KTAMประเดิมจ่ายปันผลKTSE-TOFกว่า163ล้าน พร้อมเปิดขายตราสารหนี้ตปท.6เดือนชู2.95%
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการจัดการลงทุน มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผล 2 กองทุน มูลค่ากว่า 163 ล้านบาท ประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงไทยซีเล็คทีฟ อิควิตี้ ฟันด์ ( KTSE) ประกาศจ่ายเงินปันผลเป็นครั้งที่ 6/2555 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีวันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2555 ในอัตรา 1.25 บาทต่อหน่วย ปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 9 มกราคม 2556 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 16 มกราคม 2556 จากผลการดำเนินงานในปี 2555 รวมจ่ายเงินปันผลทั้งสิ้น 5.05 บาทต่อหน่วย สำหรับผลตอบแทน ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2555 ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 19.75% และ ย้อนหลัง1 ปี อยู่ที่ 38.19% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานAIMC ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 18.75% และ1 ปี อยู่ที่ 35.76% นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพิจารณาจ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดไทยสร้างโอกาส ( TOF ) ครั้งที่ 3/2555 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีวันที่ 1 มกราคม -31 ธันวาคม 2555 ในอัตรา 2.00 บาทต่อหน่วย ปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 9 มกราคม 2556 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 16 มกราคม 2556
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไว้ที่ 1,475 จุด และคาดว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยจะเริ่มชะลอตัวลดความร้อนแรงลงจากปีที่ผ่านมา และมีความผันผวนมากขึ้น โดยมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศ ทั้งในสหรัฐ ยูโรโซน จีน และแนวโน้มนโยบายการเงินการคลัง ส่วนปัจจัยเสี่ยงภายในประเทศ ได้แก่ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ว่า จะมีส่วนช่วยผลักดันการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นได้หรือไม่ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดหวังว่าจะเป็นปีของ New Investment cycle ผ่านการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐและเอกชน ซึ่งราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่มีการปรับตัวขึ้นมารับข่าวดังกล่าวบ้าง
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในกองทุนหุ้นของบริษัทในปีนี้ หากเทียบกับระดับ SET Index ในระดับปัจจุบัน ถือว่ามีโอกาสในการปรับตัวขึ้นไม่มากนัก ดังนั้นการเลือกหุ้นเพื่อลงทุน ในช่วงต่อจากนี้ไป จะเป็นงานที่ยากและท้าทายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเลือกหุ้นภายหลังจากที่หุ้นมีการปรับตัวมามากพอสมควร การที่จะหาหุ้นที่ถูกมองข้าม และราคายังไม่ค่อยมีการปรับตัวขึ้น นับว่าหาได้ยาก ดังนั้น จึงจะกำหนดกลยุทธ์ในการลงทุน โดยมีการกำหนดกรอบการคัดสรรหุ้นให้สอดคล้องกับแนวโน้มและทิศทางการลงทุน ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระยะ 1-3 ปีข้างหน้า เช่น การเข้าสู่ช่วงวัฎจักรการลงทุนรอบใหม่ ของเศรษฐกิจไทย การเดินหน้าผลักดันการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ ขณะเดียวกันต้องเลือกหุ้นให้สอดรับกับแนวโน้มที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น การขยายตัวของตลาดจากการเปิดเขตการค้าเสรี การเพิ่มปริมาณการท่องเที่ยวของนักลงทุนในภูมิภาค การเคลื่อนย้ายทุน ทรัพยากร และแรงงานที่เปิดกว้างขึ้น บทบาทของเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนกับเศรษฐกิจโลกที่ทวีความสำคัญ และกำลังเป็นจุดสนใจของนักลงทุนทั่วโลก การเข้าสู่สังคมเมืองของประชากรโลก นโยบายรัฐบาลในหลายประเทศ ที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนของการบริโภคภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาการส่งออก โครงสร้างประชากรไทยที่เข้าสู่สังคมของคนสูงวัย และอิทธิพลของเทคโนโลยีการสื่อสาร โซเซียลเน็ตเวิร์ค ดังนั้น กลยุทธ์การเลือกหุ้นสำหรับลงทุนปี 2556 คาดว่าหุ้นที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มบรรจุภัณฑ์ กลุ่มอาหาร และกลุ่มธุรกิจประกัน
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า ในสัปดาห์นี้ บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย ธนทรัพย์ บี 71 (KTSUPB71) อายุโครงการประมาณ 6 เดือน โดยคาดว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.95% ต่อปี ซึ่งจะเน้นลงทุนในเงินฝากของสถาบันการเงินใน UAE/ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ประมาณ 44% และตราสารหนี้ของสถาบันการเงินชั้นนำในรัสเซีย และบราซิลประมาณ 33% ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารการเงินของสถาบันการเงินและบริษัทเอกชนไทยที่มีอันดับเครดิต BBB ขึ้นไป