บทบาทและคาแรคเตอร์ “TimeLine จดหมาย-ความทรงจำ"
แทนเด็กหนุ่มวัย19ร่าเริงสดใสตัวแทนของเด็กต่าง จังหวัดที่มาเรียนต่อในกรุงเทพเกิดและเติบโตท่าม กลางบรรยากาศของขุนเขาและไร่สตรอว์เบอร์รี่ในจังหวัดเชียงใหม่ชีวิตผูกผันและถูกเลี้ยงดูโดยแม่เพียงลำพังเนื่องจากสูญเสียพ่อทันไปตั้งแต่ที่แทนยังไม่ลืมตามองดูโลกใบนี้จากเรื่องราวและร่องรอยความทรงจำแห่งรักของพ่อทันที่ยังคงอยู่และไม่เคยเลือนหายไปจากใจแม่มัททำให้ชีวิตของแทนเหมือนถูกขีดวงอยู่ในกรอบเงาของพ่อทันที่แม่วาดไว้โดยไม่รู้ตัวเขาจึงพยายามหาพื้นที่ยืนและทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
“การที่พี่อุ๋ยนนทรีย์ส่งบทหนังเรื่องใหม่มาให้ก็ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นอยู่แล้วนะครับเพราะว่าพี่อุ๋ยเองเป็นคนทำหนังที่ดังมากๆตั้งแต่ผมยังเด็กมากๆแล้วพอได้หยิบบทที่เขาส่งมาให้อ่านตั้งแต่ตอนแคสท์ติ้งก็ต้องบอกว่ามันเป็นบทภาพยนตร์ที่เรียกว่าแค่ได้อ่านนะครับมันก็เกิดความรู้สึกว่าเราอินกับมันแล้วเรารู้สึกได้ว่าบทที่เราอ่านเหมือนมันมีตัวละครอยู่จริงมันมีชีวิตอยู่จริงๆ” รับบทโดย เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข
นายแบบนักแสดงหนุ่มหน้าใสวัย20หมาดๆเกิดและเติบโตในฐานหนุ่มพิจิตรแบบเต็มตัว ปัจจุบันกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยรังสิตคณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการจัดการธุรกิจค้าปลีก เข้าสู่วงการบันเทิงครั้งแรกจากการชนะเลิศการประกวด The Idol Fryday2011 เมื่อเม.ย.55 ก่อนที่จะแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวจากบทคุณชายหมอ หรือคุณชายพุฒิภัทรจากละครชุดสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ด้วยบุคลิกและเสน่ห์ทางด้านการแสดงที่เรียกได้ว่ามัดใจสาวๆทั้งเมืองทำให้ เจมส์ จิรายุกลายเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จเร็วที่สุดดุจสายฟ้าและกลายเป็นพระเอกสุดฮอตไปทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีผลงานการแสดงทางด้านละครอย่าง ทองเนื้อเก้าและรักสุดฤทธิ์และมีผลงานโฆษณาในฐานะพรีเซนเตอร์อาทิ AIS 3G2100 ,โตโยต้าและวุฒิศักดิ์คลินิก
จูน เพื่อนร่วมคณะและมหาวิทยาลัยเดียวกันกับแทน เด็กสาวที่มองโลกในแง่ดีกล้าคิดกล้าแสดงออก สดใสเต็มไปด้วยชีวิตชีวามีฝันอย่างเต็มเปี่ยม เสน่ห์ของจูนคือตัวแทนของหญิงสาวที่พร้อมเติมเต็มและทำให้โลกรอบๆเต็มไปด้วยยอมยิ้มและเสียงหัวเราะไปพร้อมกับเธอ เป็นเพื่อนสนิทที่พร้อมอยู่เคียงข้างและเป็นแรงบันดาลใจให้กับแทนทั้งยามสุขและเศร้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้แทนได้รู้จักตัวเอง และคุณค่าของความรักอย่างแท้จริง
