น้ำมันปิโตรเลียมไทย ตอกย้ำผู้นำตลาดแบตเตอรี่รถหรูเปิดตัว “VARTA START-STOP PLUS WITH AGM TECHNOLOGY”สุดยอดแบตเตอรี่สำหรับเครื่องยนต์ระบบ START-STOP
บริษัท น้ำมันปิโตรเลียมไทย จำกัด (TP&T) ผู้นำเข้าแบตเตอรี่ระดับซุปเปอร์พรีเมี่ยมแบรนด์ “วาร์ต้า” (VARTA) จากสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ลุยตลาดรถหรูต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “VARTA START-STOP PLUS WITH AGM TECHNOLOGY” ซึ่งเป็นแบตเตอรี่รถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานของเครื่องยนต์ระบบ START-STOP และติดตั้งอยู่ในยนตรกรรมมีระดับ จากโรงงานผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำในยุโรป เดินหน้าเจาะกลุ่มศูนย์บริการรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม โดยช่วงแรกเน้นสร้างการรับรู้ คาดสร้างยอดขายรวมมากกว่า 7 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2556
นายสัมพันธ์ ติงธนาธิกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำมันปิโตรเลียมไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากปี 2554 ที่บริษัทได้เปิดตัวแบตเตอร์รี่รถยนต์ระดับพรีเมี่ยม แบรนด์ วาร์ต้า ผลตอบรับจากลูกค้า ดีมาก ล่าสุด ได้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แบตเตอรี่ “VARTA START-STOP PLUS WITH AGM TECHNOLOGY” ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับ เครื่องยนต์ระบบ START-STOP โดยเฉพาะ พร้อมยืนยันคุณภาพ ด้วยมาตรฐานจากผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำระดับโลก “จอห์นสัน คอนโทรล” และปัจจุบันแบตเตอรี่ “VARTA START-STOP PLUS WITH AGM TECHNOLOGY” ได้รับความไว้วางใจจากผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำในยุโรป
“กว่า 2 ปีที่ผ่านมา เราได้มีการขยายไลน์ธุรกิจเข้าสู่ตลาดแบตเตอรี่รถยนต์ แบรนด์ VARTA ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก เรียกว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยคาดว่า จะมียอดขายรวมในปี 2556 ประมาณ 7 ล้านบาท สำหรับการนำเข้ารถหรูจากยุโรป ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพบว่า กว่า 80 % เป็นเครื่องยนต์ระบบ START-STOP ซึ่งมีแนวโน้มการขยายตัวอีกหลายเท่าตัวในอนาคต โดยตลาดในประเทศไทย ก่อนหน้านี้ ยังไม่มีแบตเตอรี่ชนิดนี้ในตลาดทดแทน เพื่อมารองรับลูกค้าในกลุ่มนี้ ซึ่งเราในฐานะตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ของแบตเตอรี่ วาร์ต้า จึงได้ทำการเปิดตัวแบตเตอรี่ รุ่นใหม่คือ “VARTA START-STOP PLUS WITH AGM TECHNOLOGY” ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับระบบเครื่องยนต์ START-STOP โดยเฉพาะ ทั้งนี้ ในเครื่องยนต์ระบบ START-STOP ถือว่าแบตเตอรี่ คือหัวใจสำคัญ ที่ทำให้ระบบของเครื่องยนต์ และอุปกรณ์ไฟฟ้า สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมีเสถียรภาพสูงต่อเนื่อง ซึ่งแบตเตอรี่ทั่วไปไม่สามารถทำได้” นายสัมพันธ์ กล่าว
สำหรับแผนการตลาดของสินค้าใหม่นี้ ทางบริษัทฯ เน้นช่องทางการขายที่เป็นศูนย์บริการระดับพรีเมี่ยมพร้อมทั้งสร้างการรับรู้ถึงกลุ่มผู้ใช้รถหรู โดยใช้สื่อประชาสัมพันธ์ ณ จุดขาย ให้ความรู้กับผู้บริโภคโดยตรง และเสริมด้วยการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้น
