SIRI ผงาดเพิ่มทุนเป็น 19,824 ล้านบาทเทียบเท่า Top3 อสังหาฯ ไทย แจกวอร์แรนต์ฟรี เผยนำเงินไปขยายธุรกิจแบบ “Engineer for Growth”
แสนสิริ ประกาศเพิ่มทุนจดทะเบียน 8,209 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 11,615 ล้านบาท เป็น 19,824 ล้านบาท ภายในปี 2562 พร้อมออก Warrant (SIRI – W2) โดยเตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้น 12 กันยายน 2557 เพื่อรองรับยุทธศาสตร์การเติบโตอย่างยั่งยืนและเน้นการสร้างกำไรเพิ่มมากขึ้นนับจากนี้ ภายใต้กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ “Engineer for Growth” เผย 3 ปัจจัยสำคัญเพื่อรองรับการเติบโต ได้แก่ 1. การแสวงหาโอกาส 2. การปรับกลไกภายในองค์กรให้สอดคล้องกับโอกาสในการสร้างประโยชน์สูงสุด และ 3. การมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง เพื่อรองรับการขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2557 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 18/2557 ได้มีมติอนุมัติแผนการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จากทุนจดทะเบียนของบริษัทขึ้นอีกจำนวน 8,209,037,422.95 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 11,614,597,115.13 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 19,823,634,538.08 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 3,614,411,191 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1.07 บาท พร้อมกันนี้บริษัทได้อนุมัติออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (SIRI-W2) จำนวนไม่เกิน 3,614,411,191 หน่วย ให้กับผู้ถือหุ้นทุกรายในอัตราส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ์ โดยกำหนดใช้สิทธิ์ภายใน 7 ตุลาคมนี้ รวมทั้งจะมีการขออนุมัติมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 12 กันยายน 2557 ทั้งนี้ในส่วนของผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ์ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 1 (SIRI-W1) ต้องทำการใช้สิทธิ์แปลงเป็นหุ้นสามัญภายในวันที่ 30 กันยายน 2557 เพื่อใช้สิทธิ์จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทและรับใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 2 (SIRI-W2)
“ การเพิ่มทุนจดทะเบียนในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก โดยบริษัทมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า การปรับตัวของแสนสิริน่าจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยเช่นกัน เพราะนอกจากแสนสิริจะมีเงินทุนที่มากเพียงพอต่อการขยายธุรกิจที่อยู่อาศัยที่ครบวงจรทั่วประเทศแล้ว ยังมีเงินทุนเพียงพอที่สามารถนำไปสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ด้วยการลดสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (Gearing Ratio) ลงจากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.14 เหลือ 0.8 – 1 เท่าใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนศักยภาพของการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งให้กับสถาบันการเงินต่างๆ รวมถึงสามารถดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ในการเข้าร่วมลงทุนและเป็นพันธมิตรกับบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี ” นายเศรษฐา กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการของแสนสิริ มีมติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวน 3,614,411,191 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.07 บาท (ในขณะที่ราคาหุ้น SIRI เฉลี่ยย้อนหลัง 7 วัน ระหว่างวันที่ 21 – 28 กรกฎาคม 2557 อยู่ที่ 2.35 บาท ต่อหุ้น) เพื่อรองรับการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (”ใบสำคัญแสดงสิทธิ”) ที่ออกให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกรายในอัตราส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของแสนสิริในช่วงต่อไป