“หลังจากได้บทมาจำได้ว่าตอนนั้นถ่ายละครอยู่ต่างจังหวัดมีช่วงว่างพอดีก็เลยนั่งอ่านบทอ่านไปเรื่อยๆตอนแรกก็อ่านเพลินเพลินอยู่ๆน้ำตาไหลพรากออกมาเองไม่ทันตั้งตัวค่ะคือเหมือนโดนบทแกล้งจำได้ว่าต้องไปถ่ายละครต่อ แต่แปลกมากจำได้ว่าเป็นการร้องไห้ที่อิ่มจังเลยทั้งๆที่เพิ่งอ่านบทแต่ก็ตัดสินใจรับเลย”
รับบทโดย เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ
นักแสดง พิธีกร นักร้องและนางแบบสาววัยรุ่นที่โด่งดังและประสบความสำเร็จ เป็นที่จับตามองมากที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทยเริ่มเป็นที่รู้จักจากการประกวดUtip Freshy Idolในปี2007มีผลงานมิวสิควิดีโอ16 เรื่อง มีผลงานเพลงของตัวเอง “ชอบที่เธอยิ้มมา”จากอัลบั้มlove Status มีผลงานโฆษณามากถึง17ชิ้นมีงานพิธีกรอย่างSister Day และตู้เสื้อเพื่อน ผลงานละคร รักหรรษาคาราโอเกะ,อุบัติรักข้ามขอบฟ้า1-2(คว้ารางวัลดาวรุ่งมาแรงหญิงจากสยามดาราสตาร์ปาร์ตี้2009),ชิงชัง,ดอกรักริมทาง,ช็อกโกแลต5ฤดู,สามหนุ่มเนื้อทอง,ระเบิดเที่ยงแถวตรง,ลูกหนี้ที่รัก และสายลับเดอะซีรี่ส์กับ24คดีสุดห้ามใจ,นัดกับนัดมีผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกคือ Dear Galileo หนีตามกาลิเลโอ ทำให้สามารถคว้ารางวัลนักแสดงสมทบฝ่ายหญิงยอดเยี่ยมจากชมรมวิจารณ์บันเทิง ล่าสุดถูกเลือกให้รับบท “จูน” ตัวละครสำคัญในTimeLineจดหมาย-ความทรงจำ และถือได้ว่าเป็นบทบาทในฐานะนางเอกภาพยนตร์โรแมนติคอย่างเต็มตัวครั้งแรก
มัท หญิงสาวที่เลือกทิ้งชีวิตชาวกรุงมาใช้ชีวิตเรียบง่ายมีความสุขกับทันหนุ่มคนรักและไร่สตรอว์เบอร์รี่ที่เชียงใหม่หลังจากสูญเสียคนรักกลายเป็นsingle mom โดยมีร่องรอยของความทรงจำแห่งรักในอดีตคอยถ่ายทอดให้แทนลูกชายเพียงคนเดียวได้ซึมซับเรื่องราวดังกล่าวขณะเดียวกันก็เป็นดั่งน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจและทำให้มัทเลือกที่จะยังคงมีชีวิตดำเนินต่อถึงแม้วันเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใดไม่ว่าจะมีใครพยายามเข้ามาในชีวิตแต่ความรู้สึกดีๆที่มัทได้รับจากทันไม่เคยหล่นหายไปจากใจกลับกลายเป็นเงื่อนปมแห่งความคาดหวังที่นับวันจะยิ่งผูกมัดให้แทนเติบโตมาภายใต้เงาของพ่อในแทบทุกเรื่อง
“เห็นบทครั้งแรกรู้สึกเลยว่าตัวละครตัวนี้มีมิติมากๆจนกระทั่งเรารู้สึกว่าไม่อยากปล่อยให้บทดีๆอย่างนี้ผ่านไปก็เลยตัดสินใจว่าพี่อุ๋ยเราจะลงเรือลำเดียวกันละ ปกติเวลาที่อ่านบทครั้งแรกเราก็จะอ่านโดยรวมเพื่อตัดสินใจว่าจะเล่นไม่เล่น แต่ว่าพออ่านบทไทม์ไลน์อ่านปุ๊บเราก็จะมีการแอบพูดตามไดอาล็อกตัวละครแอบคิดเริ่มดีไซน์ละว่าฉันจะเล่นแบบนี้ซึ่งมันเป็นเหมือนสัญญาณที่ดีนะสำหรับการถ่ายทำที่แปลว่าเราอยากที่จะเล่นเราอยากที่จะรอให้ถึงวันที่ถ่ายทำว่าพอวันนั้นนะเราจะเล่นได้ตามที่เราต้องการหรือว่ามันจะมีอะไรที่เซอร์ไพร์ตัวเองว่าเราจะดีกว่านั้นหรือจะแย่กว่านั้นมันก็เลยกลายเป็นว่ามันเป็นการรอคอยอย่างตื่นเต้นตั้งแต่เริ่มแรกที่จะได้ทำงานที่จะได้ไปถ่ายหนังเรื่องนี้” รับบทโดย ป๊อก ปิยธิดา วรมุสิก
