เราพาพวกมาด้วย:
เชิญพบกับแก๊งจัสติซ ฟอร์เอฟเวอร์
เมื่อมาร์คัส อดีตคู่หูของบิ๊กแด๊ดดี้ และเป็นผู้ปกครองของมินดี้ ทำให้มินดี้ต้องเลิกทำงานหลังเลิกเรียนในฐานะฮิทเกิร์ล เดฟจึงต้องเข้าร่วมกลุ่มกับจัสติซ ฟอร์เอฟเวอร์ กลุ่มผู้พิทักษ์สันติราษฎร์สวมหน้ากาก แว็ดโลว์อธิบายถึงบทบาทของซูเปอร์ฮีโร่ทีมนี้ในพลอตเรื่องว่า “ส่วนใหญ่ของภาพยนตร์เรื่องนี้จะเน้นไปที่ตัวละครเหล่านี้ที่พยายามจะหาว่าพวกเขาเป็นใคร และบ่งบอกความเป็นตัวเองผ่านกลุ่มที่พวกเขาสร้างขึ้นมา เดฟเริ่มต้นด้วยความรู้สึกเหมือนซูเปอร์ฮีโร่เมื่อเขาเริ่มคลุกคลีอยู่กับเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ และมีตัวละครอยู่สามตัวด้วยกันในกลุ่มที่เป็นเหมือนตัวแทนของความรู้สึกเป็นเจ้าของ ผู้พันคือตัวแทนพ่อสำหรับเขา, ดร.กราวิตี้ ซึ่งกลายมาเป็นเพื่อนซี้คนใหม่ของเขา และไนท์บิทช์ ซึ่งกลายมาเป็นสาวคนรักคนใหม่ของเขา คุณได้เห็นเดฟมีความสุขกับการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนี้ผ่านความสัมพันธ์เหล่านี้”
ผู้รับผิดชอบระดมหาสมาชิกและเป็นผู้นำกลุ่มจัสติซ ฟอร์เอฟเวอร์ ก็คือผู้พันสตาร์ส แอนด์ สไตรป์ส อดีตมาเฟียใจพระที่รับบทโดยดาราตลกซุปตาร์ จิม แคร์รี่ย์ ผู้พันที่ใส่ชุดพรางตัวกับสวมหน้ากาก เดินลาดตระเวนไปตามท้องถนนพร้อมกับคู่หูที่เขาไว้วางใจ เป็นสุนัขเยอรมันเชพเพิร์ดที่ชื่อ ไอเซนฮาวร์ การหลอมรวมระหว่างผู้พันสตาร์ส และผู้กองสไตรป์ส จากหนังสือของมิลลาร์และโรมิตา ผู้พันจึงอึดทรหดอย่างคาดไม่ถึง
แว็ดโลว์พูดถึงผู้พันสตาร์ส แอนด์ สไตรป์ส ว่า “ผมไม่คิดว่าคำว่า ‘ตัวป่วน’ จะใช้ในการเริ่มต้นอธิบายถึงตัวผู้พันได้ ตัวละครตัวนี้ค่อนข้างจะมีความลึกลับ แม้กระทั่งบนหน้าหนังสือ เขาเป็นคริสเตียนที่เหมือนถือกำเนิดใหม่อีกครั้ง เป็นอดีตมาเฟีย ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ แล้วเขาต้องการอะไร จิม แคร์รี่ย์คือคนที่เราเล็งเอาไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม แต่ผมคิดว่าเขาคงไม่มีทางมาแสดงบทนี้แน่ นี่ไม่ใช่หนังฟอร์มยักษ์ และเขาก็เป็นหนึ่งในดาราที่โด่งดังที่สุดในโลก ดังนั้นเมื่อเรารู้ว่าเขาเป็นแฟนหนังเรื่องนี้ และเขาอาจสนใจ เราก็เลยเกาะติดเขาตลอด ในที่สุด ผมก็ได้คุยโทรศัพท์กับเขา ผมรู้ว่าเขาจะต้องสร้างงานที่พิเศษแน่ๆ วิธีที่เขานำเสนอตัวเอง รูปแบบที่เขาเปลี่ยนแปลงร่างกายของเขา และวิธีเคลื่อนไหวของเขา เขาได้สร้างตัวละครที่ไม่ใช่ในแบบที่ทุกคนคาดว่าจะได้จาก จิม แคร์รี่ย์ หรือจากผู้พัน”
