MSN on June 19, 2014, 10:42:13 PM
“เอ็มจี”นำประวัติศาสตร์แห่งยานยนต์อังกฤษสู่ประเทศไทย ด้วยการเปิดตัวอย่าง “เอ็มจี6” เป็นทางการ รูปลักษณ์การออกแบบฟาสต์แบ็คที่คำนึงถึงหลักทางอากาศพลศาสตร์ก้าวข้ามแนวคิดในการออกแบบรถยนต์แบบดั้งเดิม











กรุงเทพฯ 19 มิถุนายน 2557 – เอ็มจี บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอังกฤษ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับออุคสาหกรรมยานยนต์ไทย กับการแนะนำรถยนต์เอ็มจี6 ทั้งรูปแบบรถยนต์นั่งและรถฟาสต์แบ็ค 5 ประตู รถยนต์เอ็มจี6 จะทำการผลิตที่โรงงานประกอบรถยนต์ของเอ็มจี ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราช อีสเทิร์น ซีบอร์ด ในจังหวัดชลบุรี บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ซึ่งทำการก่อสร้างด้วยงบประมาณ 9,000 ล้านบาท และมีความสามารถในการผลิตรถยนต์ได้ถึง 50,000 คันต่อปี

มร. หวู่ ฮวน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ระบุว่าการผลิตรถยนต์เอ็มจี6 นั้น จะมีการใช้ชิ้นส่วนในประเทศไม่น้อยกว่า 40% เพื่อทำการจำหน่ายในประเทศและตลาดส่งออก

“เอ็มจีวางแผนที่จะส่งออกรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทยไปยังประเทศที่ใช้งานรถยนต์พวงมาลัยขวาทั่วโลก ซี่งจะทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาของเอ็มจี และเราจะเดินหน้าแผนการตลาดสำหรับการส่งออก เพื่อสนับสนุนการผลิตรถยนต์ในโรงงานแห่งนี้” นายหวู่กล่าว

ด้วยการติดตั้งแนวคิดความสนุกสนานในการขับขี่ที่เรียกว่า “บริท ไดนามิก” (Brit Dynamic) ซึ่งเป็นการประกอบกันของคุณลักษณะที่สำคัญ 4 ประการ อันประกอบไปด้วย สมรรถนะ, การควบคุมรถ, การออกแบบและความปลอดภัย สู่การเป็นเป็นรถยนต์ที่มีความน่าสนใจ เอ็มจี6 เป็นตัวอย่างที่ดีของการที่จิตวิญญาณนักขับถูกผสานเข้ากับวิศวกรรมจากสนามแข่ง ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือยนตรกรรมที่ให้สมรรถนะที่โดดเด่น การออกแบบที่ปราศจากข้อติ การควบคุมที่เน้นให้นักขับเป็นศูนย์กลาง และความปลอดภัยระดับสากล

ขุมกำลังของรถยนต์คันนี้มาจากเครื่องยนต์ทีซีไอ-เทค 1.8 ลิตรที่มาพร้อมเทอร์โบชาร์จและอินเตอร์คูลเลอร์ ที่ให้พละกำลังสูงสุด 118 กิโลวัตต์ (161 แรงม้า) ที่ 5,500 รอบต่อนาทีและให้แรงบิดสูงสุด 215 นิวตันเมตรที่รอบเครื่องยนต์ต่ำเพียง 2,500 รอบต่อนาที ที่ทำให้เอ็มจี6 มีความยืนหยุ่นที่เป็นเยี่ยม

เครื่องยนต์อลูมิเนียมแท้ทั้งเครื่อง มาพร้อมระบบจ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดมัลติพอยท์เอ็มเอฟไอ (Multipoint Fuel Injection) และวาล์วแปรผันอัจฉริยะ DVVT (Double Variable Valve Timing) ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำแบบรถแข่ง และระบบการจัดการเครื่องยนต์เจนเนอเรชั่นใหม่ EMS6204 ส่งกำลังอย่างลื่นไหลด้วยระบบ Dual Clutch Transmission (DCT) 6 สปีด พร้อมระบบเกียร์แพดเดิลชิฟท์ที่ติดตั้งอยู่ที่พวงมาลัย เพื่อเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่และความปลอดภัยที่เหนือไปอีกขั้น ระบบเกียร์อัจฉริยะช่วยลดระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์ลงเหลือเพียง 0.2 วินาทีเท่านั้น และยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการประหยัดน้ำมันอีกต่างหาก

เอ็มจี6 นับเป็นรถยนต์รุ่นเดียวในรถยนต์ระดับนี้ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ ซึ่งทำให้เครื่องยนต์ 1.8 ลิตรรุ่นนี้ สามารถให้พละกำลังและแรงบิดได้เทียบเท่ากับเครื่องยนต์รุ่นปกติขนาด 2.0 ลิตร นอกจากนี้ เครื่องยนต์รุ่นนี้ยังรองรับการใช้งานน้ำมันเชื้อเพลิงอี20 ได้เช่นกัน

นอกเหนือไปจากการให้สมรรถนะที่เร้าใจ เอ็มจี6 ยังนำเสนอการประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยม และมีความโดดเด่นในเรื่องของระดับการปล่อยไอเสีย

แชสซีที่ออกแบบมาโดยมุ่งเน้นที่ความสปอร์ตของเอ็มจี6 ให้มาตรฐานการขับขี่ในแบบรถยนต์ยุโรป ด้วยการควบคุมรถที่แม่นยำ รวมไปถึงความมีเสถียรภาพของรถที่ความเร็วสูง ความสำเร็จเหล่านี้เกิดจากการจูนตัวถังที่เหมาะสม รวมไปถึงการใช้เหล็กกันโคลงขนาดใหญ่ ที่ช่วยรักษาความสามารถในการสนับสนุนการขับขี่ของตัวรถในการเข้าโค้งอย่างรุนแรง