นักแสดง พิธีกรหญิงระดับรางวัลที่ได้รับการยกย่องถึงฝีมือลายมือระดับที่คร่ำหวอดในวงการบันเทิงกว่า17ปีมีผลงานทั้งงานพิธีกรรายการต่างๆ แต่ที่สร้างชื่อมากที่สุดจากผลงานการแสดงที่มีละครถึง32เรื่องซึ่งมีผลงานเด่นๆอย่าง ธรณีนี่นี้ใครครอง,เกมกามเทพ,นางทาส,เมียหลวง,ไฟหวน ฯลฯ รวมไปถึงงานละครเวที(กุหลาบสีเลือด,ร่ายพระไตรปิฎก3,สมรสประแป้ง ,งานเพลง, มิวสิควิดีโอ,พรีเซนเตอร์โฆษณา นับไม่ถ้วน โดยเริ่มต้นงานละครเรื่องแรก ตะลอนทัวร์ และมีผลงานการแสดงละครต่อเนื่องมาถึง 32 เรื่อง ด้วยความโดดเด่นทางด้านการแสดงทำให้ป๊อกเป็นนักแสดงหญิงที่
ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมากที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทยทั้งงานทางด้านภาพยนตร์และละครโทรทัศน์เรียกได้ว่าแถบทุกสถาบัน ล่าสุดคว้ารางวัลนักแสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยมสุพรรณหงส์และชมรมวิจารณ์บันเทิงจาก “ลัดดาแลนด์” และคว้ารางวัลนักแสดงสมทบฝ่ายหญิงยอดเยี่ยมจาก TOGETHER ในอีกหนึ่งปีถัดมา และในปีพ.ศ.2556 แฟนๆจะได้พบกับผลงานการแสดงชิ้นล่าสุดอย่าง“TimeLineจดหมาย-ความทรงจำกับบทบาทที่ว่ากันว่าท้าทายความสามารถทางการแสดงมากที่สุดในชีวิตของเธอ
วัฒน์ ชายหนุ่มที่ก้าวเข้ามาในชีวิตของมัทคอยช่วยเหลือและอยู่เคียงข้างมาโดยตลอดด้วยบุคลิกที่สุภาพเป็นคนใจดีจึงเป็นที่รักและนับถือของทุกคนที่สะเมิง เป็นเหมือนเพื่อนที่ดีของครอบครัวมัทและแทน แต่ลึกๆแล้วแอบชอบมัทมาโดยตลอด หลังจากที่แทนไปเรียนต่อที่กรุงเทพก็จะมีเพียงวัฒน์ที่คอยดูแลและพยายามเติมเต็มความรู้สึกดีๆให้กับมัท
รับบทโดย ปีเตอร์ นพชัย ชัยนาม
นักแสดงหนุ่มลูกครึ่งไทย-เยอรมัน นายแบบนักแสดงหนุ่มมากฝีมือเป็นที่รู้จักจากภาพยนตร์โฆษณาสเปรย์ รอยัล และมีผลงานละครอย่างเจ้าสาวของอานนท์,สะพานดาว,เลือกแล้วคือเธอ,แม่น้ำ มี “องคุลีมาล” เป็นผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกในปีพ.ศ.2546 ประสบความสำเร็จโด่งดังจากบท “บุญทิ้ง”หรือ “ออกพระราชมนู” พระสหายผู้กรำศึกร่วมกับพระนเรศวร ใน ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชภาค2,3,4 จากผลงานการกำกับของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล โดดเด่นทางด้านการแสดงจากภาพยนตร์เรื่องนางไม้ และสามารถคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก ฝนตกขึ้นฟ้า ซึ่งทั้ง2เรื่องเป็นผลงานการกำกับของผู้กำกับภาพยนตร์คุณภาพอย่าง เป็นเอก รัตนเรือง และในปีพ.ศ.2557 มีผลงานภาพยนตร์เรื่อง TimeLineจดหมาย-ความทรงจำ และตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชภาค 5 ยุทธหัตถี
นนทรีย์ นิมิบุตร ผู้กำกับภาพยนตร์ และควบคุมงานสร้าง