“จิมมีไอเดียที่ชัดเจนว่าเขาอยากจะเล่นบทนี้ออกมายังไง และเขาก็ทุ่มเทเป็นพิเศษเพื่อทำมันให้ออกมาเป็นแบบนั้น” แพ็คกล่าวเสริม โดยเขาพูดถึงอวัยวะปลอมและฟันปลอมที่แคร์รี่ย์ทำขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนใบหน้าของเขา ให้ดูคล้ายกับภาพวาดของโรมิตามากขึ้น ผู้อำนวยการสร้างแพ็คกล่าวต่อไปอีกว่า “จิมเป็นนักแสดงตลกที่ยอดเยี่ยมที่สุด จนทำให้อาจหลงลืมไปว่าเขาเองก็เป็นนักแสดงที่เล่นได้อย่างจริงจังและยอดเยี่ยมเช่นกัน ในการผสมผสานความสามารถพิเศษเหล่านั้นเข้าไปในตัวละครตัวนี้ จิมได้สร้างงานที่พิเศษจริงๆ”
โดนัลด์ ไฟสัน ผู้เป็นที่รู้จักดีจากการรับบทนำในซีรีส์ทางทีวีที่ออกอากาศมายาวนานมากอย่าง Scrubs รับบท ดร. กราวิตี้ หนึ่งในสมาชิกที่สุดกระตือรือร้นของทีมจัสติซ ฟอร์เอฟเวอร์ แว็ดโลว์อธิบายให้ฟังว่าไฟสันได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญของทีมนี้ได้อย่างไร “ผมรู้จักโดนัลด์จากรายการทางทีวีที่เขาเคยทำกับผมเมื่อสองปีก่อน ตอนที่เราทำการแคสติ้งตัวนักแสดงในบท ดร.กราวิตี้ ผมก็เอาแต่พูดว่า ‘เราต้องหาคนอย่าง โดนัลด์ ไฟสัน นะ’ ผมลองถามเขาว่าเขายินดีจะมาลอนดอนไหม เขาตอบว่า ‘เพื่อน คุณสร้างชีวิตให้ผมแล้ว! ผมอยากเล่นเป็นซูเปอร์ฮีโร่จะตายอยู่แล้ว ผมยินดีที่สุดเลย’ เราโชคดีที่ได้ตัวเขามา เพราะเขาคือตัวอย่างของความกระตือรือร้นที่ดร.กราวิตี้มีเพื่อจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่”
นักแสดงหญิง ลินดี้ บูธ ซึ่งร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องแรกของแว็ดโลว์ Cry_Wolf และยังร่วมแสดงในภาพยนตร์ของ แซ็ค สไนเดอร์ เรื่อง Dawn of the Dead รับบทเป็น ไนท์บิทช์ ครูสอนเต้นบัลเล่ต์ มิแรนด้า สเว็ดโลว์ ก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่ หลังจากที่น้องสาวของเธอโดนฆ่าตายอย่างโหดร้าย ไนท์บิทช์ลาดตระเวนตามท้องถนนร่วมกับ คิ๊กแอส และเธอรู้สึกเสน่หาในตัวเขาเหมือนที่เขาเองก็รู้สึกเสน่หาเธอ สุดท้าย ไนท์บิทช์ก็คือคนที่อธิบายให้ คิ๊กแอส ฟังว่า ถึงแม้พวกเขาจะพยายามทำให้โลกนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้น แต่การกระทำสุดโลดโผนของพวกเขาก็อาจจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงได้เช่นกัน
ทีมจัสติซ ฟอร์เอฟเวอร์ยังประกอบไปด้วย อินเซ็คท์ แมน ซึ่งรับบทโดยนักแสดงชาวอังกฤษ โรเบิร์ต เอ็มส์ ที่มีผลงานทั้งในแวดวงภาพยนตร์จอเงิน จอแก้ว และละครเวที เจ้าของผลงานเมื่อเร็วๆ นี้อย่าง ภาพยนตร์ของ สตีเว่น สปีลเบิร์ก เรื่อง War Horse และภาพยนตร์ของ ทาร์เซม ซิงห์ เรื่อง Mirror Mirror อินเซ็คท์แมนที่รู้สึกเบื่อหน่ายที่โดนรังแกมาตลอดชีวิตของเขาเพราะการที่เขาเป็นเกย์ ตัดสินใจว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาจะลุกขึ้นสู้เพื่อคนที่ไร้ทางสู้ และเขาเป็นซูเปอร์ฮีโร่เพียงคนเดียวที่ไม่สวมหน้ากาก เพราะเขารู้สึกว่ามันเหมือน “การต้องเข้าไปอยู่ในตู้”
