แอมโปรส์ไวน์ เปิดตัวไวน์ "วิลเลี่ยม ฮาร์ดี้" ฉลองครบรอบ 160 ปี
ตั้งเป้ายอดขาย 500 ล้านบาท แอมโบรส์ไวน์ เปิดตัว "วิลเลี่ยม ฮาร์ดี้" ไวน์เมกเกอร์ รุ่นที่ 5 ของ Hardys "วิลเลี่ยม (บิล) ฮาร์ดี้" พร้อมเปิดตัวไวน์แบรนด์ "วิลเลี่ยม ฮาร์ดี้" และฉลองครบรอบ 160 ปี บุกร้านอาหาร และร้านไวน์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง หวังยอดขาย 500 ล้านบาท ในปีแรก
นางภัทราพร เตชะไพบูลย์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขาย บริษัท แอมโบรสไวน์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายไวน์นำเข้าจากต่างประเทศ เปิดเผยว่า แอมโบรสไวน์ เป็นบริษัทซึ่งมีการนำเข้าไวน์ มาแล้ว 16 ปี ซึ่งมี แบรนด์ Hardys (ฮาร์ดี้) เป็นแบรนด์หลัก ทั้งนี้แบรนด์ฮาร์ดี้ เป็นไวน์ที่มีสัดส่วน ยอดขายในตลาดยุโรปถึงร้อยละ 70 ที่ครองตลาดหลักอยู่ที่ อังกฤษ และ ยุโรป โดยในปีนี้บริษัทได้เปิดตัวไวน์ตัวใหม่ 2 รุ่น ซึ่งเป็นแบรนด์ที่อยู่ในกลุ่ม "วิลเลี่ยม ฮาร์ดี้" ไวน์เมกเกอร์ รุ่นที่ 5 ของ Hardys "วิลเลี่ยม (บิล) ฮาร์ดี้" ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการปลูกองุ่นและทำไวน์ มากว่า 40 ปี จากการสืบทอดเจตนารมณ์จากรุ่นทวด คือ “โทมัส ฮาร์ดี้”
ทั้งนี้ไวน์แบรนด์ Hardys มีช่องทางการขายในรีเทล และ ตามร้านอาหารทั่วไป ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมาย การเปิดตัวไวน์ทั้ง 2 รุ่น น่าจะส่งผลให้บริษัทมีการเติบโตขึ้นร้อย 15 มากกว่าตลาด ที่มีการเติบโตร้อยละ 10 ทั้งนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากระแสข่าวลือเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาภาษีกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์นำเข้า อาจส่งผลกระทบให้ตลาดไวน์นำเข้ามีอัตราการเติบโตลดลง ทั้งที่ช่วงที่ผ่านมาตลาดดังกล่าวมีอัตราการเติบโตร้อยละ 8-10 โดยในช่วง 15 ปี ตลาดไวน์มีปริมาณอยู่ 1.3 ล้านลัง ส่งผลให้ราคาภาษีกลุ่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ ปรับราคาไปด้วยในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา จากสัดส่วนร้อย 25 ขึ้นเป็นร้อยละ 60 ดังนั้นตลาดจึงมีปริมาณการเติบโตลดลงจากเดิม 1 ล้านลัง เหลือเพียง 3 แสนลัง
“ดังนั้นมีความเกรงว่าหากมีการปรับราคาภาษีเกิดขึ้นจริงจะส่งผลให้ตลาดมีภาวะการทรุดตังลงอย่างแน่นอน สำหรับในด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันนั้นส่วนใหญ่ยังคงให้น้ำหนักกับตลาดไวน์ระดับล่าง โดยสังเกตการณ์จากสัดส่วนในตลาด MASS ที่มีราคาเฉลี่ย 400-500 บาทมีสูงถึงร้อยละ 60 ขณะที่ตลาดไวน์ราคา 600-1,000 บาทขึ้นไปมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 40 เท่านั้น