MSN on October 10, 2013, 06:43:58 AM
นักเทคโนฯรุ่นใหม่ปี 56 ปรับศิลปะการหล่อโลหะเพื่อปฏิวัติอุตสาหกรรมจิวเวลรี่ไทย มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์

นักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ปี 2556 ปรับศิลปะการหล่อโลหะด้วยเทคนิคใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในผลิตภัณฑ์เครื่องประดับ เชื่อจะช่วยยกระดับแรงงาน ฝีมือ วัตถุดิบ และความสามารถเชิงการค้าในอุตสาหกรรมเครื่องประดับไทย สู่การแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างแข็งแกร่ง









ดร.บุญรัตน์  โล่ห์วงศ์วัฒน  หน่วยปฏิบัติการวิจัยนวัตกรรมโลหะ ภาควิชาวิศวกรรมโลหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับรางวัล “นักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ประจำปี  2556” จากมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์  เปิดเผยถึงผลงานวิจัย การออกแบบวัสดุโดยใช้หลักการทางอุณหพลศาสตร์และการปรับปรุงโครงสร้างเชิงโลหะวิทยาเพื่อพัฒนาระบบโลหะผสมและคิดค้นเทคนิคการผลิตใหม่สำหรับอุตสาหกรรมผลิตเครื่องประดับไทย ว่า เป็นการนำเทคนิคการผลิตแบบใหม่เข้ามาปรับใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อปฏิวัติอุตสาหกรรมเครื่องประดับไทยและลดต้นทุนการผลิต ภายใต้กระบวนการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการ ให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกได้อย่างแข็งแกร่ง

“ผมคงเป็นคล้ายกับนักเล่นแร่แปรธาตุ งานวิจัยหลักของผมเน้นในด้านอุตสาหกรรมการผลิต (Production Industries) ไม่ว่าจะเป็นงานทางด้านโลหะและวัสดุทางการแพทย์ หรืองานเครื่องประดับ โดยมองว่างานวิจัยทั้ง 2 อย่าง อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน เนื่องจากเราสามารถผสมโลหะในสูตรของเราเองในอัตราส่วนที่กลมกล่อม เพื่อตอบโจทย์ในสิ่งที่เราต้องการได้ โดยเฉพาะในวงการอุตสาหกรรมเครื่องประดับ หากมีการลดขั้นตอนหรือลดกระบวนการผลิตลงจะสามารถประหยัดพลังงานได้เยอะมากทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงด้วย ซึ่งที่ผ่านมาอุตสาหกรรมเครื่องประดับเงินในประเทศไทยเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้เป็นลำดับต้นๆ สิ่งเหล่านี้สามารถการันตีได้ว่าหากเรามีการพัฒนากระบวนการผลิต จะทำให้อุตสาหกรรมด้านนี้เจริญเติบโตและมีศักยภาพที่จะแข่งขันกับต่างชาติได้”

ทั้งนี้ กระบวนการขึ้นรูปเครื่องประดับแบบเดิมที่ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับจะเป็นการหล่อแบบขี้ผึ้งหาย (Lost  Wax Casting) หรือเป็นการแทนที่ขี้ผึ้ง ซึ่งมีกรรมวิธีที่ละเอียดซับซ้อน โดยเริ่มจากการฉีดเทียนหรือขี้ผึ้งเข้ากับแบบยาง แล้วนำมาต่อเป็นต้นเทียนที่นำไปหุ้มด้วยปูนหล่อ จากนั้นนำไปเผาด้วยความร้อนให้ขี้ผึ้งละลายออก เพื่อเป็นโพรงแบบสำหรับเทน้ำโลหะเหลวเข้าไปแทนที่ ซึ่งกว่าจะได้ชิ้นงานแต่ละชิ้นจะใช้เวลาในการผลิตถึง 15 ขั้นตอน ขณะที่ผลงานวิจัยพัฒนาโลหะในอุตสาหกรรมเครื่องประดับที่ ดร.บุญรัตน์ นำมาใช้นั้นสามารถลดขั้นตอนได้ถึง 9 ขั้นตอน เหลือเพียง 6 ขั้นตอนเท่านั้น งานวิจัยดังกล่าวเป็นการพัฒนาโลหะผสมเงินสูตรใหม่เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับเงินไทย ซึ่งเป็นการนำนวัตกรรมโลหะผสมมาใช้ร่วมกับวัสดุแม่พิมพ์ใหม่ โดยทำให้อุณหภูมิหลอมเหลวลดลงจากเดิมกว่า 40-70 % ของอุณหภูมิที่ใช้หลอมขึ้นรูปปกติ โดยใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง หรือลดลงเกือบ 7 เท่า จากกรรมวิธีเดิม ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1.ลดอุณหภูมิหลอมเหลวของโลหะเงินผสม 2.พัฒนาแม่พิมพ์ยางให้ทนอุณหภูมิที่สูงขึ้นได้  และ 3.พัฒนากระบวนการผลิตที่มุ่งเน้นประโยชน์จากสูตรเงินผสมใหม่และแม่พิมพ์ยางใหม่ ซึ่งสามารถลดปริมาณการใช้วัสดุสิ้นเปลืองลงเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีและลดการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ

“เวลาที่ใช้ในกระบวนการผลิตจากการหล่อแบบขี้ผึ้งหายคือร้อยละ 70 ซึ่งถือว่านานพอสมควร ขณะที่งานวิจัยและพัฒนาโลหะผสมเงินสูตรใหม่เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับเงินไทย สามารถช่วยร่นระยะเวลาได้ โดยได้พัฒนาไปถึงระดับ Full Operation แล้ว ซึ่งเป็นช่วงการทดลองปรับปัจจัยและสมบัติต่างๆให้เหมาะสมและตอบสนองต่อความต้องการสำหรับการผลิตในระดับอุตสาหกรรม และผลผลิตที่ได้จากกระบวนการจะทำให้เครื่องประดับเงินมีคุณสมบัติดีขึ้น รวมทั้งมีความสามารถในการต้านทานการหมองที่ดีเยี่ยมกว่าการใช้เทคนิคเดิม”

นอกจากนี้ ดร.บุญรัตน์ ยังได้วิจัยพัฒนาโลหะผสมทองคำ 18k ที่สามารถขึ้นรูปได้เหมือนพลาสติก (Thermoplastic forming) ซึ่งเป็นการผลิตชิ้นงานเครื่องประดับที่เน้นปริมาณ (Mass Production)โดยการนำโลหะทองคำผสมรัตนโลหะ (Metallic glass) ที่มีคุณสมบัติแข็งแรง และมีพื้นผิวที่สวยงามกว่าวัสดุเดิม แต่มีความสามารถในการขึ้นรูปที่อุณหภูมิต่ำแบบพลาสติกมาประยุกต์ใช้กับทองคำ 18 k โดยลูกค้ารายสำคัญของประเทศไทยจะอยู่ในโซนแถบยุโรปและอเมริกา ซึ่งงานวิจัยดังกล่าวยังอยู่ในระดับ Engineering Prototype 

อย่างไรก็ตาม ดร.บุญรัตน์  ยอมรับว่า การคลุกคลีกับธาตุต่างๆในตารางธาตุกว่าห้าสิบชนิด พร้อมๆกับ “การศึกษาวิจัยด้านโลหะวิทยา” ที่ทุ่มเทมาเกือบ 20 ปี แม้จะเหนื่อยและดูยาวนาน แต่หากนักวิจัยรุ่นหลังหยิบยกงานวิจัยและสูตรโลหะผสมบนหิ้งไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ก็ถือว่างานวิจัยที่ทำมาคุ้มค่า และเป็นการส่งสัญญาณในทางที่ดีของวงการอุตสาหกรรมเครื่องประดับไทย ให้ก้าวไปสู่การเปลี่ยนผ่านในเรื่องการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ ซึ่งสิ่งที่ต้องตามมา คือ การยกระดับการทำงานในทุกภาคส่วน ทั้งด้านแรงงาน ฝีมือ วัตถุดิบความสามารถในเชิงการค้า รวมถึงการสร้างบุคลากรผู้มีความสามารถพร้อมๆไปกับการขับเคลื่อนเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป.
« Last Edit: October 10, 2013, 07:32:29 AM by MSN »

