MSN on November 20, 2013, 10:46:13 PM
บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด เปิดตัว เบนท์ลี่ย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์ (FLYING SPUR) ใหม่ล่าสุด





เบนท์ลี่ย์ ประเทศไทย โดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลี่ย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดงาน Exclusive Preview of The new Bentley Flying Spur 2013 ภายใต้คอนเซ็ปต์ British Afternoon High Tea ต้อนรับลมหนาว ณ โรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ เมื่อวันพุธที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อต้อนรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 30 (Thailand International Motor Expo 2013) รอบสื่อมวลชน วันที่ 28 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้

เบนท์ลี่ย์สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถยนต์ซาลูนแบบหรูหราด้วยการเปิดตัว  ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur)  ใหม่ล่าสุดเข้าสู่ตลาด ด้วยประสิทธิภาพการขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยม ด้วยรูปลักษณ์และงานฝีมือที่หรูหรา ด้วยการออกแบบที่ลงตัว และด้วยการเสริมเทคโนโลยีชั้นนำเข้าไป ผสมผสานไว้รวมกันทำให้ ฟลายอิ้ง สเปอร์   (Flying Spur) ใหม่ล่าสุดคันนี้กลายมาเป็นไอคอนให้กับวงการรถซาลูนได้อย่างไม่ต้องสงสัย รถ 4 ประตูจากเบนท์ลี่ย์คันนี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วที่งานมหกรรมยานยนต์ เจนีวา มอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมา

ทีมออกแบบจากเบนท์ลี่ย์ได้ทำการพัฒนาและออกแบบให้ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ใหม่ล่าสุดคันนี้ผสมผสานรูปลักษณ์ความเป็นเบนท์ลี่ย์แบบดั้งเดิมเข้ากับความเป็นรถสปอร์ตและรายละเอียดของความร่วมสมัยไว้ได้สมบูรณ์แบบที่สุด เส้นสายต่างๆ ของรถได้รับการออกแบบให้มีความคมชัด ประกอบกับทางส่วนท้ายที่ดูทรงพลัง เสริมด้วยระบบไฟ LED แบบ Day-time ไฟหน้าและไฟท้ายได้รับการผสมผสานเข้ากับส่วนหน้าและส่วนท้ายของรถได้อย่างลงตัว นักออกแบบยังทำการออกแบบภายในห้องโดยสารให้มีความหรูหรา เสริมด้วยระบบเสียงที่ไพเราะอย่างเสียงอคูสติก รวมไปถึงเสริมทัพด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์ให้ความบันเทิงต่างๆ อย่างครบครัน ส่วนที่ขาดไม่ได้คือการตกแต่งด้วยลายไม้และลายหนังที่หรูหราตามแบบฉบับของเบนท์ลี่ย์อีกด้วย

ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะทำการเชื่อมต่อสู่โลกภายนอกผ่านหน้าจอของระบบ infotainment แบบระบบสัมผัส รวมไปถึงการเชื่อมต่อเข้ากับโทรศัพท์ และเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ทางด้านหลังติดตั้งระบบให้ความบันเทิงที่เบาะหลัง Rear Seat Entertainment suite มาพร้อมกับรีโมทคอนโทรลแบบไร้สายหรือเรียกใช้งานด้วยการสัมผัสกับหน้าจอ ซึ่งทำให้ผู้โดยสารทางด้านหลังสามารถควบคุมระบบต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย ระบบเสียงสามารถเลือกติดตั้งระบบเสียงชั้นนำที่ให้กำลังขับถึง 1,100 วัตต์จาก Naim® ที่มาพร้อมกับลำโพงถึง 8 ตัว ซึ่งสามารถเลือกติดตั้งให้กับเบนท์ลี่ย์คันนี้ได้