นายเกียรติยศ ณ นคร ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท ทีพีเอส โปรดักท์ เซลส์ จำกัด กล่าวเสริมว่า “สำหรับการทำงานของเทคโนโลยีระบบ START-STOP เครื่องยนต์จะดับเองโดยอัตโนมัติ เมื่อรถหยุดอยู่กับ ที่ เช่น ขณะติดสัญญาณไฟแดง หรือขณะจอดนิ่งอยู่กับที่ ในสภาวะการจราจรที่ติดขัด และเครื่องยนต์จะสตาร์ทขึ้นเองอีกครั้ง เมื่อคนขับเหยียบคลัทช์ หรือคันเร่ง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ประหยัดพลังงาน ส่งผลให้การบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงได้ถึงกว่า 12% นอกจากนี้ ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการลดการปล่อย CO2 และนอกจากรองรับการหยุดทำงานของเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติแล้ว แบตเตอรี่ VARTA START-STOP PLUS WITH AGM TECHNOLOGY ยังสามารถรองรับการทำงานของเทคโนโลยีที่เรียกว่า Advance Energy Management System และ Brake Energy Recuperation โดยปกติ แบตเตอรี่จะทำหน้าที่จ่ายไฟฟ้า ไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชิ้นในรถยนต์ แม้ในขณะที่รถวิ่งอยู่ก็ตาม ซึ่งจะช่วยลดการทำงานของเครื่องยนต์ ทำให้ประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น โดยระบบนี้จะชาร์จไฟเข้าไปแบตเตอรี่ขณะเบรก โดยเปลี่ยนพลังงานจลน์ที่เกิดขึ้นเป็นพลังงานไฟฟ้า กลับเข้าไปในแบตเตอรี่ ดังนั้น แบตเตอรี่จะต้องมีความสามารถในการรับไฟได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งแบตเตอรี่ VARTA START STOP PLUS WITH AGM TECHNOLOGY เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับเทคโนโลยีดังกล่าว”
ทั้งนี้ นายเบอร์นาร์ด หว่อง ผู้จัดการฝ่ายขาย แบตเตอรี่ วาร์ต้า ประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท จอห์นสัน คอนโทรลส์ จำกัด ยังได้กล่าวถึงแนวโน้มของเทคโนโลยีการพัฒนาแบตเตอรี่รถยนต์ในอนาคตว่า “แบตเตอรี่ ประเภทที่สามารถรองรับการทำงานของเครื่องยนต์ระบบ START-STOP จะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เนื่องจากทางสหภาพยุโรป ได้ควบคุมอัตราการปล่อย CO2 จากรถยนต์ ซึ่งภายในปี 2015 รถยนต์ทุกคันที่จดทะเบียนในยุโรป จะต้องมีค่าการปล่อย CO2 ไม่เกิน 130 กรัม/ กิโลเมตร และเหลือไม่เกิน 95 กรัม/ กิโลเมตร ภายในปี 2020 จึงทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ค่ายต่างๆ ในยุโรป จะต้องผลิตรถยนต์ที่ติดตั้งระบบ START-STOP เพิ่มขึ้นอีกมาก โดยคาดว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ประเทศไทย ก็จะมีแนวโน้มในการพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่ง ณ วันนี้ แบตเตอรี่ วาร์ต้า พร้อมแล้ว ที่จะรองรับ เทคโนโลยีของเครื่องยนต์ระบบดังกล่าว สำหรับในประเทศไทย เราเชื่อว่า บริษัท น้ำมันปิโตรเลียมไทย จำกัด ในฐานะตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จะสามารถสร้างการรับรู้ถึงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของแบตเตอรี่ วาร์ต้า และสามารถพัฒนาตลาดในประเทศไทยให้มีความเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง”