FB on January 21, 2013, 03:32:25 PM

บทสัมภาษณ์ “มาริโอ้ เมาเร่อ” พลิกบทบาทร้ายครั้งแรกสุดเข้มข้น ใน “จันดารา ปัจฉิมบท”






 
          พลิกบทบาทคาแร็คเตอร์จาก “จันดารา ปฐมบท” ไปอย่างไรบ้าง
          คือจากปฐมบทมาสู่ “จันดารา ปัจฉิมบท” ตัวจันจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือไปเลยจริงๆ ทั้งบุคลิกภายนอกและความคิดความอ่าน จัน ดาราจะโตขึ้น จะมาในมาดที่เข้มขึ้น ร้ายขึ้น พลิกจากขาวเป็นดำไปเลย จะเป็นช่วงวัยผู้ใหญ่ไปจนแก่ผ่านช่วงเวลาและรับรู้ความจริงต่างๆ มาค่อนข้างเยอะ รวมถึงได้รับการสั่งสอนปลูกฝังความคิดร้ายๆ ความเจ้าคิดเจ้าแค้นจากคุณท้าวยาย ทำให้ทัศนคติของจันเปลี่ยนไปมากเลย พอจันกลับมาจากพิจิตรก็จะเป็นจันอีกคนหนึ่งไปเลย แต่จริงๆ ถามว่าลึกๆ แล้วจันยังเป็นจันอยู่มั้ย ผมว่าจันก็ยังเป็นจันที่อ่อนโยนอยู่ เพียงแต่ว่าจันต้องสวมหน้ากาก และจันก็ต้องทำหน้าที่ที่ผู้ใหญ่สั่งสอนมา เพราะจันค่อนข้างเป็นคนที่เชื่อผู้ใหญ่ทุกอย่าง ผู้ใหญ่บอกอะไรมาก็ไม่กลั่นกรอง และมีความรู้สึกว่าเราต้องทำในสิ่งที่ผู้ใหญ่บอก ก็เลยทำให้จันต้องทำอะไรหลายๆ อย่างที่คาดไม่ถึงในภาคนี้ คือหนักมากครับสำหรับจันในภาคนี้
          เรื่องราวของ “จันดารา ปัจฉิมบท”           
          สำหรับเรื่องราวในภาคปัจฉิมบทก็จะต่อเนื่องจากภาคปฐมบทนะครับ ถ้าใครได้ดูปฐมบทก็จะเล่าตั้งแต่จัน ดาราขอเปลี่ยนชื่อตัวเองจากจัน วิสนันท์เป็น จัน ดารา คือเอาชื่อแม่มาเป็นนามสกุล หลังจากนั้นจันก็เดินทางไปอยู่ที่พิจิตร ไปช่วยเหลือคุณท้าวยายเรื่องการค้าธุรกิจของตระกูล และได้รับการสั่งสอนฝังหัวจากคุณท้าวยายให้เกลียดคุณหลวงที่ทำทารุณกับจันมาตลอดและคดโกงทรัพย์สมบัติของตระกูลพิจิตรวานิชไป คือทั้งชีวิตตอนเด็กๆ ที่จันถูกคุณหลวงทำร้าย เป็นสิ่งที่จันไม่ควรจะโดน และจริงๆ แล้วจันเป็นเจ้าของบ้านและทรัพย์สมบัติทั้งหมดของคุณหลวงก็เป็นของจัน ของคุณท้าวยาย ของคุณแม่จันต่างหาก
          และขณะเดียวกันจันก็ได้สืบหาพ่อที่แท้จริงของตัวเองไปด้วยซึ่งก็ได้รับคำตอบที่ไม่คาดฝันมาก่อนเลย ประจวบกับที่บ้านวิสนันท์ที่พระนครก็มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น ทำให้ถึงเวลาที่จันต้องกลับไปล้างแค้นทวงคืนอำนาจและทรัพย์สมบัติทุกอย่างจากคุณหลวงตามคำสั่งเด็ดขาดของคุณท้าวยาย หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์หลายอย่างทั้งในบ้านของจัน ทั้งการเมือง ทั้งสงครามจนนำไปสู่บทสรุปชีวิตของจันในภาคนี้ครับ
          การเปลี่ยนลุคแปลงโฉมในภาคนี้
          ครับ สำหรับการปรับลุคในภาคปัจฉิมบทนี้ก็ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ขั้นแรกเลยคือจันโตขึ้น เรื่องเสื้อผ้าการแต่งกายก็จะเปลี่ยนไป อย่างภาคแรกลุคของจันจะดูใสๆ ไม่ประสีประสาอะไรเลย ใส่ชุดผ้าบางๆ และกางเกงแพรเหมือนคนทั่วไป แต่ว่าในภาคนี้จันจะไว้หนวด มีมาดที่เข้มขึ้นมาก แต่งตัวภูมิฐานขึ้น ใส่สูทผูกไทให้สมกับตำแหน่งเจ้าของบ้านคนใหม่ และนอกจากคาแร็คเตอร์ที่มีหนวดแล้ว ในภาคนี้ก็จะมีจันตอนแก่ค่อนข้างเยอะครับ ภาคแรกก็จะมีแต่ออกมานิดเดียว แต่ภาคนี้จะมีค่อนข้างเยอะ เพราะเรื่องนี้เล่าผ่านจัน ดาราในยุคปัจจุบันที่อายุ 70-80 แล้ว ก็จะมีการแต่งเมคอัพทั้งแต่งแก่ ผมหงอก และไว้หนวดยันแก่ แต่ก็ยังเป็นคนแก่ที่แต่งตัวดีเสมอต้นเสมอปลายอยู่ครับ
สำหรับการเมคอัพ เริ่มตั้งแต่ตอนที่จันไว้หนวด ตอนอายุ 20 กว่า โอ้ก็ต้องติดหนวดตลอด ซึ่งค่อนข้างยากครับเพราะว่าหน้าโอ้เล็ก และต้องหาหนวดที่เข้ากับหน้าโอ้ พี่ฝ่ายแต่งหน้าเขาก็ตัดหนวดจนไม่รู้จะตัดยังไงกว่าจะหาที่เป๊ะๆ ได้ (หัวเราะ) เวลาที่เราเล่นไปเรื่อยๆ หนวดก็จะหลุด พี่เขาก็ต้องคอยดูหนวดตลอด ซึ่งก็เป็นปัญหาใหญ่เหมือนกัน ตอนโอ้ถ่ายก็แยกแยะกลิ่นกาวได้แล้วว่ามีกาวประเภทไหนบ้าง เพราะว่าติดอยู่ทุกวัน และจำได้ว่าตอนที่เล่นเสร็จกลับบ้านถอดหนวดออกแล้วแต่ยังรู้สึกว่ามีหนวดอยู่ ก็จะคอยจับหนวดอยู่ตลอด คือมันชินต้องติดทุกวันช่วงนั้นเลยครับ แต่ตอนแก่นี่หนักที่สุดครับ ตั้งแต่เริ่มฟิตติ้งแล้ว หม่อมเขาจะมีภาพอยู่ในหัวของหม่อม และพี่ๆ เขาก็ช่วยแต่ง แต่งกัน 3-4 แบบครับ มีหลายแบบมาก ใช้เวลาแต่งนานมากครับ เพราะว่าเมคอัพมันอยู่ยาก ด้วยอากาศบ้านเราที่ร้อนมากด้วย เวลาแต่งแก่แล้วห้ามออกไปตรงอากาศร้อนเลย เหงื่อมันออกมาไม่ได้เพราะติดตัวเมคอัพ แต่งยากมากครับ แต่สุดท้ายแล้วก็มาลงตัวที่เวอร์ชั่นที่อยู่ในหนังครับ
          การแสดงบทร้ายครั้งแรกนี้มีความยากง่ายอย่างไร และมีวิธีเข้าถึงบทบาทอย่างไร
          สำหรับบทร้ายครั้งแรกของโอ้ มันค่อนข้างยากเหมือนกัน เพราะว่ามันละเอียด และก็สิ่งที่จันได้เคยเจอมา จันก็ทำตามผู้ใหญ่ด้วย แต่ใจนึงก็รู้สึกว่า สิ่งที่เขาถูกกระทำมาตั้งแต่ภาคแรกมันไม่ใช่สิ่งที่เขาควรจะเจอ ชีวิตเขาไม่ควรจะเจอแบบนี้ ทั้งๆ ที่เขาก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องถูกทำร้าย ถูกอะไรหลายๆ อย่าง ถูกทารุณอะไรอย่างนี้ เหมือนทุกอย่างมารวมกัน ทั้ง 2 อย่าง ทั้งสิ่งที่ผู้ใหญ่บอก ทั้งสิ่งที่อยู่ในใจของจันด้วย ก็เลยทำให้จันต้องทำอะไรต่างๆ ที่ร้ายแรงลงไป และแรงขึ้นๆ เรื่อยๆ จนผลสุดท้ายแล้ว สิ่งที่จันทำกับคุณหลวงก็แรงกว่าที่คุณหลวงเคยทำกับจันซะอีกครับ
          สำหรับคาแร็คเตอร์ที่อายุมากขึ้น วิธีการเข้าถึงบทบาทของโอ้จากที่เรียนกับหม่อม ที่เราซ้อมกัน มีการเวิร์คช็อปกันก็จะต้องคิดให้เป็นตัวจัน ดาราในตอนนั้นจริงๆ แต่จริงๆ แล้วโอ้ว่าจันก็ยังไม่ได้เป็นคนที่โตเท่าไหร่นะครับ จันก็แค่ต้องอยู่ในบทบาทของคนที่โตขึ้น แต่จริงๆ จันก็ยังเป็นเด็กอยู่ แต่ว่าจันมีเรื่องราวต่างๆ มากมายที่ถูกฝังหัว อย่างคุณท้าวยายก็ใส่ทุกอย่างมาที่จัน เราต้องแก้แค้น นี่คือสมบัติของเรา ซึ่งวิธีที่โอ้เข้าบทได้ง่ายก็คือคิดถึงสิ่งที่เราต้องทำ ถึงหน้าที่ที่เราต้องทำ ก็ยังไม่ลืมความเป็นจันลึกๆ ถ้าได้ดูในหนังจริงๆ จันก็ไม่อยากทำอะไรหลายๆ อย่างที่ทำลงไป แต่ว่าด้วยภาระหน้าที่และสิ่งที่สัญญากับผู้ใหญ่ก็เลยต้องทำไปอย่างช่วยไม่ได้ สำหรับโอ้รู้สึกว่ารู้สึกเศร้าเหมือนกัน สิ่งที่เขาเจอมาตอนเด็กๆ มันก็หนักมาก ทำให้มันเป็นผลมาจนถึงสิ่งที่เขากระทำตอนนี้ ผมว่าผู้ชมที่ดูมาตั้งแต่ภาคแรก เขาก็ต้องรู้สึกตรงนั้นอยู่แล้ว เพราะว่าสิ่งที่จันโดนมาก็ใช่ว่าจะเบา และสิ่งที่เขาทำกลับไปมันก็หนักจนถึงหนักกว่าด้วย         
          สำหรับโอ้ถ้าถามว่า ส่วนใหญ่จะรับบทพระเอกและต้องทำดี แต่สำหรับจันดาราเป็นอีกเคสหนึ่งที่จัน ดาราเป็นพระเอกแต่ทำสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่มันร้ายแรงด้วย สิ่งที่มันแรง สำหรับโอ้ถ้าถามว่ากลัวแฟนคลับรับไม่ได้หรือคนดูรู้สึกยังไงกับตรงนี้ ผมรู้สึกว่าผมไม่กลัวครับว่าแฟนคลับหรือคนที่มาดูแล้วเขาจะรู้สึกไม่ดี ถ้าเขารู้สึกไม่ดีแสดงว่าเราทำได้ดีแล้ว ก็ทำให้คนได้เห็นว่าสิ่งที่จันเขาทำไม่ดีก็คือไม่ดี ทำให้เขาเห็นไปเลยครับ
          ตัวละครอื่นๆ ที่รายล้อมจัน ดาราก็มีชะตาชีวิตที่พลิกผันไปไม่ต่างกัน         
          สำหรับตัวละครรอบข้างจัน ดาราในภาคปัจฉิมบทนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงไปมากมายอย้างคาดเดาไม่ได้เลยครับ อย่างคนที่ใกล้ตัวจันที่สุดก็เริ่มจาก “เคน กระทิงทอง” ก็เป็นเพื่อนซี้ แต่ก่อนเคนเป็นคนเจ้าชู้ เห็นเซ็กส์เป็นเรื่องสนุก แต่ภาคนี้ก็จะเปลี่ยนไป เหมือนได้เจอเนื้อคู่ มีครอบครัว ก็จะเป็นคนที่ไม่เจ้าชู้อะไรอีกแล้ว อีกคนคือ “คุณบุญเลื่อง” อย่างภาคที่แล้วจะเป็นสาวเปรี้ยวทำงานอยู่ที่สิงคโปร์ แต่ภาคนี้จะค่อนข้างดราม่ามากๆ เพราะเธอจะเป็นคนที่เจอเรื่องร้ายต่างๆ มากระทบตัวแทบจะทุกเรื่องเลย ส่วน “คุณแก้ว” จะเป็นตัวละครที่พลิกผันที่สุดในตัวละครทุกตัว เพราะเจอเรื่องอะไรก็เยอะแต่เป็นคนที่ไม่ปลง ค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งทำให้มีผลสรุปค่อนข้างพลิกผันมากๆ สำหรับตัว “น้าวาด” น้าของจัน สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือ น้าวาดจะรับไม่ได้กับการกระทำของจันที่ทำแต่เรื่องเลวร้ายรุนแรงทำให้น้าวาดรับไม่ไหวจนไม่อยากจะยุ่งกับจันเลย ซึ่งก็ทำให้จันเศร้าใจเช่นกัน อีกตัวละครที่สำคัญมากที่สุดตัวหนึ่งในเรื่องนี้ก็คือ “คุณหลวง” เหตุการณ์หลายๆ อย่างก็ทำให้ชีวิตของคุณหลวงพลิกผันมากๆ ทั้งเรื่องของสุขภาพที่แทบจะช่วยตัวเองไม่ได้ในภาคนี้ ทั้งการเอาคืนของจันที่สุดโหดร้ายก็คือเหมือนกระจกที่สะท้อนเห็นตัวคุณหลวงที่เคยทำกับเรา พูดง่ายๆ ว่าจันกลับกลายเป็นคุณหลวงที่โหดร้ายยิ่งกว่านั่นเองครับ
          ฉากสุดประทับใจ
          อย่างที่โอ้เคยบอกไปว่า จริงๆ แล้วโอ้ก็ชอบในทุกๆ ฉากของเรื่องนี้เลยนะครับ เพราะมันเป็นการแสดงที่โอ้ไม่เคยได้เล่นหรือสัมผัสมาก่อนเลย แต่ถ้าให้ยกตัวอย่างฉากประทับใจที่เห็นชัดเจนที่สุดในเรื่องการแสดงแล้วก็คงเป็นฉากที่จัน ดารากลับมาทวงสมบัติคืน เป็นฉากที่ดูแล้วรู้สึกว่าเราเล่นเป็นจัน แต่เราไปสงสารคุณหลวง รู้สึกว่าคุณหลวงน่าสงสาร แต่ใจหนึ่งก็แอบสะใจนิดๆ สำหรับตัวผมเอง เพราะว่าคุณหลวงเคยทำอะไรกับจันไว้หนักมาก เป็นซีนที่ผมชอบ คือทุกตัวละครก็ส่งมาให้เราด้วย ไม่ใช่แค่เราเล่นเองคนเดียว ฉากนั้นใช้เวลาถ่ายเป็นวัน เพราะว่าต้องรับหน้าหลายๆ คนด้วย เป็นซีนที่ค่อนข้างใหญ่ เพราะว่าเป็นซีนที่ทำให้รู้ว่าจันกลับมาและเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแล้ว