MSN on October 10, 2013, 07:37:44 AM
“รถตัดอ้อยแบรนด์ไทย-เทคโนโลยีฐานจีโนมิกส์” คว้ารางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่นประจำปี 2556 มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์

“รถตัดอ้อยแบรนด์ไทย-เทคโนโลยีฐานจีโนมิกส์” คว้ารางวัล “นักเทคโนโลยีดีเด่นประจำปี 2556” ด้านประธานคณะกรรมการรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่น ระบุ เป็นงานวิจัยที่มีประโยชน์ต่อภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรมของประเทศ ชี้รางวัลนี้ตั้งขึ้นเพื่อให้คนในสังคมไทยเห็นความสำคัญของ “เทคโนโลยี” ควบคู่กับ “วิทยาศาสตร์” สู่การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันด้านเทคโนโลยีในอนาคต 





รศ.ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน ประธานคณะกรรมการรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่น มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันการพัฒนาเทคโนโลยีในโลกเป็นไปด้วยความรวดเร็ว มีการแข่งขันในอัตราที่สูงมาก ทำให้ประเทศไทยอยู่ในสภาพที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศและขาดอำนาจการต่อรอง มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ เห็นความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นอัตราการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อแก้ปัญหาของประเทศอย่างเร่งด่วน จึงจัดให้มีการมอบรางวัล “นักเทคโนโลยีดีเด่น” และรางวัล “นักเทคโนโลยีรุ่นใหม่”  ขึ้นในปี 2545 คู่ขนานไปกับรางวัลทางด้านวิทยาศาสตร์ เพื่อให้คนในสังคมไทยเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีควบคู่ไปกับวิทยาศาสตร์ และหวังว่ารางวัลอันทรงเกียรตินี้ จะเป็น “แรงกระตุ้น” ให้นักวิทยาศาสตร์ไทยมีกำลังใจในการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ รวมถึงเป็นเป้าหมายให้เยาวชนไทยมุ่งพัฒนาตนให้เป็นกำลังสำคัญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศต่อไปในอนาคต 

โดยในปีนี้รางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่นและนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ได้รับความสนใจจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งงานวิจัยที่เสนอชื่อเข้ามามีคุณภาพสูง ทั้งเนื้อหาสาระและระดับความน่าสนใจ อันก่อให้เกิดประโยชน์กับสังคมไทยทั้งในภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งในอนาคตเทคโนโลยีดังกล่าวต้องมีการพัฒนาต่อยอดให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

สำหรับรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่น ประจำปี 2556 ประเภททีม ซึ่งมีด้วยกัน 2 ทีม ได้แก่ 1.นายสามารถ ลี้ธีระนานนท์ หุ้นส่วนผู้จัดการ และนายวิฑูร ลี้ธีระนานนท์ วิศวกรออกแบบและควบคุมการผลิต ห้างหุ้นส่วนจำกัด สามารถเกษตรยนต์ คณะผู้ประดิษฐ์คิดค้นเทคโนโลยีรถตัดอ้อยที่มีกระบะบรรจุท่อนอ้อยทำงานแบบอัตโนมัติ(Sugarcane Harvester With Automatic Bin)ยี่ห้อ “สามารถเกษตรยนต์”ที่ผลิตขึ้นจากโจทย์ของเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ประสบปัญหาราคารถตัดอ้อยที่นำเข้าจากต่างประเทศสูงเกินกำลังทรัพย์ของเกษตรกรรายย่อย รวมถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่ทำให้เกิดการเผาไร่อ้อย เพื่อให้สะดวกและรวดเร็วต่อการเก็บเกี่ยว ซึ่งควันที่ได้จากการเผาก่อให้เกิดมลภาวะและส่งผลกระทบต่อทางเดินหายใจ เทคโนโลยีดังกล่าวจึงสามารถตอบโจทย์ของเกษตรกรได้เป็นอย่างดี 2.ดร.สมวงษ์ ตระกูลรุ่ง ผู้อำนวยการสถาบันจีโนมแห่งชาติ และคณะ จากห้องปฏิบัติการดีเอ็นเอเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสถาบันจีโนม ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ซึ่งประสบความสำเร็จในการวิจัยพัฒนาและการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีจีโนม : เทคโนโลยีฐานจีโนมิกส์กับการตรวจสอบจีโนมอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยควบคุมคุณภาพสินค้าในการส่งออกอาหารและการปรับปรุงพันธุ์พืชอายุยืนแบบก้าวกระโดด ภายใต้คอนเซปต์“ต้นทุนต่ำ-ความแม่นยำสูง” โดยใช้ห้องปฏิบัติการดีเอ็นเอเทคในการตรวจสอบ สามารถตรวจปริมาณการปนเปื้อนได้ต่ำถึง 0.1% ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวถูกนำมาสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์

