดต้นทุน รวมทั้งขยายขอบเขตพื้นที่การให้บริการเพื่อยกระดับมาตรฐานบริการด้านสุขภาพทั้งภายในและภายนอกโรงพยาบาล เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากสมิติเวชไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดก็ตาม” มร. ฌองกล่าว

          ข้อมูลเกี่ยวกับโรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลสมิติเวชก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2522 ปัจจุบันเป็นหนึ่งในกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน ชั้นนำในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ให้บริการด้วยมาตรฐานด้านการแพทย์ซึ่งได้รับการรับรองคุณภาพทั้งในประเทศไทยและมาตรฐานสากลจาก Joint Commission International หรือ JCI ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมีโรงพยาบาลในเครือ 3 แห่งได้แก่ สุขุมวิท ศรีนครินทร์ และศรีราชา