FB on January 21, 2013, 03:32:53 PM
เป็นซีนใหญ่ไดอะล็อคยาว 8 หน้า แล้วตอนที่โอ้ซ้อมที่บ้านหม่อม โอ้คิดว่ายังไงก็จำไม่ได้ และคิดว่ายังไงก็ต้องเทค แต่ว่าก่อนวันถ่ายวันหนึ่ง โอ้ก็นั่งอ่านบทอย่างเดียวโดยทิ้งความเครียดไป ก็คิดว่าเราจำได้ไม่ได้อีกเรื่องหนึ่ง แต่ว่าเราต้องเข้าใจตัวละครจริงๆ เข้าใจในสิ่งที่จันเขาทำ เข้าใจคำพูดที่เขาพูดออกมา เพราะทุกคำที่จันพูดออกมามันตั้งใจให้กระทบตัวคุณหลวงอย่างรุนแรง แต่ตอนที่ผมอ่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจำได้ แต่ว่าพอไปถึงที่กองถ่าย ด้วยบรรยากาศของกองถ่าย ด้วยเพื่อนๆ พี่ๆ นักแสดง พี่เจี๊ยบที่เล่นเป็นคุณหลวง พี่หญิง พี่ตั๊ก หรือว่านิว ทุกคนส่งให้เรา ต่อให้กล้องไม่ได้รับพวกเขา เขาก็ส่งอารมณ์ให้เรา แต่ยิ่งเราหันไปมองเขา เขาก็ยิ่งส่งให้เราอีก ทำให้ไดอะล็อคต่างๆ ที่เราจำไว้ลึกๆ เหมือนเป็นตัวเราอยู่แล้ว มันก็จะออกมาเอง ทำให้ผ่านฉากนั้นไปได้ด้วยดี อาจจะมีพูดผิดไปบ้างนิดนึง แต่หม่อมบอกว่าดีมากที่จำได้ เราก็รู้สึกว่าดีที่ไม่ใช่แค่ตัวเรา แต่ว่าคนที่เขาไม่ได้เล่น ไม่ได้พูด หม่อมบอกว่าคนที่ไม่ได้พูดยากกว่าคนที่พูดอีกในเรื่องการแสดง เราก็เลยคิดว่าเราได้พูดเยอะ แสดงว่าง่าย ก็เลยคิดว่ามันง่าย (หัวเราะ) แต่จริงๆ มันก็ยากครับ แต่เราต้องทำได้ถ้าเราพยายาม สุดท้ายก็ออกมาเป็นฉากที่ผมชอบเลยครับ
          ฉากที่ต้องแสดงอารมณ์รุนแรงเป็นจัน ดาราที่ไม่เหลือความอ่อนโยนอยู่ในตัวเลย
          หลายฉากแทบทั้งนั้นเลยครับ อย่างฉากที่ทะเลาะกับคุณแก้วจนตบหน้าคุณแก้ว ก็จำได้ว่าพี่โช นิชิโนะบอกให้ตบจริงเลย บอกว่าให้ตบโดนหน้าไปเลย โอ้ก็บอกว่าไม่ต้องครับ ไม่ต้องตบจริง เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร เขาก็ทุ่มเทมากๆ พี่โชเขาก็ตั้งใจแสดงมากๆ ครับ
สำหรับอีกฉากหนึ่งที่โอ้ชอบมากๆ เป็นฉากที่จันทะเลาะกับเคนซึ่งเป็นทั้งเพื่อนซี้ เป็นทั้งพี่น้อง เป็นทุกอย่างเลย จันไม่มีเคนก็ไม่ได้ เป็นคู่ที่ตายแทนกันได้ คือใครทำอะไรจัน เคนก็สู้สุดใจ ฉากนี้เป็นซีนที่ทะเลาะกันหนักมากๆ ซีนนั้นมันมีหลายอารมณ์ จันก็อดนอนด้วย คือผ่านการทำความผิดมาเยอะแยะมากมายซึ่งจันก็นั่งกินเหล้าถึงเช้า จนสิ่งที่จันทำไป ทำอะไรร้ายๆ แรงๆ ไป ทำให้เคนรู้ว่าคนทำก็คือจันนั่นแหละ เคนก็เลยบอกให้คุณจันเลิกทำเถอะ มันไม่ควร พอแล้ว แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว จันก็บอกว่า เราก็ถูกทำร้ายมามากทั้งจิตใจทั้งร่างกาย ซึ่งเคนก็บอกว่ามันน่าจะพอแล้ว ก็เลยทะเลาะกัน ทำให้จันพูดจารุนแรงกับเคนมาก คือด่าเคนเหมือนกับเคนเป็นแค่ลูกคนใช้ มีสิทธิอะไร ซึ่งลึกๆ แล้วจันก็ไม่เคยคิดกับเคนแบบนั้นเลย ก็ทำให้ 2 คนนั้นก็แตกกันไป จันก็เหมือนเสียทุกอย่าง เสียทั้งเพื่อน ทั้งคนสนิท ทั้งเสียใจ ทุกๆ อย่างมันรวมอยู่ในซีนนั้น
          ฉากใหญ่ไฮไลต์ในฉากสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นอย่างไรบ้าง
          ครับ สำหรับซีนที่เป็นซีนสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีในหนังเรื่องนี้ด้วย เป็นอีกซีนที่โอ้ชอบมากๆ อีกช่วงหนึ่งของหนัง เพราะว่าเล่าถึงประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงๆ ในประเทศไทยด้วย ทางทีมงานของหม่อมก็ทำได้ดีมากๆ ทั้งโปรดักชั่น ทั้งฉาก ทั้งพร็อบ ทั้งรถทหาร ทหารญี่ปุ่นที่เข้ามาในประเทศไทย ผมชอบมากๆ คือนอกจากเอฟเฟ็คต์ระเบิดตู้มต้ามแล้ว ผมก็ชอบพี่ๆ ที่เป็น Extra ที่เล่นด้วยกันในฉากนั้น ทำให้โอ้รู้สึกว่าแม้จะเห็นพี่ๆ เขานิดเดียว แต่ก็เล่นกันเต็มที่ ผมคิดว่าผมเล่นฉากนั้นได้แบบนี้ เพราะว่าทุกคนส่งให้ ทำให้เราเล่นได้ดีขึ้นเยอะเลย คือทำให้เราอินตรงโมเมนต์นั้นมากขึ้น เพราะพี่ๆ น้องๆ นักแสดงประกอบที่เล่นด้วยกันนี่เอง อย่างมี Extra คนหนึ่งเขาจำได้ว่าเขาต้องโดนระเบิด ก็คือโดนปกติ แต่ว่าตอนที่มันเกิดขึ้นตอนระเบิดลง ทำให้ทุกคนบาดเจ็บกันสาหัสมาก พี่เขาขี่จักรยานมาเขาก็ต้องล้ม ก็มีเอาขาเข้าไปพันกับจักรยาน และเขาบอกว่าแบบนี้ดีมั้ย คือเขาตั้งใจจริงๆ เขาไม่ได้มารับเงินไปเฉยๆ คือเขาตั้งใจเล่นจริงๆ พอหันไปมอง Extra เขาร้องไห้กันจริงๆ เด็กๆ ร้องไห้ คุณยายก็ร้องไห้ มีคุณยายคนหนึ่งผมหันไปน้ำตาผมไหลเลย เพราะว่าหันไปแล้วเห็นภาพลูกฉันๆ หมอๆ แสดงแบบจริงจังมาก คือพี่ๆ เขาอินมาก ทำให้ผมอินหนักเข้าไปอีก เพราะฉากนี้ผมต้องมีฉากดราม่าที่ไม่คาดคิดด้วยครับ
          ฉากเลิฟซีนที่ทุกคนจับตามอง         
          สำหรับฉากเลิฟซีนกับคุณบุญเลื่อง ก็ค่อนข้างมีหลายอารมณ์มากๆ เหมือนกัน คือไม่ใช่แค่มีฉากเลิฟซีน มันมีทั้งหลายอารมณ์ ความต้องการของจัน ซึ่งจันก็มีหลายอารมณ์มากทั้งเรื่องของเซ็กส์ เซ็กส์ที่จันต้องมีกับคุณบุญเลื่องก็คือสลับซับซ้อนมากๆ ทั้งเรื่องการอยากจะแก้แค้นด้วย แต่อีกใจจันก็ไม่อยากทำ ถ้าได้ดูซีนนี้ก็จะเห็นว่าจริงๆ แล้วจันก็ยังคงเป็นเด็กอยู่
          เป็นฉากเซ็กส์เพื่อการแก้แค้นด้วยใจหนึ่ง และอีกใจหนึ่งก็คือเขาก็รักคุณบุญเลื่องจริงๆ ด้วย เพราะว่าด้วยความที่เขาไม่เคยมีแม่ และรู้สึกถึงสิ่งที่เขาได้จากคุณบุญเลื่องคือความเป็นแม่ เขารู้สึกเหมือนมีไออุ่น มีความรู้สึกความเป็นแม่อยู่ในนั้น เป็นอีกหนึ่งซีนอารมณ์ที่หนักอยู่เหมือนกัน เพราะว่าก่อนที่เขาจะมีเซ็กส์กัน มันเป็นสิ่งที่จันตั้งใจมายั่วคุณบุญเลื่อง ซึ่งซีนนั้นถ่ายหลายครั้งด้วย และอารมณ์ก็ค่อนข้างลึก
สำหรับการเล่นกับพี่หญิงในฉากนั้น และการกำกับของหม่อม ตอนแรกที่เล่นกับพี่หญิง เราก็ขอโทษพี่หญิงก่อนทุกครั้ง เพราะว่ามันมีการถึงเนื้อถึงตัวกันด้วย แต่เรารู้ว่าเรามาเพื่อการแสดงและนี่คืองานของเรา ก็มองข้ามจุดนั้นไป หม่อมเขาจะมีการเซฟให้ตลอด เพราะว่าทีมงานทุกคนที่เป็นผู้ชายหรือทีมกล้องก็ต้องออกไปไม่อยู่ในฉากนี้ เป็นสิ่งที่หม่อมเขาคอยดูให้นักแสดงหญิงและทุกคนด้วย
          ฉากคนแก่เล่าเรื่องเป็นอีกหนึ่งสีสันของเรื่องที่ลดความเคร่งเครียดลงไปได้เลย
          สำหรับฉากที่จันกับเคนตอนแก่คุยกัน สำหรับโอ้ชอบมาก เป็นซีนที่น่ารัก ผมชอบไดอาล็อคของคนแก่ เหมือนคนที่ผ่านโลกมาเยอะ สำหรับโอ้มันเหมือนง่าย เป็นคนแก่ แต่มันไม่ง่าย เราเคยเล่นทำเป็นคนแก่ตอนเด็กๆ แต่พอเป็นหนังของหม่อม มันต้องละเอียดมากๆ ทั้งเรื่องเมคอัพ ทั้งเรื่องอารมณ์การแสดง ทุกๆ อย่างเลย แล้วก็สิ่งที่คนแก่มาเล่าก็คือมันต้องอยู่ในหัวเราหมด เห็นภาพอยู่ในหัว เพราะเป็นเรื่องที่ผ่านชีวิตของจันมาหมดแล้ว แต่ก็ต้องขอบคุณหม่อมด้วยที่เรียงหนังให้เราเล่น เพราะว่าตอนเรามาเล่นเป็นคนแก่ เราผ่านมาหมดแล้ว ซึ่งคนแก่เราถ่ายกันวันสุดท้าย ซึ่งทำให้เราเห็นภาพและเหตุการณ์ต่างๆ มาหมดแล้ว สิ่งที่เราพูด สิ่งที่เราทำ คือหนังเรื่องนี้มันเป็นการพูดการเล่าเรื่องของคนแก่ 2 คนนี้ผ่านประสบการณ์ต่างๆ มาหมดแล้ว ซึ่งถ้าถ่ายตั้งแต่แรกก็คงไม่เห็นภาพ ก็คงต้องเดาไปต่างๆ นานา แต่นี่เราเล่นฉากอื่นๆ มาหมดแล้ว เห็นภาพจริงๆ เราได้เล่นมาจริงๆ ไปแล้ว ซึ่งมันทำให้ง่ายขึ้น ชอบครับ จำได้ตอนที่ไปถ่ายฉากนี้ คนที่ผ่านไปผ่านมาก็นึกว่าเราเป็นคนแก่จริงๆ ก็เรียกลุงๆ ตาๆ แต่ไม่ใช่นะครับ นี่คือโอ้เองครับ
          สำหรับโอ้ ฉากคนแก่เล่าเรื่องมันสะท้อนอะไรหลายๆ อย่าง เพราะว่าตัวจัน ดาราตอนแก่เอง ก็เหมือนคนแก่ที่ยังห่วงสมบัติ คืออยากให้สมบัติกับคนที่เรารัก แต่สิ่งที่ชอบก็คือคนแก่ 2 คนนี้ เราจะได้เห็นความแตกต่างของทั้งจันและเคนจริงๆ ปัจฉิมบทก็คือบทสรุป บทสรุปของจัน ดาราจะเป็นยังไง ก็จะได้เห็นในภาคนี้ เราจะได้เห็นความแตกต่างระหว่างเพื่อนซี้ 2 คน ทั้งเคนและจันว่าตอนแก่บทสรุปจะเป็นยังไง
          ความรู้สึกแรกหลังจากที่ได้ชม
          สำหรับโอ้หลังจากได้ดูภาพยนตร์เรื่องจัน ดาราทั้งสองภาคไปแล้ว ความรู้สึกแรกก็คือหายเหนื่อยเลย เพราะเราถ่ายกันมาหนักมาก เป็นหนังที่ยากที่สุดในชีวิตตั้งแต่เคยแสดงมา รู้สึกว่าหลายๆ ซีนที่เราอ่าน ทำการบ้าน ที่เราเวิร์คช็อปกับหม่อม เรารู้สึกว่ายากมาก เราคงเล่นไม่ได้ แต่พอเราไปอยู่ตรงนั้น เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้เราสามารถสื่อออกมาให้คนดูเชื่อในตัวของจัน ดารา ตามชีวิตของจัน ดาราไปเรื่อยๆ ทำให้ผมนับถือตัวละครตัวนี้ นับถือจิตใจของเขา หม่อมก็บอกว่าจิตใจของเขาแข็งแกร่งมากๆ ต่อให้เจอเรื่องหนักแค่ไหนก็ไม่ย่อท้อต่อชีวิต ทำให้เรากลับมามองตัวเองว่าขนาดจัน ดาราเจอมาหนักขนาดนี้เขายังสู้ได้ ก็เป็นข้อคิดที่ดีมากๆ ครับ
          เสน่ห์และความน่าสนใจโดยรวม
          สำหรับความน่าสนใจโดยรวมของ “จันดารา ปัจฉิมบท” นี้ เนื้อหาก็จะเข้มข้นขึ้นกว่าภาคปฐมบทมากๆ เพราะว่าปฐมบทก็คือจะเป็นเหตุมากกว่า เล่าว่าทุกคนเป็นมายังไง เป็นประวัติของแต่ละคน พอมาปัจฉิมบท ก็จะเป็นผลสรุป ผลของแต่ละตัวเป็นยังไง ผ่านเวลามากี่ปีๆ ทุกตัวละครเป็นยังไง จะมีเล่าย้อนกลับไปถึงตอนเด็กด้วย ภาพเก่าๆ ที่ใครยังไม่ได้ดูก็จะมีแฟลชแบ็คให้ดูด้วย ทำให้ภาคนี้เข้มข้นขึ้นเยอะ ทั้งอารมณ์ ทั้งซีนต่างๆ ทั้งเหตุการณ์ ทุกอย่างในตัวละครเรื่องนี้ก็จะเปลี่ยนไป เหมือนผ่านเวลามาแล้วเป็นยังไง ซึ่งเราไม่สามารถคาดเดาได้เลยทั้งตัวละครและเหตุการณ์ ซึ่งเป็นบทที่หม่อมปรับเพิ่มขึ้นมาใหม่ด้วย ซึ่งจะทำให้คนดูที่เป็นแฟนตั้งแต่ภาคที่แล้ว ก็ควรจะติดตามภาคนี้ด้วยแน่นอน เพราะโอ้เป็นคนเล่นเองยังรู้สึกว่าภาคนี้มันสนุกขึ้นเยอะครับ ทั้งเรื่องของการแสดง และเรื่องของสิ่งที่ตัวละครต้องเจอต้องผ่านอะไรมา เป็นผลพวงจริงๆ จากภาคที่แล้ว ซึ่งสิ่งที่ได้จากปัจฉิมบทก็คงเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรม อย่างที่พระหรือผู้ใหญ่เคยสอนว่า ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ผมว่าเป็นเรื่องจริง ต้องดูได้จากภาคนี้แน่นอน
          โอ้ก็อยากฝากไว้ให้แฟนหนังจัน ดาราด้วย ใครที่เป็นแฟนหนังหม่อมหรือว่าใครที่เป็นแฟนหนังโอ้นะครับ ก็อย่าลืมติดตาม “จันดารา ปัจฉิมบท” เพราะว่าโอ้รับรองเลยว่าจะเข้มข้นขึ้นทั้งเนื้อหาและการแสดง ฉากใหญ่ต่างๆ ทั้งเลิฟซีนสวยงาม ฉากสงครามอันโหดร้าย ฉากดราม่าที่จะเห็นด้านที่อบอุ่นที่แท้จริงของจัน ความร้ายกาจของจันและคุณหลวงที่เป็นกระจกสะท้อนให้เห็นว่าการแก้แค้นทวงคืนอะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายมันก็ไม่ได้ให้ผลดีกับใครเลย ใครทำอะไรไว้ก็ได้อย่างนั้นจริงๆ เป็นหนังที่ดูสนุกแล้วก็มีข้อคิดแฝงอยู่ในนั้นเยอะแยะมากมาย ใครเคยดูภาคที่แล้วต้องดูบทสรุปในภาคนี้เลยครับ ฉากเลิฟซีนที่หลายคนจับตามองนั้นมีแน่นอนครับ มีคนถามว่าแซบหรือเปล่า โอ้ก็บอกได้เลยว่าแซบเวอร์ครับ (หัวเราะ) เลิฟซีนก็เป็นไปตามบทบาทครับ แล้วก็ยังมีอะไรให้ดูอีกเยอะแยะมากมาย สำหรับโอ้ก็เป็นบทที่ท้าทายตัวโอ้เองมากๆ ก็อยากฝากให้คนดูได้ดู เพราะว่าเป็นก้าวใหญ่ก้าวหนึ่งสำหรับอาชีพการแสดงของโอ้เลยครับ
          คุณค่าที่ผู้ชมจะได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้
          ผมว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีคุณค่ามากมายให้กับผู้ชมคนดู หลายคนก็อาจจะจับจ้องแต่เรื่องอีโรติก แต่ผมว่าเรื่องนั้นมันเป็นเรื่องรอง แต่ว่าคุณค่าหลักสำหรับเรื่องนี้ตอนอ่านบทตั้งแต่แรกๆ เลย ผมว่ามันเป็นหนังธรรมะ และเป็นหนังที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ว่ามนุษย์เรามีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี ทำให้เราเห็นถึงความแค้น ความโกรธ การเกลียดกัน การแก้แค้น หรือการสอนเด็กในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หรือการที่ผู้ใหญ่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสำหรับเด็ก มันมีหลายแง่มุมมากครับในเรื่องนี้ที่สามารถสอนคนเราได้ และทำให้เราได้เห็นถึงความรักของเพื่อนด้วย ความรักของน้าหลานซึ่งเลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็ก สิ่งที่เด็กขาดแม่แล้วจะเป็นยังไง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน มันมีหลากหลายแง่มุมมากครับสำหรับภาพยนตร์เรื่องจัน ดารา ถ้าคนมองดีๆ ดูอย่างละเอียด จะได้อะไรเยอะมากจากภาพยนตร์เรื่องนี้เลยครับ

FB on January 26, 2013, 06:12:06 PM
บทสัมภาษณ์ “นิว-ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต” ใน “จันดารา ปัจฉิมบท”









          บทบาท-คาแร็คเตอร์ในภาคนี้ปรับเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
          เคน กระทิงทองในภาคนี้ก็จะโตขึ้น และเปลี่ยนคาแร็คเตอร์จากหน้ามือเป็นหลังมือไปเลย เพราะว่าจากภาคแรกที่ทุกคนเห็นว่าเจ้าชู้ เที่ยวผู้หญิง เล่นเสเพลอะไรไปบ้าง แต่ภาคนี้โตขึ้นตามอายุ และได้ไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ “มาลัย” (วิว วรรณรท) ที่เรารักอย่างจริงจัง เป็นรักแท้ของเรา ก็ปิดฉากการเป็นคนเจ้าชู้ไปเลย รวมไปถึงการที่โตขึ้นในหน้าที่การงาน ได้ไปทำงานบริษัทของคุณจัน ก็มีความรับผิดชอบมากขึ้น โตขึ้นในบทบาทต่างๆ ความคิดความอ่านทุกอย่างจะดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีการวางแผน ทำงานมากยิ่งขึ้น ตอนแรกความคิดความอ่านอาจจะไม่ค่อยมีเลย แต่ว่าพอมาทำงานจริงๆ ก็ต้องเรียกได้ว่าคุณจันก็สอนให้มีความรู้มากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะมารับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายได้

          เรื่องราวในภาคนี้เป็นอย่างไร
          ภาค นี้ก็จะต่อจากภาคที่แล้วที่คุณจันกับเคนนั่งรถไฟไปพิจิตร พอภาคนี้ก็จะเปิดเรื่องด้วยคนแก่ 2 คนนั่งคุยกัน จะมีเคนเป็นคนแก่ด้วยในภาคนี้ แล้วก็มานั่งเล่าถึงชีวิตย้อนกลับไปหลังจากที่ไปอยู่ที่พิจิตรแล้ว เราก็จะไปอยู่กับคุณท้าวยายที่พิจิตร แล้วคุณท้าวยายก็จะมอบหมายให้คุณจันเรียนรู้เกี่ยวกับกิจการต่างๆ ที่พิจิตร เพราะว่าคุณท้าวยายก็แก่มากแล้ว คุณจันก็ต้องมาเรียนรู้ ทำให้ผมซึ่งเป็นผู้ติดตามก็ได้เรียนรู้ไปด้วย แล้วก็ได้ไปช่วยคุณจันตามหาพ่อ ก็คือคุณจันอยากจะพบพ่อ ก็ไปตามหาตามสถานที่ต่างๆ ตามบุคคลต่างๆ ว่าเคยเห็นเคยรู้จักพ่อของคุณจันไหม อีกด้านหนึ่งก็คือ คุณท้าวยายจะโกรธแค้นและเกลียดคุณหลวงมาก ก็เลยปลูกฝังคุณจันตั้งแต่ตอนนั้นเลยว่า ให้เกลียดคุณหลวง ให้สักวันต้องกลับไปแก้แค้น พอเรื่องดำเนินผ่านไประยะหนึ่ง คุณจันกับเคนก็มีเรื่องให้ต้องกลับไปที่พระนคร ก็คือตรงกับที่คุณท้าวยายคาดหวังไว้ว่าให้กลับไปแก้แค้น เราก็ต้องตามคุณจันกลับไป แต่เราจะคอยบอกให้คุณจันเบาๆ หน่อย ไม่ต้องแก้แค้นอะไรมาก เพราะคุณจันก็ได้ทุกอย่างหมดแล้ว สมบัติอะไรก็แล้วแต่มีทุกอย่างเยอะมากอยู่แล้ว อำนาจก็มีเยอะมากอยู่แล้ว อย่าไปทำร้ายคุณหลวงไปแก้แค้นอะไรกันเลย แต่คุณจันก็ไม่ฟัง เพราะถูกคุณท้าวยายปลูกฝัง แล้วตัวเองก็เกลียดคุณหลวงอยู่แล้ว แต่คุณจันไม่ยอมฟังก็เลยเกิดการทะเลาะกันขั้นรุนแรง ไม่คุยกัน ไม่สนใจกัน แยกกันอยู่เลย ไม่เจอหน้าไม่อะไรกันเลย ก็เป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างจะร้ายแรงที่สุดในเรื่องนี้เรื่องหนึ่ง นอกจากนั้นก็มีอีกหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นกับทุกตัวละครทำให้เกิดการพลิกผัน ของชีวิตอย่างไม่คาดคิดกันเลย

          การแสดงหรือการเข้าถึงบทบาทมีความยากง่ายขึ้นอย่างไรบ้าง
          ยัง ยากเหมือนเดิมครับ ไม่ได้ยากขึ้นหรือว่ายากน้อยลง ยังยากอยู่เหมือนเดิม เพราะว่าคาแร็คเตอร์มันก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เหมือนเรารับอีกบทบาทหนึ่ง เรียกได้ว่าอาจจะเป็นอีกบทบาทหนึ่งแต่ว่าเป็นบทบาทที่มีแบ็คกราวด์เป็นแบบ นี้ คือคาแร็คเตอร์ตัวนี้แต่ก่อนเป็นแบบภาคแรกที่เที่ยวที่เสเพลอะไรก็แล้วแต่ แต่ว่าอีกคาแร็คเตอร์นึงของภาคนี้ก็คือ โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้น คือสลับกันเลย แต่ว่าคนที่เป็นผู้ใหญ่คนนี้ก็ยังมีแบ็คกราวด์ลักษณะนิสัยพื้นฐานของตัวละคร นี้อยู่ ก็เลยต้องมีความเชื่อมโยงจากภาคแรกอยู่ ก็ยังต้องมีการพูดคุยทำการบ้านค่อนข้างเยอะสำหรับบทนี้อยู่เช่นเคย

          ฉากแต่งงานของเคนเป็นอย่างไรบ้าง
          ฉาก แต่งงานเป็นฉากที่อลังการมากๆ เพราะว่าก็เหมือนที่หม่อมเขียนไว้ ก็คือเราเป็นเหมือคนสนิทของคุณจัน ซึ่งตระกูลคุณจันก็คือพิจิตรวานิชก็จะใหญ่มากที่พิจิตร บ้านก็ใหญ่โตมโหฬาร ส่วน “มาลัย” ก็จะเหมือนลูกผู้ใหญบ้านแถวๆ นั้น ก็มีฐานะเหมือนกัน ทำให้งานค่อนข้างจะอลังการ แล้วมันก็เป็นฉากแต่งงานฉากแรกของผมในชีวิตการแสดงด้วย และก็เป็นฉากแต่งงานที่ค่อนข้างจะย้อนยุค มีการสวมมาลัยที่หัว และก็รดน้ำสังข์โดยผู้ใหญ่ และก็มีแขกบ้านแขกเมืองของพิจิตรมาค่อนข้างเยอะ ก็ใหญ่โตตื่นเต้นดีครับ
          ฉากนี้ก็ต้องแต่งงานกับ “วิว วรรณรท” ที่เล่นเป็น “มาลัย” การร่วมงานกันก็สนุกดีครับ เพราะว่าเรารู้จักกันอยู่แล้ว ทำให้การแสดงในฉากแต่งงานหรือว่าฉากที่เราสะดุดและล้มรับเขา ตอนแรกถ้าเราไม่รู้จักกันอาจจะเคอะเขินกันบ้าง แต่ว่าเราร่วมงานกับเขาในละครมาก็ 3-4 เรื่องได้ก็สนิทกันรู้จักกันอยู่แล้วก็เลย ไม่ค่อยจะเคอะเขินสักเท่าไหร่ แต่นี่เป็นหนังเรื่องแรกของวิว เขาก็จะค่อนข้างมาถามคำแนะนำนิดๆ หน่อยๆ เกี่ยวกับหนังว่ามันไม่เหมือนและแตกต่างจากละครยังไง ก็จะมีการพูดคุยและซ้อมกันก่อน ทำให้เวลาถ่ายจริงมันง่ายและก็สนุกดีครับ

          ฉากสงครามใหญ่เป็นอีกหนึ่งฉากไฮไลต์ของเรื่อง
          ฉาก สงครามเป็นฉากที่ผมตั้งตารอที่สุดฉากหนึ่งของภาคนี้เลย เพราะว่าเป็นฉากที่ตอนเราไปถ่ายทำทีมงานจะเซ็ตฉากและอุปกรณ์ต่างๆ อลังการมาก มันมีความรู้สึกว่าขณะเล่นอยู่เหมือนเป็นสงครามโลกย่อยๆ เลย เรียกว่าอลังการจริงๆ ก็จะมีการเพิ่มซีจีเข้าไปเกี่ยวกับระเบิดใหญ่ๆ ของเครื่องบิน หรืออะไรต่างๆ นานา ทำให้คนที่ชอบดูหนังแอ็คชั่นอย่างผม อยากเห็นฉากนั้นว่าทำออกมาเสร็จแล้วในจอใหญ่ๆ จะเป็นยังไง เพราะว่าตอนเช็ตฉากตอนแรกก็เซ็ตปกติก่อนที่ระเบิดจะลง เดินคุยกัน มีรถมีทหาร มีชาวบ้านเดินคุยกัน พอมีสัญญาณเตือนภัยเกิดขึ้น มีระเบิดลงมาก็ต้องมาเซ็ตอีกแบบหนึ่ง ก็คือทุกอย่างพังหมดเลย ก็ไฟเผาไหม้หมดทั้งฉาก พื้นไหม้ มีเลือด มีคนนอนตาย มีทหารบาดเจ็บ มีคนบาดเจ็บ ฉากมโหฬารมาก มี Extra ประมาณเป็นร้อยๆ คน และก็เป็นฉากที่ใหญ่ที่สุดของหนังภาคนี้เลยก็ว่าได้ ตั้งตารอมากๆ อยากจะชมว่าในจอใหญ่จะเป็นยังไง หม่อมรับรองไว้แล้วว่าไม่ผิดหวังครับ
          ฉาก นี้เป็นฉากที่ดราม่าจากความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนแล้ว ยังมีดราม่ากับสงครามอีก ก็เป็นการผสมผสานกันระหว่างดราม่ากับแอ็คชั่น และก็ความเศร้า ฉากนี้จะเป็นฉากที่ค่อนข้างเศร้าโศกเสียใจ เพราะมีการสูญเสียกันค่อนข้างเยอะ ก็ต้องเตรียมงานกันนานพอสมควร เพราะว่าก่อนถ่ายต้องมีการซ้อมกันเยอะ ก็อย่างที่บอกคือ Extra ค่อนข้างเยอะ มีเป็นหลายร้อยคน แล้วก็มีการซักซ้อม Extra ซึ่งแบ่งเป็น 3 กรุ๊ปเลย กรุ๊ป A จากฝั่งขวา กรุ๊ป B จากฝั่งซ้าย กรุ๊ป C ตรงกลาง กว่าจะได้ถ่ายจริงๆก็ซ้อมกันหลายครั้งอยู่เหมือนกัน แต่พอถ่ายจริงแล้วก็ทำให้ราบรื่นมากยิ่งขึ้น เพราะว่าได้ซ้อมกันอย่างดีแล้ว

          การเปลี่ยนแปลงลุคเป็นคนแก่
          สำหรับ การแต่งแก่ เป็นครั้งแรกของผมที่แต่งแก่ ภาคที่แล้วไม่มีเป็นของมาริโอ้คนเดียว ภาคนี้ผมก็มีส่วนร่วมในการเป็นคนแก่ด้วย ก็คือเราจะมานั่งเล่าเรื่องพร้อมกัน ก็คือในภาคแรกที่คุณจันนั่งเล่าคนเดียวเพราะว่าผมยังมาไม่ถึง คุณจันมาก่อนก็เลยมานั่งรอเวลา ระหว่างนั่งรอเวลาคุณจันก็มานั่งเล่าเรื่องในภาคแรกไป พอเปิดเรื่องในภาคที่สองผมมาถึงพอดีก็เลยเดินเข้ามาในฉาก เดินเข้ามาในเรื่องแล้วก็นั่งคุยกับคุณจัน แล้วก็นั่งเล่าย้อนกลับไป ช่วงนั้นเป็นยังไง ช่วงนี้เป็นยังไง
          และจะมีช่วงหนึ่งที่ผม ชอบมากก็คือ มันจะมีมุมมองชีวิตของคุณจันในมุมของเคน ในสายตาของเคนที่มองย้อนกลับไปด้วย ซึ่งผมอยากให้คนที่ไปชมไปดู ให้ลองสังเกตดูว่า ในช่วงเวลาที่คุณจันเล่าย้อนกลับไปถึงชีวิตของตัวเอง กับในช่วงเวลาที่เคนเล่าไปในชีวิตของเคนกับคุณจัน มันมีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร ในมุมมองของคุณจันที่เป็นคนคาแร็คเตอร์แบบนี้ กับเคนที่มีคาแร็คเตอร์แบบนี้ เล่าย้อนกลับไปมันเหมือนกันไหม อยากให้ลองติดตามชมกันดู
          สำหรับตอนแต่งแก่ก็ค่อนข้างจะทรหด ทรมานพอสมควร ไม่ได้ถ่ายแค่ครั้งเดียวด้วย มีการถ่ายใหม่ด้วย เพื่อต้องการให้เวลามาอยู่ในจอใหญ่แล้วมันจริงที่สุด เหมือนจริงที่สุด ตอนแรกฟิตติ้งก่อน ก็มีการแต่งแก่ก่อน คือไม่ใช่ฟิตติ้งแค่เสื้อผ้าอย่างเดียว มาฟิตหน้าคนแก่ด้วย 2 ครั้ง และพอตอนไปถ่ายจริง ก็ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงในการแต่งหน้าทำผม และก็มาถ่ายทำกัน ก็ค่อนข้างจะทรหดเพราะว่าเราต้องมาตั้งแต่ตี 4 เพื่อมาแต่งในตอนเช้ามืด แต่งเสร็จพอดีแสงมาเราจะถ่ายได้เลย เพราะฉากคนแก่ค่อนข้างจะเยอะอยู่เหมือนกัน ใช้เวลาถ่ายค่อนข้างนาน ต้องใช้เวลาทั้งหมดให้คุ้ม แต่พอวันนั้นถ่ายวันแรกเสร็จ ก็มีบางฉากที่หม่อมยังไม่ชอบ หรือว่าเอฟเฟ็คต์ต่างๆ ยังไม่ลงตัว ก็มีการถ่ายเพิ่มขึ้นอีกคิวหนึ่ง โดยมีการเสริมเทคนิคพิเศษต่างๆ มากยิ่งขึ้น เพราะว่าเทคนิคของอเมริกากับเทคนิคของไทยก็ใช้ด้วยกันได้แค่บางส่วน เพราะอากาศเมืองไทยมันร้อนมากกว่า ทำให้เอฟเฟ็คต์ต่างๆ หรือว่าสิ่งที่นำมาใช้กับการแต่งหน้ามันแพ้อากาศร้อน ก็มีการปรับวิธีให้เข้ากับเมืองไทยมากยิ่งขึ้น ก็คือมีการถ่ายใหม่อีกวันหนึ่ง รู้สึกวันนั้นจะแต่งเกือบๆ 5 ชั่วโมง และก็มีการทำให้เนียนมากที่สุด ก็ค่อนข้างจะนาน แต่พอออกมาแล้วรู้สึกว่าคุ้มและดูโอเคเลย