   ขณะที่รางวัลนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ประจำปี 2556 ได้แก่ ดร.บุญรัตน์ โล่ห์วงศ์วัฒน หน่วยปฏิบัติการวิจัยนวัตกรรมโลหะ ภาควิชาวิศวกรรมโลหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากผลงานวิจัย การออกแบบวัสดุโดยใช้หลักการทางอุณหพลศาสตร์และการปรับปรุงโครงสร้างเชิงโลหะวิทยาเพื่อพัฒนาระบบโลหะผสมและคิดค้นเทคนิคการผลิตใหม่สำหรับอุตสาหกรรมผลิตเครื่องประดับไทย ซึ่งเป็นการนำเทคนิคการผลิตแบบใหม่เข้ามาปรับใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อปฏิวัติอุตสาหกรรมเครื่องประดับไทย ลดต้นทุนการผลิต และลดปริมาณการใช้วัสดุสิ้นเปลือง ภายใต้กระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.ศักรินทร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงแบบค่อยเป็นค่อยไป (Incremental Improvement) หรือการนำความรู้ใหม่ๆทางวิทยาศาสตร์มาปรับให้ผลิตภัณฑ์เป็นไปอย่างก้าวกระโดด สิ่งเหล่านี้จะทำให้ประเทศไทยหลุดจากวังวนที่เรียกว่า“กับดักรายได้ปานกลาง”(Middle Income Trap)และหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่ประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งทำคือ การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้ตอบสนองต่อการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต(Productivity) ซึ่งจะทำให้ไทยเกิดการได้เปรียบทางการแข่งขัน รวมถึงแรงงานในภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรมเองก็ต้องเป็นแรงงานที่มีทักษะมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะในภาพรวมการพัฒนาเทคโนโลยีของไทยนั้น อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถพัฒนาต่อไปได้อย่างก้าวกระโดด หากได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังจากภาครัฐควบคู่กับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

MSN on October 10, 2013, 07:40:17 AM
คณะ DNA TECH และสถาบันจีโนม คว้ารางวัลนักเทคโนฯดีเด่นปี 56 หลังใช้เทคโนโลยีฐานจีโนมิกส์ผลักดันอุตสาหกรรมไทย

มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ คณะ DNA TECH และสถาบันจีโนม ภายใต้การนำของ ดร.สมวงษ์  ตระกูลรุ่ง คว้ารางวัลนักเทคโนฯดีเด่นปี 56 จากผลงาน “เทคโนโลยีฐานจีโนมิกส์กับการตรวจสอบจีโนมอย่างรวดเร็ว”เพื่อควบคุมคุณภาพสินค้าการส่งออกอาหาร และการปรับปรุงพันธุ์พืชอายุยืนแบบก้าวกระโดด ภายใต้คอนเซปต์“ต้นทุนต่ำ-ความแม่นยำสูง”หวังพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์





