จากกรณี ’ไฟไหม้รถ“ ที่เกิดบ่อย ๆ มานาน และปัจจุบันก็ยังเกิดบ่อย ๆ อยู่ ระยะหลัง ๆ มานี่เริ่มมีกรณี ’รถจมน้ำ“ เกิดบ่อย ๆ ขึ้นมาประกบกับกรณีไฟไหม้รถ ซึ่งทั้งกรณีไฟและกรณีน้ำต่างก็ “อันตรายทั้งคู่!!”
การใช้รถควรจะต้องสนใจวิธี ’หนีภัย“
ควรสนใจทั้งคนขับและคนนั่งไปด้วย!!
ทั้งนี้ กับกรณี “ไฟไหม้รถ” นั้น ทาง “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ได้เคยนำเสนอไปบ้างแล้ว ซึ่งวันนี้ก็จะนำข้อมูลมาบอกเตือนกันไว้อีกโดยสังเขป กล่าวคือ... ไฟไหม้รถอาจจะเกิดได้ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกระบบเครื่องยนต์ โดยส่วนใหญ่จะเกิดกับรถที่มีการปรับแต่ง ใช้อะไหล่ที่ไม่มีคุณภาพหรือคุณภาพต่ำกว่าเกณฑ์หรือไม่ได้ขนาด ซึ่งจะเป็นรถเก่าหรือรถใหม่ก็อาจเกิดไฟไหม้ได้ทั้งนั้นถ้าไม่อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย เช่น หม้อน้ำแห้ง ฝาปิดถังเชื้อเพลิงแตกร้าว ขณะที่รถที่ใช้แก๊สเป็นพลังงานหากเกิดไฟไหม้ก็จะยิ่งมีความเสี่ยงอันตรายสูง
และโฟกัสที่รถใช้แก๊สเป็นพลังงานที่เสี่ยงอันตรายสูงหากเกิดไฟไหม้ ซึ่งก็เกิดขึ้นบ่อย ๆ มาโดยตลอด จากข้อมูลของทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระบุไว้ประมาณว่า รถที่จะใช้แก๊สต้องติดตั้งระบบแก๊สจากแหล่งที่ได้มาตรฐาน และจำเป็น ต้องหมั่นตรวจเช็กดูแลรักษาสภาพต่าง ๆ เป็นอย่างดี เช่น ตรวจสอบรถและระบบแก๊สตามระยะที่กำหนด ตรวจสอบข้อต่อท่อส่งแก๊สและการรั่วของแก๊สโดยใช้น้ำสบู่หยอดที่ข้อต่อทุกจุดที่สามารถทำเองได้ ซึ่งต้องทำขณะที่รถเปิดระบบแก๊ส และต้องเติมแก๊สจากสถานีบริการที่ได้มาตรฐาน
นอกจากนี้ หากไม่ได้มีการใช้รถเป็นเวลานานควรจะปิดวาล์วมือหมุนที่ถังแก๊ส เพื่อเป็นการป้องกันระบบวาล์วไฟฟ้าบกพร่อง เพราะถ้าหากระบบวาล์วไฟฟ้าบกพร่อง อาจจะเกิด ’ไฟไหม้“ เกิด ’ระเบิด“ ขึ้นได้!!
ขณะใช้รถติดแก๊ส ควรหมั่นสังเกตรถบริเวณที่เป็นจุดติดตั้งถังแก๊ส หากพบสิ่งผิดปกติ เช่นมีควันลอยขึ้นมา ให้รีบนำรถเข้าข้างทาง ปิดสวิตช์ไฟ ดับเครื่องยนต์ ปิดวาล์วถังแก๊ส และตรวจสอบอย่างละเอียด
การขับรถ กับรถที่ใช้แก๊สก็มีคำเตือนให้ยิ่งต้องระมัดระวัง เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้หากประสบอุบัติเหตุรุนแรง จึงควรใช้ความเร็วไม่มากเพื่อให้หยุดรถได้ทันหากเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือหากสุดวิสัย เกิดอุบัติเหตุ เกิดเฉี่ยวชน ควรรีบดับเครื่องยนต์ทันที แล้วรีบออกจากรถ หากใช้ถังแก๊สวาล์วมือหมุนแบบธรรมดาให้รีบปิดวาล์วด้วย และแม้หลังประสบอุบัติเหตุแล้วรถก็ยังคงใช้งานได้ตามปกติ ยังไงก็ควรรีบนำไปตรวจสอบสภาพ เนื่องจากระบบแก๊สอาจได้รับการกระทบกระเทือน แก๊สอาจรั่วไหลจนไฟไหม้และระเบิดได้ในภายหลัง
ที่สำคัญ สำหรับการ ’หนีภัย“ กรณี ’ไฟไหม้รถ“ คือ... การใช้รถติดแก๊ส ไม่ว่าจะคนขับหรือคนนั่งไปด้วย ไม่ว่าจะอย่างไร จะในสถานการณ์ใด ถ้าได้กลิ่นแก๊สให้รีบจอด รีบออกห่างจากรถทันที!!
