happy on December 06, 2012, 04:30:47 PM

DEADFALL

เรื่องย่อ

               สองพี่น้อง แอดดิสัน (อีริค บานา) และลิซา (โอลิเวีย ไวลด์) กำลังหลบหนีจากการก่อเหตุปล้นคาสิโน ที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า ในขณะเดียวกัน เจย์ (ชาร์ลีย์ ฮันแนม) อดีตนักมวยผู้มีปัญหาทางใจ กำลังมุ่งหน้ากลับบ้านเพื่อไปใช้เวลาในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้ากับพ่อแม่ของเขา จูน (ซิสซี สปาเซ็ค) และเชท (คริส คริสทอฟเฟอร์สัน) นายอำเภอผู้เกษียณอายุแล้ว
            หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ส่งผลให้คนขับรถและเจ้าหน้าที่รัฐคนหนึ่งเสียชีวิต แอดดิสันและลิซาก็ต้องแยกกันหนี และต่างคนต่างก็มุ่งหน้าไปยังพรมแดนแคนาดาท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด นั่นคือพายุหิมะขาวโพลน ระหว่างที่แอดดิสันบุกป่าฝ่าดง และทิ้งร่องรอยความวุ่นวายโกลาหลไว้เป็นทาง ลิซาก็ถูกเจย์รับขึ้นรถเพื่อพาไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุด
            เจย์และลิซาเกิดความผูกพันกันในทันที และทั้งคู่ก็ติดอยู่ท่ามกลางพายุหิมะโหมกระหน่ำด้วยกัน ขณะที่ความต้องตาพึงใจทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างทั้งคู่ พวกเขาก็เริ่มตระหนักว่า โชคชะตานั่นเองที่ชักพาให้พวกเขาได้มาพบกัน
            เจย์จะต้องแวะสถานที่อีกแห่งหนึ่งก่อนที่พวกเขาจะข้ามพรมแดน ซึ่งก็คือบ้านพ่อแม่ของเขา และทั้งคู่ก็ตระหนักได้ว่า พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับสายสัมพันธ์ครอบครัว ที่บางครั้งก็น่าอึดอัด ก่อนที่พวกเขาจะก้าวต่อไปได้







ญาติมิตรและพี่น้อง

               มือเขียนบทแซ็ค ดีน กล่าวว่า แผนการเริ่มแรกสำหรับบทภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาคือการเขียนเรื่องตามแบบฉบับ เป็นทริลเลอร์แบบตรงไปตรงมา แต่หลังจากที่ได้ขึ้นเที่ยวบินข้ามทวีปจากแคลิฟอร์เนียไปยังนิวยอร์ก เรื่องราวจริงๆ ก็ได้ปรากฏชัดเจนต่อหน้าเขา
            หลังจากเครื่องเทคออฟได้ไม่นาน นักบินก็รู้ตัวว่าระบบลงจอดของเครื่องเก็บเข้าที่ไม่ได้ทำให้มีการปรับวิถีการบินอย่างรวดเร็วไปยังลานจอดที่สนามบินแล็กซ์ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ทำให้ดีนมีเวลานานราวชั่วนิรันดร์ให้ได้ไตร่ตรองถึงชีวิตความเป็นความตายของตัวเอง
            “เรามีเวลาบินวนรอบอยู่สามชั่วโมง” ดีนบอก “เจ็ท บลูมีมอนิเตอร์ตรงด้านหลังที่นั่งทุกที่ ทุกคนก็เลยมองเที่ยวบิน 292 บนข่าวฟ็อกซ์ นิวส์วนไปวนมา มันเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจจริงๆ ครับ” ขณะที่นักบินบินวนรอบสนามบินเพื่อเผาผลาญเชื้อเพลิงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อนที่จะพยายามร่อนลงจอด ดีนก็พบว่าความรู้สึกที่เขามีเกี่ยวกับชีวิต ครอบครัวและความต้องการมีลูกเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างชัดเจน
            “ตัวละครหลักทุกตัวในหนังเรื่องนี้จะมาจากครอบครัวที่เชื่อมโยงสัมพันธ์กัน ที่จะได้มาเจอกัน มันจะเป็นสายใยที่ร้อยเรียงกันของเรื่อง เป็นฉากหลังให้กับทริลเลอร์ ที่เกี่ยวกับผู้ร้ายหลบหนี นั่นเป็นธีมนำทางว่ามันจะเป็นหนังเกี่ยวกับครอบครัวที่แตกต่างหลากหลายเหล่านี้ ของคนที่มีสายเลือดเดียวกันน่ะครับ”
            หลังจากกลับมาบ้าน ตัวละครของเขาก็โลดแล่นออกมาจากหน้ากระดาษ ร้อยเรียงกันจากเรื่องราวที่ล้วนแล้วแต่ย้อนกลับไปสู่ธีมความสัมพันธ์ของครอบครัวทั้งสิ้น “เรื่องแรกคือเรื่องของแอดดิสันกับลิซาครับ” ดีน พูดถึงตัวละครของอีริค บานาและโอลิเวีย ไวลด์ “พี่น้องผู้มีอดีตมืดหม่น แต่ยังคงรักใคร่กัน ในระดับที่ไม่ชอบมาพากล พวกเขาเป็นคนที่เอาตัวรอดได้ ซึ่งในหลายๆ แง่มุมแล้ว พวกเขารักกันและกันมาก แต่ก็ยังอันตรายอยู่ดี ส่วนเรื่องที่สองคือการกลับบ้านของเจย์ (ชาร์ลีย์ ฮันแนม) นักโทษ ผู้มีสายสัมพันธ์ที่ห่างเหินกับพ่อของเขา เชท (คริส คริสทอฟเฟอร์สัน) และแม่ของเขา จูน (ซิสซี สปาเซ็ค) และความปรารถนาของเขาที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับพวกเขาและแก้ตัวใหม่ เรื่องที่สามเป็นเรื่องของนายอำเภอเบ็คเกอร์ (ทรีท วิลเลียมส์) ผู้ซึ่งฮันนา (เคท มารา) ลูกสาวของเขาเป็นเจ้าหน้ารัฐที่ต้องการการยอมรับจากเขา มันมีแรงขับเคลื่อนที่จะเชื่อมโยงแง่มุมต่างๆ ทั้งหลายเหล่านี้ของครอบครัว ที่มาเจอกันระหว่างพายุหิมะครั้งใหญ่ ในเหตุการณ์ใหญ่ครั้งนี้ครับ”
            หลังจากที่ถูกรบเร้าจากผู้จัดการของดีน ผู้อำนวยการสร้างเชลลี คลิพพาร์ด (Lara Croft Tomb Raider: The Cradle of Life, Year Of The Bull) ก็ได้อ่านบทภาพยนตร์ฉบับสมบูรณ์และเธอก็ประทับใจกับจังหวะการเดินเรื่องที่รวดเร็วและตัวละครที่ถูกเขียนขึ้นอย่างเฉียบคมในทันที
            “มันเป็นเรื่องราวที่วิเศษสุดค่ะ” คลิพพาร์ดเล่า “อ่านแล้วหยุดไม่ได้เลย มันเป็นอะไรที่สดใหม่ ไม่เหมือนใคร และมีตัวละครที่เหลือเชื่อ โดยเฉพาะ แอดดิสัน เขาเป็นผู้ร้ายที่เหลือเชื่อจริงๆ ในฐานะผู้อำนวยการสร้าง คุณจะฝันถึงการได้เลือกนักแสดงสำหรับบทแบบนี้ค่ะ ฉันก็เลยนำมันไปเสนอให้กับแกรีทันที”