ดร.สมวงษ์  ตระกูลรุ่ง ผู้อำนวยการสถาบันจีโนมแห่งชาติ และคณะจากห้องปฏิบัติการดีเอ็นเอเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสถาบันจีโนม ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ซึ่งได้รับรางวัล “นักเทคโนโลยีดีเด่น ประเภททีม ประจำปี  2556” จากมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์  เปิดเผยถึงการวิจัยพัฒนาและการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีจีโนม : เทคโนโลยีฐานจีโนมิกส์กับการตรวจสอบจีโนมอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยควบคุมคุณภาพสินค้าในการส่งออกอาหารและการปรับปรุงพันธุ์พืชอายุยืนแบบก้าวกระโดด ว่า จีโนมิกส์ (Genomics) เป็นส่วนหนึ่งของสาขาพันธุศาสตร์ ที่ศึกษาพันธุกรรม (Genome) ทั้งหมดของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด โดยเน้นการศึกษาหาลำดับเบสทั้งหมดของดีเอ็นเอ (DNA Sequence) และการทำแผนที่ทางพันธุกรรม (Genetic Mapping) ซึ่งการรวบรวมจีโนมของสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ จะถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล ทำให้ทราบลักษณะเฉพาะ(Characterization)ของจีโนมในสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ และใช้ในการวิเคราะห์หายีน(Gene)ต่างๆ ที่ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมที่สำคัญ เพื่อใช้ในการปรับปรุงพันธุ์พืชและสัตว์ ตลอดจนใช้ในการตรวจสอบวินิจฉัยโรคในสิ่งมีชีวิตทั้งในคน พืช  หรือสัตว์ รวมถึงการใช้ในการควบคุมคุณภาพของอาหารและสินค้าทางการเกษตร

โดยเทคโนโลยีดังกล่าว เป็นเทคโนโลยีองค์รวมที่แยกความแตกต่างของสิ่งมีชีวิตในแต่ละสายพันธุ์ที่มีความแม่นยำสูงมาก ภายใต้การปฏิบัติการในศูนย์ปฏิบัติการดีเอ็นเอเทค (DNA Technology) ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการที่ได้รับการอนุมัติให้มีการจัดตั้งขึ้น โดยได้รับเงินทุนของ สวทช. จากคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (กวทช.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้นำไปสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ และมีนโยบายผลักดันให้โครงการฯ ที่มีศักยภาพที่จะดำเนินงานต่อไปได้ด้วยตนเองในเชิงธุรกิจ

“ความแม่นยำของเทคโนโลยีฐานจีโนมิกส์ต้องอาศัยข้อมูลพันธุกรรมองค์รวมทั้งหมดเพื่อให้สามารถเห็นถึงส่วนที่แตกต่างกันหรือเหมือนกันในสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดหรือในสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันแต่ต่างสายพันธ์กัน ยกตัวอย่างเช่น คนต่างจากสัตว์อย่างไร ข้าวแต่ละเม็ดแต่ละสายพันธุ์แตกต่างกันตรงไหนอย่างไร เนื่องจากเทคโนโลยีขั้นสูงนี้มีค่าใช้จ่ายสูงในการตรวจสอบดังนั้นภายใต้การพัฒนาตรวจสอบที่มีต้นทุนต่ำของห้องปฏิบัติการDNATEC จึงทำให้ภาคการผลิตและภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงได้ จนสามารถให้บริการแก่กรมการค้าต่างประเทศในการตรวจรับรองคุณภาพข้าวหอมมะลิไทยให้มีความบริสุทธิ์ตามที่กฎหมายกำหนดซึ่งเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ เป็นการยกระดับคุณภาพข้าวไทยในเวทีโลก” 