ผู้กำกับภาพยนตร์,โปรดิวเซอร์,นักเขียนบท,ผกก.โฆษณาที่ได้รับการยอมรับในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ไทยที่ประสบความสำเร็จระดับแถวหน้าในวงการภาพยนตร์ไทย และเป็น1ในปากกระบอกเสียงสำคัญที่ผลักดันให้ภาพยนตร์ไทยเป็นที่ยอมรับมาจนถึงทุกวันนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพลิกโฉมหน้าของภาพยนตร์ไทยให้กลายเป็นอุตสาหกรรมของชาติออกไปสร้างชื่อเสียงในต่างประเทศ ตลอด15ปีนับตั้งแต่ 2499อันธพาลครองเมือง ภาพยนตร์เรื่องแรกปรากฎสู่สายตาผู้ชมและประสบความสำเร็จเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่กวาดรายได้อย่างสูงสุดถึง75ล้านบาท รวมไปถึงการนำเสนอและตีความ “นางนาก” ให้กลายเป็นหนังรักแห่งปรากฎการณ์ จนขึ้นหิ้งภาพยนตร์ไทยคลาสสิคมาจนถึงทุกวันนี้ และเป็นผู้กำกับที่กล้าหยิบเอา “จันดารา” บทประพันธ์อีโรติคที่ได้รับการวิพากษ์มากที่สุดในประวัติศาสตร์วรรณกรรมของไทยมาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ที่โด่งดั่งไปทั่วเอเชียกล่าวได้ว่าไม่เพียงภาพยนตร์7เรื่องจากผลงานการกำกับของอุ๋ยนนทรีย์(2499อันธพาลครองเมือง,นางนาก,จันดารา,อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต,โอเคเบตง,ปืนใหญ่จอมสลัด,คน-โลก-จิต) แต่ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขามีส่วนร่วมทั้งในฐานะโปรดิวเซอร์เองล้วนประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับแทบทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นตัวเลขทางรายได้หรือกล่อง อาทิ เสือโจรพันธุ์เสือ,บางกอกแดนเจอรัส,ฟ้าทะลายโจร,บางระจัน,มนต์รักทรานซิสเตอร์,เรื่องรัก น้อยนิด มหาศาล ,โหมโรง , หนูหิ่นเดอะมูฟวี่ รวมทั้งเดอะเลตเตอร์จดหมายรัก และล่าสุดในปีพ.ศ.2556 พร้อมแล้วกับ “TimeLine จดหมาย-ความทรงจำ” ภาพยนตร์รักจากผลงานการกำกับภาพยนตร์ลำดับที่ 8 ของ “นนทรีย์ นิมิบุตร” และเป็นการกลับมากำกับภาพยนตร์รักเรื่องแรกในรอบ14ปีแบบทุ่มสุดหัวใจหลังจากที่เคยทำให้ “นางนาก” กลายเป็นหนังรักแห่งปรากฎการณ์มาแล้ว
การกลับมาสร้างปรากฎการณ์หนังรักครั้งแรกในรอบ14ปีของ“อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร”
จาก “นางนาก” สู่ “TimeLine จดหมาย-ความทรงจำ”
หนังรักแห่งพ.ศ.นี้ที่จะอยู่ในใจทุกคนตลอดไป
นับตั้งแต่สร้างปรากฎการณ์ให้ “นางนาก” ภาพยนตร์จากผลงานการกำกับลำดับที่2ในชีวิตกลายเป็นภาพยนตร์ไทยที่ประสบความสำเร็จทางรายได้อย่างสูง สุดถึง 149 ล้านบาทในปีพ.ศ.2542 และกวาดรางวัลทางด้านภาพยนตร์จากแทบทุกสถาบัน เราแทบจะไม่เคยได้สัมผัสกับภาพยนตร์รักจากฝีมือการกำกับภาพยนตร์ของ “อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร” อีกเลย มีเพียง “เดอะเลตเตอร์จดหมายรัก” ซึ่งเข้าฉายในปีพ.ศ.2547ที่เขารับหน้าที่โปรดิวเซอร์อย่างเต็มตัวเท่านั้น