            ผู้อำนวยการสร้างแกรี เลวินซอห์น (Saving Private Ryan, Snakes on a Plane, Twelve Monkeys) ตระหนักถึงคุณสมบัติที่คลาสสิกของเนื้อเรื่องนี้ในทันที “สิ่งที่คุณจะต้องมองหาเสมอคือสมดุลระหว่างตัวละครกับพล็อต และคุณก็ต้องพยายามทำให้ตัวเองเชื่อว่าคุณมีเวลามากมายน่ะครับ” เลวินซอห์นบอก “ผมคิดว่า วัฒนธรรมส่วนใหญ่ ซึ่งตามประวัติศาสตร์แล้วมักจะเผชิญหน้ากับภัยคุกคามของการถูกรุกรานเสมอ จะต้องเรียนรู้ในการวางตัวเองเวลาอยู่กับคนอื่น มันเป็นเรื่องง่ายที่จะรู้สึกเชื่อมโยงกับธีมเรื่องนี้ เมื่อดูจากการที่เราทำตัวอย่างไรเวลาเราอยู่ในกรอบของครอบครัวเราเองและเวลาที่เราอยู่ห่างจากพวกเขาน่ะครับ”
            เมื่อได้บทภาพยนตร์ที่แข็งแรงมาแล้ว งานต่อไปสำหรับทีมสร้างคือการหาผู้กำกับที่จะใส่ความคิดอ่านที่เหมาะสมให้กับเรื่องราวนี้ หลังจากได้ดู “The Counterfeiters” ภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลอคาเดมี อวอร์ดปี 2008 สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมแล้ว เลวินซอห์นก็รู้ว่าผู้กำกับที่เขาต้องการคือสเตฟาน รูโซวิทซ์กี้ ชาวออสเตรีย ตัวผู้อำนวยการสร้างยอมรับว่าเขาแอบ “สะกดรอยตาม” รูโซวิทซ์กี้ และไปปรากฏตัวหน้าประตูบ้านเขาในเวียนนาเพื่อนำเสนอโปรเจ็กต์นี้
            สำหรับรูโซวิทซ์กี้ สิ่งที่ทำให้เขาทึ่งเกี่ยวกับเรื่องราวนี้คือคอนเซ็ปต์ของครอบครัวที่ถูกสำรวจในเรื่องราวนี้ “ผมรู้สึกขันกับความหมกมุ่นเรื่องครอบครัวของชาวอเมริกันเสมอครับ” ผู้กำกับกล่าว “ชาวอเมริกันมีภาพอุดมคติของครอบครัวที่เพอร์เฟ็กต์ แต่ทุกคนกลับหัวเสีย เพราะครอบครัวของเขาหรือเธอไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ขนาดนั้น แต่มันจะเพอร์เฟ็กต์ได้ยังไงล่ะครับ”
            คำถามเกี่ยวกับสัมพันธภาพทางศีลธรรม ครอบครัว มิตรภาพและความรักและการทำร้ายเป็นแก่นสำคัญของเรื่อง ความสัมพันธ์สำคัญอยู่ที่ลิซาและความภักดีที่เธอมีต่อแอดดิสัน พี่ชายของเธอ และต่อเจย์ คนรักของเธอ “ผมไม่เคยมองว่าเจย์เป็นฮีโร ลิซาเป็นหญิงคนรักและแอดดิสันเป็นตัวร้ายเลยครับ” รูโซวิทซ์กี้กล่าว “จริงๆ แล้ว เรามีตัวเอกสามคน และแต่ละคนก็เป็นตัวเอกในเรื่องราวเล็กๆ ของเขาหรือเธอทั้งนั้น และท้ายที่สุด เนื้อเรื่องทั้งสามนี้ก็มาประสานงากันครับ”
            จากนั้น แกรี, เชลลีและสเตฟานก็ทาบทามเบน คอสโกรฟ หัวหน้าฝ่ายโปรดักชันที่ท็อดด์ แว็กเนอร์ และ 2929 โปรดักชันส์ของมาร์ค คิวบัน เผื่อว่าพวกเขาจะสนใจสนับสนุนด้านเงินทุนให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ เบนเป็นแฟนผลงานของสเตฟานและเขาก็นำโปรเจ็กต์นี้ไปเสนอกับท็อดด์ทันที หลังจากได้อ่านบท ท็อดด็ก็เล่าว่าเขาคิดว่า “การสำรวจความหมายที่แท้จริงของการเป็นครอบครัวและกลไกที่ซับซ้อนของความสัมพันธ์เหล่านั้นโดนใจผมจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น สายสัมพันธ์ทางเลือด ซึ่งในกรณีนี้คือพี่น้อง ท้ายที่สุดแล้วจะแข็งแกร่งกว่าสายสัมพันธ์แห่งรักที่คุณมีกับคู่รักหรือคนอื่นๆ ที่คุณจะได้พบในชีวิตรึเปล่า แม้ว่าสายสัมพันธ์พวกนั้นจะไม่สมประกอบหรืออาจจะนำมาซึ่งสิ่งเลวร้ายก็ตาม ภาพยนตร์เรื่องนี้บีบให้คุณคิดว่าคุณจะทำเพื่อครอบครัวมากแค่ไหน แม้ว่ามันจะหมายถึงการเสี่ยงต่อความสุขในอนาคตของตัวคุณเองก็ตาม” ท็อดด์และเบนตกลงที่จะอำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้กับแกรีและเชลลี ดังนั้นเอง ทีมงานสร้างสรรค์ที่สมูบรณ์จึงถือกำเนิดขึ้น
            เมื่อได้หุ้นส่วนด้านการเงินแล้ว รูโซวิทซ์กี้ก็เริ่มทำงานกับดีนเพื่อขัดเกลาเรื่องราวก่อนที่จะเข้าทาบทามนักแสดง
            “ด้วยความที่ผมเองก็เป็นมือเขียนบท ผมคิดว่าผมได้นำความคิดอ่านบางอย่างเกี่ยวกับกระบวนการสร้างสรรค์เข้ามาด้วย” รูโซวิทซ์กี้ (The Counterfeiters, Anatomy 1 & 2, All The Queen’s Men) อธิบาย “มันเป็นเรื่องราวของแซ็ค ส่วนผมก็แค่คิดไอเดียและข้อเสนอแนะเพื่อให้เขาทำงานต่อยอดจากนั้น มันไม่ใช่เรื่องของการยื้อแย่งอำนาจ ทำนองว่าผมเป็นผู้กำกับนะ ผมต้องการให้ตัดบทพูดตรงนั้นตรงนี้ทิ้ง แต่มันเป็นกระบวนการที่สร้างสรรค์ เป็นมิตร ที่มีทั้งการให้และการรับ เราส่งเมล์ตอบโต้กันเพื่อนำเสนอไอเดียต่างๆ จนกระทั่งเราทั้งคู่พอใจ แล้วเราก็ส่งบทไปให้กับผู้อำนวยการสร้าง ผมคิดว่ากระบวนการนี้ทำให้เรากลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและนั่นก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ผมคิดได้ที่จะรอเราอยู่ในการร่วมทำงานสร้างสรรค์แบบนี้น่ะครับ”

happy on December 06, 2012, 04:41:55 PM

การทลายน้ำแข็ง

               เมื่อร่างบทภาพยนตร์พร้อมที่จะถูกส่งไปให้นักแสดงแล้ว ทีมงานสร้างก็รู้ว่าอุปสรรคชิ้นใหญ่ที่สุดอยู่ที่การเลือกนักแสดงสำหรับบทแอดดิสัน ชายโรคจิตชาวใต้ ผู้มีจิตใจบิดเบี้ยวแต่ก็ทรงเกียรติอย่างน่าประหลาด เขาเป็นผู้ที่ผลักดันให้เรื่องราวเริ่มเคลื่อนไปข้างหน้า
            บทนี้จำเป็นต้องได้นักแสดงผู้สามารถถ่ายทอดเฉดสีเทา ผู้ที่สามารถสวมบทตัวละครที่อารมณ์แปรปรวนและทารุณตัวนี้ได้อย่างแนบเนียน “เราต่างก็รู้ว่าเราต้องการนักแสดงที่เก่งกาจ” รูโซวิทซ์กี้กล่าว “เพื่อแสดงถึงเลเยอร์ต่างๆ ที่อยู่ในตัวละครตัวนั้น มันไม่ใช่แค่เลเยอร์เดียวหรือมีแค่โทนเดียว แต่มันยังมีแง่มุมที่หลากหลายมากมายของตัวเขาที่เราได้เห็นน่ะครับ”
