KTAMขายกองตราสารหนี้6เดือนชูยิลด์3% ลูกค้าKTSFเฮจ่ายปันผล0.75บาท15พ.ย.นี้
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 96 ( KTSUPB96) ในวันที่ 6-12 พฤศจิกายน 2556 อายุ 6 เดือน มูลค่า 7,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประมาณ60%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งประกอบด้วย เงินฝาก Bank of China , เงินฝาก Standard Chartered Bank , ECP ค้ำประกันโดย Gazprombank OJSC ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภทหุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน / บริษัทเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.00%ต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ ( Roll Over ) ของกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 3 เดือน2 ( KTSIV3M2) ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2556 เน้นลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝาก ตั๋วแลกเงิน ของธนาคารธนชาต และธนาคารทิสโก้ ในสัดส่วน 40% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วแลกเงินของภาคเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.70% ต่อปี
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลสำหรับกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นทุนปันผล ( KTSF) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารทุน ที่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 12 ครั้ง โดยในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่3 ของปี2556 กำหนดจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.75 บาทต่อหน่วย และปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2556 กำหนดวันที่โอนเงินเข้าบัญชีผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2556 รวมเป็นจำนวนเงินที่จ่ายปันผลในปีนี้ทั้งสิ้น 2.25 บาทต่อหน่วย และนับเป็นครั้งที่ 45 ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2543 ทำให้มียอดการจ่ายเงินปันผลต่อหน่วยทั้งสิ้น 20.99 บาทต่อหน่วย
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนในช่วงที่ผ่านมา กองทุนKTSF นับว่าเป็นกองทุนหุ้นที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ และ บริษัทจะยึดถือความสม่ำเสมอในการจ่ายเงินปันผลเป็นนโยบายสำคัญของกองทุนอย่างต่อเนื่องต่อไป ในขณะที่อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในช่วงที่ผ่านมาก็สามารถเอาชนะดัชนีอ้างอิงของกองทุน (SET Index) ได้เป็นอย่างดี โดยผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2556 อยู่ที่ 20.55% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน AIMC ซึ่งอยู่ที่ 13.50%
สำหรับภาวะการลงทุนในปัจจุบัน จากประเด็นการชุมนุมต่อต้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่เกิดขึ้น และได้ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีการปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมาเป็นปัจจัยในระยะสั้น โดยหากสถานการณ์ดังกล่าวไม่นำไปสู่การต่อสู้และการเปลี่ยนแปลงโดยใช้ความรุนแรงแล้ว การปรับตัวลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ดังกล่าว ก็น่าจะเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนที่กำลังมองหาจังหวะการลงทุนในระยะยาว โดยบริษัทยังคงเป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2556 ไว้ที่ 1450 จุด และ1650 จุด สำหรับปี 2557 โดยปัจจัยระยะกลางและระยะยาวได้แก่ การใช้นโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญๆ ที่ส่งผลต่อสภาพคล่องในตลาดการเงินโลก และโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐที่คาดว่าจะเริ่มมีบทบาทสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2557