          เสน่ห์และความน่าสนใจโดยรวม
          สำหรับ “จันดารา ปัจฉิมบท” ผมบอกได้เลยว่าคาแร็คเตอร์ทุกตัวละครของทุกคนไม่ว่าจะเป็นตัวไอ้เคน คุณจัน คุณบุญเลื่อง คุณท้าวยาย คุณหลวง น้าวาด คุณแก้ว ทุกคนจะมีการพลิกคาแร็คเตอร์จากหน้ามือเป็นหลังมือทุกคนเลย อย่างผมจากหนุ่มวัยรุ่น เสเพล เที่ยวผู้หญิง เจ้าชู้ จะปรับเป็นคนเอาการเอางานมากยิ่งขึ้น แต่งงานมีลูกมีเมีย ชีวิตมั่นคงยิ่งขึ้น คือเปลี่ยนไปเลย ให้เห็นถึงความแตกต่างและการเติบโตของคาแร็คเตอร์ทุกๆ คน จะมีให้เห็นชัดเจนมาก และเรื่องราวต่างๆ ก็จะเป็นวัฏจักรกงเกวียนกำเกวียนของชีวิตคนที่มีการเกิดแก่เจ็บตาย มีการแก้แค้น มีการแย่งชิงอำนาจ มีการเมืองเล็กๆ ภายในบ้าน หรือว่าความรักระหว่างเพื่อนก็ยังมีอยู่ แต่ว่ามีการทะเลาะกันขั้นรุนแรง ทำให้เห็นความสัมพันธ์ของคู่นี้ว่าเวลาทะเลาะกันแล้วมันเป็นยังไง หรือว่าเวลาที่จะกลับมาคืนดีกันเป็นยังไง หรือว่าความรักระหว่างเคนที่มีต่อรักแท้ รวมถึงคุณจันที่มีต่อไฮซินธ์ก็ยังมี คือเนื้อเรื่องมันเข้มข้นมาก รวมไปถึงฉากสงครามที่ใหญ่มาก พูดได้เลยว่าครบรสมากทั้งดราม่าสุดๆ เคล้าน้ำตา มีแอ็คชั่น มีฉากเลิฟซีน ความอลังการของฉาก ความสวยงามของภาพ คอเมดี้เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังมีอยู่ ครบรสมากยิ่งขึ้นกว่าภาคปฐมบท อยากให้ทุกคนลองติดตามชมกันดูว่ามันจะเป็นยังไง

          คุณค่าของภาพยนตร์ที่ผู้ชมจะได้รับ
          แง่ คิดต่างๆ ที่จะได้จากเรื่องนี้ก็จะแตกต่างกันออกไป อยู่ที่ว่าจุดไหนจะกระทบใจของตัวเอง เราเป็นคนเดียวที่รู้ว่านิสัยใจคอของเราจริงๆ แล้ว ในความลึกตื้นหนาบางของจิตใจเราเป็นคนยังไง เวลาไปชม อะไรที่ไปสะกิดจุดตรงนั้นได้ เราก็จะคิดได้ แต่ที่แน่ๆ หลักสำคัญที่ได้แน่นอน ก็คือการแก้แค้น การบ้าอำนาจ การบ้าเงินทอง อะไรก็แล้วแต่ที่เห็นแก่ตัว มันทำให้ชีวิตของเราหรือว่าใครที่เป็นแบบนั้นแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด และก็ไม่ควรเอามาเป็นแบบอย่าง เราควรใช้ชีวิตอย่างพอเพียง มันก็จะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นแน่นอน อย่าไปยึดตามแบบของบางคาแร็กเตอร์ที่บ้าอำนาจ และพยายามที่จะแก้แค้นอย่างเดียวมันจะทำให้ชีวิตคุณดิ่งลงเหวไปเรื่อยๆ ครับ

FB on January 26, 2013, 06:13:55 PM
“รัดเกล้า” สุดโหด เจ้าแม่บงการชีวิตจัน ดารา ใน “จันดารา ปัจฉิมบท”





          “รัดเกล้า อามระดิษ” Divaแห่งวงการเพลงไทยเจ้าของรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมของชมรมวิจารณ์ บันเทิงจากภาพยนตร์เรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” ล่าสุด มารับบทเด่นเป็น “คุณท้าวพิจิตรรักษา” ผู้วิกลจริตและโหดร้ายจอมบงการชีวิตจัน ดาราหลานชายให้เปลี่ยนไปจนกลายเป็นชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นโหด เหี้ยมและอาฆาตมาดร้ายในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง “จันดารา ปัจฉิมบท” ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่ท้าทายชีวิตการแสดงของเธอ

          รัดเกล้าพูดถึงบทบาทนี้ว่า
          “สารภาพ ตามตรงเลยว่าบทนี้เป็นบทที่ยากมาก ทั้งบทบาทที่ได้รับและการเมคอัพเป็นคนแก่ที่ดูน่ากลัวมากๆ ตัวคุณท้าวจะยึดติดกับการแก้แค้น ทำอะไรก็ล้วนแล้วแต่มีการวางแผนร้ายไว้ล่วงหน้าเสมอ ตัวคุณท้าวเองก็จะมีความสับสนอยู่ในสมองตลอดเวลา คล้ายคนวิกลจริต และก็เป็นคนที่อาฆาตแค้น เมื่อถูกช่วงชิงอำนาจไปก็จะไม่ยอมแพ้ ยังหลงและยึดติดกับในอำนาจนั้น ก็เลยใช้คนรอบข้างเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น โดยเฉพาะกับจัน ดาราที่เป็นหลานชาย คุณท้าวก็จะฝังหัวให้จันเกลียดชังและต้องกลับไปแก้แค้นคุณหลวงแทนตัวเองให้ ได้
ถึงบทจะยากยังไงแต่เราก็ต้องคิดถึงเป้าหมายสูงสุดของตัวละครตัวนี้ คือ จุดยึดเหนี่ยวของเรา ตัวเราเองพอได้ทำความเข้าใจกับตัวละครตัวนี้แล้วรู้สึกเห็นใจคุณท้าวมากๆและ ด้วยความที่เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ต้องรักษาเกียรติยศและทรัพย์สมบัติของวงศ์ ตระกูลไว้ เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเราเองเลย แต่เราทำเพื่อรักษาและสืบทอดต่อให้ลูกหลานเพื่อให้วงศ์ตระกูลนี้อยู่ได้ ถ้าเรามองตัวคุณท้าวในมุมนี้เราจะเห็นว่าการกระทำของคุณท้าวไม่ผิดเลยเพราะ เรารู้ถึงจุดมุ่งหมายสูงสุดของตัวละครตัวนี้
          ถ้ามองเบื้องหลัง ละครแต่ละตัวมองไปถึงภูมิหลัง มองไปถึงกรรมพันธุ์ว่าผู้ให้กำเนิดแต่ละคนคือใคร มองไปถึงสภาพแวดล้อมที่เขาเติบโตมาว่าเป็นบ้านแบบไหน พบเจอผู้ใหญ่คนที่เลี้ยงเขามาเป็นแบบไหน หรือแม้แต่สถานการณ์ที่เขาบีบบังคับต้องทำ เราจะพบว่าตัวละครแต่ละตัวแทบจะไม่มีใครผิดเลย ทุกคนทุกเหตุการณ์ที่ทำลงไปเพราะมีเหตุผล เมื่อเราเข้าใจในเหตุผลของเขา เขาก็เป็นมนุษย์ปถุชนทั่วไป และตัวละครก็จะเป็นบทเรียนในสังคมได้เป็นอย่างดี คิดว่าคนดูแล้วจะเข้าใจ ไม่มีใครหรอกจะเลวไปซะทั้งหมด แล้วไม่มีใครหรอกดีไปซะทั้งหมด ถ้าเราดูแล้วเรารู้สึกว่านี่แหละคือบทเรียนของเรา ถ้าเราไม่อยากเป็นแบบนั้นในบั้นปลายชีวิต เราก็ต้องอย่าทำแบบตัวละครตัวนั้น”

          ด้าน “มาริโอ้” กล่าวถึงการร่วมงานกับนักแสดงรุ่นพี่ว่า
          “โอ้ รู้สึกกลัวมากตอนเข้าฉากกับพี่รัดเกล้าครั้งแรก เพราะทั้งการแสดงของพี่เค้าและการแต่งหน้าออกมาน่ากลัวมาก แถมยังถ่ายตอนตีสอง บรรยากาศในฉากนั้นเลยทำให้โอ้ขนบุกตลอดเวลา และเชื่อว่าพี่รัดเกล้าเป็นคุณยายที่วิกลจริตจริง พี่เค้าแสดงได้ยอดเยี่ยมมากเลยครับ”

          เตรียมพบกับอีกหนึ่ง สุดยอดการแสดงของ “รัดเกล้า อามระดิษ” ที่จะมาทำให้คุณหายใจไม่ท่วท้องและสร้างสีสันได้เป็นอย่างดีใน “จันดารา ปัจฉิมบท” พร้อมฉาย 7 ก.พ. 2556 ในโรงภาพยนตร์

FB on January 28, 2013, 06:10:48 PM
ประทับใจบทบาทของ “ตั๊ก บงกช” กันอีกครั้ง ใน “จันดารา ปัจฉิมบท”



          หลังจากประสบความสำเร็จในชีวิตการแสดงอย่างงดงามกับบท “น้าวาด” ที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชมอย่างคาดไม่ถึงใน “จันดารา ปฐมบท” อันเป็นภาคแรกของภาพยนตร์มหากาพย์แห่งโศกนาฏกรรมอันยิ่งใหญ่ นักแสดงสาวมากความสามารถ “ตั๊ก-บงกช คงมาลัย” พร้อมแล้วที่จะกลับมาสร้างความประทับใจอีกครั้งใน “จันดารา ปัจฉิมบท” อันเป็นภาคอวสานแห่งมหากาพย์โศกนาฏกรรมของตัวละครทุกชีวิต โดยในภาคนี้จะเป็นการพลิกผันลักษณะนิสัยครั้งสำคัญของจัน ดารา หลานรักจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากหนุ่มน้อยผู้ละเอียดอ่อนทางอารมณ์กลายเป็นชายหนุ่มผู้เต็มไปด้วยความเคียดแค้น อาฆาตพยาบาท หลงอำนาจและตัณหาราคะ ทำให้น้าวาดไม่อาจยอมรับความเปลี่ยนแปลงในด้านลบของหลานรักได้ จนต้องตัดสินใจละทิ้งชีวิตวุ่นวายในพระนครกลับสู่ความสงบสุขที่พิจิตรตลอดชีวิต

ตั๊กได้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ว่า
          “ในภาคปัจฉิมบทนี้จะเป็นเรื่องของผลกรรม ภาคแรกจะเป็นเรื่องของเหตุแห่งการกระทำ ภาคนี้ก็จะเป็นเรื่องของผลที่ได้รับจากที่เคยทำมา คาแร็คเตอร์ของน้าวาดในภาคนี้ก็จะอยู่ในช่วงวัยที่เริ่มชรา มีอายุมากขึ้น แต่ก็ยังดูแลบ้านวิสนันท์ ยังดูแลคุณหลวง ยังดูแลจันอยู่เหมือนเดิม แล้วก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของหลานที่โตขึ้นเรื่อยๆ เขามีพฤติกรรมที่แตกต่างจันตอนเด็กๆ คือเขามีพฤติกรรมที่รุนแรงขึ้นไม่เหมือนกับจันคนเก่า จนทำให้เรารู้สึกว่าเราเสียใจ เครียด แล้วผิดหวังในตัวจันที่เปลี่ยนไปมาก เราผู้เป็นน้าเห็นแล้วรู้สึกว่าหลานเราคงไม่ใช่จัน ดาราคนเดิมแล้ว ก็เลยคิดตัดสินใจว่าเราเลี้ยงเขาได้แต่ตัวแต่เราเลี้ยงหัวใจเขาไม่ได้ เราก็ตัดสินใจออกจากบ้านวิสนันท์ไปอยู่ที่พิจิตร เพราะอยู่ไปเขาก็ไม่ฟังเรา และเมื่อเวลาผ่านไปพอเราไม่อยู่ที่นั่น กลับกลายเป็นว่าบ้านหลังนั้นมีเรื่องที่เลวร้ายมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก เรื่องราวในภาคนี้จะพลิกผันตัวละครทุกตัวจากหน้ามือเป็นหลังมือไปเลย ตัวละครนี้ก็ยังคงแสดงยากอยู่เหมือนเดิม แต่ก็เป็นตัวละครที่ตั๊กชอบมาก และเชื่อว่าภาคนี้จะทำให้ผู้ชมประทับใจได้ไม่ยากเลยค่ะ”

          เตรียมพบความประทับใจไม่เสื่อมคลายกับการแสดงของ “ตั๊ก บงกช” ได้ใน “จันดารา ปัจฉิมบท” พร้อมฉาย 7 ก.พ. 2556 ในโรงภาพยนตร์

FB on January 31, 2013, 01:23:40 PM
“โช นิชิโนะ” สุดประทับใจ ฉากพิธีแต่งงานแบบไทย ใน “จันดารา ปัจฉิมบท”




