KTAMขาย2กองทุนตราสารหนี้ อายุ3-6เดือนชูยิลด์2.4-2.7%ต่อปี
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 85 ( KTSUPB85 ) เสนอขายวันที่ 26 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2556 มูลค่า 7,000 ล้านบาท อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนในเงินฝาก Bank of China , Bank Danamon และ Banco BTG Pactual S.A. ในสัดส่วน 60% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารในประเทศ ประเภท หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน/ บริษัทเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.70%ต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ ( Roll Over ) ของกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 1 (KTFIX3M1 ) อายุ 3 เดือน ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 1,160 ล้านบาท เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 60% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.40% ต่อปี
สำหรับตราสารหนี้ที่บริษัทลงทุน เช่น Bank of China มีสถานะเป็นธนาคารภาครัฐถือหุ้นใหญ่โดยหน่วยงานเพื่อการลงทุนของรัฐบาลจีน มีบทบาทในการสนองนโยบายของภาครัฐ มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 17 ของโลก และขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของธนาคารในจีน
Bank Danamon Indonesia , Tbk ( BDMNIJ) มีขนาดของสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของอุตสาหกรรมธนาคารในอินโดนีเซีย ที่มีธนาคารอยู่จำนวนมากถึง120 ธนาคาร แสดงให้เห็นว่า BDMNIJ มีความสำคัญต่อระบบธนาคารของอินโดนีเซียพอสมควร
Banco BTG Pactual S.A เป็นธนาคารหนึ่งในผู้นำในด้านวาณิชธนกิจในประเทศบลาซิล ทำให้มีโอกาสสูงในการได้งานใหม่ๆ เข้ามาในอนาคต อีกทั้งในอนาคตมีแผนที่จะขยายรูปแบบธุรกิจให้หลากหลายมากยิ่งขึ้นเพื่อที่จะกระจายความเสี่ยงในเรื่องความผันผวนของรายได้ลงไป มากไปกว่านี้เงินกองทุนของธนาคารยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งพร้อมสำหรับการเติบโตของธนาคาร
สำหรับอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้นอายุ 1 เดือน – 1 ปี แกว่งตัวลง อยู่ที่ 2.54% – 2.57% ส่วนอัตราผลตอบแทนระยะกลางถึงยาวปรับเพิ่มขึ้นโดยมีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ สำหรับภาวะตลาดอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทอ่อนค่าทดสอบ 31.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ จากแรงขายอย่างหนักของนักลงทุนต่างชาติ ทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรไทย หลังเฟดส่งสัญญาณเตรียมลดปริมาณการเข้าซื้อพันธบัตรของมาตรการ QE3 ภายในช่วงปลายปี 2556 นี้ และอาจจะยุติมาตรการในช่วงกลางปี 2557