ทั้งนี้ การใช้เทคโนโลยีฐานจีโนมิกส์จะสามารถช่วยประเทศได้ใน 2 ส่วน ใหญ่ๆได้แก่ 1.เทคโนโลยีจีโนมเพื่อช่วยการส่งออก ด้านกฏหมาย และป้องกันการกีดกันทางการค้า ซึ่งได้ถูกพัฒนามาใช้ในการตรวจสอบสินค้าในด้านอาหาร และสิ่งมีชีวิต  การตรวจสอบดังกล่าว เช่น เทคโนโลยีการตรวจสอบข้าวปลอมปนจากเมล็ดข้าวสาร โดยเริ่มจากการค้นหาเอกลักษณ์ดีเอ็นเอของข้าว หลายสายพันธุ์ที่มีปลูกในประเทศไทย เพื่อค้นหาตัวตรวจที่แม่นยำสามารถแยกความแตกต่าง และปริมาณปลอมปนได้ทุกสายพันธุ์ โดยเฉพาะการปลอมปนในข้าวขาวดอกมะลิ 105 และ กข15 ซึ่งถือเป็นข้าวส่งออกที่มีชื่อเสียงของไทย การตรวจสอบการปนเปื้อนของพืชดัดแปลงพันธุกรรม (Genetically Modified Organism, GMO) ภายใต้ห้องปฏิบัติการดีเอ็นเอเทค สามารถตรวจปริมาณการปนเปื้อนได้ต่ำถึง 0.1% ในอัตราความแม่นยำสูง นอกจากนี้ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีตรวจสอบการปนเปื้อนเนื้อวัวในอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารสัตว์ได้ละเอียดถึง 0.01% เพื่อป้องกันการระบาดของโรควัวบ้าเข้าประเทศไทยด้วย   2. เทคโนโลยีฐานจีโนมิกส์ เพื่อการปรับปรุงพันธุ์พืชหรือสัตว์อย่างก้าวกระโดด เช่นการพัฒนาเทคโนโลยี่จีโนมของปาล์มน้ำมันเพื่อร่นระยะเวลาในการปรับปรุงพันธุ์ปาล์มน้ำมัน จากปกติที่ใช้ระยะเวลาในการปรับปรุงพันธุ์ 15-20 ปี เหลือเพียง 5 -8ปีเท่านั้น โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ เพื่อให้ได้พันธุ์ปาล์มน้ำมันที่สามารถปลูกได้ดีในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ โดยให้ผลผลิตเฉลี่ยมากกว่า 5 ตันต่อไร่ต่อปี ซึ่งองค์ความรู้ของผลงานดังกล่าวบางส่วนได้ยื่นจดสิทธิบัตรในต่างประเทศ และมีผลงานออกตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศหลายฉบับ ขณะเดียวกันผลการวิจัยชิ้นนี้ยังได้รับทุนวิจัยต่อเนื่อง เพื่อนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาพัฒนาการผลิตกล้าพันธุ์ปาล์มน้ำมันที่ได้ให้กับเกษตรกรจำนวน 100,000 ต้น รวมทั้งนักวิจัยได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีดังกล่าวให้กับบริษัทเอกชนในภาคใต้ของประเทศไทยด้วย

กระบวนการตรวจสอบของเทคโนโลยีฐานจีโนมิกส์ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน คือ 1.กระบวนการรับการสุ่มตัวอย่าง 2. การสกัด DNA  3. การทำปฏิกริยาการตรวจสอบ 4. กระบวนการ Detection ซึ่งทำให้เห็นตัวปฏิกริยา และ5.กระบวนการวิเคราะห์  โดย ดร.สมวงษ์  ยอมรับว่าขั้นตอนที่ช้าที่สุดคือ ขั้นตอนการสกัด DNA เนื่องจากสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดอาจมีสารบางอย่างที่เป็นอุปสรรคต่อการสกัด DNA โดยวิธีมาตรฐาน ซึ่งมีอยู่หลายวิธีด้วยกันและแต่ละวิธีใช้เวลาประมาณ1-2 วัน ดังนั้นการที่ตรวจสอบตัวอย่างจำนวนมากทางศูนย์ปฏิบัติการดีเอ็นเอเทค จึงได้มีการพัฒนาวิธีการสกัดDNAทำให้นักวิจัยสามารถสกัด DNAโดยใช้เวลาแค่ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น
“การทำงานของคณะจะทำงานเป็นทีม ด้วยการแบ่งไลน์(line)การทำงานให้เหมือนในภาคอุตสาหกรรมเป็นการเปลื่ยน concept ของการวิจัยเป็น บริการโดยแบ่งตามลักษณะของflowของงาน เช่น มีแผนกสกัด DNA ซึ่งจะรับผิดชอบในการสกัด DNA ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ก่อนจะส่ง DNA ที่สกัดได้ไปยังแผนกต่อๆไป จากนั้นจะนำผลลัพธ์ของแต่ละแผนกกันมาเชื่อมร้อยเพื่อวิเคราะห์และจัดเรียงข้อมูล ซึ่งจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยในขณะนี้ศูนย์ปฏิบัติการดีเอ็นเอเทค มีผู้ประกอบการมาใช้บริการจำนวนมากทั้งในและต่างประเทศ”