 
          “โช นิชิโนะ” นักแสดงสาวชาวญี่ปุ่นผู้รับบท “คุณแก้ว” ในภาพยนตร์มหากาพย์แห่งโศกนาฏกรรม “จันดารา ปัจฉิมบท” ออกอาการตื่นเต้นและประทับใจในพิธีแต่งงานแบบไทย ซึ่งเป็นฉากที่คุณแก้วต้องจำใจวิวาห์กับ “จัน ดารา” (มาริโอ้ เมาเร่อ) ชายที่เธอเกลียดแสนเกลียดแต่ก็ต้องจำยอมแต่งด้วยเหตุผลบางอย่างที่เธอมิอาจ หลีกเลี่ยงได้

          โดยฉากนี้ถือเป็นอีกหนึ่งฉากใหญ่ในภาพยนตร์ เรื่องนี้ โดยได้ระดมทีมนักแสดงนำทั้ง “นิว-ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต”, “รฐา โพธิ์งาม”, “ศักราช ฤกษ์ธำรงค์”, “บงกช คงมาลัย”, “วรรณรท สนธิไชย” รวมทั้งนักแสดงรับเชิญเกียรติยศรุ่นใหญ่อาทิ “เกรียงไกร อุณหะนันทน์” และ “เนาวรัตน์ ซื่อสัตย์” เข้าฉากกันอย่างคับคั่ง ณ คฤหาสน์ของหลวงสิทธิเทพการที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี

          นักแสดงสาวชาวอาทิตย์อุทัย ได้เผยความรู้สึกในฉากนี้ว่า
          “ดิฉัน ประทับใจฉากนี้มากๆ เลยค่ะ พิธีแต่งงานแบบไทยเป็นวัฒนธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ไม่แพ้พิธีแต่งงานแบบญี่ปุ่น เลยค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในซีนที่เสด็จพระองค์ชาย (เกรียงไกร อุณหะนันทน์) ทรงรดน้ำสังข์บนศีรษะของคู่บ่าวสาว ทำให้ดิฉันขนลุกไปหมดจนน้ำตาแทบไหล แต่ในบทบาทตอนนี้ ดิฉันต้องเกลียดจัน ดาราและไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับเขา จึงนับว่าเป็นการแสดงที่ยากมาก เพราะต้องเก็บความรู้สึกเกลียดไว้ในใจไม่ให้แขกที่มาในงานได้ล่วงรู้ความ รู้สึกภายในของดิฉัน แต่ด้วยการที่นักแสดงทุกคนต่างสมาธิอยู่กับบทบาทในฉากโดยเฉพาะมาริโอ้เจ้า บ่าวของดิฉันซึ่งเก็บความรู้สึกเกลียดในตัวดิฉันไว้เช่นกัน ทำให้ฉากนั้นผ่านไปได้อย่างราบรื่น ดิฉันขอขอบคุณนักแสดงชาวไทยทุกคนที่ช่วยให้ดิฉันแสดงฉากนี้ออกมาได้จนเป็น ที่พอใจของผู้กำกับค่ะ”

          เตรียมสัมผัสมนต์ขลังในฉากแต่งงานอีก หนึ่งความยิ่งใหญ่ พิถีพิถัน และสวยงามนี้ได้ใน “จันดารา ปัจฉิมบท” พร้อมฉาย 7 ก.พ. 2556 ในโรงภาพยนตร์

FB on January 31, 2013, 01:24:54 PM
บทสัมภาษณ์ “ตั๊ก-บงกช คงมาลัย” ในภาพยนตร์เรื่อง “จันดารา ปัจฉิมบท”



          คาแร็คเตอร์ในภาคนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง
          การ ดำเนินเรื่องของ “จันดารา ปัจฉิมบท” จะเป็นเรื่องของผลกรรม ภาคแรกจะเป็นเรื่องของเหตุแห่งการกระทำ ภาคปัจฉิมบทจะเป็นเรื่องของผลที่ได้รับจากที่เคยทำมา คาแร็คเตอร์ของน้าวาดในภาคนี้ก็จะอยู่ในช่วงวัยที่เริ่มชรา มีอายุมากขึ้น แต่ก็ยังดูแลบ้านวิสนันท์ ยังดูแลคุณหลวง ยังดูแลจันอยู่เหมือนเดิม แล้วก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของหลานที่โตขึ้นเรื่อยๆ เขามักมีพฤติกรรมที่แตกต่างจันตอนเด็กๆ ก็คือเขามีพฤติกรรมที่รุนแรง แล้วก็เป็นคนที่ไม่เหมือนกับจันคนเก่า จนทำให้เรารู้สึกว่าเราเสียใจ มันมีปัญหาเยอะ ก็เลยทำให้น้าวาดเครียดแล้วผิดหวังในตัวจันที่เขาเปลี่ยนไปมาก

          การแสดงเป็นคนมีอายุมากขึ้นเป็นอย่างไร
          ก็ อาจจะเป็นเรื่องของความนิ่ง จริงๆ แล้วเมื่อสมัยตอนที่ยังสาวๆ น้าวาดเองก็มีระเบียบวินัย เพราะผู้หญิงสมัยก่อนถูกฝึกมาให้มีระเบียบวินัยเยอะก็จะนิ่งๆ พอมีอายุมากขึ้นก็จะเหมือนมีคนเกรงเราแล้วก็กลายเป็นคนที่ทุกคนเคารพ ทำให้เราเป็นแม่บ้านที่มีอำนาจ ก็สั่งและจัดการทุกคนได้หมด
          การ เปลี่ยนแปลงคาแร็คเตอร์ภายนอกก็จะมีผมขาว หน้าก็ไม่ต้องแต่งมาก มีการทำริ้วรอย พอมีอายุขึ้นน้าวาดก็เป็นคนที่ละเอียดอยู่แล้วก็ทำให้เขามองคนได้ทะลุ มองเห็นว่าคุณหลวงเป็นแบบไหนแล้วก็กลัวว่าสิ่งที่ไม่ดีก็จะเกิดขึ้นกับจัน ดารา เพราะว่าสองคนนี้ที่เขาได้มาเจอกัน เขาไม่ถูกกันอยู่แล้ว แล้วพอจันโตขึ้นจันก็มีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวเหมือนจะต่อสู้คุณหลวง ทำให้น้าวาดต้องอยู่เป็นคนคอยห้ามคอยปราม แต่พอถึงจุดๆ หนึ่งที่จันเขาไม่ฟัง เขาดูจะโหดร้ายกว่าคุณหลวงตอนหนุ่มๆ ด้วยซ้ำ ทำให้น้าวาดผิดหวังมาก ก็เสียใจ ภาคนี้จะร้องไห้เยอะมาก คือแอบร้องไห้ไม่ให้หลานเห็นก็บ่อยมาก

          เรื่องราวในภาคนี้เป็นอย่างไร
          ภาค นี้ก็จะต่อเนื่องจากภาคที่แล้ว หลังจากที่น้าวาดส่งจันไปอยู่ที่พิจิตรได้ซักระยะหนึ่ง ก็มีเรื่องราวร้ายแรงเกิดขึ้นที่บ้านวิสนันท์ จนต้องพึ่งจันให้กลับมาเพื่อมาเคลียร์ปัญหา ซึ่งคุณท้าวยายก็จะมีพันธสัญญากับจันอยู่แล้ว ก็ได้ทำให้จันเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ตอนอยู่กับน้าวาดจันจะเป็นเด็กที่เรียบร้อย อ่อนไหว เป็นคนจิตใจดี แต่ตอนที่ไปอยู่พิจิตรแล้วกลับมาที่วิสนันท์อีกครั้ง เขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เหมือนคุณท้าวยายคอยฝังหัวจันในเรื่องไม่ดีต่างๆ นานา เมื่อจันได้กลับมายึดอำนาจคืนจากคุณหลวง เขาก็ได้ทำเรื่องร้ายแรงมาก จนเราผู้เป็นน้าเห็นแล้วรู้สึกว่าหลานเราคงไม่ใช่จันดาราคนเดิมแล้ว ก็เลยคิดตัดสินใจว่าเราเลี้ยงเขาได้แต่ตัวแต่เราเลี้ยงหัวใจเขาไม่ได้ เราก็ตัดสินใจออกจากบ้านวิสนันท์ไปอยู่ที่พิจิตร เพราะอยู่ไปเขาก็ไม่ฟังเรา และเมื่อเวลาผ่านไปพอเราไม่อยู่ที่นั่น กลับกลายเป็นว่าบ้านหลังนั้นมีเรื่องที่เลวร้ายมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก เรื่องราวในภาคนี้จะพลิกผันตัวละครทุกตัวจากหน้ามือเป็นหลังมือไปเลย

          ฉากประทับใจที่อยากพูดถึงเป็นพิเศษ
          จริงๆ มันสำคัญเท่ากันหมดทุกฉาก และตั๊กเองประทับใจในการแสดงเรื่องนี้ทุกฉากเลยค่ะ อยากให้คนดูไปดูกันเองดีกว่า เพราะว่าสิ่งที่ทุกๆ คนจะได้ชมมันเป็นเรื่องของความเซอร์ไพรส์ แล้วก็เป็นเรื่องของความตระการตาอยากให้เข้าไปดูเอง
          แต่มีฉาก ใหญ่ฉากหนึ่งที่อยู่กันพร้อมหน้าเลยคือฉากที่จันกลับมาทวงสมบัติและอำนาจคืน จากคุณหลวงตั้งแต่วันแรกที่กลับมา ฉากนั้นเป็นฉากที่ดุเดือดมาก ทุกคนเครียดมาก ถ่ายกันตั้งแต่เช้าถึงเย็นก็ยังถ่ายฉากนั้นอยู่ เพราะว่าฉากนั้นเป็นเรื่องของความต่อเนื่อง คือเป็นฉากคำพูดที่ต่อเนื่องทุกอารมณ์ทุกคำ ก็เลยต้องทำให้ต้องถ่ายทำกันนาน คือจันก็กลับมาทวงบัลลังก์อำนาจคืน เขามีเรื่องที่ต้องพูดเยอะมาก แล้วโอ้ก็จำบทได้ดีมาก คือโอ้เป็นคนที่ทำการบ้านมาอย่างดี เหมือนบางทีที่เขาไม่ว่างมาซ้อมบ้าง แต่เขาก็ไม่ละทิ้งการทำการบ้านในเรื่องของบท เขาจำบทได้ยาวมาก แล้วเห็นเค้าเล่นก็เป็นจันที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย ตั๊กคิดว่าคนดูต้องแปลกใจแน่ๆ ส่วนตัวน้าวาดในฉากนี้จะเล่นด้วยสายตาตลอดไม่ได้พูดอะไรมาก จริงๆ ก็ตั้งแต่ภาคแรกแล้ว เพราะว่าเป็นกุลสตรีแบบเก็บ มีอะไรเก็บหมด เก็บกดมาก เงียบมาก เขาจะแสดงแต่อารมณ์ที่ตา ร้องไห้ก็จะร้องที่ตา ดีใจก็จะยิ้มออกตา เป็นตัวละครที่แสดงยากมากจริงๆ ค่ะ

          บทสรุปที่เข้มข้นขึ้นเป็นทวีคูณในภาคปัจฉิมบท
          ใน ภาคปัจฉิมบทก็จะเป็นเรื่องของบทสรุปต่างๆ ที่ทุกคนคิดว่าทำไมๆๆ ที่ดูไว้ แล้วก็ทำไมถึงเป็นแบบนั้นเป็นแบบนี้ในภาคปฐมบท ก็ไปดูได้ในภาคปัจฉิมบทนี้จะมีคำตอบให้หมดเลย เพราะว่าทุกอย่างทุกกระทำที่เริ่มต้นในภาคแรกมีผลกับภาคที่สองอย่างมาก เพราะหม่อมเขาจะเล่าตั้งแต่ต้นจนจบ ก็จะเห็นวิธีคิดของหม่อมที่เขาคิด คือเราจะเห็นว่าเขาคิดต่างจากผู้กำกับคนอื่น เพราะว่าหม่อมเขาจะคิดว่าสิ่งสำคัญของบ้านวิสนันท์ที่เกิดขึ้นก็เพราะความ โลภ ทำให้ทุกคนต้องกลายเป็นความทุกข์ แล้วหม่อมจะตีความความโลภก็คือสมบัติที่ทุกคนเฝ้ากันเพื่ออยากจะดูแล สุดท้ายแล้วมันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันเป็นสิ่งที่โกหกหมดเลย เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องของกรรม การทำกรรมร่วมกันก็จะได้ผลอย่างนี้ ทำให้ตั๊กมองเห็นว่าหม่อมเขากระโดดข้ามสิ่งที่เขาจะเผยแพร่ในเรื่องของธรรมะ กับความเป็นอยู่ของมนุษย์ได้ในแบบที่เป็นภาพยนตร์ แล้วพวกเราก็จะเห็นเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ไม่อยากให้พลาดชมกันค่ะ มาดูกันเยอะๆ ขอบคุณมากๆ ค่ะ ที่ทุกคนได้ชมภาคแรกกัน แล้วทุกคนก็จะได้รู้ทุกคำตอบกับสิ่งที่คุณได้ดูไปในภาคสองนี้ ตั๊กเชื่อว่าทุกคนต้องอยากดูภาคสองค่ะ