            โชคดีที่อีริค บานา (Hanna, Munich, Black Hawk Down) พอได้อ่านบทก็ตอบรับต่อความท้าทายนี้ทันที “ตอนแรก เอเจนท์ผมคิดว่าผมจะสนใจบทเจย์มากกว่าแอดดิสัน แต่บทแอดดิสันคือบทที่ทำให้ผมสนใจครับ” บานากล่าว “นี่เป็นตัวละครที่อันตรายมากๆ และผมก็ถูกดึงดูดเข้าหาความซับซ้อนในการสวมบทนี้ทันที”
            “เขาเป็นคนที่ซับซ้อนและแหลกเหลวมากๆ” บานากล่าวต่อ “โดยผิวเผินแล้ว เขาเป็นคนที่ดูแลตัวเองและน้องสาวเขาได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อเรื่องราวเดินหน้า และหนังของเรามุ่งสู่องก์สุดท้าย เราก็ได้รู้ว่าเขาเป็นคนที่ไม่ได้มีอำนาจควบคุมทุกอย่างเบ็ดเสร็จเหมือนที่ตัวเขาเองเชื่อครับ”
            ตลอดเวลา ทีมผู้สร้างยืนยันชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างแอดดิสันและลิซามีความสำคัญต่อความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้แค่ไหน ดีนอธิบายมุมมองที่แอดดิสันมีต่อน้องสาวของเขาว่า “สิ่งเลวร้ายทั้งหมดที่แอดดิสันทำ ตราบใดที่มันเป็นการทำเพื่อลิซา มันก็เป็นสิ่งที่สามารถอภัยได้ทั้งนั้น ในความคิดของเขา เธอยังคงเป็นเด็กหญิงตัวน้อย เป็นคนที่เขาช่วยไว้ เขาเชื่อว่าการไถ่บาปของเขาอยู่ตรงที่การที่เขาทำมันเพื่อเธอครับ”
            โดยส่วนตัวเธอแล้ว โอลิเวีย ไวลด์เองก็ประทับใจกับบทเรื่องนี้ตั้งแต่อ่านครั้งแรก “ทุกหน้าที่ฉันเปิดไปทำให้ฉันประหลาดใจค่ะ” ไวลด์กล่าว “ฉันชอบที่มันไม่ค่อยมีบทแบบนี้ ฉันไม่ค่อยแน่ใจว่านี่มันหนังแนวไหนแน่ พอฉันคว้าบทนี้มาได้ ฉันก็เตรียมตัววด้วยการอ่านเรื่องเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายในครอบครัวและความสัมพันธ์รักใคร่ที่ไม่เหมาะสมระหว่างพี่น้อง กลิ่นไอความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่เป็นความเย้ายวนทางเพศที่แปลกประหลาด มันตึงเครียดและไม่มีใครพูดถึงมัน แต่มันก็อยู่ตรงนั้นค่ะ”
             “แล้วฉันก็ได้ศึกษาเรื่องสต็อคโฮล์ม ซินโดรม” ไวลด์กล่าวต่อ “เพราะในแง่หนึ่ง เธอก็เป็นนักโทษ เธอพึ่งพาแอดดิสันอย่างเต็มที่และเธอก็รักเขาในแบบที่ซับซ้อนและสุดหัวใจ เขาเป็นพี่ชายเธอ แต่เป็นคนที่กักขังหน่วงเหนี่ยวเธอไว้ เป็นคนรักและเป็นผู้ช่วยชีวิตเธอด้วยค่ะ”