บริษัทมีกลยุทธ์ที่จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้การดำเนินธุรกิจมีความแข็งแกร่งและประสบความสำเร็จภายใต้แผนงาน “Engineer for Growth” ซึ่งประกอบด้วย 3 ประการ ได้แก่ ประการแรกคือ การแสวงหาโอกาส ทั้งโอกาสจากปัจจัยบวกในด้านต่างๆ อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ดีขึ้นตามลำดับ, อัตราการว่างงานที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 1, อัตราดอกเบี้ยซึ่งยังอยู่ในแนวโน้มที่ค่อนข้างคงที่ ขณะที่สถาบันการเงินมีแนวโน้มในการปล่อยสินเชื่อที่ดีขึ้น นำมาสร้างประโยชน์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ได้แก่ การโฟกัสในโปรดักส์และทำเลที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ด้วยการบริหาร portfolio ของโครงการทั้งหมดให้มีความสมดุลมากขึ้น อาทิ การปรับสัดส่วนของโครงการในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเป็น 80% : 20% ซึ่งคาดว่าจะเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมกับแผนที่วางไว้โดยตลาดในพื้นที่กรุงเทพฯ นั้นยังนับว่ามีอีกหลายทำเลที่มีดีมานต์ชัดเจน แต่บริษัทยังขยายการพัฒนาโครงการไปไม่ครอบคลุมอย่างเต็มที่ อาทิ กรุงเทพฯ โซนเหนือ, โซนตะวันออก และโซนตะวันตก นอกจากนี้ยังต้องมีการปรับโครงสร้างสัดส่วนรายได้ที่มาจากประเภทโครงการที่มีอยู่ใน portfolio ทั้งหมดใหม่ ทั้งสัดส่วนโครงการแนวราบและแนวสูง และสัดส่วนรายได้ที่มาจากโครงการในแต่ละระดับราคา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนมากที่สุด
ประการที่สอง การปรับกลไกภายในองค์กรให้สอดคล้องกับโอกาสในการสร้างประโยชน์สูงสุด โดยมีกลไกซึ่งบริษัทมองว่าต้องมีการจัดการโดยเน้นประสิทธิภาพสูงสุด ได้แก่ อัตรากำไรเบื้องต้นที่ต้องทำให้ดีขึ้นอีก, ประสิทธิภาพเชิงต้นทุนในส่วนของค่าใช้จ่ายสนับสนุนการขาย และประสิทธิภาพเชิงต้นทุนในส่วนของค่าใช้จ่าย Admin อาทิ กระบวนการทำงานที่ต้องดำเนินการแบบสอดคล้องประสานกันในทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับต้นทุน ทั้งฝ่ายออกแบบ ฝ่ายจัดซื้อ และฝ่ายก่อสร้างที่ต้องร่วมกันควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวด ซึ่งจะทำให้เกิด Standardised Design หรือการปรับแต่งงานออกแบบโดยยึดจาก platform เดิม อันจะช่วยสร้างความชำนาญและแม่นยำ ส่งผลให้งานก่อสร้างมีประสิทธิผลมากที่สุดทั้งในด้านต้นทุน คุณภาพ ความรวดเร็ว และความสวยงาม
และประการที่สาม การมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง เพื่อรองรับการขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
“องค์ประกอบที่สำคัญที่สร้างให้แสนสิริเป็นองค์กรที่มีศักยภาพต่อเนื่องตลอดมา อันได้แก่การเป็นองค์กรที่มีวิสัยทัศน์มองไปข้างหน้า ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาซึ่งได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า บริษัทได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ และในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งเกิดจากการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ และส่งผลให้บริษัทประสบความสำเร็จทั้งในด้านยอดขายและรายได้รวมทั้งยังส่งผลให้บริษัทอยู่ในตำแหน่งหนึ่งในสามของผู้นำตลาดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ต้นทุนที่ต่ำกว่าคู่แข่งระดับเดียวกันมาโดยตลอด ซึ่งได้สะท้อนศักยภาพของการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง ในวันนี้ แสนสิริ พร้อมจะประกาศชัดเจนว่าภายหลังจากแสนสิริเพิ่มทุนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ในการขยายตัวทางธุรกิจสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจรได้ในอนาคต รวมถึงราคาหุ้นของแสนสิริก็น่าจะสะท้อนสภาพการดำเนินธุรกิจที่แท้จริงมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน” นายเศรษฐา กล่าว