FC on July 29, 2014, 10:29:45 PM
“เรกคิทท์ เบนคีเซอร์” เปิดตัวแคมเปญ “The Pain Challenges -ภารกิจ ซ่า ท้า ปวด” สนับสนุนโดย นูโรเฟน เจล ดึง “เผือก พงศธร” ฟิตร่างกายพร้อม! พิชิต ภารกิจสุดหิน “ซ่า ท้า ปวด”



เมื่อดีเจเผือกรับคำท้าสุดปวด... อะไรจะเกิดขึ้น
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=WPt4QuULXpQ" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=WPt4QuULXpQ</a>

บริษัท เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ชวนคนรุ่นใหม่ร่วมต้านภัยจากโรคออฟฟิศซินโดรม เปิดตัวแคมเปญ The Pain Challenges - ภารกิจ ซ่า ท้า ปวด ที่สนับสนุนโดยนูโรเฟน เจล แบรนด์ยาทาแก้ปวดที่ออกแบบมาสำหรับชาวออฟฟิศ งานนี้ได้ดารานักแสดงและดีเจฝีปากกล้าอย่าง “เผือก พงศธร” ที่จะมาสร้างเสียงฮา ความสนุกสนาน พร้อมแทรกสาระความรู้อย่างเต็มอิ่ม มั่นใจว่า ตลอด 10 สัปดาห์ บรรดาแฟนคลับจะได้เห็นภารกิจมันส์ๆ ที่เผือกไม่เคยทำที่ไหนมาก่อนอย่างแน่นอน ติดตามได้ที่ www.facebook.com/livewellthailand

บิอังกา โรดริเกวช ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์สุขภาพ บริษัท เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ “นูโรเฟน เจล” ยารักษาและบรรเทาความปวด อักเสบของกล้ามเนื้อที่ออกฤทธิ์ได้อย่างตรงจุด เปิดเผยว่า จากสถิติทางการแพทย์พบว่า 80% ของคนในวัยทำงานมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีอาการปวดตึงที่คอ บ่า และไหล่ และอาจร้าวไปถึงแขนจนทำให้ยกแขนไม่ขึ้น บางรายมีอาการปวดตึงที่ขาและที่บริเวณหลัง รวมถึงมีอาการปวดศีรษะอันเกิดจากความเครียดสะสม และความตึง เกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณรอบศีรษะโดยไม่รู้ตัวด้วย

“คนรุ่นใหม่เริ่มตระหนักและตื่นตัวต่อพิษภัยของโรคออฟฟิศซินโดรมและนิยมใช้เวลาว่างก่อน/หลังเลิกงานหรือในวันหยุดพักผ่อนในการออกกำลังกายภายในโรงยิม ศูนย์ออกกำลังกาย ฟิตเนสต่างๆ อีกทั้งเล่นกีฬาหลากหลายชนิด แต่การออกกำลังกายนั้นหากไม่ถูกวิธี หรือออกกำลังกายหนักเกินไป ก็อาจส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบ ปวดเมื่อยตามร่างกายได้เช่นเดียวกัน”

ปัจจุบันทางเลือกในการบรรเทาความปวดที่ออกฤทธิ์ได้อย่างตรงจุด คือ การใช้ยาทาบริเวณที่ปวด ซึ่งหากเลือกใช้ยาทาแก้ปวดที่เป็นเจลใส กลิ่นไม่ฉุน ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเปื้อนเสื้อผ้า ซึ่งเป็นคุณสมบัติเด่นของ   นูโรเฟน เจล ผู้ใช้จะทายาในระหว่างวัน หรือขณะที่ทำงานที่ต้องพบปะกับผู้คนได้อย่างมั่นใจ เพื่อความสะดวกสอดรับกับภาวะความเร่งรีบในสังคมเมือง อย่างไรก็ตามนอกจากใช้ยาทาแล้ว ในทางปฏิบัติ คนในวัยทำงานควรศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในท่าบริหารร่างกายและลักษณะท่าทางขณะปฏิบัติงานที่จะทำให้ตนเองห่างไกลจากโรคออฟฟิศซินโดรมพร้อมทั้งหมั่นออกกำลังกายโดยมีครูฝึกหรือผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด” คุณบิอังกา กล่าว

 เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ยาบรรเทาความปวดที่ออกฤทธิ์ได้อย่างตรงจุด “นูโรเฟน เจล” ที่เหมาะสำหรับคนทำงานโดยเฉพาะ ตระหนักถึงสภาวะปัญหาความเจ็บป่วยทางร่างกายที่เกิดขึ้นกับคนในสังคมเมืองจึงนำนูโรเฟน เจล ขนาด 30 กรัม ออกสู่ตลาดในเดือนกรกฎาคม 2557 เพื่อให้คนเมืองได้ทดลองใช้และเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น รวมทั้งเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่อยากให้ผลิตภัณฑ์มีขนาดเล็กลงเพื่อความสะดวกในการพกพา ทั้งนี้ทางบริษัทจึงจัดแคมเปญ ภารกิจ ซ่า ท้า ปวด (The Pain Challenges) เพื่อประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมทั้งให้ความรู้ ความสนุกสนาน และแรงบันดาลใจในการทำงาน ตลอดจนมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำและความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับอาการปวด รวมถึงแนวทางป้องกันและรักษาโรคออฟฟิศ ซินโดรมก่อนลุกลามกลายเป็นโรคเรื้อรังที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตของชาวเมืองไปโดยไม่รู้ตัว โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากศูนย์ออกกำลังกาย ทรู ฟิตเนส (True Fitness) เป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดแคมเปญครั้งนี้

คุณบิอังกา โรดริเกวช กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลา 10 สัปดาห์ของแคมเปญนี้ เราได้รับเกียรติจากคุณเผือก (พงศธร จงวิลาส) ดีเจคลื่น 94 EFM และนักแสดงชื่อดังจากภาพยนตร์พันล้าน “พี่มากพระโขนง”, ภาพยนตร์เรื่อง “สี่แพร่ง” “ATM เออรัก..เออเร่อ” “กวนมึนโฮ” และซิทคอมเรื่อง “เนื้อคู่ประตูถัดไป” และอีกหลากหลายผลงานที่คนไทยต่างชื่นชอบในความสนุก เฮฮา และเป็นกันเอง ซึ่งในแคมเปญนี้ คุณเผือกจะมารับหน้าที่พิชิตภารกิจ ซ่า ท้า ปวด (The Pain Challenges) พร้อมเชิญชวนให้แฟนๆ ร่วมลุ้นไปด้วยกันกับ 10 ภารกิจสุดหิน สุดฮา ที่ท้าให้คุณเผือกใช้ทั้งพละกำลังและความสามารถจึงจะผ่านไปได้สำเร็จ ที่สำคัญแฟนๆ ยังร่วมสนุกกับภารกิจทั้ง 10 ผ่านการโหวตและตอบคำถามทางเฟสบุ๊ค พร้อมรับของรางวัลมากมาย อาทิ บัตรกำนัลสปาเพื่อสุขภาพ และบัตรชมภาพยนตร์ รวมมูลค่ากว่า 120,000 บาท ตลอดแคมเปญ จาก Live Well Thailand หน้าเฟสบุ๊คเพื่อสุขภาพที่คุณใส่ใจ