พละกำลังของ ฟลายอิ้ง สเปอร์  (Flying Spur)     ใหม่ล่าสุดได้มาจากเครื่องยนต์ขนาด   6    ลิตร twin-turbo W12    ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่   ผสมผสานเข้ากับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ส่งผลให้รถคันนี้มีพละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 616 แรงม้า แรงบิดสูงสุดถึง 800 นิวตันเมตร ซึ่งถือได้ว่าเบนท์ลี่ย์ 4 ประตูในสายการผลิตคันนี้ทรงพลังมากที่สุดตั้งแต่เบนท์ลี่ย์เคยมีมาอีกด้วย อัตราส่วนของพละกำลังกับน้ำหนักได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น 14% ทำให้รถมีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่  4.3 วินาทีเท่านั้น   ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 320 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระบบขับเคลื่อนออกมาในรูปแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ อัตราการกระจายแรงบิดอยู่ที่ 40:60 เน้นทางด้านหลัง   และมีประสิทธิภาพในการเกาะถนนและทรงตัวบนพื้นผิวถนนได้อย่างดีเยี่ยมไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะอากาศในรูปแบบใดก็ตาม

Dr Wolfgang Schreiber ประธานกรรมการและบริหารจากเบนท์ลี่ย์ได้กล่าวไว้ว่า “ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ใหม่ล่าสุดจากเบนท์ลี่ย์คันนี้ถือได้ว่าเป็นรถซาลูนที่หรูหราและมีประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่เหนือชั้น วิศวกรของเราได้ทำงานอย่างหนักเพื่อให้แน่ใจว่า ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ใหม่ล่าสุดคันนี้จะออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด  อีกทั้งยังเป็นตัวแทนของการผสมผสานกันระหว่างพละกำลังเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง ความสะดวกสบาย ความปราณีต และงานหัตถกรรมที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว  ไม่เพียงเท่านี้เรายังเสริมทัพด้วยเทคโนโลยีชั้นนำใหม่ล่าสุดเข้าไปให้กับฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ใหม่ล่าสุด เพื่อให้รถคันนี้ได้กลายมาเป็นรถที่ผู้ใช้จะได้รับความสนุกสนานและสะดวกสบายอย่างที่สุดไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่อธุรกิจหรือเพื่อผ่อนคลายอีกด้วย”

รูปลักษณ์ภายนอกที่ทันสมัยและโดดเด่น

รูปลักษณ์ของฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ได้รับการออกแบบให้มีคุณลักษณะเด่นและคงความเป็นรถซาลูนที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพจากเบนท์ลี่ย์ ความหรูหราสง่างามถูกสะท้อนออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนด้วยตัวรถที่ต่ำลง กว้างขึ้น และมีเส้นสายที่คมชัด เส้นลายหลังคาต่ำลง แผงรถมีความหรูหรา และแสดงให้เห็นถึงรูปทรงของรถที่ทรงพลังและคล่องตัวสูง

กันชนด้านหน้ามีจุดเด่นด้วยปีกหน้าที่มาพร้อมกับโลโก้เบนท์ลี่ย์ตัว “B” และเส้นสายของรถมีความต่อเนื่องไร้รอยต่อตั้งแต่ล้อหน้ายาวเรื่อยไปถึงกันชนหลัง เพื่อเป็นการเน้นให้เห็นถึงความโดดเด่นของคุณลักษณะของรถและรูปทรงของรถที่เปี่ยมไปด้วยความปราดเปรียว

ด้านหน้าของรถจะได้พบกับตะแกรงระบายความร้อนด้านหน้า ที่มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED ที่ได้รับการออกแบบมาในรูปแบบตราเพชร โคมไฟด้านนอกได้รับการออกแบบให้ใหญ่และกว้างขึ้น และได้รับการติดตั้งให้อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำลง

ทางด้านหลังจะได้พบกับฝากระโปรงที่ยาวขึ้นและลาดต่ำลง เพื่อให้เข้ากับรูปทรงทางด้านข้างของตัวรถ ไฟท้ายแบบ LED ได้รับการรวมเข้ากับด้านหลังที่ได้รับการออกแบบในรูปแบบ “Horse Shoe” เพิ่มความโค้งเว้าที่งดงามได้อย่างลงตัว

ภายใต้รูปทรงและพื้นผิวของ ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) นี้เต็มไปด้วยวัสดุที่หลากหลาย ล้วนแล้วแต่มีประสิทธิภาพ และได้รับการออกแบบให้ตัวรถยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยม แข็งแกร่ง และป้องกันอันตรายที่เกิดจากการชนได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงฝากระโปรงด้านหน้าที่ได้รับการพัฒนาและใช้แผงที่ทำจากชิ้นส่วนที่เรียกว่า Deformable ส่งผลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นหากต้องเกิดการปะทะ

ฝากระโปรงทางด้านหน้ามีโครงสร้างที่ทำจากอลูมิเนียม และทำการปรับแต่งรูปทรงด้วยเทคนิค aerospace-industry superforming technique ที่ใช้ความร้อนสูงถึง 500 องศาเซลเซียส ในการพัฒนาชิ้นส่วนนี้ขึ้นมา ส่งผลให้ได้ชิ้นส่วนที่มีลวดลายที่งดงามเป็นหนึ่งเดียว คมชัด มีน้ำหนักเบา และทำให้ ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ใหม่ล่าสุดคันนี้มีรูปทรงด้านหน้าที่โดดเด่นตามรูปแบบความเป็นเบนท์ลี่ย์อย่างสมบูรณ์แบบ

โครงสร้างของประตูได้รับการออกแบบใหม่โดยใช้ชิ้นส่วนในการประกอบให้น้อยลงเพื่อเพิ่มคุณภาพและความปราณีต การที่ใช้วัสดุที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมนี้เองที่ส่งผลให้การทำงานของประตูเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านี้ฝากระโปรงหลังทำจากวัสดุ Polymer เพื่อช่วยให้น้ำหนักของรถลดลง และปรับเข้ากับเสาอากาศของรถเพื่อระบบไฟฟ้าของรถได้อย่างลงตัว

การออกแบบภายนอกนั้น ทางโรงงานได้มีกระบวนการที่ระมัดระวังในการเลือกใช้วัสดุต่างๆ ในการสร้างตัวรถให้แข็งแกร่งและเรียบหรู ลดรอยต่อให้ได้มากที่สุด อีกทั้งยังคำนึงถึงความสมดุลตามหลักอากาศพลศาสตร์ตามแบบฉบับของซาลูนขนาดใหญ่ที่สมบูรณ์แบบอีกด้วย โดยรวมแล้วค่าสัมประสิทธิ์เสียดทานของรถคันนี้ต่ำอยู่เพียงแค่ 0.29 เท่านั้น

การใช้หลักโครงสร้างตัวรถที่มีน้ำหนักเบา ทำให้น้ำหนักของ ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ใหม่ล่าสุดคันนี้ลดลงถึง 50 กิโลกรัม หากเทียบกับรุ่นเดิม และยังเต็มไปด้วยเทคโนโลยีชั้นนำที่เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งมีโครงสร้างที่แข็งแรงขึ้น

ห้องโดยสารที่เต็มไปด้วยความร่วมสมัยจากวัสดุที่ทำจากงานฝีมือชั้นเลิศ

ภายในห้องโดยสารของ ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) รวมชิ้นส่วนใหม่ๆ ไว้กว่า 600 ชิ้น และมีเพียงที่บังแดด ที่จับประตู ที่วางแขน บางชิ้นส่วนของคอนโซลหน้าและคอนโซลกลางเท่านั้นที่นำมาจากรุ่นเดิม อุปกรณ์ให้ความบันเทิงชั้นนำและเทคโนโลยีที่ให้ข้อมูลต่างๆ นั้นทำจากวัสดุที่ทำจากงานฝีมือชั้นเยี่ยมด้วยเช่นกัน และได้รับการออกแบบให้มีความร่วมสมัยและสร้างความเป็นห้องโดยสารของรถซาลูนที่หรูหราและอำนวยความสะดวกได้อย่างเพียบพร้อม