FB on February 03, 2013, 06:09:33 PM









FB on February 04, 2013, 04:40:59 PM
แรง!!! ท้าทายทุกสายตา “ณัฏฐ์ เทพฯ” เล่นรักสุดเร่าร้อน “โช นิชิโนะ” ใน “จันดารา ปัจฉิมบท”



          ถูกกล่าวขานกันอย่างอื้ออึงทันทีที่ตัวอย่างภาพยนตร์ไทยฟอร์มยักษ์ “จันดารา ปัจฉิมบท” เผยแพร่หลายฉากเลิฟซีนสุดเร่าร้อนสะกดทุกสายตา รวมถึงฉากเลิฟซีนของ “ณัฎฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” ที่เล่นบทรักร้อนแรงเป็นครั้งแรกในชีวิตการแสดงคู่กับ “โช นิชิโนะ” ดาราสาวชาวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งฉากรักที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งในภาพยนตร์มหากาพย์แห่งโศกนาฎกรรมอันยิ่งใหญ่เรื่องนี้

          “หม่อมน้อย” ผู้กำกับของเรื่องกล่าวว่า
          “บทของขจร ซึ่งณัฏฐ์ เทพหัสดินฯ รับบทนั้นเป็นบทที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณแก้ว (โช นิชิโนะ) นั้นเป็นความรักที่ดื่มด่ำและลึกซึ้ง แต่แล้วก็เกิดเหตุพลิกผันครั้งยิ่งใหญ่เกินกว่าผู้ชมจะคาดเดาได้ ดังนั้นฉากรักของตัวละครคู่นี้จึงต้องออกมาในอารมณ์ที่ร้อนแรงแต่งดงามเป็นศิลปะ ซึ่งทั้งคู่ก็สามารถถ่ายทอดได้อย่างสมบทบาทยิ่งนัก”

          ด้านนักแสดงหนุ่ม “ณัฏฐ์ เทพฯ” เผยถึงฉากเลิฟซีนร้อนแรงนี้ว่า
          “ฉากเลิฟซีนนี้จะไม่มีการซ้อมเพราะว่ามันค่อนข้างถึงเนื้อถึงตัว และเป็นอะไรที่สดพอสมควร เพราะฉะนั้นหม่อมเขาจะปล่อยให้นักแสดงเล่นกันเอง แต่ว่าจะมีการอธิบายอารมณ์ว่าประมาณนี้นะ มันคือความรักก็จริงอยู่ แต่มนุษย์ไม่ได้มีความรักอย่างเดียว มันยังมีความหลงมีตัณหาปะปนอยู่ด้วย มนุษย์ทุกคนมีความต้องการในเรื่องนี้อยู่แล้วโดยธรรมชาติ

          ตอนแรกก็ค่อนข้างกลัว ก็จะมีเกร็งๆ แต่คุณโชเขามีความเป็นนักแสดงสูง และมีความเป็นมืออาชีพมากๆ ก็เล่นออกมาเต็มที่ทั้งคู่ คือเราก็ไม่อยากให้เทคบ่อย เพราะว่าเราก็เกรงใจเขา มันเป็นอะไรที่เปลืองเนื้อเปลืองตัวสำหรับผู้หญิง สำหรับเราอาจจะไม่เท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเราต้องขอโทษเขาไว้ก่อน ถ้ามีอะไรผิดพลาดไปทำให้รู้สึกไม่ดี เราไม่ได้ฉวยโอกาสจากการเล่นบทแบบนี้ ก็คือให้เขาได้รับรู้ว่าเราให้เกียรติเขาในฐานะนักแสดง และนี่คือการทำงาน และทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี โดยที่เทคเดียวแล้วก็มี Insert บ้างนิดหน่อย

          ช่วงเวลาที่เราทำงาน เราจะโฟกัสกับอารมณ์ของตัวละคร ก็มีการรับส่งอารมณ์กันไปมา แต่หลังจากที่คัทปุ๊บ เรามาดูที่ตัวเองเล่นแล้ว อารมณ์เหล่านั้นมันหายไป เราก็อาย เราทำขนาดนี้เลยเหรอ (หัวเราะ) ก็แอบเขินนิดๆ ไม่กล้าดูกับคุณโช แต่เขาก็มืออาชีพมากๆ หลังจากที่ถ่ายเสร็จก็ไม่มีการเคอะเขิน ผมมองว่าเป็นฉากที่สวยงาม คือบางคนอาจจะมองว่าแรงไปหรือเปล่า แต่สำหรับผมมันคือความรักของคุณขจรที่มีให้กับคุณแก้ว ถ้าคุณดูฉากนี้แล้ว คงจะได้รับรู้ถึงอารมณ์ที่เกิดขึ้นในฉากเดียว ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันมีความหลากหลายของอารมณ์ตัวละครมาก ถ้าสังเกตดีๆ จะมีอารมณ์ทั้งรักผู้หญิงคนนี้จัง และก็มีความเป็นสัตว์ป่า มีความเป็นมนุษย์จริงๆ ที่มีความรักและตัณหา คุณจะรับได้ถึงตรงนี้จริงๆ ครับ”

          เตรียมพบอีกหนึ่งฉากรักสุดสวยงามและร้อนแรงจนอารมณ์แทบแตกซ่านนี้ได้ใน “จันดารา ปัจฉิมบท” พร้อมฉาย 7 ก.พ. 2556 ในโรงภาพยนตร์

FB on February 07, 2013, 04:55:11 PM
จัน ดารา ปัจฉิมบท ให้คุณลุ้นควงแขนเที่ยวกับเคน กระทิงทอง ถึง ภูเก็ต กับ Air Asia และ จันทร์ดารา รีสอร์ท แอนด์ สปา เพียงชมภาพยนตร์ ทุก 2 ที่นั่ง ที่โรงภาพยนตร์เครือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์



           บทสรุปของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปีที่หลายคนรอคอย “จันดารา ปัจฉิมบท” มอบโชคใหญ่ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน ให้ผู้ชมได้ร่วมลุ้นไปพักผ่อนแบบสุดหรูกับ นิว ชัยพล ผู้รับบท เคน กระทิงทอง หนึ่งในบทนำของภาพยนตร์เรื่องนี้

          บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ร่วมกับ โรงภาพยนตร์เครือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ มอบโชคใหญ่ ให้คุณได้ร่วมเหินฟ้าสู่ ภูเก็ต ดินแดนสุดพิเศษแห่งการพักผ่อน โดยได้รับการสนับสนุนจาก สายการบิน แอร์เอเชีย และ จันทร์ดารา รีสอร์ท แอนด์ สปา ในการสนับสนุนการเดินทางและที่พัก สำหรับผู้โชคดี ที่ชมภาพยนตร์เรื่อง จันดารา ปัจฉิมบท ทุก 2 ที่นั่ง ที่โรงภาพยนตร์ เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์, อีจีวี, พารากอนซีนีเพล็กซ์, เอสพลานาดซีนีเพล็กซ์, พาราไดซ์ ซีนีเพล็กซ์ และ เม๊กกะซีนีเพล็กซ์ แล้วรับคูปองส่งชิงรางวัล ลุ้นบินสู่ภูเก็ตกับ Air Asia และพักหรู 3 วัน 2 คืน ณ จันทร์ดารา รีสอร์ทแอนด์สปา ภูเก็ต พร้อมร่วมกิจกรรมกับหนุ่มหล่อ- นิว ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ท รวมทั้งสิ้น 10 รางวัล มูลค่ากว่า 600,000 บาท

          โดยทุกท่านสามารถร่วมสนุกกับ กิจกรรมนี้ได้ตั้งแต่ 7-25 กุมภาพันธ์ 2556 นี้ และประกาศผลผู้โชคดีในวันที่ 8 มีนาคม 2556 ทาง www.majorcineplex.com และทางโทรศัพท์

          เตรียมพบกับความยิ่งใหญ่และบทสรุปของสังวาสนาฏกรรมใน “จันดารา ปัจฉิมบท” พร้อมฉาย 7 ก.พ. 2556 ในโรงภาพยนตร์
ปิดฉากมหากาพย์โศกนาฏ

FB on February 07, 2013, 04:56:10 PM
ปิดฉากมหากาพย์โศกนาฏกรรม “จันดารา ปัจฉิมบท” เปิดรอบปฐมทัศน์สุดยิ่งใหญ่ “หว่องกาไว” มอบดอกไม้แสดงความยินดี







          สู่ บทสรุปส่งท้ายภาคอวสานอย่างอลังการสมเกียรติภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปี “จันดารา ปัจฉิมบท” ที่เปิดรอบปฐมทัศน์สุดยิ่งใหญ่ไปแล้วเมื่อค่ำวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ณ โรงภาพยนตร์ SF World Cinema ท่ามกลางบรรยากาศสุดคึกคักของบรรดากองทัพสื่อมวลชน, คนบันเทิง และแขกรับเชิญผู้ทรงเกียรติหลากหลายแขนงที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

          เปิด งานด้วยการเดินพรมแดงของเหล่านักแสดง นักร้อง คนบันเทิงที่มาร่วมให้กำลังใจและร่วมชมภาพยนตร์เรื่องนี้กันอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็น ชาย-ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ, วิกกี้-สุนิสา เจทท์, อ้อม พิยดาและศรา จุฑารัตนกุล, มอส-ปฏิภาณ ปฐวีกานต์, ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล, ซอนย่า คูลลิ่ง, วิน โปลโดมินิก วัชรสินธุ์, นุสบาและพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์, แบงค์-อธิกิตติ์ พริ้งพร้อม (Black Vanilla), กิ๊บซี่-วนิดา เติมธนาภรณ์, บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี, ติ๊งโน้ต-ฐิติพงศ์ วโรกร, แพม-ลลิตา ตะเวทิกุล, คิว วงฟลัวร์-สุวีระ บุญรอดและทีมนักแสดงละครเวทีมิสไซง่อน, รอน AF5-ภัทรภณ โตอุ่น, มิ้นท์ AF3-มิณฑิตา วัฒนกุล, มัดหมี่-พิมดาว พานิชสมัย, นุ่น-วรนุช ภิรมย์ภักดี, อรุโณชา ภาณุพันธ์, เบนซ์-พรชิตา ณ สงขลา, มิค-บรมวุฒิ หิรัณยัษฐิติ, ไดอาน่า จงจินตนาการ, อรนภา กฤษฎี, ถกลเกียรติ วีรวรรณ, สน-ยุกต์ ส่งไพศาล รวมถึง ทีม The Star – เมย์, สิงโต, แกรนด์, กัน, โตโน่, ตูมตาม, ซิลวี่, กวาง, แอมป์, ฮั่น, แคน, ฮัท, เฟรม, สต๊อป ฯลฯ

          ต่อด้วยการเปิดตัวสุดยอดทีมนักแสดงนำและรับเชิญของภาพยนตร์ มหากาพย์แห่งโศกนาฏกรรมเรื่องนี้คือ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ (ร้อยตำรวจเอกเรืองยศ) พงศ์สิรี บรรลือวงศ์ (ร้อยตำรวจเอกดนัย), ภัทรนันท์ รวมชัย (สายสร้อย), ดิว เดอะสตาร์ อรุณพงศ์ ชัยวินิตย์, กานต์พิสชา เกตุมณี (บุหงา), รัดเกล้า อามระดิษ (คุณท้าวพิจิตรรักษา), ปิยะ เศวตพิกุล (ส้มจุก), สาวิกา ไชยเดช (ดารา-ไฮซินธ์), ทวีศักดิ์ ธนานันท์ (จอม), เกรียงไกร อุณหนันทน์ (เสด็จพระองค์ชาย), เนาวรัตน์ ซื่อสัตย์ (ภรรยา), โช นิชิโนะ (คุณแก้ว), ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา (คุณขจร), นัท มีเรีย (ผู้ให้เสียงคุณแก้ว), ศักราช ฤกษ์ธำรงค์ (คุณหลวงวิสนันท์เดชา), รฐา โพธิ์งาม (คุณบุญเลื่อง), โดม-ปกรณ์ ลัม, ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต (เคน กระทิงทอง), วรรณรท สนธิไชย (มาลัย) และ มาริโอ้ เมาเร่อ (จัน ดารา) พร้อมด้วยผู้กำกับชั้นครู หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล

          จาก นั้นจึงเชิญ “เสี่ยเจียง-สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” ประธานบริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล พร้อมทีมผู้บริหารและทีมงานภาพยนตร์ขึ้นมาร่วมเปิดแชมเปญเฉลิมฉลองให้แก่ ภาพยนตร์เรื่องนี้

          ก่อนที่จะเชิญแขกรับเชิญคนพิเศษ “อุ๋ย-นนทรีย์ นิมิบุตร” และ “หนุ่ม-สุวินิต ปัญจมะวัต” ผู้กำกับและผู้รับบท “จัน ดารา” เวอร์ชั่น 2544 ขึ้นมามอบช่อดอกไม้แสดงความยินดี           