ด้านคุณพงศธร จงวิลาส (เผือก) กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้มารับหน้าที่เป็น ผู้ท้าพิชิตภารกิจ “ซ่า ท้า ปวด” (The Pain Challenges) ว่า รู้สึกตื่นเต้นมากและอยากให้แฟนๆ ที่ติดตามผลงานของตนมาตลอด รวมถึงประชาชนที่ร่วมแคมเปญนี้ติดตามการพิชิตภารกิจหนักๆที่เผือกทุ่มเทเพื่อพิชิตความปวดอย่างเต็มที่ เพราะแว่วมาจากทีมงานว่า มีแต่ภารกิจโหดสุดหินเลยทีเดียว เช่น ภารกิจแรก ”วิ่งวิบากกรรมไปทำงาน” ที่จะเปิดให้ผู้ร่วมงานแถลงข่าวได้ชมกันในงาน หลังจากนั้นต้องติดตามที่ www.facebook.com/livewellthailand ซึ่งตลอดทั้ง 10 สัปดาห์นี้แฟนคลับและผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมท้าดวลมันส์ๆสามารถติดตามท่ายากของผมได้ที่ IG : Lollipop_pimp  และ IG ของนูโรเฟนได้ที่ #painchallenge #nopainbutgain #nurofengel

“อย่างวันนี้ผมมาเริ่มทดสอบวัดพละกำลังสร้างความพร้อมให้ตนเองกับเพน กราวด์ (Pain Ground) ก่อนจะไปพิชิตภารกิจ “ซ่า ท้า ปวด” ต่อไป ซึ่งต้องเล่นเกมเพื่อผ่านด่านต่างๆ ทั้งหมด ที่สะท้อนกิจวัตรประจำวันของผู้คนวัยทำงาน เช่น ตั้งแต่ตื่นนอน ที่จะต้องลุกเพื่อไปทำงานตั้งแต่เช้า โดยในด่านจะจำลองให้ผู้เล่นต้องกระโดดไปเกาะหมอนข้าง และไต่ตาข่ายที่เปรียบเป็นผ้าห่ม เพื่อต่อสู้กับความง่วงก่อนไปทำงาน และก่อนทำกิจกรรมทั้งหมดก็ต้องอ่านหนังสือพิมพ์ ซึ่งจะเป็นถุงทรายติดไว้ที่ข้อเท้าด้วย ด่านต่อมาผู้เล่นต้องกระโดดไปตามสิ่งกีดขวาง ซึ่งเปรียบเหมือนถนนต่างๆ หลังจากนั้นจะต้องวิ่งข้ามถนน และมาขึ้นรถไฟฟ้า โดยในด่านนี้ จะให้ผู้เล่นโหนตามห่วงของรถไฟฟ้าไปเรื่อยๆ เรียกได้ว่า..นี่แค่น้ำจิ้มก็ยากสุดๆแล้ว และกิจกรรมวันนี้มีผู้สมัครท้าเข้ามาพิชิตภารกิจเช่นเดียวกับผมด้วย ซึ่งผมจะคอยเป็นกำลังใจให้คนที่ฟิตร่างกายมาอย่างดี ได้ชัยชนะและคว้ารางวัลที่ Live Well Thailand และ True Fitness เตรียมมอบให้ ไม่ว่าจะเป็น ไอแพดมินิ 16GB Wifi+Cellular จำนวน 2 รางวัล, บัตรสมาชิกทรูฟิตเนส 3 เดือน อีก 2 รางวัล และโทรศัพท์มือถือซัมซุง รุ่น กาแล็กซี่ ยัง (Samsung Galaxy Young) จำนวน 2 รางวัล รวมมูลค่าของรางวัลทั้งสิ้นกว่า 6 หมื่นบาท เลยทีเดียว” คุณพงศธร กล่าว