ใน ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ใหม่ล่าสุดนี้ ท่านสามารถเลือกแบบ 4 ที่นั่งหรือ 5 ที่นั่งได้ โดยเบาะนั่งทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ทำจากหนังที่มีคุณภาพสูงตัวเบาะมีความนุ่มและมีอายุการใช้งานที่ยาว นาน อีกทั้งยังมีสีให้เลือกถึง 12 สีอีกด้วย

เบาะนั่งเต็มไปด้วยความสะดวกสบายและออกมาในรูปแบบเบาะไฟฟ้าปรับได้ 14 ทิศทาง พร้อมด้วยหน่วยความจำ และฟังก์ชั่นพิเศษเสริมความสะดวกสบายทางด้านข้างอีกด้วย ทุกๆ เบาะนั่งของผู้โดยสารในรถจะมาพร้อมกับเบาะแบบ พ่นลม (Seat ventilation) และเบาะให้ความร้อน (Seat heating) เพื่อตอบสนองความต้องการภายในห้องโดยสารให้มากขึ้น

คอนโซลกลางได้รับการวางตำแหน่งให้ยาวจากทางห้องโดยสารด้านหน้าไปจนถึงห้องโดยสารด้านหลัง มาพร้อมกับพื้นที่เก็บของและช่องเก็บสัมภาระที่ทำจากงานฝีมือเพิ่มเติม อีกทั้งยังได้รับการประดับด้วยลายไม้ชั้นดีเพื่อความหรู หราอย่างมีระดับให้กับรถอีกด้วย

นักออกแบบภายในทำงานร่วมกับช่างฝีมือจากเบนท์ลี่ย์เพื่อให้ได้มาซึ่งเนื้อไม้ชั้นเยี่ยมในการประดับลงในห้องโดยสารของฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ใหม่ล่าสุดคันนี้ กว่า 10 ตารางเมตรของภายในห้องโดยสารทำมาจากเนื้อไม้ชั้นดี เพิ่มจุดเด่นด้วยการติดตั้งแผง fascia คอนโซล และโต๊ะปิคนิคที่ทำจากเนื้อไม้ที่เงางาม เพื่อเพิ่มความรู้สึกของความเป็น “wrap-around” ให้มากขึ้นเนื้อไม้ชั้นดีจึงได้ถูกนำมาใช้กับแผง Dashboard ยาวเรื่อยไปจนถึงประตูได้อย่างสมบูรณ์แบบ และให้ความรู้สึกถึงการใช้แผ่นไม้แผ่นเดียวกับรถทั้งคันได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เนื้อไม้มีให้เลือกถึง 7 รูปแบบ (สำหรับเนื้อไม้มาตรฐานที่สามารถเลือกติดตั้งให้กับรถคือ burr walnut และ dark fiddleback eucalyptus)

เพื่อให้ความหรูหราและความสง่างามของห้องโดยสารนั้นสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ลายหลังคาและเสาของรถจึงได้รับการตกแต่งด้วยหนังแท้เช่นกัน โดยชั้นต่างๆ ได้รับการบุเนื้อโฟมเสริมเพิ่มเติมเพื่อความนุ่มขณะสัมผัส ด้านหลังมีการติดตั้งม่านหลังไฟฟ้ามาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับรถ เพื่อให้ห้องโดยสารมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และลูกค้ายังสามารถเลือกติดตั้งหลังคาซันรูฟแบบแก้วได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย หลังที่พักแขนตรงกลางทางด้านหลังมีการติดตั้งตู้เย็นขนาดย่อมที่สามารถจุน้ำขวดขนาด 1 ลิตรได้ถึง 9 ขวด นักออกแบบภายในได้เน้นในเรื่องการพัฒนาช่องเก็บสัมภาระต่างๆ ในห้องโดยสารให้มีประโยชน์ในการใช้สอยให้ได้มากที่สุด และยังได้นำเทคโนโลยีไฟฟ้าต่างๆ มาใช้ในห้องโดยสารเพื่ออำนวยความสะดวกต่อผู้ใช้ให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้อีกด้วย