          และปิดท้ายด้วยเซอร์ไพรส์พิเศษสุดจาก “คุณไตรเทพ วงศ์ไพบูลย์” Senior Vice President ของกันตนา ซาวด์ แล็บ ตัวแทนของผู้กำกับระดับโลก “หว่องกาไว” ที่ฝากกระเช้าดอกไม้มาแสดงความยินดีให้กับภาพยนตร์ ซึ่งถือเป็นการแสดงมิตรภาพและสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้กำกับระดับนานาชาติ ต่อผู้กำกับและวงการภาพยนตร์ไทยอย่างสุดประทับใจ

          “จันดารา ปัจฉิมบท” พร้อมสู่บทสรุปแห่งกรรมตัณหา 7 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์

FB on February 13, 2013, 04:24:00 PM
พลิกบทร้ายกาจคาดไม่ถึง “มาริโอ้” ได้ใจผู้ชมเต็มๆ ใน “จันดารา ปัจฉิมบท”








 
           จากเด็กหนุ่มผู้อ่อนไหวไร้เดียงสาในภาคปฐมบท “มาริโอ้ เมาเร่อ” ต้องพลิกบทร้ายสุดเข้มข้นจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างคาดไม่ถึงเป็นครั้งแรก ในชีวิตการแสดงใน “จันดารา ปัจฉิมบท” บทสรุปแห่งกรรมตัณหาภาคอวสานของเรื่อง ซึ่งพระเอกหนุ่มเจ้าเสน่ห์ก็สามารถเข้าถึงบทบาทร้ายและด้านมืดของตัวละครนี้ ได้อย่างดีเยี่ยมจนสามารถได้ใจและเสียงตอบรับชื่นชมจากเหล่าคนดูไปเต็มๆ

          มาริโอพูดถึงบทร้ายครั้งแรกในชีวิตนี้ว่า

          “สำหรับ บทร้ายครั้งแรกของโอ้ มันค่อนข้างยากเหมือนกันครับ มันละเอียดทางอารมณ์มากๆ เพราะสิ่งที่จันเคยถูกกระทำมาตั้งแต่ภาคแรกมันไม่ใช่สิ่งที่เขาควรจะเจอ ชีวิตเขาไม่ควรจะเจอแบบนี้ เขาก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องถูกทำร้ายถูกทารุณอะไรอย่างนี้ และจันก็ยังโดนคุณท้าวยายฝังหัวใส่ทุกอย่างมาที่จัน ให้มีความเจ้าคิดเจ้าแค้น เราต้องทวงคืนทรัพย์สินและอำนาจ นี่คือสมบัติของเรา เหมือนทุกอย่างมารวมกันทั้งสิ่งที่ผู้ใหญ่บอก ทั้งสิ่งที่อยู่ในใจของจันด้วย ก็เลยทำให้จันต้องทำอะไรต่างๆ ที่ร้ายแรงลงไป และแรงขึ้นเรื่อยๆ จนผลสุดท้ายแล้ว สิ่งที่จันทำกับคุณหลวงก็แรงกว่าที่คุณหลวงเคยทำกับจันซะอีกครับ

          วิธี ที่โอ้เข้าถึงบทบาทได้ง่ายก็คือคิดถึงสิ่งที่เราต้องทำ ถึงหน้าที่ที่เราต้องทำ ก็ยังไม่ลืมความเป็นจันลึกๆ ถ้าได้ดูในหนังจริงๆ จันก็ไม่อยากทำอะไรหลายๆ อย่างที่ทำลงไป แต่ว่าด้วยภาระหน้าที่และสิ่งที่สัญญากับผู้ใหญ่ก็เลยต้องทำไปอย่างช่วยไม่ ได้ สำหรับโอ้รู้สึกว่ารู้สึกเศร้าเหมือนกัน สิ่งที่เขาเจอมาตอนเด็กๆ มันก็หนักมาก ทำให้มันเป็นผลมาจนถึงสิ่งที่เขากระทำตอนนี้ ผมว่าผู้ชมที่ดูมาตั้งแต่ภาคแรก เขาก็ต้องรู้สึกตรงนั้นอยู่แล้ว เพราะว่าสิ่งที่จันโดนมาก็ใช่ว่าจะเบา และสิ่งที่เขาทำกลับไปมันก็หนักจนถึงหนักกว่าด้วย

          สำหรับโอ้ ถ้าถามว่า ส่วนใหญ่จะรับบทพระเอกและต้องทำดี แต่สำหรับจันดาราเป็นอีกเคสหนึ่งที่จัน ดาราเป็นพระเอกแต่ทำสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่มันร้ายแรงด้วย สำหรับโอ้รู้สึกว่าไม่กลัวครับว่าแฟนคลับหรือคนที่มาดูแล้วเขาจะรู้สึกไม่ดี ถ้าเขารู้สึกไม่ดีแสดงว่าเราแสดงได้ดีแล้ว ก็ทำให้คนได้เห็นว่าสิ่งที่จันเขาทำไม่ดีก็คือไม่ดี ทำให้เขาเห็นไปเลยครับ ถ้าคนดูชอบในการพลิกบทร้ายของโอ้ โอ้ก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ชอบและสนับสนุนโอ้มาโดยตลอด สำหรับโอ้บทนี้มันเป็นบทที่ท้าทายตัวโอ้เองมากๆ ถือเป็นก้าวใหญ่ก้าวหนึ่งในอาชีพการแสดงของโอ้เลยครับ”

พบความร้ายกาจของ “มาริโอ้ เมาเร่อ” ที่คุณจะคาดไม่ถึงใน “จันดารา ปัจฉิมบท” วันนี้ในโรงภาพยนตร์

FB on February 18, 2013, 05:07:58 PM
ปิดถนนราชดำเนินนอกถ่าย “จันดารา ปัจฉิมบท” “มาริโอ้-นิว ชัยพล” เล่นบทชราวัย 80 “โดม-ปกรณ์ ลัม” เซอร์ไพรส์รับเชิญเกียรติยศ










 
           เพื่อความยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์มหากาพย์แห่งโศกนาฏกรรม “จันดารา ปัจฉิมบท” ซึ่งเป็นภาคอวสานแห่งชีวิตของจัน ดารา “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” ผู้กำกับชั้นครูได้ปิดถนนราชดำเนินนอกเพื่อถ่ายฉากเปิดและอวสานของเรื่องซึ่ง “จัน ดารา” วัยชรา (มาริโอ้ เมาเร่อ) นั่งคอยเพื่อนรัก “เคน กระทิงทอง” (นิว-ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) เพื่อระลึกถึงความหลังครั้งยังเป็นหนุ่ม โดยมี “อ.มนตรี วัดละเอียด” ผู้เชี่ยวชาญการแต่งหน้าเอฟเฟ็คต์แปลงโฉมมาริโอ้และนิวให้เป็นชายชราวัย 80 ได้อย่างแนบเนียนและสมจริงโดยใช้เทคนิคการแต่งหน้าแบบที่ใช้ในฮอลลีวู้ด โดยใช้เวลาในการแต่งหน้านานถึงคนละ 4 ชั่วโมงเลยทีเดียว

          หม่อมน้อยได้เปิดเผยถึงเบื้องหลังฉากนี้ว่า
          “ทั้งมาริโอ้และนิวต้องตื่นตั้งแต่ตี 3 เพื่อแต่งหน้าเข้าฉากนี้ ซึ่งต้องเริ่มถ่ายทำกันตั้งแต่ 7 โมงเช้าจนถึง 6 โมงเย็น และยังต้องแสดงเป็นคนแก่วัย 80 อยู่ที่เกาะกลางถนนท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุสลับกับฝนตกเป็นระยะ และเมคอัพที่ใช้นั้นเหมาะแก่เมืองหนาวทำให้มีปัญหาการละลายของกาวแต่งหน้า ทำให้ทางกองถ่ายต้องสั่งท่อแอร์คอนดิชั่นมาเป่าที่ตัวมาริโอ้และนิวตลอดเวลา ผมรู้สึกประทับใจในตัวทั้งคู่มากที่อดทนในปัญหาที่เกิดขึ้น และแสดงออกมาได้อย่างน่ารักและเบาสมอง อีกทั้งยังซาบซึ้งประทับใจในมิตรภาพของเพื่อนที่ไม่เคยทิ้งกันแม้ในบั้นปลายของชีวิต และที่พิเศษในฉากนี้ก็คือเรายังได้รับเกียรติจากซูเปอร์สตาร์ ‘โดม-ปกรณ์ ลัม’ มาเป็นดารารับเชิญเกียรติยศในฉากอวสานของเรื่อง ทำให้ฉากอวสานของเรื่องนี้ยิ่งใหญ่และสมบูรณ์แบบเป็นที่สุดสมเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปี”

          สู่บทสรุปแห่งกรรมตัณหาใน “จันดารา ปัจฉิมบท” วันนี้ในโรงภาพยนตร์

FB on February 18, 2013, 05:21:07 PM
“สหมงคลฟิล์ม” นำ “จันดารา ปฐมบท” กวาด 3 รางวัลใหญ่ท็อปอวอร์ดส 2012

 
 
          นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจ เมื่อ บริษัท สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้รับ 3 รางวัลใหญ่จากงานประกาศผลรางวัล Top Awards 2012 เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา ณ. หอประชุมใหญ่ศูนย์วัฒนธรรม โดยนิตยสารทีวีพูลจัดงานประกาศผลรางวัลเพื่อมอบให้กับคนในวงการบันเทิงในสาขาต่างๆ ทั้งภาพยนตร์ ละคร เพลง รายการโทรทัศน์ ซึ่งเป็นการตัดสินโดยผลโหวตจากประชาชน และผู้อ่านนิตยสารทีวีพูล

          ทั้งนี้ภาพยนตร์เรื่อง จันดารา ปฐมบท ของบริษัท สหมงคลฟิล์มฯ สามารถคว้ารางวัลใหญ่ถึง 3 รางวัล ได้แก่ ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล กับรางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ,หญิง รฐา โพธิ์งาม รางวัลนักแสดงดาวรุ่งหญิงยอดเยี่ยม และภาพยนตร์เรื่อง จันดารา ปฐมบท ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในครั้งนี้ด้วย โดยหม่อมน้อยผู้กำกับภาพยนตร์ได้ถึงความรู้สึกว่า “รู้สึกดีใจมากที่นิตยสารทีวีพูลได้มองเห็นถึงความตั้งใจของทีมงานและนักแสดงทุกคน ขอขอบคุณบริษัท สหมงคลฟิล์ม และประชาชนทุกคนที่ชื่นชอบภาพยนตร์เรื่อง จันดารา ปฐมบทนี้”

FB on February 23, 2013, 05:25:51 PM
“หม่อมน้อย” ปลื้มกระแสตอบรับ “จันดารา ปัจฉิมบท” ดีเกินคาด



          หลัง จากภาพยนตร์มหากาพย์โศกนาฏกรรมอันยิ่งใหญ่ “จันดารา ปัจฉิมบท” เข้าฉายได้เพียง 2 สัปดาห์ กระแสตอบรับจากผู้ชมทั้งรายได้และเสียงชื่นชมก็หลั่งไหลเข้ามาเกินความคาด หมาย “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” ผู้กำกับฯ ของเรื่องได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า

“กระแสความประทับใจและชื่นชมในฝีมือการ แสดงของทีมนักแสดงทุกคนในเรื่องนี้มีมาอย่างท่วมท้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาริโอ้ เมาเร่อที่พลิกบทบาทจนโดดเด่น สามารถถ่ายทอดชีวิตจัน ดาราได้อย่างลึกซึ้งกินใจ รวมทั้งนิว ชัยพลในบทเคน กระทิงทองที่ยังทรงเสน่ห์ตรึงใจผู้ชมทุกเพศทุกวัยได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในฉากที่จัน ดาราเอาปิ่นโตมาง้อเคนด้วยความสำนึกผิด เป็นฉากที่ประทับใจผู้ชมจนน้ำตาซึมในมิตรภาพของความเป็นเพื่อนแท้ จนถึงฉากจบของภาพยนตร์ที่ทั้งคู่ต้องรับบทชายชราวัย 80 แต่ไม่เคยทอดทิ้งซึ่งกันและกัน ส่วนการแสดงของศักราช ฤกษ์ธำรงค์, หญิง รฐา, ตั๊ก บงกช, รัดเกล้า และ ณัฏฐ์ เทพหัสดินฯ ก็ได้รับคำวิจารณ์ว่ายอดเยี่ยมจากทั้งผู้ชม และนักวิจารณ์”

          สำหรับ รายได้ของ “จันดารา ปัจฉิมบท” นับเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงที่สุดในโปรแกรมตรุษจีนที่ผ่านมา และทะลุเป้าเกินรายได้ของภาคปฐมบทกับการเข้าฉายเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น

          พบบทสรุปแห่งกรรมตัณหา “จันดารา ปัจฉิมบท” วันนี้ในโรงภาพยนตร์