Facebook on March 24, 2014, 03:20:14 PM
มูลนิธิเอสซีจี นำหนังสือดีสู่ชุมชน ชวนพ่อแม่เลี้ยงลูกด้วยหนังสือ บ่มเพาะเยาวชนรักการอ่าน










 
          มูลนิธิเอสซีจี เล็งเห็นความสำคัญของการอ่าน เพราะเป็นรากฐานสำคัญที่จะต่อยอดไปสู่การพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กในอนาคต จึงได้ดำเนินการรณรงค์เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ เรื่องการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้วยหนังสือกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง รวมถึงผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเด็กในทุกมิติเพื่อผลักดันให้ทุกภาคส่วนของสังคมรับรู้ และเข้ามาเป็นสื่อกลางระหว่างเด็กกับหนังสือโดยการนำเอากระบวนการเล่านิทาน อ่านหนังสือไปใช้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอจนกลายเป็นวัฒนธรรมการเลี้ยงลูกด้วยหนังสือและวัฒนธรรมการอ่านอย่างยั่งยืนในสังคมไทย

          กิจกรรมส่งเสริมให้คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงลูกด้วยหนังสือไม่เพียงจัดขึ้นในเมืองใหญ่เท่านั้น แต่มูลนิธิ เอสซีจียังมุ่งมั่นขยายแนวคิดนี้ไปยังพ่อแม่ ผู้ปกครองในระดับชุมชนด้วย จึงได้สนับสนุนสมาคมไทบ้าน (ชุมชนชาวนา) อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ดำเนินกิจกรรม “พลังนิทาน กับการเรียนรู้” ด้วยการให้ พ่อแม่ ผู้เฒ่าผู้แก่ ครูอนุบาล ตลอดจนเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขและหน่วยงานท้องถิ่น ทดลองเล่านิทานอ่านหนังสือกับเด็ก และกลับมาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ถึงผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้หนังสือภาพเป็นระยะๆ โดยมูลนิธิเอสซีจีได้นำหนังสือภาพระดับโลกจากโครงการนำหนังสือดีสู่เด็กไทย มามอบให้กับโรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่ จำนวน 10 โรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 1 แห่ง และกลุ่มผู้ปกครองอีก 2 หมู่บ้านเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาเด็กๆ ด้วยการอ่าน ทั้งยังเป็นสื่อสร้างสรรค์ สานสัมพันธ์ครอบครัวให้อบอุ่นแนบแน่น เสริมฐานความเข้มแข็งให้ชุมชนอีกด้วย

          ป้าแล่ม ธีรดา นามให หัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของการจัดกิจกรรมนี้กล่าวว่า “สมาคมไทบ้าน ทำงานพัฒนาเด็กและเยาวชนในพื้นที่บ้านปลาบู่ อ.วาปีปทุม มานานกว่า 7 ปีแล้ว ซึ่งเป้าหมายที่สำคัญ คือการพัฒนาเด็กในชุมชนผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ เริ่มต้นตั้งแต่เด็กๆ ที่เรียนระดับประถมศึกษา เราให้เขาออกไปค้นหานิทานในหมู่บ้าน แล้วนำมาเรียบเรียงและเล่าให้น้องๆ อนุบาลหรือเด็กก่อนวัยเรียนฟังจนกลายเป็นนิทานเรื่องเก่าเล่าใหม่ด้วยรูปแบบเด็กๆ ที่ได้สร้างสรรค์ เราทำอย่างนี้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาเจอเครื่องมือชิ้นสำคัญ นั่นคือ หนังสือภาพ ป้ารู้สึกว่าคนในชุมชนให้ความสนใจอย่างจริงจัง เพราะหลังจากที่ใช้หนังสือภาพกับเด็กๆ พวกเขาก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้น เริ่มเล่าเรื่องได้จากการจดจำ พูดเก่ง กล้าแสดงออก และมีสมาธิ นี่เป็นพัฒนาการที่เห็นได้ชัด”

          พี่อ้อย สมพร นามโคตร ตัวแทนผู้ปกครองบ้านโสกยาง ที่เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวเสริมว่า “ตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรมนี้โดยเริ่มต้นจากการรับหนังสือไปอ่านให้น้องโชค ลูกชายฟัง แล้วเห็นพัฒนาการที่ดีอย่างชัดเจน หลังจากอ่านหนังสือให้ฟังเป็นประจำทุกวัน พบว่าน้องมีนิสัยรักการอ่านหนังสือ กล้าแสดงออกมากขึ้น ดูทีวี ดูการ์ตูนน้อยลง ทำให้เรามีความกระตือรือร้นหาหนังสือมาอ่านให้ลูกฟัง และเริ่มมั่นใจว่าเราสามารถทำให้ลูกเก่งและดีด้วยตัวเราเอง พอเห็นว่าลูกเราดีขึ้นแบบนี้ เพื่อนบ้านที่อ่านหนังสือไม่ออกก็พยายามหัดอ่านเพื่อจะได้เล่านิทานให้ลูกฟัง และชักชวนกันมาแลกเปลี่ยนหนังสือ ไม่ใช่เพียงแต่เด็กจะรักการอ่าน แต่พวกผู้ใหญ่อย่างเราก็พลอยรักการอ่านตามไปด้วย”
นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการจุดประกายการสร้างนิสัยรักการอ่านให้ฝังรากลึกในสังคมไทย เพียงแต่เราร่วมกันคนละไม้คนละมือ ส่งเสริมให้เกิดการเล่านิทาน อ่านหนังสือให้เด็กๆ ยิ่งถ้าในชุมชนมีหนังสือดีๆ มีห้องสมุดเล็กๆ มีกิจกรรมชวนอ่าน เชื่อว่าเด็กๆ ในวันนี้จะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ทั้งเก่งและดีขับเคลื่อนสังคมไทยไปสู่ความยั่งยืน