สตีเว่น แม็คคินทอช และมอนิก้า โดแลน สองนักแสดงชาวอังกฤษผู้ประสบความสำเร็จ รับบทเป็น ทอมมี่ส์ แด๊ด และทอมมี่ส์ มัม ซึ่งกลายเป็นคู่หูซูเปอร์ฮีโร่ รีเมมเบอริ่ง ทอมมี่ ทั้งนี้เพื่อเป็นเกียรติกับลูกชายของพวกเขาที่หายตัวไป พวกเขาสวมหน้ากากและเสื้อคลุม รวมถึงเสื้อยืดที่มีตัวหนังสือเขียนว่า “รีเมมเบอริ่ง ทอมมี่”
และที่สำนักงานใหญ่ของจัสติซ ฟอร์เอฟเวอร์นี่เองที่เพื่อนของเดฟที่ชื่อ มาร์ตี้ ได้เผยตัวในฐานะซูเปอร์ฮีโร่ที่ชื่อ แบ็ทเทิล กาย (ประวัติของเขาช่างฟังละม้ายคล้าย บรูซ เวย์น อย่างมาก) ผู้ที่กลับมารับบท มาร์ตี้ ก็คือ คล๊าร์ก ดุ๊ก ขณะที่ ออกัสตุส พริว ซึ่งเป็นแฟนของหนังภาคแรก รีบกระโจนใส่โอกาสเมื่อผู้รับบท ท็อดด์ อย่าง อีแวน ปีเตอร์ส เกิดคิวงานไม่ว่าง ท็อดด์อยากจะร่วมทีมกับเพื่อนซี้ของเขาในจัสติซ ฟอร์เอฟเวอร์อย่างมาก แต่การล้อเลียนของพวกเขาเกี่ยวกับชื่อซูเปอร์ฮีโร่ของท็อดด์ ดูไม่เหมาะนักกับชายที่รู้จักกันในชื่อ แอสคิ๊กเกอร์แก๊งโรคจิต:
ซูเปอร์วายร้ายผนึกกำลัง
ในเดือนกรกฎาคม ปี 2012 ได้มีการคัดเลือกตัวนักแสดงในบท “วายร้ายคลาสสิก” เป็นบทที่ในเวลาต่อมา ผู้สมัครได้รู้ว่าเป็นบทที่มีชื่อว่า มาเธอร์รัสเซีย ใบประกาศออนไลน์ประกาศรับสมัคร “นักเพาะกายหญิง” ผู้ “จะต้องมีรูปกายที่ดูโดดเด่นและแข็งแกร่ง แต่ก็ยังต้องมีความเป็นผู้หญิง และต้องมีรูปร่างสูงด้วย (ต้องสูงเกิน 6 ฟุตเท่านั้น)” มาเธอร์ รัสเซีย คืออดีตเจ้าหน้าที่เคจีบี ที่ตอนนี้ได้รับการว่าจ้างเป็นรายอาทิตย์จากคริสให้ก่อเหตุวุ่นวาย เธอคือนักฆ่าที่มีฝีมือและอำมหิตที่สุด
ทางทีมผู้สร้างได้รับใบสมัครมากมาย และต้องเลือกดูใบสมัครที่ดูเข้าทีหลายร้อยใบ ก่อนที่พวกเขาจะเจอผู้หญิงที่ตรงสเป็ค เธอคือนักเพาะกายหญิงชาวรัสเซีย โอลก้า เคอร์คูลิน่า ผู้มีส่วนสูงน่าประทับใจ 6 ฟุต 2 นิ้ว และมีกล้ามเนื้อกว่า 200 ปอนด์ เคอร์คูลิน่าเล่าถึงตอนที่เธอได้เห็นประกาศรับสมัครนักแสดงในเฟซบุ้ค เธอเล่าผ่านล่ามในกองถ่ายว่า “ฉันตกหลุมรัก มาเธอร์ รัสเซีย ตั้งแต่แรกเห็น นับแต่วินาทีแรกที่ฉันเห็นเธอ ฉันพูดว่า ‘บทนี้เป็นของฉัน ฉันจะไม่ให้ใครได้มันไปแน่’” ถึงแม้เธอจะดีใจที่ได้เล่นบทนี้ แต่มันคือความท้าทายสำหรับเคอร์คูลิน่า ผู้ไม่เคยผ่านงานแสดงมาก่อนเลย แถมยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้สักคำ
แว็ดโลว์พบว่าเคอร์คูลิน่า คือ “พลังธรรมชาติ” เขาชมว่า “โอลก้าคือการค้นพบที่แท้จริงสำหรับพวกเรา เรารู้ดีว่าความท้าทายสูงสุดในงานสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือการคัดเลือกนักแสดงในบทนี้นี่แหละ ถ้าคุณลองดูประวัติการค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตของผม มันจะน่าหงุดหงิดมาก มีเว็บไซต์ของนักเพาะกาย และเว็บแปลกๆ ที่ผมต้องเข้าไปดู เพื่อค้นหาผู้หญิงที่มีส่วนสูงกว่า 6 ฟุต โชคดี หลังจากค้นหาไปทั่วโลก เราก็ได้พบโอลก้า ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้ เร็ก โพเออร์สเก๊าต์-เอ๊ดเกอร์ตัน แคสติ้ง ไดเร็คเตอร์ของเรา ผมจะไม่มีวันลืมเลยตอนที่เขาเดินเข้ามาในห้องทำงานของผมพร้อมกับรูปถ่ายของโอลก้า และพูดว่า ‘นี่คือมาเธอร์ รัสเซีย’”
ทั้งทีมนักแสดงและทีมงานต่างก็รักนักแสดงสาวหน้าใหม่คนนี้มากเมื่ออยู่ในกองถ่าย แว็ดโลว์สรุปว่า “โอลก้าเป็นเพื่อนร่วมงานที่น่ารักมาก เพราะเธอมีความกระตือรือร้น เธอพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่เธอตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เธอทำงานหนักกว่าคนอื่น เธอต้องฝึก ต้องหัดต่อสู้ และยังต้องเรียนรู้เรื่องบทพูดอีกด้วย เธอต้องทำงานยากมากๆ ไม่ใช่แค่แสดงอย่างเดียว แต่ยังต้องเล่นบทบู๊ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน”
เคอร์คูลิน่าถ่ายทำฉากแรกๆ ของเธอที่โลเกชั่นในโตรอนโต้ แพ็คเล่าว่า “เรามีโค้ชสอนการแสดงมาทำงานกับเธอด้วย เธอต้องฝึกเยอะมาก และแน่นอน เรายังมีล่ามที่ทำงานเต็มเวลา แต่ก็ยังมีช่วงเวลาที่เราพยายามทำงานกับเธอในวันแรก ซึ่งตอนนั้นเราคิดว่า ‘จะไปรอดไหมเนี่ย’ ทีมงานสร้างภาพยนตร์มีเป็นร้อยคน ต้องจัดแสงเยอะ ไหนจะกล้อง และคนที่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ โอลก้าไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อน วันแรกของเธอ เธอโผล่ออกมาจากรถในชุดเต็มยศของมาเธอร์ รัสเซีย ผมคิดว่า ‘นี่ต้องเป็นวินาทีที่ทุกอย่างต้องจบแน่เพราะมันมากไปสำหรับเธอ’ แต่เธอกลับตีบทแตก และชอบมันมาก”
นักแสดงหญิงหน้าใหม่ ได้แฟนอีกคนในตัวเจ้านายบนจอของเธอ มินต์ซ-แพลส กล่าวชมว่า “โอลก้าสุดยอดมาก คุณเห็นเธอ เธอมีกล้ามเป็นมัด และดูน่ากลัวมาก แต่พอคุณได้คุยกับเธอ เธอกลับเป็นผู้หญิงที่อ่อนหวานที่สุดเท่าที่คุณเคยพบ ทุกๆ เช้า เธอจะส่งจูบทักทายคุณ”
มาเธอร์ รัสเซีย ไม่ใช่คนกล้ามโตเพียงคนเดียวที่ถูกจ้างมาเพื่อคอยระวังหลังให้มาเธอร์ฟั%&*^เกอร์ จอห์น ลีไกวเซโม่ เจ้าของรางวัลเอ็มมี่ รับบทเป็นฮาเวียร์ บอดี้การ์ดของคริส บัดนี้ คริสเสียทั้งพ่อและแม่ไปจนหมด ฮาเวียร์เป็นสมาชิกในครอบครัวเพียงคนเดียวที่เขาเหลืออยู่ แว็ดโลว์ยอมรับว่าพวกเขารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ลีไกวเซโม่มาร่วมงานด้วย “คริสกับจอห์นมีสัมพันธ์ที่ดีมาก และผมก็สนุกกับการได้ร่วมงานกับเขาอย่างมาก จอห์นด้นมุขสดเก่ง แต่เขาก็มีความเข้าใจดีว่าเรากำลังเล่าเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ขึ้น เราจะถ่ายทำกันเทกต่อเทก ซึ่งเขาเหมือนกำลังฆ่าผมด้วยการด้นมุขสดของเขา ทำให้ผมมีทางเลือกดีๆ ที่จะนำมาใช้ในระหว่างตัดตัดหนัง”