ระบบรองรับแรงสั่นสะเทือนที่ปรับจูนมาอย่างพอเหมาะ เพื่อสร้างสมดุลที่ดีระหว่างการอัดและการคืนตัวของโช๊คอัพ ช่วงล่างแบบอิสระของเอ็มจี6 ประกอบไปด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัทและช่วงล่างมัลติลิงค์แบบซี-ไทป์ที่ด้านหลัง มาพร้อมระบบช่วยลดการสั่นสะเทือนที่ยืดหยุ่นตามความเหมาะสมในการใช้งาน ทั้งหมดนี้จะช่วยในเรื่องของการบังคับควบคุมรถที่แม่นยำและเพิ่มความพึงพอใจในการขับขี่ ขณะเดียวกัน ก็ช่วยรักษาเสถียรภาพระดับสูงของตัวรถ

การออกแบบที่แสดงให้เห็นถึงความหลงใหลแบบยูโรเปียนของเอ็มจี6 สร้างบรรยากาศแห่งความเคลื่อนไหวของตัวรถ แม้แต่ในยามที่รถจอดนิ่งสนิท

สปอยเลอร์ที่ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ มาพร้อมระบบ Air-Flow Tuner Plus ให้สมรรถนะตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการประหยัดน้ำมันอย่างเหนือชั้น

ล้ออัลลอยมีให้เลือกทั้งแบบ 17 นิ้วและ 16 นิ้ว เสาอากาศรูปทรงครีบฉลามออกแบบแบบยูโรเปียน ได้รับการติดตั้งมาบนหลังคาของรถทุกคัน

ห้องโดยสารภายในให้ความดึงดูดทั้งในเรื่องของรายละเอียดการออกแบบและความกว้างขวางของห้องโดยสาร สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดการออกแบบเชิงบูรณาการแบบไดนามิกของเอ็มจี

เอ็มจี6 ได้พัฒนาเพื่อให้มีพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง โดยเฉพาะในส่วนของพื้นที่วางขาและพื้นที่ส่วนไหล่ของผู้โดยสาร เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศการขับขี่ที่สะดวกสบาย

ในรุ่นฟาสต์แบ็ค 5 ประตูนั้น พื้นที่บรรทุกสัมภาระได้ถูกขยายเพิ่มเติมเป็น 472 ลิตร พร้อมระบบพับเบาะที่นั่งตอนหลังเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้

ทางด้านความปลอดภัยนั้น เอ็มจี6 มาพร้อมนวัตกรรมการออกแบบตัวถัง USD (Ultimate Stiffness Design) ที่โครงสร้างของตัวรถกว่า 63% ถูกสร้างขึ้นมาด้วยโลหะที่มีความแข็งแกร่งและโลหะที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ซึ่งทำให้รถคันนี้ผ่านมาตรฐานการทดสอบการชนของยุโรประดับ 5 ดาวเลยทีเดียว

ระบบช่วยเหลือทางด้านความปลอดภัย 10 ระบบถูกติดตั้งอยู่ในรถยนต์เอ็มจี6 ซึ่งก็รวมถึงระบบช่วยควบคุมแรงเบรกเมื่อรถไถลลื่น (VSC - Vehicle Stability Control) ระบบเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่โดยลดการลื่นไถล (TCS -  Traction Control System) ระบบป้องกันการลื่นเมื่อเร่งความเร็ว (MSR - Motor Control Slide Retainer) ระบบช่วยควบคุมแรงดันถังเบรก (CBC - Cornering Brake Control) ระบบช่วยกระจายแรงเบรค (EBD - Electronic Brake Distribution) ระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรคฉุกเฉิน (ABS - Anti-lock Braking System) ระบบตรวจสอบแรงดันยางรถยนต์อัจฉริยะ (ITPMS - Indirect Monitor Tire System) ระบบทำความสะอาดจานเบรคอัจฉริยะ (BDC - Brake Disc Cleaning) ระบบควบคุมการเบรคฉุกเฉิน (BA - Brake Assist) และระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS - Hill Start Assist System)

ในรุ่นท๊อปยังมาพร้อมกับถุงลมนิรภัย 4 ตำแหน่ง ประกอบไปด้วยถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า และถุงลมนิรภัยด้านข้าง ที่ติดตั้งอยู่ที่ตำแหน่งเบาะผู้โดยสารตอนหน้าที่ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับน้ำหนักผู้โดยสารโดยเฉพาะ

รถยนต์เอ็มจี6 เปิดตัวในประเทศไทยพร้อมกัน 2 รูปแบบตัวถัง ได้แก่ ตัวถังสปอร์ตตี้ ฟาสต์แบ็ค 5 ประตู และแบบซีดาน 4 ประตู โดยในรุ่นฟาสต์แบ็คจะแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย (เอ็กซ์และดี) ขณะที่ในรุ่นซีดานจะมี 3 รุ่นย่อยให้เลือก (เอ็กซ์, ดีและซี)

เอ็มจี6 สปอร์ตตี้ ฟาสต์แบ็ค ทั้งรุ่นเอ็กซ์และดี จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร เทอร์โบชาร์จเจอร์ วางราคาจำหน่ายที่ 1,108,000 บาท และ 968,000 บาท ตามลำดับ