คุณพงศธร กล่าวอีกว่า บางช่วงผมทำงานหนักมากตลอดสัปดาห์ทำให้มีอาการปวดกล้ามเนื้อ เอ็นและข้ออยู่บ่อยๆ พอมาร่วมงานกับ “นูโรเฟน เจล” วันนี้ทำให้ได้รับความรู้มากขึ้นในการเลือกใช้ยาที่บรรเทาอาการปวดได้อย่างตรงจุด และยังไม่แสบ ไม่เหม็น ซึมเร็ว เหมาะกับผมที่ต้องใช้ชีวิตนอกบ้าน ทั้งทำงาน และเล่นกีฬา เป็นอย่างมาก รวมถึงได้ท่าบริหารร่างกายที่ถูกต้องเมื่อต้องอยู่ในอิริยาบถเดิมเป็นระยะเวลานานๆ ไม่ว่าจะเป็น การยืนเป็นพิธีกร หรือ นั่งจัดรายการทางสถานีวิทยุ

อย่าลืมติดตามผม เผือก พงศธร จงวิลาส กับ The Pain Challenges - ภารกิจ ซ่า ท้า ปวด ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 29 กรกฏาคม 2557 เป็นต้นไป การรักษาความปวดจะกลายเป็นเรื่องง่ายและตรงจุดมากที่สุด อย่าปล่อยให้ความปวดบั่นทอนคุณภาพชีวิตอีกต่อไปร่วมขจัดความปวดให้ห่างไกลจากตัวคุณ ได้ที่www.facebook.com/livewellthailand
« Last Edit: August 22, 2014, 09:35:07 AM by FC »

FC on July 29, 2014, 10:30:35 PM
รายละเอียดการร่วมกิจกรรม The Pain Challenges – ภารกิจ “ซ่า ท้า ปวด”

แนวความคิด No Pain But Gain

แนวความคิด No Pain But Gain ได้มาจากคำพูดภาษาอังกฤษ No Pain No Gain หรือที่มีความหมายว่า ถ้าไม่เจ็บก็ไม่สำเร็จ ซึ่งบริษัทเรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย Nurofen Gel ซึ่งเป็นยาทาบรรเทาอาการปวดที่ออกฤทธิ์ได้อย่างตรงจุด ได้เล็งเห็นว่า การมีอาการปวดซึ่งเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อมากเกินไป ซึ่งมักจะเกิดจากการทำงานหรือออกกำลังกายหนักเกินไป ส่งผลให้ทุกคนไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ และอาจจะนำไปสู่การเจ็บปวดเรื้อรังได้ จึงได้มีแนวความคิดใหม่โดยสะท้อนให้เห็นถึงคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้เป็นอย่างดี “No Pain But Gain” ในที่นี้จึงหมายถึง ไม่ต้องเจ็บปวดก็สำเร็จได้ 

ที่มาของแคมเปญ The Pain Challenges

บริษัท เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้วางตัว “คุณเผือก” (พงศธร จงวิลาส)      ให้เป็นตัวแทนของมนุษย์ทำงานที่อยู่ในสังคมเมืองแบบเร่งรีบและการทำงานที่มีการแข่งขันสูงเพื่อความเจริญก้าวหน้าของตัวเอง หรืออาจทำงานหลายอย่าง ส่งผลให้กลายเป็นคนบ้างาน และทำงานหนักเกิดอาการปวดและอักเสบของกล้ามเนื้อ  ซึ่งเป็นอาการหลักของ “โรคออฟฟิศซินโดรม” ซึ่งปัจจุบันพบว่า 80% ของคนในวัยทำงานมีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคนี้ นอกจากนั้นคุณเผือกยังเป็นตัวแทนของผู้ที่ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพหลังเลิกงาน หรือเมื่อมีเวลาว่าง เช่นเข้าฟิตเนส ซึ่งบางครั้งหากออกกำลังกายผิดวิธี ก็อาจทำให้กล้ามเนื้อ    บอบช้ำ มีอาการปวดและอักเสบยิ่งกว่าเดิม คุณเผือกจึงได้ถ่ายทอดชีวิตคนเมืองออกมาในรูปแบบวิดีโอคลิป 10 ตอนผ่าน 10 ภารกิจไม่ธรรมดาที่ท้าให้คุณเผือกทำเพื่อเป็นอีก 1 เสียงเรียกให้คนเมืองหันกลับมาใส่ใจสุขภาพ ทั้งทำงานและออกกำลังกายอย่างถูกวิธี พร้อมให้กำลังใจในการฝ่าฟันอุปสรรคในชีวิตประจำวันด้วยข้อคิดดีๆ จากทุกภารกิจใน The Pain Challenges – ภารกิจ “ซ่า ท้า ปวด” ให้คุณได้ติดตามและร่วมสนุกทุกสัปดาห์ใน www.facebook.com/livewellthailand ตัวอย่างภารกิจเช่น วิ่งวิบากกรรมไปทำงาน  ส้นสูงสะดิ้งซิ่งไตรกีฬา ขี่เผือกต้องเลือกท่า เป็นต้น