ฮาเวียร์ได้รับมอบหมายงานให้ช่วยมาเธอร์ฟั%&*^เกอร์ระดมสมาชิกกองทัพชั่วช้าของเขา ซึ่งเป็นกลุ่มมหาวายร้ายที่มีภารกิจชั่วร้ายมากมาย สมาชิกของกลุ่มนี้ได้แก่ แบล็ค เดธ ซึ่งรับบทโดย แดเนียล คาลูย่า เขาได้พบกับ คริส ที่โรงยิมสอนศิลปะป้องกันตัว (MMA) โรงยิมแห่งนี้ ซึ่งเป็นฉากสุดยอดอีกฉากที่เป็นฝีมือของโปรดักชั่น ดีไซเนอร์ รัสเซลล์ เดอ โรซาริโอ เป็นบ้านของ ชั๊ค “ดิ ไอซ์แมน” ลิดเดลล์ นักสู้ MMA ปลดเกษียณ และเป็นอดีตแชมป์ต่อสู้รุ่นไลท์เฮฟวี่เวต
หลังจากแบล็ค เดธแสดงให้คริสเห็นว่าใครคือเจ้านายตัวจริง คริสได้จ้างเขาให้มาซ้อมทุกคนที่อยู่ในลิสต์รายชื่อที่เขาทำไว้ ฮาเวียร์ยังพบ บิ๊ก โทนี่/ เดอะ ทูมอร์ ซึ่งรับบทโดยนักแสดงและนักมายากลชาวอังกฤษ แอนดี้ ไนแมน เขาคือโจรโรคจิตตัวเล็ก แต่เขาชอบฆ่า กลุ่มวายร้ายยังประกอบด้วย เจงกิส คาร์เนจ อดีตเจ้าหน้าที่ตกงาน บทนี้รับบทแสดงโดยนักแสดงชาวอังกฤษ ทอม วู ผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ที่ฝีมือของเขาเคยผ่านการทดสอบมาแล้วในภาพยนตร์อย่าง Revolver และ Batman Begins เจสกิส คาร์เนจ ยังมีความเชี่ยวชาญในการใช้ดาบพอๆ กับฮิทเกิร์ลงานเบื้องหลัง:
งานออกแบบ, โลเกชั่น และเสื้อผ้า
การถ่ายทำ Kick-Ass 2 เริ่มต้นขึ้นในโตรอนโต้ ซึ่งถูกเปลี่ยนให้เป็นนิวยอร์ก ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ปี 2012 ประมาณหนึ่งเดือนหลังเริ่มต้นงานถ่ายทำ ทางทีมงานได้ย้ายกลับไปยังสหราชอาณาจักร เพื่อถ่ายทำกันที่โรงถ่ายไพน์วู้ด สตูดิโอส์ และยังถ่ายทำตามโลเกชั่นในลอนดอน นอกจากนี้ พวกเขายังไปถ่ายทำกันที่ถนนเดนมาร์ก หรือถนนที่มีฉายาว่า “Tin Pan Alley” ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องร้านขายงานดนตรีต่างๆ
ฉากตลกๆ หลายฉากเกิดขึ้นในสำนักงานใหญ่ของจัสติซ ฟอร์เอฟเวอร์ ฉากที่สร้างโดย เดอ โรซาริโอ ที่ตั้งอยู่ในโรงถ่ายที่ไพน์วู้ด สตูดิโอส์ ฉากที่ว่านี้คือที่ที่คนอื่นไม่ต้องการ มันคือห้องใต้ดินผุๆ พังๆ ที่มีเพดานต่ำ กำแพงสีหลุดร่อน นี่ยังไม่ได้พูดถึงเฟอร์นิเจอร์เก่า และก็เหมือนกับคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ ดูเหมือนไม่มีใครแคร์เรื่องสถานที่นี้เลย
ฉากกลางแจ้งที่ทีมจัสติซ ฟอร์เอฟเวอร์ต้องต่อสู้กับผู้ร้าย ถ่ายทำกันในย่านดาวน์ทาวน์ของโตรอนโต ในช่วงนี้เองที่การถ่ายทำดึงดูดความสนใจจากสาธารณชนและปาปารัสซี่ เมื่อทีมจัสติซ ฟอร์เอฟเวอร์ ที่นำทีมโดยผู้พันสตาร์ส แอนด์ สไตรป์ส ลาดตระเวณไปตามท้องถนนเพื่อทำความดีและกำจัดผู้ร้าย
ไม่มีผู้นำมหาวายร้ายที่ไร้สไตล์ ฉะนั้น เดอ โรซาริโอจึงได้ออกแบบสภาพแวดล้อมแบบฮาร์ดคอร์ให้กับ คริส ดีอามิโค่ ซึ่งเข้ากันดีกับรูปลักษณ์ใหม่ของเขา นั่นก็คือถ้ำปีศาจ ถ้ำที่ถูกสร้างขึ้นที่ไพน์วู้ด สตูดิโอส์ ถูกมองว่าเป็นสถานที่ที่คริสเปิดตัวภายในอาณาจักรอาชญากรรมของพ่อของเขา ถ้ำแห่งนี้ที่ถูกทาสีที่เป็นเอกลักษณ์ของมาเธอร์ฟั%&*^เกอร์ ซึ่งก็คือสีแดงและสีดำ มีทั้งโต๊ะพูล พื้นที่ที่วางเครื่องจักรต่างๆ มีจอทีวีพลาสม่าใหญ่ยักษ์ บาร์ ลูกกรงที่มีแดนเซอร์เปลือยอก และรถหรูอย่าง เฟอร์รารี่ เอฟ40 รวมถึงรถบีเอ็มดับเบิลยูหลายคันด้วยกัน และที่เด็ดสุดก็คืออะควอเลี่ยมยักษ์ที่มีฉลามเป็นๆ ว่ายวนเวียนไปมาอยู่
