“อาร์ท-อรรถพร” จากพระเอก “บิวตี้ฟูลบ๊อกเซอร์”
หวนคืนสังเวียนอีกครั้งในโชว์อลังการ "Muay thai live show:The legend lives"
หลังจากห่างหายไปจากจอเงินนานสำหรับหนุ่ม “อาร์ท-อรรถพร สุวรรณ” อดีตพระเอกชื่อดังที่ถ่ายทอดเรื่องราวการต่อสู้บนสังเวียนมวยไทยในฐานะสาวประเภทสองในภาพยนตร์เรื่อง “บิวตี้ฟูลบ๊อกเซอร์” จนภาพยนตร์ประสบความสำเร็จกวาดรางวัลในเทศกาลภาพยนตร์ทั้งในและต่างประเทศมากมาย และเมื่อต้นปีที่ 54 แล้วหลายคนอาจติดใจในบทบาทการแสดงละครเวทีของเขาในละครเวทีเรื่อง “Boxing Boy” จนได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามและล่าสุดปีนี้ หนุ่มอาร์ทได้นำศิลปะการต่อสู้มวยไทยออกมาโชว์ให้คนไทยและชาวต่างชาติได้ตื่นตาตื่นใจอีกครั้ง ในบทบาทของ “พระเจ้าเสือ” กับโชว์การแสดงสดสุดอลังการที่จะเกิดขึ้นหนึ่งเดียวในประเทศไทยเท่านั้นในโรงละครแห่งใหม่ใจกลางโค้งน้ำเจ้าพระยา เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ ในชื่อ "Muay thai live show:The legend lives" ผลงานการกำกับของ “เอกชัย เอื้อครองธรรม” ผู้กำกับมากฝีมือที่มีความโดดเด่นในด้านการนำศิลปะการต่อสู้มวยไทยมาผสมเข้ากับศาสตร์การแสดงจนได้รับกระแสตอบรับอย่างท่วมล้นทั้งในประเทศและในระดับสากล โดยการเข้ามารับบทบาทในครั้งนี้ หนุ่มอาร์ท-อรรถพร ต้องผ่านด่านการออดิชั่นอย่างเข้มข้นจากผู้สมัครกว่า 300 ชีวิต ซึ่งเจ้าตัวรู้สึกเป็นเกียรติมากและพูดถึงบทบาทที่ได้รับนี้ว่า "Muay thai live show:The legend lives เป็นโชว์การแสดงสดที่นำเรื่องราวตำนานการต่อสู้ของวีรบุรุษไทยที่ใช้ศิลปะมวยไทยเป็นอาวุธในการต่อสู้ในสนามรบ ซึ่งเนื้อเรื่องแบ่งออกเป็น 4 องค์ คือ องค์แรกเป็นเรื่องราวตำนานการต่อสู้ของพระเจ้าเสือ องค์ที่สองเป็นเรื่องราวตำนานการต่อสู้ของนายขนมต้ม องค์ที่สามเป็นเรื่องราวตำนานการต่อสู้ของพระยาพิชัยดาบหัก และองค์สุดท้ายนำเสนอเรื่องราวการต่อสู้แบบผสมผสานระหว่างมวยไทยและศาสตร์การต่อสู้อื่นๆ ในปัจจุบัน จากนักแสดงระดับคุณภาพประสบการณ์แน่นระดับมืออาชีพ 18 คน ซึ่งแต่ละมาจากการออดิชั่นทั้งหมด รวมทั้งตัวผมด้วย สำหรับบทบาทที่ผมได้รับในโชว์นี้ คือตอนของพระเจ้าเสือ ซึ่งผมรู้สึกเป็นเกียรติมากครับ ที่มีโอกาสได้ถ่ายทอดเรื่องราวการต่อสู้ของวีรบุรุษไทยที่ใช้ศิลปะมวยไทยเอาชนะศัตรู ซึ่งตอนที่ทราบว่าผ่านการออดิชั่นในบทของพระเจ้าเสือ รู้สึกเกร็งๆ เหมือนกันเพราะเราไม่รู้ว่าคาแรคเตอร์ท่านเป็นอย่างไร แต่โชคดีที่ มีโอกาสได้ไปเล่นละครเรื่อง พันท้ายนรสิงห์ ในบทของผู้พันเบิร์ด เลยได้เรียนรู้ถึงคาแรคเตอร์ของพระเจ้าเสือจากเรื่องนี้ด้วยส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่ยากคือ เราจะต้องแสดงยังไงให้คนดูเชื่อว่าเราเป็นพระเจ้าเสือจริงๆ อันนี้ค่อนข้างเป็นปัญหาเลย ซึ่งก็ได้พี่ผู้กำกับ เอกชัย เอื้อครองธรรม