MSN on August 05, 2013, 10:29:57 PM
KTAMเปิดขายETFอิงหุ้นกลุ่มสื่อสาร


     
        นายสมชัย  บุญนำศิริ  (ที่4จากซ้าย)  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)   ร่วมกับนางสาวนฤมล   อาจอำนวยวิภาส  (กลาง)    กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส  จำกัด (มหาชน)   แถลงข่าวเปิดตัว  “ กองทุนเปิด KTAM SET  ICT ETF TRACKER  “ หรือ  EICT  เสนอขาย  5-16  สิงหาคม  นี้    โดยมีนางเกศรา  มัญชุศรี  (ที่5 จากซ้าย)  รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมแสดงความยินดี    เมื่อวานนื้ (5 ส.ค.)  ณ  ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

MSN on August 05, 2013, 10:30:41 PM
KTAM ได้ฤกษ์ขายEICTเปิดIPO5-16 สิงหาคมนี้

          นายสมชัย  บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมเปิดจำหน่ายกองทุนเปิด KTAM SET ICT ETF Tracker ภายใต้รหัส “EICT” ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟที่อ้างอิงกับดัชนีหมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (SET ICT Sector Index) กองทุนแรกของประเทศไทย โดยมีช่วงการเสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 5-16 สิงหาคม 2556  มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท (เพิ่มขึ้นป็นทวีคูณของ 1,000 บาท) กองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีหมวดธุรกิจ ทั้งนี้ กองทุนจะเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 27 สิงหาคม 2556 โดยใช้ชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์ว่า “EICT”

  จุดเด่นของกองทุน EICT คือ ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนเคลื่อนไหวตามดัชนีหมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (SET Information and Communication Technology Sector Index) ก่อนหักค่าใช้จ่ายของกองทุน โดยให้ความคล่องตัวในการซื้อขายแบบ Real Time ตามราคาในกระดานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยราคาต่อหน่วยคิดเป็นเงินเพียงประมาณ 7 บาท และสามารถทราบราคาซื้อขายได้ทันทีโดยไม่ต้องรอราคาปิดสิ้นวันเหมือนกองทุนรวมอื่นๆ นอกจากนี้ กองทุนยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดูแลสภาพคล่อง

ดัชนีหมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ประกอบด้วยหุ้นกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันดัชนีหมวดดังกล่าว ประกอบด้วยหุ้นบริษัททั้งสิ้น 27 บริษัท โดยมีบริษัทหลักๆเช่น ADVANC INTOUCH DTAC TRUE JAS THCOM SAMART และ JMART โดยมีอัตราส่วนตามมูลค่าตลาด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 เป็นสัดส่วนประมาณ 13.5% ของดัชนีตลาดโดยรวม

ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นกลุ่มอุตลาหกรรมธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 57.22% ในขณะที่ตลาดโดยรวมมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 23.87% (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556) และคาดว่าทางกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะได้รับประโยชน์จากการพัฒนาระบบเครือข่าย 3G และ 4G ในอนาคต การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการขยายขอบเขตการใช้งานของโทรศัพท์มือถือ รวมถึงกระแสนิยมในสังคมออนไลน์ และกำลังซื้อเครื่องโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความต้องการใช้บริการทางด้านข้อมูลมากขึ้น

ผู้สนใจลงทุนสามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือที่ผู้ร่วมค้าหน่วยลงทุนที่ได้รับการแต่งตั้ง ได้แก่ บล.เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) บล.เคที ซิมิโก้ จำกัด และผู้ขายหน่วยลงทุนอีก 12 แห่งได้แก่ บล.ไอร่า จำกัด (มหาชน) บล. บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด บล.คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บล.โกลเบล็ก จำกัด บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)   บล.ไทยพาณิชย์ จำกัด บล.ทรีนีตี้ จำกัด บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บล.ไอ วี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่บลจ.กรุงไทย โทร 02-670-4900 กด 9

MSN on August 05, 2013, 10:31:24 PM
จังหวะลงทุนและโอกาสของหุ้นกลุ่มสื่อสาร

แนวโน้มภาวะการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังยังคงผันผวน
ภาวะการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดหุ้นน่าจะยังมีความผันผวนจากแนวโน้มกระแสเงินลงทุนที่ไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market / EM) กลับเข้าลงทุนในตลาดพัฒนาแล้ว (Developed Market / DM) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินทุนที่ไหลกลับสหรัฐ ซึ่งยังคงเป็นแนวโน้มต่อเนื่องจากช่วงปลายครึ่งแรกของปี 2556 ภายหลังการส่งสัญญาณ ว่าเฟด “อาจ” พิจารณายุติการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (คิวอี) “หาก” เศรษฐกิจสหรัฐ มีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรและญี่ปุ่น น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศในตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะจีน ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 1 ของไทยและเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งเศรษฐกิจภายในประเทศเอง  ก็มีแนวโน้มชะลอตัวลง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ทั้งมาตรการทางการเงินผ่านการลดดอกเบี้ยและมาตรการทางการคลัง เพื่อช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศที่เคยใช้ได้ผลดีในระยะสั้นก็ได้ถูกใช้ไปแล้ว ทั้งมาตรการรถคันแรก บ้านหลังแรก ปรับลดภาษีนิติบุคคล ปรับขึ้นค่าจ้างและค่าแรงขั้นต่ำ เป็นตัน  ภาคครัวเรือนที่เริ่มแบกรับภาระหนี้สินที่มากขึ้น รายได้เกษตรกรที่ลดลงจากการปรับลดของราคาพืชผลทางการเกษตร ทำให้การจับจ่ายใช้สอยมีแนวโน้มชะลอตัวลงไปได้อีก ซึ่งนอกจากความผันผวนอันเกิดจากภาวะทางเศรษฐกิจแล้ว ความไม่แน่นอนอันเกิดจากปัจจัยการเมืองภายในประเทศในช่วงการเปิดสภาสมัยประชุมสามัญในเดือนสิงหาคม โดยมีการนำเสนอร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรม และร่าง พ.ร.บ. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศวงเงิน 2 ล้านล้านบาท เข้าพิจารณา อาจนำมาซึ่งกระแสความขัดแย้งทางการเมือง  ซึ่งความขัดแย้งทางการเมืองดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนในโครงการขนานใหญ่ภาครัฐที่ต้องถูกเลื่อนออกไป และกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนภายในประเทศได้

กลยุทธ์ปรับพอร์ตการลงทุนในช่างที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง
ในภาวะที่การลงทุนมีความผันผวนสูง นักลงทุนที่เน้นการลงทุนระยะสั้น (Trading) อาจต้องเพิ่มความระมัดระวัง โดยอาจสัดส่วนการถือครองเงินสดให้สูงกว่าระดับปกติ ซึ่งนอกจากลดผลกระทบจากการปรับตัวลดลงของตลาดแล้ว ยังเป็นการเพิ่มโอกาสเข้าลงทุนในช่วงที่ตลาดมีการปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง  สำหรับนักลงทุนที่เน้นการกระจายความเสี่ยงและมีการจัดพอร์ตการลงทุนระยะยาว นักลงทุนควรต้องปรับกลยุทธ์ เพื่อลดความผันผวนโดยการลดสัดส่วนการถือครองหุ้นที่มีการแกว่งตัวผันผวนสูงกว่าตลาดโดยรวม (ลดเบต้าของพอร์ต) และพิจารณาถึงสภาพคล่องของหุ้นที่เข้าลงทุน โดยการคัดเลือกเลือกหุ้นที่จะลงทุน เน้นการลงทุนหุ้นเป็นรายตัว (Stock selection)  ที่ต้องทำการตรวจเช็คสุขภาพฐานะทางการเงิน (ระดับของหนี้ และความสามารถในการชำระหนี้) คุณภาพของการทำกำไรได้ในระยะยาว (Quality of earnings) ที่มาจากความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนและยอดขาย เพื่อลดความผันผวนของผลการดำเนินงานของบริษัท นอกจากนั้นแล้ว หุ้นดังกล่าวยังต้องมีความสอดคล้องกับแนวโน้มภาวะการลงทุนในระยะยาวด้วย เช่น การขยายตัวของสังคมเมือง (Urbanization) การเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย (Aging population) การลงทุนผ่านโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่  การเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งหุ้นที่เข้าข่ายดังกล่าว จะได้แก่หุ้นในกลุ่ม เทคโนโลยีสารสนเทศฯ (ICT) ธนาคารพาณิชย์  โรงพยาบาล การท่องเที่ยว (รวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้อง) นอกจากนี้ อาจเริ่มทยอยสะสมหุ้นกลุ่มที่มีการปรับตัวเคลื่อนไหวตามวัฎจักรเศรษฐกิจ  (Cyclical stock) เช่น กลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมีฯ ตามภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงถัดไป

มุมมองและโอกาสของหุ้นกลุ่ม ICT
แม้ว่าราคาหุ้นในกลุ่ม ICT จะมีการปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา
   2013 YTD
(2 Aug 2013)   2012   2011   2010   2009
ICT   33.47%   50.80%   40.60%   13.34%   21.34%
SET   2.08%   34.77%   -0.72%   40.60%   63.25%

การเปลี่ยนแปลงที่ส่งกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง มักประกอบด้วยปัจจัยต่างๆ ดังนี้ คือ การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบและนโยบายภาครัฐ (Regulatory changes), การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี (Technology changes), และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตหรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค (Lifestyle changes) ซึ่งกลุ่ม ICT เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบด้านบวกจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวโดยทั้งสิ้น ได้แก่

1)   การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบและนโยบายภาครัฐ ที่เอื้อต่อความสามารถในการทำกำไรได้ในระยะยาว การเปลี่ยนแปลงสำหรับผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่จากเดิมต้องจ่ายค่าสัมปทานในอัตรา 25-30% เป็นการจ่ายค่าใบอนุญาตในอัตรา 5.75% นโยบายการแจก Tablets ให้กับนักเรียน ป.1 และ ม.1 ทำให้เกิดผู้บริโภคหน้าใหม่ ที่สามารถเข้าถึง Internet ที่ไม่ใช่แต่เพียงนักเรียนที่ได้รับ แต่ยังรวมถึงผู้ปกครองอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนขนาดใหญ่ผ่านนโยบาย  Smart Thailand ของรัฐบาลที่มีมูลค่า 8 หมื่นล้านบาท ก็จะมีส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโตของกลุ่ม ICT
2)   การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี การเข้าถึงเทคโนโลยี 3G (หลังจากที่รอคอยมากว่า 5 ปี) และ Internet Broadband ที่ปัจจุบันยังมีอัตราการเข้าถึงในระดับที่ต่ำ (เพียง 4.50 ล้านราย) ทำให้ตลาดยังมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงถัดจากนี้ไป การเข้ามาทำตลาดของ Smartphone ทีมีการกำหนดราคาที่ถูกลง (1200-4000 บาท) จะทำให้เกิดการขยายฐานของกลุ่มผู้ใช้ให้มีอัตราการเติบโตมากยิ่งขึ้น 
3)   การเติบโตตามรูปแบบการใช้ชีวิต (Lifestyle) ของผู้บริโภค ที่มาพร้อมกับการขยายตัวของสังคมเมือง (Urbanization)  แนวโน้มการใช้ Data ที่สูงขึ้นตาม Program และ Application ที่สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคในสังคมเมือง เช่น Facebook (ข้อมูลล่าสุด คนไทยใช้ Facebook 20 ล้านบัญชี ขยายตัวภายใน 4 ปี), Line (ข้อมูลล่าสุด คนไทยมีการใช้ Line 18 ล้านบัญชี ขยายตัวภายใน 1.5 ปี)

แม้ว่าราคาหุ้นในกลุ่ม ICT จะมีการปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังเป็นกลุ่มที่คาดว่าจะมีการเติบโตที่ดีในอนาคต โดย Market Consensus ปี 2014 คาดว่ากลุ่ม ICT จะมีอัตรการเติบ 23% เปรียบเทียบกับ SET Index ที่ 14.% และให้ผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลได้ในอัตรา 4.%  เปรียบเทียบกับผลตอบแทนจากเงินปันผลของตลาดโดยรวมที่ 3%  โดยปัจจัยความเสียงได้แก่ กลุ่ม ICT อาจได้รับผลกระทบจากภาวะการชะลอตัวของการบริโภคภายในประเทศ และผลกระทบการดำเนินงานในระยะสั้นจากเงินลงทุนจากการติดตั้งโครงข่าย 3G และค่าใช้จ่ายทางการตลาด