บุคลิกใหม่ย่อมต้องการภาพลักษณ์ใหม่ เมื่อแม่ของคริสโยนชุดเร็ดมิสต์ของเขาทิ้งไป จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะหาชุดที่ทันสมัยมากขึ้น หลังจากแม่ของเขาตาย คริสเกิดไปเจอกล่องอุปกรณ์ของแม่ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพลักษณ์ใหม่ของเขา “เรารักษาธีมสีแดงและดำเอาไว้” แซมมี่ เชลดอน ดิฟเฟอร์ ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ บอก “เพราะสีดำเป็นสีสัญลักษณ์ในโลกผู้ร้ายอยู่แล้ว เขาต้องพัฒนาจากเร็ดมิสต์ไปเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายมากขึ้น เราจึงตัดสินใจที่จะบอกเป็นนัยในตัวมาเธอร์ฟั%&*^เกอร์ แม้ในยามที่เขาไม่ได้ใส่ชุดซูเปอร์วายร้ายก็ตาม มันทำให้เขาได้ภาพลักษณ์แบบเขย่าขวัญ ซึ่งนำไปสู่ชุดที่เขาใส่ในฐานะมาเธอร์ฟั%&*^เกอร์ มันดูฮาร์ดคอร์มากกว่าชุดเร็ดมิสต์ของเขาเยอะ”
เชลดอน ชิฟเฟอร์ไม่เพียงแต่อัพเกรดชุด ฮิทเกิร์ล ของ มอเร็ตซ์ ด้วยวิกผมและผ้าคลุมที่มีสไตล์ รวมถึงออกแบบเสื้อผ้าของมินดี้ที่ต้องเอาชนะบรูกที่ชั่วร้ายเท่านั้น แต่เธอยังช่วยให้ เทย์เลอร์-จอห์นสัน ได้ระลึกถึงอดีตของเขาในฐานะเดฟอีกด้วย ตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน เชลดอน ชิฟเฟอร์เปิดเผยว่าเธอยังคงเก็บแว่นตา นาฬิกา เข็มขัดที่เทย์เลอร์-จอห์นสันเคยใส่ใน Kick-Ass เอาไว้ งานนี้ ตัวคิ๊กแอสออกมาเล่าเองว่า “แซมมี่ได้รวบรวมคอลเล็คชั่นที่เยี่ยมมาก เป็นเสื้อผ้าสไตล์แบ็กกี้ที่เหมาะกับเดฟที่สุด มันช่วยให้ผมกลับคืนสู่การเป็นตัวละครตัวนี้ได้จริงๆ”
เพราะต้องแต่งตัวในชุดบิกินี่สีแดง เสริมเกราะ รองเท้าบู้ทส์หนังส้นสูง 5 นิ้ว กับต้องปิดตาเอาไว้ข้างหนึ่ง ทำให้คงไม่มีใครที่จะจำมือสังหารอย่าง มาเธอร์ รัสเซีย ไม่ได้ เชลดอน ชิฟเฟอร์บอกว่า “หนึ่งในคำสั่งที่เจฟฟ์ให้ไว้กับฉันก็คือ ให้ดูน่ารังเกียจที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยจะต้องไม่ดูน่ารังเกียจจนเกินไป แต่เราได้ลองและทำทุกรูปแบบสำหรับเหล่ามหาวายร้ายเหล่านี้ กับโอลก้า เธอเป็นคนรัสเซีย และเธอเป็นคนตัวใหญ่ แต่เริ่มเดิมที จะมีอะไรในชุดของเธอเยอะมาก เราค่อยๆ ถอดความเยอะนั้นออก และย้อนกลับไปทำให้เธอดูมีกล้ามเป็นมัดๆ เธอดูน่าทึ่งมาก”
แว็ดโลว์กล่าวเสริมว่าเขารู้สึกประทับใจที่นักแสดงของเขาสามารถแสดงได้ในชุดเหล่านี้ เขาพูดถึงโอลก้าว่า “คุณคิดถึงนักเพาะกายดูซิ คุณคิดว่าเธอต้องมีรูปร่างที่ใหญ่โตแน่ แต่เราจับเธอไปใส่รองเท้าส้นสูง ซึ่งเวลาเดินคงทรมานมากและยังทำให้เธอต้องสวมใส่รองเท้าส้นสูงนั่นนานวันละ 12 ชั่วโมง ขณะต้องแสดงฉากต่อสู้ฉากใหญ่ด้วย เธอไม่เคยบ่นเลยสักคำ ผมประทับใจในตัวเธอมาก รวมถึงความแข็งแกร่งและความรักที่เธอมีอยู่กับการได้มาเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้”การกลายเป็นซูเปอร์:
การฝึกและงานสตั๊นต์
ในตอนจบของหนังภาคต่อ คิ๊กแอสต้องกลายเป็นแอ็กชั่นฮีโร่ที่เรารู้จักเขามาตั้งแต่วันแรก สำหรับบทนี้ เทย์เลอร์-จอห์นสันต้องแสดงให้เห็นถึงการอุทิศตนให้กับการฟิตหุ่นอย่างจริงจังอีกครั้ง อันที่จริง เขาออกกำลังกายอย่างจริงจัง และยังควบคุมอาหารอย่างเข้มงวดตลอดการถ่ายทำด้วย
แว็ดโลว์รู้สึกพอใจมากที่ เทย์เลอร์-จอห์นสัน มองงานสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้โดยรวม ไม่ได้มุ่งเน้นแค่บทของเขาคนเดียวเท่านั้น ผู้กำกับสรุปว่า “แอรอนจะคิดถึงตอนที่เรากำลังถ่ายทำฉากเหล่านั้น เขาจะดูว่าเขาต้องทำอย่างไร และมันตรงกันข้ามกับลักษณะของเขาในช่วงต้นเรื่อง มันน่าประทับใจมาก เพราะเขามักคิดถึงเรื่องก่อนเสมอ เขาไม่ได้คิดว่าเขาจะดูเป็นยังไงเมื่ออยู่บนจอ เขากลับคิดว่า ‘ฉันจะรับใช้ตัวเนื้อเรื่องยังไง และจะช่วยให้คนดูเข้าใจการเดินทางครั้งนี้ได้ยังไง’”
โชคดีที่ ฮิทเกิร์ล คือหัวใจของฉากแอ็กชั่นส่วนใหญ่ของ Kick-Ass 2 ซึ่งฉากเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาอย่างชำนาญการโดยผู้ประสานงานสตั๊นต์ เจมส์ โอดี แพ็คอธิบายถึงมุมมองที่ทีมงานมีต่อการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ในภาพยนตร์ภาคสองนี้ “ฉากต่อสู้จะอิงอยู่กับความเป็นจริงมากขึ้นกว่าในภาพยนตร์ภาคแรก โดยเฉพาะกับฮิทเกิร์ล ซึ่งในเวลานั้นโคลอี้เพิ่งจะอายุ 11 ปีเท่านั้น ทำให้ฉากต่อสู้ทั้งหลายต้องถูกทำออกมาในแบบที่ดูเป็นการ์ตูนเพื่อเลี่ยงความจริงที่ว่านี่คือเด็กอายุ 11 ที่กำลังฆ่าคน มันต้องทำให้รู้สึกเว่อร์ขึ้นไปอีก มันเป็นความคิดที่ตลกมากเพราะเธอยังเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ เท่านั้น ขณะที่ในหนังเรื่องนี้ โคลอี้อายุมากขึ้น และตัวเธอก็โตขึ้น ดังนั้นเราจึงทำให้ฉากแอ็กชั่นต่างๆ ดูจริงมากขึ้น”
ในฉากสำคัญฉากหนึ่งของหนัง เดฟโดนลูกสมุนของมาเธอร์ฟั%&*^เกอร์ ลักพาตัวไปจากงานศพมิสเตอร์ ลิซิวสกี้ พ่อของเดฟ (แกร์เร็ตต์ เอ็ม บราวน์) เพื่อปกป้องลูกชายของเขา ลิซิวสกี้ผู้เป็นพ่อได้อ้างตนว่าเป็นคิ๊กแอส ซึ่งทำให้เขาต้องเสียชีวิตเมื่อเขาโดนฆาตกรรมในคุกตามคำสั่งของมาเธอร์ฟั%&*^เกอร์ มินดี้ต้องกระโดดมาลุยในฐานะฮิทเกิร์ลเพื่อช่วยเพื่อนของเธอให้พ้นจากความตาย
ฮิทเกิร์ลกับคิ๊กแอส นำกองทัพซูเปอร์ฮีโร่ ที่มาพร้อมอาวุธทำมือ เพื่อเผชิญหน้ากับมาเธอร์ฟั%&*^เกอร์ และลูกสมุนที่ชั่วร้ายของเขาในมหาสงคราม ที่ต้องใช้นักแสดงแต่งคอสตูมมาเข้าฉากกว่า 100 คนภายในถ้ำวายร้าย โดยมีไฮไลท์อยู่ที่การต่อสู้ระหว่างฮิทเกิร์ลกับมาเธอร์รัสเซีย