และในปีพ.ศ.2557 สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล พร้อมแล้วที่จะนำผู้ชมทุกท่านไปสัมผัสกับ “TimeLineจดหมาย-ความทรงจำ” ภาพยนตร์รักจากผลงานการกำกับเรื่องที่2และเป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์ลำดับที่8ในชีวิตของ “นนทรีย์ นิมิบุตร” หลังจากใช้เวลาเกือบ2ปีในการบ่มเพาะเป็นบทภาพยนตร์รักโดยได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งรอบตัวของผู้คนอย่างพวกสื่อออนไลน์, เฟสบุ๊ค, อินสตาแกรม, ไลน์ ฯลฯ เพื่อสะท้อนถึงมุมมองความรักความผูกผันที่ดำเนินไปของหนุ่มสาวและผู้คนในโลกปัจจุบันที่แวดล้อมไปด้วย “โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค” ล้วนมีบทบาทสำคัญและส่งผลอย่างยิ่งต่อ“ความรักและความทรงจำ”ที่จะยังคงอยู่กับเราไปตลอดกาล
“จริงๆแล้วเราไม่ได้มีหนังที่พูดถึงความรักในลักษณะจริงจังมานานแล้ว วันหนึ่งระหว่างที่ผมนั่งดูเฟสบุ๊คก็เริ่มรู้สึกว่าปัจจุบันเรามีส่วนร่วมกันในสังคมที่เรียกว่าเฟสบุ๊คนี้โดยทุกคนก็จะมีไทม์ไลน์เป็นของตัวเองของใครของมัน แล้วในนั้นมันก็จะมีการบรรยายความรู้สึกต่างๆเกิดขึ้นในเฟสบุ๊คก็เลยเกิดไอเดียที่จะนำมาถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆในเรื่องเกี่ยวกับความรักอีกครั้งหนึ่งก็ได้นั่งคุยกับคนเขียนบทอยู่นานมากใช้เวลาอยู่ประมาณ2ปีที่จะเคี้ยวความรู้สึกต่างๆให้ข้นจนเป็นบทภาพยนตร์เรื่องนี้ครับว่ามีแง่มุมอะไรบ้างที่มันน่าสนใจความรักแบบไหนที่ทำให้คนยุคนี้สนใจแล้วเพราะอะไรคนถึงสนใจในมุมนี้โดยภาพยนตร์เรื่อง“TimeLineจดหมาย-ความทรงจำ” จะพูดถึงความรักใน2มุมนะครับคือมุมหนึ่งพูดถึงความรักในปัจจุบันของวัยรุ่นสมัยนี้อีกมุมก็พยายามจะเปรียบเทียบให้เห็นถึงความรู้สึกของความรักในอีกแง่มุมหนึ่งในสิ่งที่เคยมีการทำและถ่ายทอดกันมาซึ่งมันมีถ้อยคำอ่อนหวานมันมีความลึกซึ้งมันมีความละเอียดอ่อนยังไงคนเดี๋ยวนี้มีความรักกันรวดเร็วอย่างไรบ้างแล้วเขาใช้สื่อโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คอะไรบ้างที่จะสื่อสารในด้านความรัก เมื่อก่อนนี้9ปีที่แล้วตอนนั้นเรามีอีเมลล์ซึ่งรู้สึกว่ามันเป็นของที่ใหม่เอี่ยมที่สุดแล้วในยุคนั้น แต่ปัจจุบันนี้เรามีอุปกรณ์สื่อสารเต็มที่เลยเรามีโทรศัพท์มือถือ1เครื่องเราสามารถจะทำอะไรบนนั้นได้ตลอดเวลาเรามีว๊อทแอปเรามีไลน์เรามีวีแชทฯลฯสารพัดสิ่งที่จะมีการสื่อสารอยู่บนโทรศัพท์จนคนแทบจะไม่ได้โทรศัพท์คุยกันแล้ว เราเลยพยายามจะcompare(เปรียบเทียบ)2อย่างนี้เอาไว้ด้วยกันในบทภาพยนตร์แล้วก็ใช้ตัวแทนของคนรุ่นใหม่มาสื่อสารความรู้สึกเหล่านี้ในภาพยนตร์เรื่องTimeLineจดหมาย-ความทรงจำซึ่งเราได้เจมส์จิรายุ และน้องเต้ย จรินทร์พรเป็นตัวแทนความรักของคนยุคนี้ เราได้คุณป๊อกปิยธิดาและปีเตอร์นพชัยมาถ่ายทอดเรื่องราวความรักของคนยุคก่อนคือเลือกเอานักแสดงที่เรียกว่ามีคุณภาพเข้มข้นทุกคนมาสื่อสารกับคนรุ่นใหม่เพื่อที่จะให้เข้าใจถึงความรักในรูปแบบปัจจุบันครับ”