เพน กราวด์ (Pain Ground) และในงานแถลงข่าว (วันที่ 29 กรกฎาคม 2557) ได้มีการใช้พื้นที่เพื่อจำลองสถานการณ์ในชีวิตประจำวันของพนักงานออฟฟิศมาไว้ในกิจกรรม โดยใช้ชื่อเรียกว่า เพน กราวด์ ซึ่งมีด่านต่างๆ มากมายที่เป็นการสื่อถึงชีวิตประจำวันของคนทำงาน ตั้งแต่เตียงนอน ที่จะต้องลุกเพื่อไปทำงานตั้งแต่เช้า โดยในด่านจะจำลองให้ผู้เล่นต้องกระโดดไปเกาะหมอนข้าง และไต่ตาข่ายที่เปรียบเป็นผ้าห่ม เพื่อต่อสู้กับความง่วงก่อนไปทำงาน และก่อนทำกิจกรรมทั้งหมดก็ต้องอ่านหนังสือพิมพ์ ซึ่งจะเป็นถุงทรายติดไว้ที่ข้อเท้าด้วย ด่านต่อมาผู้เล่นต้องกระโดดไปตามสิ่งกีดขวาง ซึ่งเปรียบเหมือนถนนต่างๆ หลังจากนั้นจะต้องวิ่งข้ามถนน และมาขึ้นรถไฟฟ้า โดยในด่านนี้ จะให้ผู้เล่นโหนตามห่วงของรถไฟฟ้าไปเรื่อยๆ เมื่อมาถึงออฟฟิศ ผู้เล่นจะต้องดึงประตูเพื่อเปิดลิฟท์ขึ้นไปทำงาน ในที่ทำงานจะพบกับภูเขางาน ซึ่งเป็นการสื่อว่าเป็นผู้เล่นต้องทำงานหนักมาก ซึ่งจะต้องปีนผ่านขึ้นไป เมื่อปีนออกจากภูเขางานได้ก็จะถือว่าได้เวลาพักเที่ยงพอดี ให้ดื่มน้ำ 1 ขวดให้หมด แล้วค่อยสไลด์ตัวลงมาทะลุนาฬิกาไป ซึ่งก็คือเวลาบ่ายโมง ซึ่งเป็นเวลาเข้างานข่วงบ่ายพอดี โดยผู้เล่นต้องนั่งทำงานช่วงบ่ายต่อให้เสร็จ ซึ่งจะมีจักรยานออกกำลังกายติดตั้งอยู่ ให้ขึ้นปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ จนกว่าไฟจะติด พอปั่นงานเสร็จก็ได้เวลาเลิกงานพอดี ซึ่งด่านต่อไปเปรียบเสมือนการออกกำลังหลังเลิกงานเพื่อเป็นการดูแลตัวเอง โดยจุดแรกให้ต่อยมวยตามจุดที่กำหนดให้ครบ เมื่อครบแล้วก็มายกดัมเบลต่ออีก 20 ครั้ง โดยน้ำหนักของดัมเบลสำหรับชายและหญิงจะไม่เท่ากัน เมื่อออกกำลังกายเสร็จแล้ว ก็ให้ปีนขึ้นไปหา   หลอดนูโรเฟน เจล เพื่อหยุดเวลา หลังจากปวดเมื่อยมาทั้งวันผู้เล่นสามารถจะใช้นูโรเฟน เจล เป็นตัวช่วยในการบรรเทาอาการปวดและอักเสบของกล้ามเนื้อ เพื่อให้พร้อมเผชิญกับชีวิตประจำวันในวันถัดไป