ช่วยแนะนำเรื่องการแสดงและคาแรคเตอร์ของพระเจ้าเสือ อย่างพี่เขาบอกให้ลดความแข็งความกร้าวลง และให้แสดงออกถึงความเมตตา โดยในเรื่องจะเป็นบรรยากาศของงานวัดที่พระเจ้าเสือปลอมตัวมาเที่ยว เพื่อดูชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และได้รวมประลองฝีมือกับนักมวยที่มีฝีมือเก่ง พี่เอกชัยสอนว่าให้เราหาแกนของตัวละครที่เราแสดง และดึงมันออกมาแล้วถ่ายทอดพลังออกไป เพราะการแสดงละครเวทีเราจะต้องถ่ายทอดพลังออกมาให้คนดูที่อยู่ข้างหลังสุดรู้สึกกับเราไปด้วยให้เขาเชื่อว่าเราคือพระเจ้าเสือ ไม่ใช้แค่ถ่ายทอดท่าทางอย่างเดียวจะต้องใช้ทุกอย่างถ่ายทอดมาจากข้างใน เพื่อถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกไปกับเรา ถือว่าเป็นการแสดงที่ท้าทายความสามารถของตัวผมเองด้วย โอกาสดีๆแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ผมถือว่าผมโชคดีมากครับ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์นี้ ส่วนเรื่องของท่ามวยโบราณที่นำมาใช้ในโชว์นี้ ล้วนแล้วแต่เป็นท่าไม้ตายทั้งสิ้น ซึ่งไม่มีให้เห็นแล้วในปัจจุบัน ได้อาจารย์เสน่ห์ ทับทิมทอง ครูมวยมาช่วยสอน โดยพื้นฐานผมก็เป็นนักมวยอยู่แล้วจึงไม่ค่อยเป็นปัญหา แต่จะรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ความรู้ ได้ฝึกซ้อมท่ามวยไทยโบราณเหล่านั้น ในช่วงของการซ้อม เราซ้อมกันหนักมากครับ เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ของโชว์ให้มากที่สุดและที่สำคัญคือห้ามผิดคิวเด็ดขาด บรรยากาศในการซ้อมก็สนุกสนานครับ พี่เอกชัยมีวิธีในการกำกับที่ไม่เครียด แต่จะเหนื่อยหน่อยตรงที่ต้องเข้าฟิตเน็ตออกกำลังกายทุกวัน ต้องควบคุมอาหารอย่างจริงจังตามคำสั่งของนักโภชนาการ ซึ่งจริงๆ ผมเป็นคนชอบกินข้าวตอนดึกตี 3 ตี 4 (หัวเราะ) ก็ต้องปรับตัวเพื่อความแข็งแรงของร่างกายพร้อมรับมือกับทุกๆ การแสดงที่จะเกิดขึ้นในทุกๆ วันครับ ซึ่งตอนนี้โชว์ของเราก็พร้อมเปิดม่านให้ผู้ชมมาร่วมสัมผัสความตื่นเต้นไปกับตำนานการต่อสู้ของวีรบุรุษมวยไทยแล้ว ฝากผลงานชิ้นนี้ด้วยนะครับ” จากผลงานที่เคยสร้างความประทับใจให้ใครหลายๆ คน กลับมาครั้งนี้รับประกันความตื่นตาตื่นใจในรูปแบบโชว์การแสดงสด ที่พร้อมถ่ายทอดจิตวิญญาณความเป็นตำนานมวยไทยอย่างเต็มรูปแบบ มรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่ควรรักษาไว้คู่แผ่นดินไทย ไปร่วมสัมผัสการแสดงสุดอลังการนี้ได้ ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2557 วันละ 1 รอบทุกวัน เวลา 20.00 น. ณ THE STAGE @ASIATIQUE THE RIVERFRONT โรงละครไตรทิศสุดพิเศษแห่งใหม่และแห่งแรกของกรุงเทพฯ ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อโชว์นี้โดยเฉพาะ ในใจกลาง เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ สามารถจองตั๋วได้ที่ Thai Ticket Major โทร. 02-262-3456 หรือ คอลเซ็นเตอร์ โทร. 02-108-5999