ย้อนรอยความทรงจำถักทอผ่านงานด้านภาพที่แสนงดงามในหลากหลายโลเกชั่น
ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวภายใต้ดนตรีประกอบที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึก
จากบุคคลากรระดับแถวหน้าของเมืองไทย
ถึงพร้อมไปด้วยองค์ประกอบหลากหลายในส่วนของงานโปรดักชั่นจากบุคคลากรระดับหัวกะทิในวงการภาพยนตร์ไทยที่ถือได้ว่าลงตัวที่สุดรวมตัวกันเพื่อสร้างสรรค์ให้ “TimeLineจดหมาย-ความทรงจำ” เป็นภาพยนตร์รักสมกับที่ผู้ชมทุกคนรอคอยโดยมีเปีย ธีระวัฒน์ รุจินธรรม (นาคปรก,ซุ้มมือปืน,ขุนแผน,ปาฎิหาริย์รักต่างพันธุ์,ต้มยำกุ้ง2)ผู้กำกับภาพและผู้กำกับภาพยนตร์ระดับแถวหน้าของเมืองไทยมารับผิด ชอบในส่วนของงานการกำกับภาพผสมผสานกับการออกแบบและสร้างสรรค์ดนตรีประกอบภาพยนตร์ที่งด งามลงตัวจากมือ1ของเมืองไทยอย่างชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์ (นางนาก, จันดารา, โอเคเบตง, โหมโรง, ก้านกล้วย,ปืนใหญ่จอมสลัด,อุโมงค์ผาเมือง)ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติคของหลากหลายโลเกชั่นในเมืองไทยที่พร้อมจะแปรเปลี่ยนเป็นความทรงจำแห่งรักที่แสนสวยงามไม่ว่าจะเป็นภาพขุนเขาแห่งธรรมชาติที่แสนสวยงามของดอยอ่างขาง และอ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ภาพต้นบ๊วยสุดลูกหูลูกตาท่ามกลางบรรยกาศหน้าฝนที่ชุ่มฉ่ำและทะเลหมอกที่เต็มไปด้วยความเหน็บหนาวของสภาพอากาศภาคเหนือที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรือจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดคลาสสิคของทะเลตะวันออกอย่างเกาะสีชัง,ความงดงามของวังจุฑาธุช,สะพานอัษฎางค์ที่สร้างขึ้นในรัชสมัยของรัชกาลที่5สมเด็จพระจุล จอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่5,พระราชวังดินแดนของทะเลตะวันออกอย่างเกาะสีชังไปจนถึงแหล่งท่องเที่ยวคลาสสิครอบเกาะรัตนโกสินทร์,แพร่ง
ภูธร,พิพิธภัณฑ์ศิลปะบนถนนเยาวราช,ซอยโรงไม้ข้างภูเขาทองฯลฯ บนเรื่องราวความรักที่จะสร้างแรงกระเพื่อมและสะเทือนอารมณ์ความรู้สึกไปกับบทบาทของตัวละครและเรื่องราวของภาพยนตร์ไปโดยไม่รู้ตัว
“เราเลือกเอาสะเมิง(อำเภอหนึ่งใน จ.เชียงใหม่) เลือกเอาอ่างขางมาเป็นโลเคชั่นหลักๆอันหนึ่งในหนังเรื่องนี้เพื่อให้คนดูได้ซึมซับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในพาร์ทของแม่ลูกเพื่อให้ได้รู้ถึงแบคกราวด์ที่มาที่ไปของตัวละครแทนเด็กหนุ่มที่เป็นตัวเอกของเรื่องซึ่งจะบ่งบอกถึงที่มาของความทรงจำที่เกิดขึ้นของแม่ด้วยในขณะที่โลเคชั่นอย่างเกาะสีชังก็จะเป็นการถ่ายทอดในพาร์ทเรื่องราวที่เกิดขึ้นในส่วนของแทนกับจูนพระเอกนางเอก สาเหตุที่เราตั้งใจเลือกสีชังเป็นโลเคชั่นสำคัญที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯมากๆแต่ว่าเป็นที่ที่ไม่ค่อยมีใครไปเที่ยวสักเท่าไหร่เป็นที่ที่ทุกคนหลงลืมและมันเป็นที่ที่หนึ่งงดงามสองก็คือมันไปง่ายแล้วสามคือพาหนะในการเดินทางของตัวละครใน