ขณะที่เอ็มจี6 ซีดาน รุ่นเอ็กซ์และดี จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร เทอร์โบชาร์จเจอร์เช่นกัน และวางราคาจำหน่ายที่ 1,098,000 บาท และ 898,000 บาท ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ในรุ่นเอ็มจี6 ซีดาน ซี จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรแบบธรรมดา โดยวางราคาจำหน่ายที่ 848,000 บาท

บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ตั้งเป้าหมายที่จะจำหน่ายเอ็มจี6 ไว้ทั้งสิ้น 2,000 คัน ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้

ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 30 รายทั่วประเทศได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ และพร้อมที่จะเดินหน้าทำตลาดได้ในปีนี้ โดยตัวแทนจำหน่าย 9 แห่งแรกพร้อมที่จะเปิดให้บริการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2557 ตัวแทนจำหน่ายอีก 16 แห่งจะเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม เอ็มจีเชื่อว่าเพื่อการสร้างการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว การพัฒนาเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายให้เข้มแข็งจะเป็นหลักการที่สำคัญในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า และจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งของตราสินค้าในประเทศไทย

รถยนต์เอ็มจี6 พร้อมแล้วที่จะเปิดรับจองอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งเอ็มจีได้เตรียมข้อเสนอที่ดีที่สุดเพื่อมอบให้กับลูกค้าที่ตัดสินใจเป็นเจ้าของรถ ด้วยการมอบบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (MG Roadside Assistance) บริการช่วยเหลือที่จุดบริการ (MG Mobile Service) และการรับประกันคุณภาพของสินค้านานถึง 4 ปีหรือ 120,000 กิโลเมตร

ในส่วนของการให้บริการหลังการขายนั้น เอ็มจีได้ทำการเปิดศูนย์กระจายอะไหล่ (Parts Distribution Center) ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนบางนา-ตราด กม.19 ซึ่งได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีล่าสึดสำหรับการจัดเก็บและขนส่งอะไหล่รถยนต์ บนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร สามารถจัดเก็บอะไหล่ที่มีความแตกต่างกันได้มากกว่า 2,500 ชนิด ที่พร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าทั่วประเทศไทยตลอด 24 ชั่วโมง

“ศูนย์แห่งนี้ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ อะไหล่ พนักงานและระบบต่าง ๆ อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการตามความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สิ่งนี้จะช่วยลดระยะเวลาในการรออะไหล่ลงไปได้ โดยศูนย์แห่งนี้มีเป้าหมายที่จะรองรับความต้องการของพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายหวู่กล่าวเสริม

สำหรับศูนย์บริการและศูนย์ฝึกอบรมของเอ็มจี (MG Service Center and Training Center) ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนอ่อนนุชนั้น ได้ก่อตั้งเป็นที่เรียบร้อยและเปิดดำเนินการแล้วเช่นกัน

เกี่ยวกับ เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด
ก่อตั้งขึ้นในปี 2556 บริษัทเอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน คือ เซียงไฮ้ ออโด้โมบิล แอนด์ อินดัสเทรียล คอร์ปอเรชั่น (Shanghai Automobile and Industrial Corporation) ถือหุ้นร้อยละ 51 และเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ถือหุ้นร้อยละ 49 โดยมีศูนย์การผลิตรถยนต์เอ็มจีในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง เพื่อผลิตรถยนต์เอ็มจีพวงมาลัยขวาส่งขายไปยังตลาดทั้งในประเทศและตลาดอาเซียน ในส่วนของการจัดจำหน่าย บริษัทได้ก่อตั้งบริษัทเอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อดูแลงานการตลาด การขาย เครื่อข่ายผู้จำหน่าย การบริการหลังการขาย โดยบริษัทตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร 

เกี่ยวกับ เอ็มจี
ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1924 เอ็มจี เป็นแบรนด์รถยนต์อังกฤษที่มีประวัติยาวนาน 90 ปีในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ เอ็มจีมาจากคำว่า มอริส การาจ ปัจจุบันบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์สเป็นเจ้าของกิจการ มีศูนย์ออกแบบหลักอยู่ในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ เพื่อออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งศูนย์เทคโนโลยีตามมาตรฐานยุโรป เอ็มจีมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายจากการเป็นรถยนต์สปอร์ตเปิดประทุน ที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ปัจจุบันรถยนต์เอ็มจียังได้รับการผลิตในหลากหลายรุ่น และจัดจำหน่ายไปทั่วโลก
« Last Edit: June 20, 2014, 02:51:33 PM by MSN »

MSN on June 19, 2014, 10:46:27 PM
เอ็มจี 6

จุดเด่นของสินค้า

-   เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จรุ่นเดียวในรถยนต์ระดับซี-เซกเมนต์ ที่ให้พละกำลัง 161 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 215 นิวตันเมตร ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 5
-   ตัวถังแบบซีดานและฟาสต์แบ็ค สะท้อนการออกแบบจากอังกฤษ
-   การขับขี่ยอดเยี่ยมและการควบคุมรถที่แม่นยำ
-   ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบอีเลคทรอนิกส์ 10 ระบบ พร้อมถุงลมนิรภัย 4 ลูก
-   ผ่านมาตรฐานการทดสอบการชนของยุโรประดับ 4 ดาว
-   รถยนต์แบบ 5 ที่นั่ง ที่มีพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง

ภาพรวมของสินค้า

ประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของเอ็มจี เริ่มต้นในช่วงเกือบ 90 ปีที่ผ่านมาในปี ค.ศ.1924 ซึ่งเซซิล คิมเบอร์ (Cecil Kimber) ผู้ก่อตั้งเอ็มจี ได้ทำการตั้งชื่อของบริษัทเพื่อระลึกถึงวิลเลียม มอร์ริส (William Morris) พนักงานของเขาและเจ้าของมอริส การาจ ซึ่งคิมเบอร์ใม่ได้เพียงแต่ตั้งชื่อใหม่เท่านั้น แต่ยังเริ่มเปิดสายการผลิตรถยนต์แห่งแรกของเอ็มจี ด้วยการปรับโรงงานผลิตตัวถังรถยนต์โดยสารให้เป็นแชสซีมอร์ริส คาวลีย์ สร้างรถยนต์ที่รู้จักกันในชื่อมอร์ริส การาจ ชุมมิส (Morris Garage Chummys) หลังจากนั้นในปี ค.ศ.1924 เขาออกแบบรถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตรุ่น 14/28 ซึ่งเป็นรถยนต์เอ็มจีสายพันธุ์แท้รุ่นแรก และกลายเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ได้รับการติดตั้งตราโลโก้ 8 เหลี่ยม ที่ใช้อย่างสืบทอดยาวนานมานับแต่นั้น

วันนี้ เอ็มจีได้กลับเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอีกครั้งพร้อมกับการเปิดตัวเอ็มจี6 ซึ่งจะเป็นรถยนต์รุ่นแรกจากสินค้าที่หลากหลายจากผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอังกฤษ ที่จะทยอยเปิดตัวในประเทศไทย

ที่เอ็มจี พวกเราผลิตรถยนต์ที่น่าหลงใหลที่จะสะท้อนปรัชญาการออกแบบบริท ไดนามิค (Brit Dynamic) ที่เป็นการผสานกันระหว่างสมรรถนะที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสนามแข่งกับแนวทางการออกแบบที่คมชัด การควบคุมที่มีชีวิตชีวาและความปลอดภัยระดับโลก

เอ็มจี6 เป็นรถยนต์รุ่นใหม่ที่ได้รับการออกแบบตั้งแต่การพัฒนาแชสซี การออกแบบและพัฒนาโดยทีมงานฝ่ายออกแบบรถยนต์ระดับมืออาชีพ และทีมวิศวกรที่อยู่ที่โรงงานเอ็มจี เบอร์มิงแฮม ซึ่งเป็นโรงงานของเอ็มจี มอเตอร์ สหราชอาณาจักร

การออกแบบ

รถยนต์คันนี้ได้รับการออกแบบโดยทีมงานที่นำทีมโดย โทนี่ วิลเลี่ยมส์-เคนนี่ (Tony Williams-Kenny) ขณะที่ทีมงานฝ่ายวิศวกรและทีมพัฒนาสินค้านำทีมโดย เดวิด ลินด์เลย์ (David Lindley)

ศูนย์ออกแบบและศูนย์เทคนิคของเอ็มจี ต่างตั้งอยู่ที่เอ็มจี เบอร์มิงแฮม ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งเอ็มจี6 จีทีทำการผลิต ซึ่งทีมออกแบบและทีมวิศวกรระดับมืออาชีพกว่า 300 คนจะประจำการที่ศูนย์ปฏิบัติการเบอร์มิงแฮมแห่งนี้

รูปแบบของรถยนต์ฟาสต์แบ็คของเอ็มจี6 นั้น ทำให้รถคันนี้มีความแตกต่างที่ชัดเจนจากบรรดาคู่แข่งทั่วไป ขณะที่ทั้งรุ่นฟาสต์แบ็คและซีดาน ก็ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงสมรรถนะทางด้านอากาศพลศาสตร์อย่างสูงสุด

สปอยเลอร์ที่ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ มาพร้อมระบบ Air-Flow Tuner Plus ให้สมรรถนะตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการประหยัดน้ำมันอย่างเหนือชั้น

ห้องโดยสารภายในของเอ็มจี6 นำเสนอพื้นที่ส่วนศีรษะและพื้นที่สำหรับวางขา ทั้งที่นั่งผู้โดยสารตอนหน้าและตอนหลัง นี่คือรถยนต์ 5 ที่นั่งอัจฉริยะ ซึ่งตำแหน่งที่นั่งตรงกลางของผู้โดยสารตอนหลัง มีขนาดที่ใหญ่เพียงพอสำหรับผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่สักคน

เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง

เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ สามารถผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 5 ที่เข้มงวดได้นั้น เป็นสิ่งที่ใหม่มากสำหรับรถยนต์ระดับซี-เซกเมนต์ในประเทศไทย และยังสามารถให้พละกำลังและแรงบิดได้เทียบเท่ากับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีอินเตอร์คูล เทอร์โบชาร์จจิ้ง ทีซีไอ-เทค และวาล์วแปรผันอัจฉริยะ DVVT (Double Variable Valve Timing) เครื่องยนต์รุ่นนี้สามารถให้กำลังได้ถึง 118 กิโลวัตต์ (161 แรงม้า) ที่ 5,500 รอบต่อนาทีและให้แรงบิดสูงสุด 215 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบต่อนาที

ด้วยการพัฒนารูปแบบของเครื่องยนต์ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากปอร์เช่ และระบบระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำแบบรถแข่ง จุดสำคัญอื่น ๆ ของเครื่องยนต์ประกอบไปด้วย ระบบจ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดมัลติพอยท์เอ็มเอฟไอ (Multipoint Fuel Injection) วาล์วแปรผันอัจฉริยะ DVVT (Double Variable Valve Timing) ระบบการจัดการเครื่องยนต์เจนเนอเรชั่นใหม่ EMS6204 และระบบควบคุมวาล์วแบบอีเลคทรอนิครุ่นใหม่

นอกจากนี้ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดแบบ Dual Clutch Transmission (DCT) ไม่ได้ให้เพียงแต่ความรวดเร็วในการเปลี่ยนเกียร์เท่านั้น แต่ยังช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันได้เป็นอย่างดี ระบบเกียร์อัจฉริยะช่วยลดระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์ลงเหลือเพียง 0.2 วินาทีเท่านั้น และยังประกอบไปด้วยโหมดการขับขี่ที่แตกต่างกัน 5 โหมด รถคันนี้ยังมาพร้อมแป้นแพดเดิลชิฟท์รูปแบบเดียวกับรถแข่งฟอร์มูล่า-วันที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังพวงมาลัย ที่ช่วยให้ผู้ขับสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้ว ซึ่งการทำงานที่สอดประสานกันยังช่วยลดแรงสั่นสะเทือนและเสียงดังอีกด้วย

แชสซี

วิศวกรรมทางด้านโครงสร้างของรถนำเสอนการพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ที่สามารถส่งมอบการรวมกันของความนุ่มนวลและการทรงตัวที่เป็นเลิศ โครงสร้างตัวถังแบบชิ้นเดียว (โมโนคอค) ที่ผลิตจากโลหะไม่ได้ให้แต่ความแข็งแรงเท่านั้น แต่ถูกออกแบบเพื่อรักษาคุณสมบัติทางพลวัตที่ดีเยี่ยมทั้งหมด

นอกเหนือไปจากการนำเสนอคุณลักษณ์ทางด้านการขับขี่ในเชิงสมรรถนะสูง ด้วยการควบคุมรถที่ดีเยี่ยมและการบังคับที่แม่นยำ แชสซีที่ถูกพัฒนามาด้วยแนวคิดแบบสปอร์ตของเอ็มจี6 ยังช่วยให้นักขับเข้าใจเกี่ยวกับความพึงพอใจในการขับขี่แบบเอ็มจีได้ดียิ่งขึ้น

ด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัทและช่วงล่างมัลติลิงค์แบบซี-ไทป์ที่ด้านหลัง การควบคุมรถเอ็มจี6 จะให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นรถสปอร์ตขนาดเล็ก ซึ่งไม่ตรงกับขนาดที่แท้จริงของมัน

จุดเด่นที่สำคัญของช่วงล่างด้านหน้าแบบสตรัทและด้านหลังแบบมัลติลิงค์ ประกอบไปด้วย :

-   การจูนน้ำหนักตัวถัง(sprung mass)ที่เหมาะสม เพื่อการขับขี่ที่ดีและเสถียรภาพของรถ
-   ขนาดที่เหมาะสมสำหรับเหล็กกันโคลง ที่ช่วยให้ตัวรถมีความแข็งที่เหมาะสมในการช่วยเหลือในการควบคุมรถเมื่อยามเข้าโค้ง
-   การสร้างสมดุลที่มีเหตุผล ระหว่างการอยุบและการคืนตัวของโช๊คอัพ
-   ช่วงล่างแบบอิสระมอบระบบช่วยลดการสั่นสะเทือนที่ยืดหยุ่นตามความเหมาะสมในการใช้งาน ทั้งหมดนี้จะช่วยในเรื่องของการบังคับควบคุมรถที่แม่นยำและเพิ่มความพึงพอใจในการขับขี่ไปพร้อม ๆ กัน
นอกจากนี้ การควบคุมรถจะทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับท้องถนนมากขึ้นด้วยรถยนต์เอ็มจี6  นี่คือหนึ่งในรถยนต์ที่นำเสนอการเป็นรถยนต์สำหรับผู้ขับขี่ และเอ็มจี6 จีทีก็ได้ส่งมอบสิ่งเหล่านี้ ด้วยการที่ให้ระบบควบคุมที่ดีเยี่ยม โดยไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกที่ตึงเครียดแต่อย่างใด

ความปลอดภัย

เอ็มจี6 มาพร้อมระบบความปลอดภัยทั้งก่อนและหลังการเกิดเหตุที่มีประสิทธิภาพ เริ่มกันที่ นวัตกรรมการออกแบบตัวถัง USD (Ultimate Stiffness Design) ที่มีการใช้งานโลหะที่มีความแข็งแกร่งและโลหะที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษมากถึง 63% เอ็มจี6 ทุกรุ่นจะมาพร้อมคานรับแรงกระแทกด้านข้าง และผ่านมาตรฐานการทดสอบการชนระดับ 4 ดาวจากยุโรป

มีการติดตั้งระบบช่วยเหลือทางด้านความปลอดภัยทั้งสิ้น 10 ระบบในรถยนต์เอ็มจี6 ซึ่งประกอบไปด้วย ระบบช่วยควบคุมแรงเบรกเมื่อรถไถลลื่น (VSC - Vehicle Stability Control) ระบบเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่โดยลดการลื่นไถล (TCS -  Traction Control System) ระบบป้องกันการลื่นเมื่อเร่งความเร็ว (MSR - Motor Control Slide Retainer) ระบบช่วยควบคุมแรงดันถังเบรก (CBC - Cornering Brake Control) ระบบช่วยกระจายแรงเบรค (EBD - Electronic Brake Distribution) ระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรคฉุกเฉิน (ABS - Anti-lock Braking System) ระบบตรวจสอบแรงดันยางรถยนต์อัจฉริยะ (ITPMS - Indirect Monitor Tire System) ระบบทำความสะอาดจานเบรคอัจฉริยะ (BDC - Brake Disc Cleaning) ระบบควบคุมการเบรคฉุกเฉิน (BA - Brake Assist) และระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS - Hill Start Assist System)
มาพร้อมกับถุงลมนิรภัย 4 ตำแหน่ง ประกอบไปด้วยถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า และถุงลมนิรภัยด้านข้าง ขณะที่ระบบความปลอดภัยอื่น ๆ ประกอบไปด้วยเก้าอี้โดยสารทรงรถแข่งที่ออกแบบมาเพื่อรองรับตัวผู้โดยสาร พวงมาลัยแบบยุบตัวได้ และวาล์วตัดการทำงานของน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น

PRICE

Body type   Grade   Price
Fastback   1.8X Turbo DCT   1,108,000 THB
   1.8D Turbo DCT   968,000 THB
   1.8X Turbo Sunroof DCT    1,128,000 THB
   1.8D Turbo Sunroof DCT   988,000 THB
Sedan   1.8X Turbo DCT   1,098,000 THB
   1.8D DCT   898,000 THB
   1.8C DCT   848,000 THB
   1.8X Turbo Sunroof DCT   1,118,000 THB
   1.8D Sunroof DCT   918,000 THB

MSN on June 24, 2014, 02:15:36 PM
เปิดตัวรถยนต์เอ็มจี รุ่น MG6 อย่างเป็นทางการครั้งแรกของประเทศไทย









          “เอ็มจี”นำประวัติศาสตร์แห่งยานยนต์อังกฤษสู่ประเทศไทย ด้วยการเปิดตัวอย่าง “เอ็มจี6” เป็นทางการ รูปลักษณ์การออกแบบฟาสต์แบ็คที่คำนึงถึงหลักทางอากาศพลศาสตร์ก้าวข้ามแนวคิดในการออกแบบรถยนต์แบบดั้งเดิม

          เอ็มจี บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอังกฤษ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับออุคสาหกรรมยานยนต์ไทย กับการแนะนำรถยนต์เอ็มจี6 ทั้งรูปแบบรถยนต์นั่งและรถฟาสต์แบ็ค 5 ประตู รถยนต์เอ็มจี6 จะทำการผลิตที่โรงงานประกอบรถยนต์ของเอ็มจี ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราช อีสเทิร์น ซีบอร์ด ในจังหวัดชลบุรี บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ซึ่งทำการก่อสร้างด้วยงบประมาณ 9,000 ล้านบาท และมีความสามารถในการผลิตรถยนต์ได้ถึง 50,000 คันต่อปี

          มร. หวู่ ฮวน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ระบุว่าการผลิตรถยนต์เอ็มจี6 นั้น จะมีการใช้ชิ้นส่วนในประเทศไม่น้อยกว่า 40% เพื่อทำการจำหน่ายในประเทศและตลาดส่งออก

          “เอ็มจีวางแผนที่จะส่งออกรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทยไปยังประเทศที่ใช้งานรถยนต์พวงมาลัยขวาทั่วโลก ซี่งจะทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาของเอ็มจี และเราจะเดินหน้าแผนการตลาดสำหรับการส่งออก เพื่อสนับสนุนการผลิตรถยนต์ในโรงงานแห่งนี้” นายหวู่กล่าว

          ด้วยการติดตั้งแนวคิดความสนุกสนานในการขับขี่ที่เรียกว่า “บริท ไดนามิก” (Brit Dynamic) ซึ่งเป็นการประกอบกันของคุณลักษณะที่สำคัญ 4 ประการ อันประกอบไปด้วย สมรรถนะ, การควบคุมรถ, การออกแบบและความปลอดภัย สู่การเป็นเป็นรถยนต์ที่มีความน่าสนใจ เอ็มจี6 เป็นตัวอย่างที่ดีของการที่จิตวิญญาณนักขับถูกผสานเข้ากับวิศวกรรมจากสนามแข่ง ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือยนตรกรรมที่ให้สมรรถนะที่โดดเด่น การออกแบบที่ปราศจากข้อติ การควบคุมที่เน้นให้นักขับเป็นศูนย์กลาง และความปลอดภัยระดับสากล

          ขุมกำลังของรถยนต์คันนี้มาจากเครื่องยนต์ทีซีไอ-เทค 1.8 ลิตรที่มาพร้อมเทอร์โบชาร์จและอินเตอร์คูลเลอร์ ที่ให้พละกำลังสูงสุด 118 กิโลวัตต์ (161 แรงม้า) ที่ 5,500 รอบต่อนาทีและให้แรงบิดสูงสุด 215 นิวตันเมตรที่รอบเครื่องยนต์ต่ำเพียง 2,500 รอบต่อนาที ที่ทำให้เอ็มจี6 มีความยืนหยุ่นที่เป็นเยี่ยม

          เครื่องยนต์อลูมิเนียมแท้ทั้งเครื่อง มาพร้อมระบบจ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดมัลติพอยท์เอ็มเอฟไอ (Multipoint Fuel Injection) และวาล์วแปรผันอัจฉริยะ DVVT (Double Variable Valve Timing) ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำแบบรถแข่ง และระบบการจัดการเครื่องยนต์เจนเนอเรชั่นใหม่ EMS6204 ส่งกำลังอย่างลื่นไหลด้วยระบบ Dual Clutch Transmission (DCT) 6 สปีด พร้อมระบบเกียร์แพดเดิลชิฟท์ที่ติดตั้งอยู่ที่พวงมาลัย เพื่อเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่และความปลอดภัยที่เหนือไปอีกขั้น ระบบเกียร์อัจฉริยะช่วยลดระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์ลงเหลือเพียง 0.2 วินาทีเท่านั้น และยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการประหยัดน้ำมันอีกต่างหาก

          เอ็มจี6 นับเป็นรถยนต์รุ่นเดียวในรถยนต์ระดับนี้ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ ซึ่งทำให้เครื่องยนต์ 1.8 ลิตรรุ่นนี้ สามารถให้พละกำลังและแรงบิดได้เทียบเท่ากับเครื่องยนต์รุ่นปกติขนาด 2.0 ลิตร นอกจากนี้ เครื่องยนต์รุ่นนี้ยังรองรับการใช้งานน้ำมันเชื้อเพลิงอี20 ได้เช่นกัน นอกเหนือไปจากการให้สมรรถนะที่เร้าใจ เอ็มจี6 ยังนำเสนอการประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยม และมีความโดดเด่นในเรื่องของระดับการปล่อยไอเสียแชสซีที่ออกแบบมาโดยมุ่งเน้นที่ความสปอร์ตของเอ็มจี6 ให้มาตรฐานการขับขี่ในแบบรถยนต์ยุโรป ด้วยการควบคุมรถที่แม่นยำ รวมไปถึงความมีเสถียรภาพของรถที่ความเร็วสูง ความสำเร็จเหล่านี้เกิดจากการจูนตัวถังที่เหมาะสม รวมไปถึงการใช้เหล็กกันโคลงขนาดใหญ่ ที่ช่วยรักษาความสามารถในการสนับสนุนการขับขี่ของตัวรถในการเข้าโค้งอย่างรุนแรง

          ระบบรองรับแรงสั่นสะเทือนที่ปรับจูนมาอย่างพอเหมาะ เพื่อสร้างสมดุลที่ดีระหว่างการอัดและการคืนตัวของโช๊คอัพ ช่วงล่างแบบอิสระของเอ็มจี6 ประกอบไปด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัทและช่วงล่างมัลติลิงค์แบบซี-ไทป์ที่ด้านหลัง มาพร้อมระบบช่วยลดการสั่นสะเทือนที่ยืดหยุ่นตามความเหมาะสมในการใช้งาน ทั้งหมดนี้จะช่วยในเรื่องของการบังคับควบคุมรถที่แม่นยำและเพิ่มความพึงพอใจในการขับขี่ ขณะเดียวกัน ก็ช่วยรักษาเสถียรภาพระดับสูงของตัวรถ

          การออกแบบที่แสดงให้เห็นถึงความหลงใหลแบบยูโรเปียนของเอ็มจี6 สร้างบรรยากาศแห่งความเคลื่อนไหวของตัวรถ แม้แต่ในยามที่รถจอดนิ่งสนิทสปอยเลอร์ที่ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ มาพร้อมระบบ Air-Flow Tuner Plus ให้สมรรถนะตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการประหยัดน้ำมันอย่างเหนือชั้นล้ออัลลอยมีให้เลือกทั้งแบบ 17 นิ้วและ 16 นิ้ว เสาอากาศรูปทรงครีบฉลามออกแบบแบบยูโรเปียน ได้รับการติดตั้งมาบนหลังคาของรถทุกคันห้องโดยสารภายในให้ความดึงดูดทั้งในเรื่องของรายละเอียดการออกแบบและความกว้างขวางของห้องโดยสาร สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดการออกแบบเชิงบูรณาการแบบไดนามิกของเอ็มจี เอ็มจี6 ได้พัฒนาเพื่อให้มีพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง โดยเฉพาะในส่วนของพื้นที่วางขาและพื้นที่ส่วนไหล่ของผู้โดยสาร เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศการขับขี่ที่สะดวกสบาย

          ในรุ่นฟาสต์แบ็ค 5 ประตูนั้น พื้นที่บรรทุกสัมภาระได้ถูกขยายเพิ่มเติมเป็น 472 ลิตร พร้อมระบบพับเบาะที่นั่งตอนหลังเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้ทางด้านความปลอดภัยนั้น เอ็มจี6 มาพร้อมนวัตกรรมการออกแบบตัวถัง USD (Ultimate Stiffness Design) ที่โครงสร้างของตัวรถกว่า 63% ถูกสร้างขึ้นมาด้วยโลหะที่มีความแข็งแกร่งและโลหะที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ซึ่งทำให้รถคันนี้ผ่านมาตรฐานการทดสอบการชนของยุโรประดับ 5 ดาวเลยทีเดียวระบบช่วยเหลือทางด้านความปลอดภัย 10 ระบบถูกติดตั้งอยู่ในรถยนต์เอ็มจี6 ซึ่งก็รวมถึงระบบช่วยควบคุมแรงเบรกเมื่อรถไถลลื่น (VSC - Vehicle Stability Control) ระบบเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่โดยลดการลื่นไถล (TCS - Traction Control System) ระบบป้องกันการลื่นเมื่อเร่งความเร็ว (MSR - Motor Control Slide Retainer) ระบบช่วยควบคุมแรงดันถังเบรก (CBC - Cornering Brake Control) ระบบช่วยกระจายแรงเบรค (EBD - Electronic Brake Distribution) ระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรคฉุกเฉิน (ABS - Anti-lock Braking System) ระบบตรวจสอบแรงดันยางรถยนต์อัจฉริยะ (ITPMS - Indirect Monitor Tire System) ระบบทำความสะอาดจานเบรคอัจฉริยะ (BDC - Brake Disc Cleaning) ระบบควบคุมการเบรคฉุกเฉิน (BA - Brake Assist) และระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS - Hill Start Assist System)

          ในรุ่นท๊อปยังมาพร้อมกับถุงลมนิรภัย 4 ตำแหน่ง ประกอบไปด้วยถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า และถุงลมนิรภัยด้านข้าง ที่ติดตั้งอยู่ที่ตำแหน่งเบาะผู้โดยสารตอนหน้าที่ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับน้ำหนักผู้โดยสารโดยเฉพาะรถยนต์เอ็มจี6 เปิดตัวในประเทศไทยพร้อมกัน 2 รูปแบบตัวถัง ได้แก่ ตัวถังสปอร์ตตี้ ฟาสต์แบ็ค 5 ประตู และแบบซีดาน 4 ประตู โดยในรุ่นฟาสต์แบ็คจะแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย (เอ็กซ์และดี) ขณะที่ในรุ่นซีดานจะมี 3 รุ่นย่อยให้เลือก (เอ็กซ์, ดีและซี)เอ็มจี6 สปอร์ตตี้ ฟาสต์แบ็ค ทั้งรุ่นเอ็กซ์และดี จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร เทอร์โบชาร์จเจอร์ วางราคาจำหน่ายที่ 1,108,000 บาท และ 968,000 บาท ตามลำดับ

          ขณะที่เอ็มจี6 ซีดาน รุ่นเอ็กซ์และดี จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร เทอร์โบชาร์จเจอร์เช่นกัน และวางราคาจำหน่ายที่ 1,098,000 บาท และ 898,000 บาท ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ในรุ่นเอ็มจี6 ซีดาน ซี จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรแบบธรรมดา โดยวางราคาจำหน่ายที่ 848,000 บาท

          บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ตั้งเป้าหมายที่จะจำหน่ายเอ็มจี6 ไว้ทั้งสิ้น 2,000 คัน ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 30 รายทั่วประเทศได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ และพร้อมที่จะเดินหน้าทำตลาดได้ในปีนี้ โดยตัวแทนจำหน่าย 9 แห่งแรกพร้อมที่จะเปิดให้บริการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2557 ตัวแทนจำหน่ายอีก 16 แห่งจะเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม เอ็มจีเชื่อว่าเพื่อการสร้างการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว การพัฒนาเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายให้เข้มแข็งจะเป็นหลักการที่สำคัญในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า และจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งของตราสินค้าในประเทศไทย

          รถยนต์เอ็มจี6 พร้อมแล้วที่จะเปิดรับจองอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งเอ็มจีได้เตรียมข้อเสนอที่ดีที่สุดเพื่อมอบให้กับลูกค้าที่ตัดสินใจเป็นเจ้าของรถ ด้วยการมอบบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (MG Roadside Assistance) บริการช่วยเหลือที่จุดบริการ (MG Mobile Service) และการรับประกันคุณภาพของสินค้านานถึง 4 ปีหรือ 120,000 กิโลเมตรในส่วนของการให้บริการหลังการขายนั้น เอ็มจีได้ทำการเปิดศูนย์กระจายอะไหล่ (Parts Distribution Center) ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนบางนา-ตราด กม.19 ซึ่งได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีล่าสึดสำหรับการจัดเก็บและขนส่งอะไหล่รถยนต์ บนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร สามารถจัดเก็บอะไหล่ที่มีความแตกต่างกันได้มากกว่า 2,500 ชนิด ที่พร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าทั่วประเทศไทยตลอด 24 ชั่วโมง

          “ศูนย์แห่งนี้ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ อะไหล่ พนักงานและระบบต่าง ๆ อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการตามความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สิ่งนี้จะช่วยลดระยะเวลาในการรออะไหล่ลงไปได้ โดยศูนย์แห่งนี้มีเป้าหมายที่จะรองรับความต้องการของพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายหวู่กล่าวเสริม

          สำหรับศูนย์บริการและศูนย์ฝึกอบรมของเอ็มจี (MG Service Center and Training Center) ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนอ่อนนุชนั้น ได้ก่อตั้งเป็นที่เรียบร้อยและเปิดดำเนินการแล้วเช่นกัน

          เกี่ยวกับ เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด
          ก่อตั้งขึ้นในปี 2556 บริษัทเอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน คือ เซียงไฮ้ ออโด้โมบิล แอนด์ อินดัสเทรียล คอร์ปอเรชั่น (Shanghai Automobile and Industrial Corporation) ถือหุ้นร้อยละ 51 และเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ถือหุ้นร้อยละ 49 โดยมีศูนย์การผลิตรถยนต์เอ็มจีในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง เพื่อผลิตรถยนต์เอ็มจีพวงมาลัยขวาส่งขายไปยังตลาดทั้งในประเทศและตลาดอาเซียน ในส่วนของการจัดจำหน่าย บริษัทได้ก่อตั้งบริษัทเอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อดูแลงานการตลาด การขาย เครื่อข่ายผู้จำหน่าย การบริการหลังการขาย โดยบริษัทตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร

          เกี่ยวกับ เอ็มจี
          ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1924 เอ็มจี เป็นแบรนด์รถยนต์อังกฤษที่มีประวัติยาวนาน 90 ปีในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ เอ็มจีมาจากคำว่า มอริส การาจ ปัจจุบันบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์สเป็นเจ้าของกิจการ มีศูนย์ออกแบบหลักอยู่ในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ เพื่อออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งศูนย์เทคโนโลยีตามมาตรฐานยุโรป เอ็มจีมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายจากการเป็นรถยนต์สปอร์ตเปิดประทุน ที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ปัจจุบันรถยนต์เอ็มจียังได้รับการผลิตในหลากหลายรุ่น และจัดจำหน่ายไปทั่วโลก
« Last Edit: June 24, 2014, 02:38:55 PM by MSN »