มอเร็ตซ์ได้เล่าให้ฟังว่านี่คือฉากที่ถือว่ายากที่สุดสำหรับเธอในระหว่างการถ่ายทำ และไม่ใช่เพราะเหตุผลอย่างที่คุณคิด เธออธิบายว่า “ในตัวโอลก้าไม่ได้มีความโหดร้ายอยู่เลย เธอไม่รู้วิธีต่อยหน้าคนด้วยซ้ำ นี่คือผู้หญิงรัสเซียที่แข็งแกร่งผู้มีจิตใจที่อ่อนหวานที่สุด เราได้หัวเราะ จากนั้นก็ออกไปซ้อมกัน และพยายามฆ่าอีกฝ่าย”
แว็ดโลว์ยอมรับว่างานสตั๊นต์และงานสลิงเหล่านี้คือสิ่งที่เขาโปรดปรานอย่างมากในกองถ่าย “สนุกจะตายที่ได้ถ่ายทำ เพราะคุณสามารถเหวี่ยงพวกเขาไปรอบๆ และทำอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ เพราะความแตกต่างในเรื่องรูปกายและสีสันที่ใช้ คุณจึงดูรู้ว่าใครเป็นใคร และคุณอยู่ตรงไหนในเหตุตะลุมบอน จิมมี่ออกแบบฉากการต่อสู้ เพื่อให้เราสามารถเล่นกับความแข็งแรงของมาเธอร์รัสเซีย และแสดงให้คุณเห็นว่าไม่ว่ามินดี้จะเคลื่อนที่อย่างไร ไม่ว่าเธอใช้อาวุธอะไร มาเธอร์รัสเซียก็มีคำตอบไว้รอเธอจนหมด”
มันคือการต่อสู้จนถึงตอนจบ “เมื่อมินดี้ขว้างมีดใส่มาเธอร์รัสเซีย มันกระแทกโดนแส้ของเธอ และเธอก็กวาดมีดทิ้งจนหมด” แว็ดโลว์สรุป “เมื่อมินดี้พยายามวิ่งไปบนกำแพง มาเธอร์รัสเซียคว้าตัวเธอเอาไว้และทุ่มเธอลงกับพื้น เราทุกคนทำงานด้วยกันเพื่อบอกเล่าเรื่องราวนี้ ซึ่งพูดถึงสองยักษ์ที่มาเจอกันและสร้างสถานการณ์นี้ขึ้นมา ซึ่งเราคิดว่าฮิทเกิร์ลคือพลังธรรมชาติน้อยๆ ที่หยุดไม่อยู่ แต่ลองเดาซิ เธอแค่วิ่งไปเจอสิ่งที่จะหยุดเธอได้ นั่นก็คือมาเธอร์ รัสเซีย” ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส และมาร์ฟ ฟิล์มส์ ภูมิใจเสนอผลงานการสร้างของ แมทธิว วอห์น เรื่อง Kick-Ass 2 นำแสดงโดย แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน, คริสโตเฟอร์ มินต์ซ-แพลส, โคลอี้ เกรซ มอเร็ตซ์ และจิม แคร์รี่ย์ ผู้ทำหน้าที่คัดเลือกตัวนักแสดงให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้คือ เร็ก โพเออร์สเก๊า-เอ๊ดเกอร์ตัน, ซีเอสเอ และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย แซมมี่ เชลดอน ดิฟเฟอร์ งานดนตรีประกอบของภาพยนตร์ตลกแอ็กชั่นเรื่องนี้เป็นฝีมือของ เฮนรี่ แจ็คแมน, แมทธิว มาร์จสัน โดยผู้ทำหน้าที่ลำดับภาพ ได้แก่ เอ๊ดดี้ แฮมิลตัน, เอซีอี และโปรดักชั่น ดีไซเนอร์ รัสเซลล์ เดอ โรซาริโอ ผู้กำกับภาพได้แก่ ทิม มอริซ โจนส์, บีเอสซี และทีมผู้อำนวยการสร้างบริหาร ได้แก่ มาร์ก มิลลาร์, จอห์น เอส โรมิตา จูเนียร์, สตีเฟ่น มาร์กส์, คลอเดีย วอห์น, ปิแอร์ ลาแกรนจ์, เทรเวอร์ ดุ๊ก มอเร็ตซ์ Kick-Ass 2 อำนวยการสร้างโดย แมทธิว วอห์น, อดัม โบห์ลิ่ง, ทาร์ควิน แพ็ค, เดวิด รุ้ด สร้างโดยอิงจากหนังสือการ์ตูนที่สร้างสรรค์โดย เจฟฟ์ แว็ดโลว์ และกำกับโดย เจฟฟ์ แว็ดโลว์ ยูนิเวอณ์แซล จัดจำหน่าย © 2013 Universal Studios. www.kickass-themmeovie.com