อย่างไรก็ตาม ดร.สมวงษ์  กล่าวทิ้งท้ายว่า การทำงานในส่วนของเทคโนโลยีจีโนมิกส์เพื่อการบริการสังคมต้องใช้ทั้งศิลปะและวิทยาศาสตร์เข้ามาผสมผสานกัน โดยเฉพาะการจัดการ (Management)เพื่อให้ได้ซึ่งผลลัพธ์ที่แม่นยำและรวดเร็ว ขณะเดียวกันตนเชื่อว่า เทคโนโลยีจีโนมิกส์จะทำให้ผู้ประกอบการของไทยได้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างชาติ ทั้งในภาคอุตสาหกรรมอาหารและภาคเกษตรกรรมได้เป็นอย่างดี และประเทศไทยยังมีโอกาสได้เป็นผู้นำในการใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อการตรวจสอบคุณภาพของสินค้าในกลุ่มประเทศ AEC

MSN on October 10, 2013, 07:41:19 AM
“รถตัดอ้อยแบรนด์ไทย-เทคโนโลยีฐานจีโนมิกส์” คว้ารางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่นประจำปี 2556 มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์

“รถตัดอ้อยแบรนด์ไทย-เทคโนโลยีฐานจีโนมิกส์” คว้ารางวัล “นักเทคโนโลยีดีเด่นประจำปี 2556” ด้านประธานคณะกรรมการรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่น ระบุ เป็นงานวิจัยที่มีประโยชน์ต่อภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรมของประเทศ ชี้รางวัลนี้ตั้งขึ้นเพื่อให้คนในสังคมไทยเห็นความสำคัญของ “เทคโนโลยี” ควบคู่กับ “วิทยาศาสตร์” สู่การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันด้านเทคโนโลยีในอนาคต 



รศ.ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน ประธานคณะกรรมการรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่น มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันการพัฒนาเทคโนโลยีในโลกเป็นไปด้วยความรวดเร็ว มีการแข่งขันในอัตราที่สูงมาก ทำให้ประเทศไทยอยู่ในสภาพที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศและขาดอำนาจการต่อรอง มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ เห็นความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นอัตราการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อแก้ปัญหาของประเทศอย่างเร่งด่วน จึงจัดให้มีการมอบรางวัล “นักเทคโนโลยีดีเด่น” และรางวัล “นักเทคโนโลยีรุ่นใหม่”  ขึ้นในปี 2545 คู่ขนานไปกับรางวัลทางด้านวิทยาศาสตร์ เพื่อให้คนในสังคมไทยเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีควบคู่ไปกับวิทยาศาสตร์ และหวังว่ารางวัลอันทรงเกียรตินี้ จะเป็น “แรงกระตุ้น” ให้นักวิทยาศาสตร์ไทยมีกำลังใจในการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ รวมถึงเป็นเป้าหมายให้เยาวชนไทยมุ่งพัฒนาตนให้เป็นกำลังสำคัญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศต่อไปในอนาคต
 
โดยในปีนี้รางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่นและนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ได้รับความสนใจจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งงานวิจัยที่เสนอชื่อเข้ามามีคุณภาพสูง ทั้งเนื้อหาสาระและระดับความน่าสนใจ อันก่อให้เกิดประโยชน์กับสังคมไทยทั้งในภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งในอนาคตเทคโนโลยีดังกล่าวต้องมีการพัฒนาต่อยอดให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

สำหรับรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่น ประจำปี 2556 ประเภททีม ซึ่งมีด้วยกัน 2 ทีม ได้แก่ 1.นายสามารถ ลี้ธีระนานนท์ หุ้นส่วนผู้จัดการ และนายวิฑูร ลี้ธีระนานนท์ วิศวกรออกแบบและควบคุมการผลิต ห้างหุ้นส่วนจำกัด สามารถเกษตรยนต์ คณะผู้ประดิษฐ์คิดค้นเทคโนโลยีรถตัดอ้อยที่มีกระบะบรรจุท่อนอ้อยทำงานแบบอัตโนมัติ(Sugarcane Harvester With Automatic Bin)ยี่ห้อ “สามารถเกษตรยนต์”ที่ผลิตขึ้นจากโจทย์ของเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ประสบปัญหาราคารถตัดอ้อยที่นำเข้าจากต่างประเทศสูงเกินกำลังทรัพย์ของเกษตรกรรายย่อย รวมถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่ทำให้เกิดการเผาไร่อ้อย เพื่อให้สะดวกและรวดเร็วต่อการเก็บเกี่ยว ซึ่งควันที่ได้จากการเผาก่อให้เกิดมลภาวะและส่งผลกระทบต่อทางเดินหายใจ เทคโนโลยีดังกล่าวจึงสามารถตอบโจทย์ของเกษตรกรได้เป็นอย่างดี 2.ดร.สมวงษ์ ตระกูลรุ่ง ผู้อำนวยการสถาบันจีโนมแห่งชาติ และคณะ จากห้องปฏิบัติการดีเอ็นเอเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสถาบันจีโนม ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ซึ่งประสบความสำเร็จในการวิจัยพัฒนาและการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีจีโนม : เทคโนโลยีฐานจีโนมิกส์กับการตรวจสอบจีโนมอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยควบคุมคุณภาพสินค้าในการส่งออกอาหารและการปรับปรุงพันธุ์พืชอายุยืนแบบก้าวกระโดด ภายใต้คอนเซปต์“ต้นทุนต่ำ-ความแม่นยำสูง” โดยใช้ห้องปฏิบัติการดีเอ็นเอเทคในการตรวจสอบ สามารถตรวจปริมาณการปนเปื้อนได้ต่ำถึง 0.1% ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวถูกนำมาสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์

ขณะที่รางวัลนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ประจำปี 2556 ได้แก่ ดร.บุญรัตน์ โล่ห์วงศ์วัฒน หน่วยปฏิบัติการวิจัยนวัตกรรมโลหะ ภาควิชาวิศวกรรมโลหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากผลงานวิจัย การออกแบบวัสดุโดยใช้หลักการทางอุณหพลศาสตร์และการปรับปรุงโครงสร้างเชิงโลหะวิทยาเพื่อพัฒนาระบบโลหะผสมและคิดค้นเทคนิคการผลิตใหม่สำหรับอุตสาหกรรมผลิตเครื่องประดับไทย ซึ่งเป็นการนำเทคนิคการผลิตแบบใหม่เข้ามาปรับใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อปฏิวัติอุตสาหกรรมเครื่องประดับไทย ลดต้นทุนการผลิต และลดปริมาณการใช้วัสดุสิ้นเปลือง ภายใต้กระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.ศักรินทร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงแบบค่อยเป็นค่อยไป (Incremental Improvement) หรือการนำความรู้ใหม่ๆทางวิทยาศาสตร์มาปรับให้ผลิตภัณฑ์เป็นไปอย่างก้าวกระโดด สิ่งเหล่านี้จะทำให้ประเทศไทยหลุดจากวังวนที่เรียกว่า“กับดักรายได้ปานกลาง”(Middle Income Trap)และหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่ประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งทำคือ การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้ตอบสนองต่อการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต(Productivity) ซึ่งจะทำให้ไทยเกิดการได้เปรียบทางการแข่งขัน รวมถึงแรงงานในภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรมเองก็ต้องเป็นแรงงานที่มีทักษะมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะในภาพรวมการพัฒนาเทคโนโลยีของไทยนั้น อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถพัฒนาต่อไปได้อย่างก้าวกระโดด หากได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังจากภาครัฐควบคู่กับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง