happy on January 01, 2014, 04:48:23 PM

“ถ้าผมต้องตายเพื่อความรัก…มันก็คุ้มแล้ว”

จัดจำหน่ายโดย       HANDMADE DISTRIBUTION
ชื่อภาพยนตร์      The Necessary Death of Charlie Countryman

ชื่อภาษาไทย      ชาร์ลี คันทรีแมน รักนี้อย่าได้ขวาง

ภาพยนตร์แนว      โรแมนติก-แอ็คชั่น
จากประเทศ      สหรัฐอเมริกา
กำหนดฉาย      6 กุมภาพันธ์ 57 
ณ โรงภาพยนตร์      ทุกโรงภาพยนตร์
ผู้กำกับ          Fredrik Bond (เฟร็ดดริค บอนด์)

ตัวอย่างภาพยนตร์      https://www.youtube.com/watch?v=rzs-vdHmEZY

นักแสดง
   
Shia LaBeouf   (ไชอา ลาบัฟ ) รับบท  Charlie Countryman (ชาร์ลี คันทรีแมน)
ผลงานที่ผ่านมา Transformers (ภาค1-3) , Wall Street: Money Never Sleeps , Lawless

Evan Rachel Wood (อีวาน ราเชล วู้ด) รับบท Gabi Ibanescu (กาบี้ อิบาเนสคู)
ผลงานที่ผ่านมา The Wrestler , True Blood (TV Series) , Thirteen

Mads Mikkelsen  (แมดส์ มิคเคลสัน) รับบท Nigel   (ไนเจล)
ผลงานที่ผ่านมา The Hunt , Hannibal (TV Series) , King Arthur , Casino Royale

Til Schweiger ( ทิล ชไวเกอร์) รับบท Darko (ดาร์โก้)
ผลงานที่ผ่านมา This Means War , New Year's Eve , The Three Musketeers , Inglourious Basterds

Rupert Grint  (รูเพิร์ต กรินท์) รับบท Karl (คาร์ล)
ผลงานที่ผ่านมา Harry Potter  , Into the White , American Dad! (TV Series)







จุดเด่นภาพยนตร์

               CHARLIE COUNTRYMAN (ชาร์ลี คันทรี่แมน) เป็นภาพยนตร์โรแมนติค-แอ็คชั่นที่มีเนื้อหาเข้มข้น และมีเรื่องราวความรักที่แหวกแนวน่าสนใจ เทียบชั้นได้กับภาพยนตร์ที่น่าจดจำหลากเรื่องอย่าง True Romance, Wild at Heart, Slumdog Millionaire, Trainspotting และ Pulp Fiction  เป็นผลงานการแสดงที่น่าจับตามองที่สุดของ Shia LaBeouf (ไชอา ลาบัฟ) และเป็นผลงานชิ้นมาสเตอร์พีซเรื่องแรกของผู้กำกับ Fredrik Bond  (เฟร็ดดริค บอนด์) ที่หลายคนล้วนลงความเห็นว่ายอดเยี่ยม

เรื่องย่อ

               ระหว่างเดินทางไปโรมาเนีย “ชาร์ลี คันทรีแมน” ได้ตกหลุมรัก “กาบี้” หญิงสาวสวยชาวโรมาเนีย  ผู้ซึ่งหัวใจเย็นชา  เธอมีบาดแผลลึกๆอยู่ในจิตใจจากการกระจำของไนเจล แฟนเก่าเจ้าเสน่ห์ ผู้โหดเหี้ยมและนิยมความรุนแรง  ทำให้ความรักระหว่างชาลีและการ์บี้กลับกลายเป็นรักต้องห้ามไปโดยปริยาย ขณะที่ด้านมืดในอดีตของกาบี้เริ่มเข้ามาครอบงำตัวเอง ชาร์ลีก็มุ่งมั่นที่จะเอาชนะหัวใจของเธอให้ได้ ถึงแม้ต้องแลกด้วยความตายเขาก็ยอม

“ถ้าผมต้องตายเพื่อความรัก…มันก็คุ้มแล้ว” ชาร์ลีกล่าว






เกี่ยวกับงานสร้าง

              ผู้กำกับหน้าใหม่ ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิง6 รางวัลดีจีเอ เฟร็ดดริค บอนด์ ได้สร้างภาพยนตร์ผจญภัยโรแมนติก ที่เต็มไปด้วยปริศนา เรื่องขบขัน ดราม่าและความตึงเครียดที่รุนแรง  THE NECESSARY DEATH OF CHARLIE COUNTRYMAN ที่ทำให้นึกถึงภาพยนตร์ที่น่าจดจำอย่าง True Romance, Wild at Heart, Slumdog Millionaire, Trainspotting และ Pulp Fiction เป็นการเดินทางที่สนุกสนาน น่าตื่นเต้นและรวดเร็ว เกี่ยวกับความสูญเสียและความรักที่มีชัยเหนือทุกสิ่ง
        บทภาพยนตร์เรื่องนี้เขียนโดยแมทท์ เดรค ที่นำเค้าโครงเรื่องหลวมๆ มาจากประสบการณ์ในชีวิตจริงของเขาระหว่างสอนอยู่ในโรงเรียนเล็กๆ แห่งหนึ่งในโรมาเนีย เดรคตั้งข้อสังเกตว่า…
        “…ผมเฟลิร์ตกับแม่เด็กคนหนึ่งในโรงเรียน แต่หลังจากนั้นสองเดือน โรงเรียนนั้นกลับถูกตำรวจสั่งปิดชั่วคราว ภายหลังผมถึงรู้ว่าอดีตสามีของผู้หญิงคนนี้ใช้ปืนขู่จะพาตัวลูกเธอออกจากโรงเรียน เรื่องราวนี้ก็เกิดจากเหตุการณ์นี้เองว่าถ้าผมเกิดมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนี้ล่ะ…”
        บทภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ในแบล็คลิสต์ของปี 2007 และดึงดูดความสนใจของผู้กำกับระดับแนวหน้าของฮอลลีวู้ด บอนด์ตั้งข้อสังเกตว่าในตอนแรกที่เขาได้อ่านบทภาพยนตร์เรื่องนี้…
        “…มันถูกซื้อไปโดยผู้กำกับอีกคนหนึ่งแล้ว แต่ผมชอบมันมากจนผมเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของมัน จนกระทั่งวันหนึ่ง โอกาสก็เข้ามา จากนั้นผมก็ใช้เวลาหกเดือนนำเสนอโปรเจ็กต์นี้ครับ…”







เปิดใจนักแสดงจากภาพยนตร์เรื่อง CHARLIE COUNTRYMAN

              “เมลิสซ่า” ผู้รับบท “เคธ” พูดถึงมันว่าเป็น “…เรื่องราวพิเศษสุดเกี่ยวกับชายหนุ่มที่ค้นพบตัวเองและตกหลุมรัก ในแบบที่แปลกประหลาดและไม่ธรรมดา…”
        “แมดส์ มิคเคลสัน” ผู้รับบท “ไนเจล” อดีตสามีของกาบี้ เล่าถึงตอนแรกที่เขาได้อ่านบทภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “…มันโรแมนติกสุดๆ แต่ในแบบที่พิเศษสุดมากๆ มันโหดเหี้ยม แต่ก็ตลกมากด้วย มันเป็นดรามาเข้มข้นครับ…”
        ภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มต้นด้วยชาร์ลี (ลาบัฟ) ผู้สูญเสียแม่และจมอยู่ในห้วงทุกข์ “…เขาใช้ชีวิตอย่างเรื่อยเปื่อยปราศจากทิศทาง แต่จู่ๆ เขาก็ต้องสูญเสียทุกอย่างพร้อมๆ กัน ในตอนแรกที่เราได้พบเขา ชีวิตเขาวุ่นวายมาก หลังจากนั้น เขาก็คิดได้ และออกเดินทางเพื่อค้นหาตัวเองและพบหนทางที่เขาเลือกเดินครับ…”ลาบัฟกล่าว
        เรื่องราวของเราเริ่มต้นจริงๆ ในกรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย ชาร์ลีได้พบกับกาบี้ (อีวาน ราเชล วู้ด) ผู้เพิ่งสูญเสียพ่อไปเหมือนกัน มันเป็นรักแรกพบสำหรับชาร์ลี ผู้อยู่ในโลกที่เขาไม่รู้จัก และแปลกต่างกว่าที่เขาเคยคิดฝันมาก่อน กาบี้ หญิงสาวสวยลึกลับ ผู้มีอดีตเร้นลับ กลายเป็นสูตรแห่งความหายนะสำหรับชาร์ลี เพราะเธอทำให้เขาต้องขัดแย้งกับไนเจล (แมดส์ มิคเคลสัน) อันธพาลผู้ชื่นชอบความรุนแรง วู้ดพูดถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าเป็น “…เรื่องรักที่อ่อนโยนและนุ่มนวล แต่ก็ห้อมล้อมไปด้วยความบ้าคลั่ง…”

        “ทิล ชไวเกอร์” ผู้รับบทเจ้าของไนท์คลับในท้องถิ่น ตั้งข้อสังเกตว่า “…มันเป็นเรื่องราวที่มืดหม่น แต่ก็น่าประทับใจและยกระดับจิตใจ เพราะมันเกี่ยวกับรักแท้…”   
        ลาบัฟพูดถึงชาร์ลีว่าเป็น “…เด็กที่ไล่ตามความฝัน เขากำลังไล่ไขว่คว้าความรัก ไม่มีอะไรในชีวิตเขาที่เป็นแก่นสารจนกระทั่งเขาได้พบกับกาบี้ ผู้ซึ่งเขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าคู่ควรที่เขาจะสู้เพื่อเธอ แม้ว่ามันจะหมายถึงการสละซึ่งทุกอย่างที่เขามีก็ตาม มันเซอร์เรียลอย่างเหลือเชื่อ แต่สำหรับชาร์ลี มันเป็นเรื่องจริงมากๆ และเขาก็ตัดสินใจทำตัวให้กล้าหาญ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับอันตรายก็ตามที เขาใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน และหลังจากรับบทนี้แล้ว มันก็ทำให้ผมตระหนักได้ว่า คุณสามารถพบคนแปลกหน้าที่เปลี่ยนแปลงทั้งชีวิตของคุณไปได้ทุกเมื่อ ความรักเป็นสิ่งที่คุ้มค่าต่อการสละทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมาครับ…”
        “…ในหนังเรื่องนี้ ไชอามีพลังที่น่าทึ่ง เขาเข้ามาในกองถ่ายเหมือนกับเฮอร์ริเคน และพร้อมที่จะเนรมิตชีวิตให้กับตัวละครของเขาในทันที…” วู้ดเล่า
        ดิ โอโนฟริโอ ผู้รับบทพ่อของชาร์ลี กล่าวว่า “…มีสีสันในตัวเขาที่เรายังไม่เคยเห็นมาก่อน..”
        เมื่อพูดถึงการแสดงของลาบัฟ ลีโอเล่าว่าตอนที่เธอนำภาพถ่ายครอบครัวมาให้กับแผนกศิลป์ “…มันทำให้ฉันอึ้งเมื่อเห็นเขาศึกษาภาพถ่ายพวกนั้น พอเขาดูภาพถ่ายใบหนึ่ง เขาก็จะซึมซับทุกอย่างที่อยู่ในนั้น เขาสวมบทเป็นตัวละครของเขาจริงๆ มันเป็นภาพถ่ายก่อนที่ฉันจะเป็นแม่คน กำลังอุ้มหลานสาวอยู่ และเขาก็เก็บข้อมูลนั้นไว้ค่ะ…”
        กาบี้ หญิงสาวที่ทำให้จิตใจของชาร์ลีปั่นป่วนเป็นตัวละครที่ลึกลับซับซ้อน และมีหลากหลายแง่มุมมากๆ มันเป็นเรื่องยากในการหานักแสดงที่เหมาะสมกับบทนี้และทำให้บทนี้สมจริงได้ ไชอาเล่าถึงกระบวนการคัดเลือกนักแสดงว่า  “…อีวานเป็นตัวเลือกที่เพอร์เฟ็กต์ ผมจำได้ว่ามีหลายครั้ง ที่เด็กๆ ในท้องถิ่นจะมาหาเธอในกองถ่ายเพราะคิดว่าเธอเป็นคนท้องถิ่น เพราะสำเนียงเธอใช่น่ะครับ เธอมีพรสวรรค์ตามธรรมชาติจริงๆ…”
        บอนด์พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างชาร์ลีและกาบี้ว่าเหมือน “…การเล่นกับพลูโตเนียม ชาร์ลีหลงใหลในตัวกาบี้ ผู้ลึกลับและยากจะเข้าถึง แต่เมื่อไนเจลคอยอยู่ในเงามืด ชาร์ลีก็คิดไปไกล ผมมองเห็นความหลงใหลและความถูกตาต้องใจระหว่างชาร์ลีและกาบี้ว่าคล้ายกับใน Bound หนังของพี่น้องวาโชว์สกี้ กาบี้เป็นคนสวยและลึกลับ ในตอนแรก ชาร์ลีมองว่าเธอเป็นคนที่เกินเอื้อม จนกระทั่งเขาค่อยๆ กระเทาะเปลือกนอกของเธอออก และพบแง่มุมที่อ่อนโยนและขี้เล่นกว่าของเธอ…” บอนด์กล่าว
        ไนเจลเป็นตัวป่วนสำหรับชาร์ลีเมื่อเขาพบว่าตัวเองอยู่ใจกลางของรักสามเส้านี้ ไนเจลเป็นอันธพาลผู้มีเสน่ห์ “คุณจะกลัวเขาและรักเขาในเวลาเดียวกันค่ะ เมื่อแมดส์มารับบทนี้ คุณจะรู้สึกแบบนั้นจากการมองครั้งเดียวที่จะทำให้คุณเสียวสันหลังวาบ เขาเพอร์เฟ็กต์สำหรับบทนี้เลยค่ะ” วู้ดกล่าว
        ไชอาพูดถึงบทบาทที่แมดส์ได้รับว่าเป็น “…ผู้ร้ายที่นิ่งเงียบและควบคุมอารมณ์อย่างดี…”
        เคร็ก ฟลอเรส ผู้อำนวยการสร้าง และแพทริค นีวอลล์ ผู้ควบคุมงานสร้างของเรื่อง ร่วมกันกล่าวว่า
        “…บางตอนของเรื่องก็อันตราย บางตอนก็ตลก หรืออบอุ่นหัวใจอย่างเหลือเชื่อ มันไม่ได้พยายามจะเป็นอย่างหนึ่งอย่างใด ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้มันเป็นหนังที่ผสมหลายๆ แนวเข้าด้วยกัน…”
วู้ดกล่าว “…มันมีพลังงานสูง เข้มข้น แต่ก็มีความวิเศษสุด เซอร์เรียล ผสมผสานด้วยช่วงเวลาขบขันครับ…”
        อารมณ์ขันส่วนมากของเรื่องเกิดจากสถานการณ์ที่ชาร์ลี ที่มีพลังพลุ่งพล่านและฝีปากคมกริบ ทำให้เขาเจอปัญหา เขาไปเจอกับตัวละครทียิ่งใหญ่พวกนี้ ระหว่างที่เขาพยายามเอาชนะใจกาบี้ รูเพิร์ต กรินท์ รับบท เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งของชาร์ลีในโฮสเทล และพูดถึง คาร์ล ตัวละครของเขาว่า “….เป็นคนที่อยากเป็นดาราหนังโป๊ แต่ยังเวอร์จินอยู่…”
        วู้ดเล่าว่า “…เฟร็ดดริคมีวิสัยทัศน์ที่วิเศษสุดและเขาก็สามารถยกระดับเรื่องราวนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม ยกตัวอย่างเช่น มีอยู่ฉากหนึ่งระหว่างกาบี้และชาร์ลีที่ดูเหมือนจะขาดอะไรบางอย่าง แต่เฟร็ดดริคก็ทำให้เราทุกคนประหลาดใจด้วยการทิ้งภาพไว้กับช่วงเวลาที่เงียบงัน ไม่มีใครพูดอะไร แต่ทุกสิ่งได้ถูกพูดออกมาแล้ว มันมีความตึงเครียดมหาศาลเลยค่ะ…”
        ลาบัฟกล่าวว่า “การบรรยายในเรื่องเป็นเหมือนการอ่านบทกวี”
        และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จบลงด้วยข้อคิดที่น่าพึงพอใจและสร้างแรงบันดาลใจ บอนด์ตั้งข้อสังเกตว่า
        “ผมพบว่าผมชื่นชอบหนังที่คุณจะรู้สึกว่าพลังงานของมันยังคงอยู่หลังจากที่หน้าจอมืดลงไป ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องราวนี้ก็ลงเอยด้วยการเสียสละระหว่างความเป็นและความตาย...และคู่รักที่จะสานต่อเรื่องราวของพวกเขาต่อไปอย่างสงบสุข…”


เกี่ยวกับสถานที่ถ่ายทำ

              “…ผมทำให้แน่ใจว่ามันจะมีจังหวะและท่วงทำนองสม่ำเสมอในเรื่อง…” บอนด์กล่าว เขากล่าวต่อไปอีกว่า “…ผมอยากให้หนังเรื่องนี้มีความเฉียบคมและความรวดเร็ว เราอยากให้กล้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอด ผู้กำกับภาพของเรา โรมัน วาสยานอฟ ผู้ถ่ายทำ Hipsters หนังฮิตรัสเซียจากปี 2008 และหนังภาพสวยอย่าง End of Watch ที่นำแสดงโดยเจค จิลเลนฮัล ช่วยเราผสมผสานความเข้มข้นและสีสันจัดจ้านพวกนี้เข้าไปในตัวละครที่มืดหม่นและซับซ้อน ภาพภูมิประเทศที่มีสีสันสดสวยภายในหนังเรื่องนี้ตัดกันดีกับสถาปัตยกรรมแบบยุโรปตะวันออก และเป็นส่วนสำคัญต่อประสบการณ์โดยรวมของเรื่องครับ…” บอนด์กล่าว

        โลเกชั่นของเรื่องทั้งน่าทึ่ง งดงาม แต่ก็ยังคงความดิบเถื่อน หยาบกระด้างไว้ ลาบัฟกล่าวว่า “…โรมาเนียเป็นตัวละครที่มีชีวิต และลมหายใจเหมือนกับนิวยอร์ก ซิตี้ใน Taxi Driver ของสกอร์เซซีครับ…”


เกี่ยวกับดนตรีประกอบภาพยนตร์

              ดนตรีในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ร้อยเรียงเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกันอย่างพิเศษสุด คอมโพสเซอร์ คริสตอฟ เบ็คและเดดโมโน ได้สร้างสรรค์ดนตรีประกอบที่มีพลังล้นเหลือ ที่ช่วยยกระดับภาพยนตร์เรื่องนี้และช่วยส่งเสริมจังหวะที่รวดเร็วกระชับของเรื่อง เมื่อเพิ่มเพลงจากโมบี้, เอ็ม83 และเดอะ เอ็กซ์เอ็กซ์ เข้าไป ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีศักยภาพในการเป็นภาพยนตร์ยอดนิยมแห่งยุคแล้ว