การสื่อสารสู่โลกภายนอก

นอกเหนือจากงานฝีมือที่ร่วมสมัยภายในห้องโดยสารแล้ว ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) คันนี้ยังได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีชั้นนำอื่นๆ เข้าไปอย่างครบครันเพื่ออำนวยความสะดวกให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ระบบ Infotainment หลักๆ จะถูกควบคุมการใช้งานผ่านหน้าจอระบบสัมผัสที่ให้ความละเอียดสูงขนาด 8 นิ้ว ที่มาพร้อมกับระบบค้นหาเส้นทางโดยดาวเทียมและการเชื่อมต่อโดยสัญญาณบลูทูธ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติโดดเด่นด้วยการควบคุมการทำงานด้วยเสียงได้อีกด้วย

เทคโนโลยี Balanced Mode Radiator ได้ถูกนำมาใช้ และมี 8 ช่องทาง 8 ลำโพง เพื่อให้ได้มาซึ่งเสียงที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ และมีความถี่ที่กว้างเพื่อรองรับการเล่นเพลงจาก on-board hard drive, CDs, DVDs, SD cards และเล่นผ่านเครื่องเล่น iPod ได้เป็นอย่างดี ระบบเครื่องเสียง Naim® เครื่องเสียงชั้นนำระดับพรีเมี่ยมสำหรับเบนท์ลี่ย์ได้รับการติดตั้งในรถคันนี้เช่นกัน และมาพร้อมกับคุณสมบัติเด่นนั่นคือการออกแบบให้แยกซัฟวูฟเฟอร์ออกเพื่อพัฒนาเสียงของ bass และเพิ่มกำลังขับให้เป็น 1100 วัตต์อีกด้วย (สามารถเลือกติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมได้)

ผู้โดยสารทางด้านหลังสามารถใช้งานระบบ infotainment เหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย โดยเรียกการใช้งานผ่านหน้าจอแบบใหม่ล่าสุดนั่นคือ Touch Screen Remote (TSR) ที่ติดตั้งอยู่ที่คอนโซลหลังและเรียกใช้งานได้อย่างง่ายดายเพียงแค่กดปุ่มเท่านั้น หน้าจอนี้จะอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารด้วยความสามารถในการควบคุมระบบที่แตกต่างและหลากหลายได้ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอุณหภูมิของรถ การปรับระดับการพ่นลมของเบาะ การให้ความร้อนของเบาะ และระบบ multimedia เพื่อความบันเทิงต่างๆ เป็นต้น ซึ่งนั่นหมายถึง TSR คืออุปกรณ์ที่พร้อมจะให้ความบันเทิงกับผู้โดยสารและให้ความสะดวกสบายจากการใช้งานจากที่นั่งของพวกเขาเอง

ลูกค้าสามารถเพิ่มความสะดวกสบายในฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) มากขึ้นไปอีกได้ด้วยระบบ Multimedia อื่นๆ อาทิเช่น ระบบ Bentley Connectivity Unit (BCU) ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ เครื่องมือสื่อสาร tablet ต่างๆ เข้ากับอินเตอร์เน็ตผ่านสัญญาณ Wi-Fi hotspot ที่มาพร้อมกับ SIM และมีหน่วยความจำที่ 64 GB ที่ติดตั้งอยู่ในรถได้  หน้าจอ LCD ขนาด 10 นิ้ว สองจอถูกติดตั้งอยู่ทางด้านหลังของเบาะหน้า เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถรับชม Video หรือรับฟังเพลงจาก DVDs, SD cards, USB devices รวมไปถึง iPods iPads และ HDMI ได้อย่างสะดวกสบายที่สุด

ที่นั่งทางด้านหลังแต่ละที่นั่งสามารถเลือกรับชมหรือเลือกใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้อย่างอิสระ ไม่เพียงเท่านี้ยังมี USB charging port ที่พร้อมให้ใช้งานในการชาร์จแบตเตอรี่เพิ่มเติมได้ มีหูฟังแบบไร้สายที่ได้รับการเชื่อมต่อและพร้อมใช้งานอีกด้วย

การออกแบบเพื่อความสะดวกสบายอย่างเต็มพิกัด

ความสะดวกสบายคือจุดประสงค์หลักในการพัฒนาฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ใหม่ล่าสุดคันนี้ การลดเสียงจากภายนอกได้รับการใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเบนท์ลี่ย์ได้ทำการพัฒนาการใช้งานแผงใต้พื้นที่มีน้ำหนักเบาเพื่อให้ลดเสียงของถนนที่ส่งเข้ามาในห้องโดยสาร และยังช่วยในเรื่องของความสมดุลตามหลักอากาศพลศาสตร์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย กระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลังทำจากกระจกอคูสติก ที่มีจุดเด่นด้วยการเสริมของกระจกเพื่อลดเสียงที่อาจเล็ดลอดเข้ามา และพัฒนาให้มีการปิดผนึกรอบๆ กระจกให้สนิทราบเรียบและทำการปิดผนึกถึงสองชั้นเพื่อลดเสียงของลมที่เกิดขึ้นจากการวิ่งด้วยความเร็วสูงอีกด้วย ประตูได้รับการออกแบบใหม่และช่วยในการลดเสียงจากภายนอกที่เข้ามารบกวนด้วยเช่นกัน โดยรวมแล้วเสียงจากภายนอกที่เข้ามาในห้องโดยสารได้ถูกลดลงถึง 12 เดซิเบล ที่รอบเครื่องยนต์ 3,000 รอบต่อนาที เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น

ระบบให้ความร้อนและระบบพ่นลมได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมด้วยการเสริม Thermostatic Expansion Valve เข้าไป ส่งผลให้ลดเวลาสำหรับการทำความเย็นให้กับห้องโดยสารได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และหากต้องการยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์ เสริมฟังก์ชั่น Climate Boost function เพื่อเพิ่มการพ่นลมให้รวดเร็วยิ่งขึ้นทางด้านที่นั่งด้านหลังได้อีกด้วย

เกียร์ 8 สปีด 6 ลิตร และขับเคลื่อนสี่ล้อ

เครื่องยนต์ออกมาในรูปแบบ 6 ลิตร twin turbocharged 48 วาล์ว W12 และให้พละกำลังอย่างเต็มพิกัดซึ่งเรียกได้ว่าเร็วที่สุดสำหรับเบนท์ลี่ย์รุ่น 4 ประตู แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 616 แรงม้าที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 800 นิวตันเมตรที่รอบเครื่องยนต์ 2,000 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ W12 ได้ติดตั้งระบบการจัดการเครื่องยนต์ engine management system ที่ได้รับการพัฒนาให้เข้ากับ Bosch ME17 interface ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งการจัดการแรงบิด การควบคุม turbocharger ความสามารถในการขับเคลื่อน และประสิทธิภาพในเรื่องของการปล่อยมลพิษนั้นได้รับการพัฒนาอย่างดีเยี่ยมด้วยเช่นกัน

เครื่องยนต์ W12 จะติดตั้งควบคู่มากับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วจาก ZF มาเป็นมาตรฐานให้กับเรา ระบบเกียร์สามารถเปลี่ยนได้รวดเร็วภายในเวลาไม่เกิน 200 มิลลิเซคคอนด์ กล่องเกียร์ไม่ได้รับการออกแบบมาเพียงแค่รับมือกับแรงบิดอันมหาศาลของเครื่องยนต์ W12 นี้เท่านั้น แต่หากยังช่วยให้พลังของเครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นและส่งพละกำลังเครื่องยนต์ตรงเข้าสู่ล้อได้อย่างแม่นยำ อัตราการทดเกียร์ที่ดีเยี่ยมยังช่วยให้เครื่องยนต์นั้นมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก และสามารถทำได้อย่างดีเยี่ยมเมื่ออยู่ในโหมดขับขี่แบบ Cruise รวมไปถึงส่งผลให้รถมีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษให้ต่ำลงอีกถึง 13%             ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ใหม่ล่าสุดคันนี้มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำอยู่แค่เพียง 19.2 ไมล์ต่อชั่วโมง (14.7 ลิตร/100 กิโลเมตร) และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต่ำอยู่เพียง 343 กรัม/กิโลเมตร ซึ่งถือได้ว่าเป็นอัตราที่ยอดเยี่ยมสำหรับเครื่องยนต์ขนาด 12 สูบและเต็มไปด้วยประสิทธิภาพนี้

ระบบส่งผ่านกำลังเครื่องยนต์จะทำการส่งกำลังจากเครื่องยนต์เข้าสู่ล้อทั้งสี่ผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยมีมาตรฐานการกระจายแรงบิดอยู่ที่ 60% ทางด้านหลังและ 40% ทางด้านหน้า การกระจายแรงบิดไปด้านเพลาหลังทำได้มากถึง 85% และทางด้านเพลาหน้าได้มากถึง  65%  ผสมผสานเข้ากับสมรรถนะความสามารถในการเกาะถนนและการทรงตัว ระบบขับเคลื่อนของ ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) นี้ได้เป็นอย่างดีและยังทำให้มั่นใจได้ว่ารถมีความมั่นคงและเกาะถนนได้ดีเยี่ยม โดยไม่ต้องกังวลว่าอยู่ในสภาวะอากาศหรือพื้นผิวถนนแบบใดอีกด้วย

ความปราณีตในการขับเคลื่อนพร้อมด้วยความคล่องตัวสูง

เพื่อเพิ่มการขับขี่ที่สะดวกสบาย ระบบช่วงล่างใน ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) จึงได้รับการออกแบบใหม่และออกมาในรูปแบบช่วงล่างแบบถุงลมและควบคุมโดยคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยลดแรงกระแทกให้ได้มากที่สุด  หากเทียบกับรุ่นเดิมจะพบว่าค่าความแข็ง-อ่อนคงที่ของสปริงที่จะยุบตัวเป็นสัดส่วนตามน้ำหนักที่กดทับของระบบช่วงล่างนั้นนุ่มขึ้นทั้งด้าน หน้าและด้านหลังกว่า 10% และ 13% ตามลำดับ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ ความแข็งแกร่งและความหนึบของช่วงล่างนั้นแข็งขึ้นแม้ขณะเข้าโค้งที่หนักหน่วง และได้รับการพัฒนาให้มีการควบคุมและรักษาเสถียรภาพของรถได้ดียิ่งขึ้น บาร์ป้องกันและ Anti-roll bars ได้รับการพัฒนาให้รองรับและซึมซับแรงกระแทกให้มากขึ้นอีก 13% และ 15% เลยทีเดียว

เครื่องลดการสั่นสะเทือนแบบไฮดรอลิคทำงานร่วมกับสปริงใหม่ล่าสุดที่ได้รับการพัฒนาให้เพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่แบบสะดวกสบายให้ได้มากที่สุด โดยติดตั้งร่วมกับระบบ damper electronic control (CDC) strategy ที่ช่วยให้รถสามารถขับเคลื่อนได้อย่างสะดวกสบายแม้ต้องอยู่ในช่วงความเร็วต่ำ แรงดันของเครื่องยนต์ลดการสั่นสะเทือนตามความเร็วของรถ ทำให้รถมีความสมดุลระหว่างการควบคุมตัวรถและการรักษาเสถียรภาพของรถให้เป็นไปได้อย่างดีเยี่ยมในทุกๆ ระดับความเร็วของรถ การควบคุมช่วงล่างมีถึง 4 ระดับ และผู้ขับขี่สามารถเลือกระดับของช่วงล่างให้เหมาะสมตามที่ต้องการได้

ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ได้รับการพัฒนาด้วยเช่นกัน โดยเน้นถึงความสมดุลของความสะดวกสบาย ในขณะที่ให้ความแม่นยำในทุกๆ ระดับความเร็ว อีกหนึ่งคุณสมบัติเด่นใหม่ล่าสุดของเกียร์พวงมาลัยคือระบบ speed-sensitive system ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่ให้ผลิต hydraulic fluid flow ได้อย่างเต็มที่เพื่อช่วยในการขับขี่ในทุกๆ ความเร็วของรถ ระบบใหม่ล่าสุดนี้จะทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจในความแม่นยำของพวงมาลัยและช่วยในการเลี้ยวเข้าโค้งได้อย่างง่ายดายมากขึ้นอีกด้วย

ความเร็วสูงสุดของ ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) อยู่ที่ 320 กิโลเมตร/ชั่วโมง ความสูงของรถขนาดขับขี่จะได้รับการปรับเปลี่ยนอัตโนมัติผ่านระบบช่วงล่างแบบถุงลมเพื่อช่วยในเรื่องของการทรงตัวของรถตามหลักอากาศพลศาสตร์ ซึ่งช่วยให้รถสามารถรักษาเสถียรภาพได้มากขึ้นโดยการพัฒนาความสมดุลของรถ ลดแรงดัน และทำให้ได้มาซึ่งความเร็วสูงสุดที่เหนือชั้นในขณะที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาในระดับต่ำ การลดระดับของช่วงล่างทำได้ 2 ขั้นตอน โดยในขั้นแรกรถจะต่ำลง 5 มิลลิเมตร ทางด้านหน้าและ 10 มิลลิเมตร ทางด้านหลังที่ความเร็ว 195 กิโลเมตร/ชั่วโมง และจากนั้นจะลดลงอีก 8 มิลลิเมตร และ 13 มิลลิเมตร ตามลำดับที่ความเร็ว 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ระบบควบคุมเสถียรภาพรถ Electronic Stability Control (ESC) แบบหลายโหมดได้รับการปรับเปลี่ยนพัฒนาและทำงานร่วมกับตัวถังใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ระบบจะทำการตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ขับขี่จะสามารถรักษาเสถียรภาพของรถได้เป็นอย่างดี และสามารถใช้ความเร็วของรถได้อย่างเหมาะสมกับการควบคุมเสถียรภาพรถอีกด้วย

ตัวเลือกที่เป็นเอกลัษณ์เฉพาะสำหรับแต่ละบุคคล

ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ใหม่ล่าสุดนี้ได้รับการสร้างขึ้นมาตามความต้องการที่เจาะจงของลูกค้าแต่ละท่าน สีภายนอกที่เป็นสีมาตรฐานมีให้เลือกถึง 17 สี รวมถึงสี Dark Cashmere และยังมีสีให้เลือกเพิ่มเติมอีกกว่า 100 สีโดย Damson

ล้อขนาด 19 นิ้ว ลาย Classic wheel ได้รับการติดตั้งเป็นพิเศษเฉพาะสำหรับ ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) โดยสามารถเลือกสีพ่นที่สว่างหรือสีพ่นเงางามแบบเพชรได้ อีกทั้งยังมีล้อแบบลาย 20 นิ้ว 5 ก้าน และล้อขนาด 21 นิ้ว 6 ก้านและล้อ 21 นิ้วแบบ 10 ก้านที่สามารถเลือกติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมได้

ลูกค้ายังสามารถเลือกอุปกรณ์เสริมได้อาทิเช่น Mulliner Driving Specification ซึ่งรวมถึงสีที่เพิ่มขึ้นให้เลือกอีก 17 สี และมีเนื้อไม้ให้เลือกเพิ่มอีก 5 เนื้อไม้ เบาะจะได้รับการตัดเย็บตะเข็บแบบลายเพชร พร้อมด้วยการสลักปีกของเบนท์ลี่ย์ลงบนที่พักศรีษะ แป้นเหยียบและก้านเกียร์สปอร์ต และล้อ 21 นิ้ว two-piece 5 ก้านเป็นแบบอัลลอยด์จะได้รับการพ่นสีและเคลือบเงาตามแบบฉบับของชุดแต่ง Mulliner suite ได้อีกด้วย
« Last Edit: November 25, 2013, 08:38:31 AM by MSN »