ซึ่งในทุกสัปดาห์เราเปิดให้แฟนๆ ที่ชื่นชอบและติดตามผลงานของ “ดีเจเผือก” และผู้สนใจทั่วไปได้ร่วมสนุกกับกิจกรรมผ่านเฟสบุ๊ค www.facebook.com/livewellthailand  ด้วยกติกาง่ายๆ เพียงตอบคำถามประจำสัปดาห์ของ “ดีเจเผือก” โดยโพสต์ลงที่ช่องคอมเมนต์ พร้อมเชิญรับชมและฮาไปกับคลิปวิดีโอที่ดีเจเผือกไปปฏิบัติภารกิจมาแล้วคลิ๊กแชร์คลิปดังกล่าวไปยังไทม์ไลน์ของคุณ เพียงเท่านี้คุณก็จะมีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัล ได้แก่ บัตรกำนัลสปามูลค่า 3,000 บาทและบัตรชมภาพยนตร์ จำนวน 10 นั่งทุกสัปดาห์จาก Live Well Thailand โดยทีมงานจะเฉลยคำตอบที่คุณทายไว้ พร้อมกับแจ้งรายชื่อผู้โชคดีประจำแต่ละสัปดาห์ผ่านทางเฟสบุ๊ค Live Well Thailand

เชิญร่วมสนุก ลุ้นและเชียร์กันว่า “ดีเจเผือก” จะสามารถปฏิบัติทั้ง 10 ภารกิจท้าทายจาก The Pain Challenges – ภารกิจ “ซ่า ท้า ปวด” สนับสนุนโดยนูโรเฟนเจล สำเร็จหรือไม่...สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  www.facebook.com/livewellthailand

FC on July 29, 2014, 10:33:04 PM
ข้อมูล: งาน “ภารกิจ ซ่า ท้า ปวด - The Pain Challenges”









ความวุ่นวายระหว่างวัน ชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ และภาวะตึงเครียดจากการทำงานทำให้ปัจจุบันคนในเมืองใหญ่ไม่ว่าจะในกลุ่มวัยรุ่นหรือคนวัยทำงานจำนวนมากต้องป่วยเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่อาการปวดกล้ามเนื้อและอักเสบของกล้ามเนื้อ บริเวณคอ บ่า ไหล่ เท่านั้นอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ แต่เป็นกลุ่มอาการต่างๆ อันเกิดจากพฤติกรรมที่ผิดในการทำงาน ดังต่อไปนี้
•   ปวดเมื่อย คอ บ่า ไหล่ โดยเฉพาะบริเวณสะบัก จนถึงอาการตึงหรือขยับแขนและไหล่ได้น้อยลง เนื่องจากกล้ามเนื้อเป็นก้อนแข็ง ขาดความยืดหยุ่น
•   ปวดหลัง บางครั้งอาจเกิดอาการปวดหลังเฉียบพลัน เนื่องจากนั่งนานจนกล้ามเนื้ออักเสบ
•   ปวดแขน นิ้วล็อก ตะคริว เนื่องจากเกร็งกล้ามเนื้อแขน จับใช้เมาส์ คีย์บอร์ด หรือเครื่องเขียนต่างๆ ด้วยอาการเกร็งเป็นเวลานาน
•   ขาบวม จากการนั่งนาน
•   คลื่นไส้ เนื่องจากความเครียด และล้า หรือจ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ
•   ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ จากกล้ามเนื้อบริเวณคอเกร็ง ส่งผลไปถึงกล้ามเนื้อบริเวณรอบศีรษะหด เกร็งตัว อาการปวดหัวนี้บางครั้งเรียกว่า ปวดศีรษะจากความเครียด
•   ปวดท้อง กรดไหลย้อน อาการด้านทางเดินอาหารเนื่องจากรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา
•   กระเพาะปัสสาวะอักเสบ จากการอั้นปัสสาวะบ่อย ซึ่งมักเกิดกับผู้หญิง
•   อ่อนล้า ไม่มีแรง

ในบรรดาอาการต่างๆ เหล่านี้ คนทำงานจำนวนมากถึง 80% มีอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อหนักเกินไป เมื่อเกิดอาการปวดกล้ามเนื้อแล้วก็ไม่ได้รับการดูแลรักษาหรือป้องกันอย่างตรงจุด เมื่อต้องใช้กล้ามเนื้อต่อเนื่องไปนานๆ โดยที่กล้ามเนื้อหดตัวแล้วไม่ได้พักให้กล้ามเนื้อยืดตัว ยิ่งใช้งานต่อกล้ามเนื้อก็ยิ่งหดเข้าหากันเรื่อยๆ จนเกิดเป็นก้อนเนื้อแข็งและอักเสบอยู่ลึกลงไปในกล้ามเนื้อชั้นในเรียกว่า “ทริกเกอร์ พอยท์” (Trigger Points) เป็นผลมาจากการที่เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อส่วนนั้นไม่ได้ อันเป็นจุดเริ่มต้นของการปวดเมื่อยที่รุนแรงและยาวนานมากขึ้น โดยไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกปวดเมื่อยเท่านั้น หากแต่ยังส่งผลถึงกายภาพภายนอกทำให้รูปร่างเปลี่ยน เช่น ตัวงอ คอตก หรือไหล่ไม่เท่ากัน และทำให้รู้สึกปวดศีรษะอีกด้วย อีกทั้งโดยทั่วไปแล้วพบว่าอาการปวดศีรษะกว่า 80% เป็นผลมาจากกล้ามเนื้อทั้งสิ้น วิธีการหลีกเลี่ยงจากอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ และอื่นๆ จากออฟฟิศ ซินโดรม ทำได้ง่ายๆ ดังนี้
1.   หาปัจจัยเสี่ยงโดยสังเกตจากโครงสร้างสรีระร่างกายของตนเอง เช่น บางคนไหล่ลู่ ก็จะเมื่อยง่ายกว่าคนอื่น ทำให้มีโอกาสเสี่ยงมากกว่า
2.   อย่าใช้กล้ามเนื้อต่อเนื่องกันเป็นเวลานานเกินไป พยายามทำให้กล้ามเนื้อมีการเคลื่อนไหวในท่าอื่นๆบ้าง ต้องมีการพักเปลี่ยนอริยาบทและยืดกล้ามเนื้อ เช่น เมื่อทำงานติดต่อกันหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน 1-2 ชั่วโมงก็อาจมีการพักไปลุกเดิน ยืดไหล่ สัก 2-3 นาที เป็นต้น ตัวอย่างท่าออกกำลังกายที่ควรทำทุกวันเพื่อยืดกล้ามเนื้อสำหรับ 5 วันทำงาน
3.   ออกกำลังกายที่เหมาะสมกับวัยและกล้ามเนื้อ
4.   ปรับท่าที่สบายและเหมาะสมที่สุดเมื่อต้องทำงานหรือทำกิจกรรมเป็นเวลานานๆ
5.   ปรับเวิร์ค สเปซ (Work Space) ให้เอื้อต่อการทำงาน เช่น เลือกใช้โต๊ะ เก้าอี้ที่เหมาะสมกับลักษณะงาน หรือการนั่งให้เต็มเก้าอี้ เป็นต้น

นอกจากนั้นแล้ว การใช้ยาทาแก้ปวดกล้ามเนื้อก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ได้ผลเร็ว และตรงจุด ในปัจจุบัน ยาบรรเทาปวดที่นิยมใช้มี 2 กลุ่ม คือ
1.   กลุ่มที่มีตัวยาลดอาการปวดและอักเสบของกล้ามเนื้อ  ซึ่งออกฤทธิ์ยับยั้งสารที่ทำให้เกิดการปวด และอักเสบ บริเวณเนื้อเยื่อที่มีอาการ ยากลุ่มนี้จึงลดปวดและอักเสบได้อย่างตรงจุด และยาวนานกว่า โดยสามารถใช้ลดบวม ลดอาการอักเสบของกล้ามเนื้อ เอ็น และข้อ ที่เกิดจากออฟฟิศ ซินโดรม หรือการเล่นกีฬา และอุบัติเหตุได้ด้วย ตัวยาในกลุ่มนี้ เช่น ไอบูโพรเฟน
2.   กลุ่มที่มีตัวยาที่ให้ความร้อน หรือความเย็น เพื่อให้เส้นประสาทที่รับรู้ความรู้สึกปวด เปลี่ยนไปรับรู้ความรู้สึกร้อนหรือเย็น เพียงชั่วคราว เมื่อผิวหนังหมดความรู้สึกร้อน เย็น จึงกลับมามีอาการปวดเหมือนเดิม ยากลุ่มนี้อาจทำให้รู้สึกผ่อนคลาย หายเร็ว แต่ออกฤทธิ์ไม่นาน เพียงแค่ช่วงที่ยังให้ความร้อน เย็น อยู่เท่านั้น จึงเหมาะกับอาการปวดเมื่อยธรรมดา ไม่รุนแรง และมักมีกลิ่นฉุน เนื่องจากมีส่วนผสมของเมทิล ซาลิไซเลท  เมนทอล   และสารสกัดจากพริก (แคปไซซิน)  แต่ที่สำคัญคือยากลุ่มนี้หากให้ความร้อนหรือเย็นมากเกินไป อาจทำให้รู้สึกแสบ ระคายเคืองที่ผิวหนังได้ ดังนั้นหากเป็นอาการปวดที่เกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อ จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยากลุ่มนี้

นูโรเฟน เจล ทั้ง 2 ขนาด คือ 50 กรัม และขนาดใหม่ 30 กรัม มีตัวยาไอบูโพรเฟน เป็น เจลใส ซึมซาบดี ไม่เหนียวเปื้อนเสื้อผ้า และกลิ่นไม่ฉุน  ออกแบบมาให้เข้ากับชีวิตคนรุ่นใหม่ หนุ่มสาววัยทำงาน ที่ใช้ยาทาในการบรรเทาอาการปวด อักเสบของกล้ามเนื้อ จากออฟฟิศ ซินโดรม หรือการเล่นกีฬา ทั้งยังต้องออกไปพบปะสังสรรค์กับผู้คน   จึงไม่อยากใช้ยาที่มีกลิ่นรบกวนคนรอบข้าง นูโรเฟน เจล สามารถใช้ร่วมกับไอบูโพรเฟนชนิดเม็ดซึ่งออกฤทธิ์เร็วภายใน 15-20 นาที และออกฤทธิ์นาน 8 ชั่วโมงได้ เพื่อเสริมการรักษา อย่างไรก็ตาม หากมีอาการปวดรุนแรง หรือเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อขอคำแนะนำในการรักษาเพิ่มเติม ที่สำคัญต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานให้เหมาะสม และดูแลสังเกตตนเองว่ามีอาการออฟฟิศ ซินโดรม หรือไม่ แล้วเริ่มรักษาอย่างถูกวิธีก่อนที่จะเป็นโรคเรื้อรังที่บั่นทอนคุณภาพชีวิต และค่ารักษาพยาบาลไปเป็นจำนวนมาก