จากนั้นก็รีบแจ้งผู้ชำนาญการมาตรวจสอบโดยด่วน เพราะอาจเกิดไฟไหม้ อาจเกิดระเบิดได้ และนอกจากนี้ผู้ใช้รถติดแก๊สยังควรต้องรู้วิธีปฏิบัติเมื่อเกิดไฟไหม้รถด้วย ควรเตรียมถังดับเพลิงเคมีขนาดเล็กหรือมีขวดน้ำไว้ข้างเบาะเสมอ กรณีไฟไหม้เล็กน้อย ถ้ามีถังดับเพลิงเคมีก็ฉีดจนไฟดับสนิท ถ้าไม่มีก็ให้ใช้ผ้าเปียกน้ำ หรือผ้าแห้ง ทราย โปะหรือตบบริเวณที่เกิดไฟไหม้ หรือเจาะปากขวดน้ำเป็นรูเล็ก ๆ ให้น้ำฉีดพุ่งไปที่จุดเกิดไฟไหม้โดยตรง แต่ ถ้าไฟไหม้รถลุกลามรวดเร็วก็อย่ามัวแต่จะดับไฟ ให้รีบออกห่างจากรถโดยเร็วที่สุด!!
ที่ว่ามานี้ก็เป็นวิธีเลี่ยงภัยจากไฟไหม้รถ
ส่วนรถจมน้ำสำคัญที่สุดคืออย่าให้จม!!
ทั้งนี้ การขับรถ เลื่อนรถ ถอยรถ ในบริเวณที่มีแหล่งน้ำ
ต่าง ๆ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ต้องตรวจสอบระบบต่าง ๆ ของรถให้ถูกต้อง ต้องมีสติอยู่ตลอด มิฉะนั้นอาจจะเกิดกรณีรถพุ่งหรือรถไถลลงแหล่งน้ำ จน ’รถจมน้ำ“ จนเกิดการ ’จมน้ำเสียชีวิต“ อย่างที่ในระยะหลัง ๆ มีข่าวแบบนี้อยู่บ่อย ๆ
ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถตกลงไปในแหล่งน้ำแล้ว ที่สำคัญคือต้องมีสติ อย่ากลัวจนไร้สติ ซึ่งกับคำแนะนำ ไม่ว่าจะเป็นคนขับหรือคนนั่งมาด้วย ตามที่มีผู้สันทัดกรณีให้ความรู้ไว้ เช่นที่มีอยู่ในเว็บ
www.viriyahcare.com ก็ให้ปลดเข็มขัดนิรภัย ปลดล็อกประตูรถ ซึ่งเมื่อรถตกลงไปในแหล่งน้ำแรก ๆ จะยังไม่จมทันที ให้พยายามยกศีรษะให้อยู่เหนือระดับน้ำที่ค่อย ๆ เข้าสู่ตัวรถ หมุนกระจกรถให้น้ำไหลเข้าสู่รถเพื่อปรับความดันน้ำในรถกับนอกรถให้เท่ากันมิฉะนั้นจะเปิดประตูรถไม่ออก จากนั้นจึงค่อยเปิดประตูรถแล้วรีบออกจากตัวรถ
เมื่อออกจากตัวรถได้แล้ว มีสติ เพื่อที่จะสามารถเอาชีวิตรอด ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะยังอยู่ในน้ำ หรืออาจยังอยู่ใต้น้ำ ซึ่งถ้าเป็นกลางคืนหรือน้ำลึกมากจนไม่รู้ว่าทิศทางใดคือทางขึ้นสู่ผิวน้ำ อย่าลนลานว่ายน้ำดำน้ำโดยไม่รู้ทิศทาง ให้กลั้นหายใจพยุงตัวไว้แล้วปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมชาติ แล้วจึงว่ายสู่ฝั่ง
ก็มิใช่ง่าย ๆ กับการ ’หนีภัย...ไฟไหม้รถ-รถจมน้ำ“
แต่เมื่อต้องใช้รถก็ ’ควรจะต้องสนใจวิธีเอาไว้บ้าง“
และ ’ที่ดีที่สุดคือ...ระวังอย่าให้ไหม้-อย่าให้จม!!“.
http://www.dailynews.co.th/article/223/214692