หนังเรื่องนี้ทั้งหมดมันคือจักรยานสถานที่ที่ดูจะเป็นไปได้ต้องเป็นสถานที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากอยู่ในระยะ100-150กิโลเมตรซึ่งมันสามารถจะขี่จักรยานไปได้แน่ๆซึ่งถ้าเป็นนักขี่จักรยานคงทราบดีว่าระยะทางแค่นี้มันหมูมากสำหรับพวกเราฉะนั้นในเมื่อพระเอกนางเอกเขามีการใช้ยานพาหะนะแบบนี้เราก็พยายามเลือกโลเคชั่นที่มันไม่ไกลมากแต่มีความสมบูรณ์แบบมีสิ่งที่ทำให้ตัวละครสามารถจะเกิดความประทับใจในสถานที่ต่างๆเหล่านั้นได้คือตัวละครในหนังเรื่องนี้มีทั้งตัวละครที่เข้าใจชีวิตรู้จักชีวิตของเขาดีว่าชีวิตจะทำอะไร แต่อีกตัวละครหนึ่งจะไม่รู้จักชีวิตเลยไม่รู้จะก้าวเดินไปทางไหนเพราะฉะนั้นแล้วเมื่อมันเกิดการนำพาชีวิตไปในสถานที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็นสถานที่เก่าๆทั้งหลายเพื่อระลึกถึงความทรงจำต่างๆที่มันหายไปสำหรับคนปัจจุบันผมก็พยายามที่จะทำให้คนสมัยนี้สามารถจะระลึกได้ว่าเกาะสีชังไม่ได้ไปมาสิบปีแล้วนะเราไม่เคยไปแถวเยาวราชมานานมากแล้วเราไม่เคยไปเมืองกรุงเก่าๆเกาะรัตนโกสินทร์เก่าๆมานานมากแล้วหรือบางคนไปทุกวันผ่านทุกวันไม่เคยสังเกตุเห็นมุมมองนี้เลย การเลือกโลเคชั่นต่างๆล้วนมีความหมายในทุกๆแง่มุมในทุกๆที่ที่เราเลือกล้วนเกี่ยวกับเรื่องความทรงจำสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่คุณไม่ค่อยได้มองเห็นในปัจจุบันนี้ซึ่งแปลกมากที่ทุกอย่างสามารถจะสื่อสารได้เร็วขึ้นแต่กลับรู้สึกว่าเวลามันน้อยลงมากในชีวิตแต่ละวันไม่รู้เป็นเพราะอะไรเรามีไลฟ์สไตล์เรามีชีวิตที่เร่งรีบมากเราอาจขับรถผ่านถนนเส้นนี้ทุกวันในกรุงเทพฯแต่ไม่สังเกตุมันเลยว่าเฮ้ยถนนเส้นนี้มันหน้าตาเป็นแบบนี้เหรอ เพราะฉะนั้นอันนี้คือความทรงจำที่มันควรจะถูกถ่ายทอดเอาไว้ในหนังเรื่องนี้ทั้งหมดการเลือกโลเคชั่นในทุกโลเคชั่นก็เพื่อที่จะพยายามให้คนดูเกิดความทรงจำแล้วก็ระลึกถึงสถานที่ต่างๆที่คุณอาจจะเคยรู้จักแต่ว่าหลงลืมไปนานแล้ว” ไม่เพียงเท่านั้นในภาพยนตร์เรื่อง “TimeLine จดหมาย-ความทรงจำ” เราจะได้เห็นอีกหนึ่งร่องรอยความทรงจำที่แสนงดงามผ่านการเดินทางตามความฝันในต่างแดนของตัวละครจูนโดยผกก.อุ๋ยนนทรีย์พร้อมด้วยนางเอกสาวเต้ย จรินทร์พรพร้อมทีมงานเดินทางไปถ่ายทำกันที่เมืองโยบุโกะ จ.ซากะประเทศญี่ปุ่นพร้อมกับนำเอาเทศกาลKaratsu Kunchiอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ในความทรงจำของชาวญี่ปุ่นและมีการสืบทอดกันอย่างยาวนานมากว่าา300ปีบันทึกลงในภาพยนตร์