            สำหรับมุมที่สามของรักสามเส้าครั้งนี้ ทีมผู้สร้างได้เลือกนักแสดงดาวรุ่ง ชาร์ลีย์ ฮันแนม (Sons of Anarchy, Children of Men) ให้มาเนรมิตชีวิตให้กับเจย์ มิลส์ อดีตแชมป์มวยรุ่นมิดเดิลเวท นักโทษผู้อยู่ระหว่างทัณฑ์บน ความสัมพันธ์ระหว่างแอดดิสัน/ลิซาทรงพลังมาก ทำให้มีแต่นักแสดงที่มีความสามารถทัดเทียมกันเท่านั้นที่จะสามารถรักษาสมดุลดรามาไม่ให้พังครืนลงมาได้ และในตัวฮันแนม พวกเขาก็พบคนที่พร้อมจะกระโจนเข้าสู่บทนี้อย่างเต็มตัว ตารางการทำงานที่แน่นขนัดของเขาทำให้เขาไม่สามารถซักซ้อมบทกับไวลด์ได้ ดังนั้น ทั้งคู่ก็เลยได้พบกันเป็นครั้งแรกในวันเดียวกับที่ทั้งคู่ถ่ายทำฉากการพบกันครั้งแรก
            “เราได้รู้จักกันบนหน้าจอครับ” ฮันแนมกล่าว “ในตอนที่คุณเข้าฉากกับพ่อแม่หรือเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ การมีความหลังแบบนั้นกับคนๆ นั้น และได้มีปฏิสัมพันธ์ตอบโต้กัน เป็นสิ่งที่ช่วยได้จริงๆ แม้ว่ามันจะเป็นเวลาเพียงไม่กี่วันก็เถอะ แต่กับตัวละครที่คุณจะได้พบครั้งแรกบนหน้าจอ มันจะช่วยเสริมความรู้สึกบางอย่างลงไป มันช่วยสร้างความรู้สึกที่ว่านี่เป็นเรื่องราวที่แปลกใหม่และน่าตื่นเต้นน่ะครับ”
            ฮันแนมเองตื่นเต้นกับการร่วมงานกับอีริค บานาไม่แพ้กัน ฉากสำคัญของเรื่องคือฉากดินเนอร์วันขอบคุณพระเจ้าที่ตึงเครียด ที่แอดดิสัน ตัวละครของบานาตัดสินใจว่าใครจะอยู่ ใครจะตาย “นั่นเป็นหนึ่งในฉากที่ถ่ายทำยากที่สุด เพราะมันเป็นฉากที่เข้มข้นมากๆ ทั้งทางร่างกายและจิตใจและมันก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ยากที่สุดที่ผมเคยผ่านมาในอาชีพนักแสดงของผมเลยล่ะครับ” ฮันแนมอธิบาย “เราใช้เวลาถ่ายทำห้าวันและการรักษาระดับความเข้มข้นเอาไว้ให้ได้คือหน้าที่ของนักแสดง แต่การถ่ายทำสิ่งที่จะปรากฏขึ้นบนหน้าจอเพียงแค่แปดนาทีโดยใช้เวลาห้าวัน และจะต้องคอยระวังรายละเอียดทางอารมณ์เล็กๆ น้อยๆ และรักษาระดับความเข้มข้นแบบนั้นเอาไว้ให้ได้เป็นความท้าทายจริงๆ ครับ แต่อีริคเป็นนักแสดงหลักในฉากนั้น เขาเป็นคนที่นำทางฉากนั้น เป็นคนที่ต้องแสดงเป็นหลัก ผมก็แค่นั่งผ่อนคลายและดูคลาสการแสดงชั้นเยี่ยมเท่านั้นเองครับ”


เข้มข้นกว่าน้ำ

               ด้วยความที่พื้นฐานของเรื่องราวอยู่ที่ความขัดแย้งในครอบครัว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันสำหรับรูโซวิทซ์กี้คือการหานักแสดงผู้มากประสบการณ์มารับบทพ่อแม่ เพื่อประชันกับนักแสดงหนุ่มสาวของเขา โชคดีที่ได้จังหวะพอดี และเขาก็สามารถคว้าตัวซิสซี สปาเซ็คและคริส คริสทอฟเฟอร์สันมารับบทแม่และพ่อของเจย์ และทรีท วิลเลียมส์มารับบทนายอำเภอเบ็คเกอร์ผู้ยิ่งใหญ่ได้
             ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกครอบครัวมิลส์ทั้งแน่นแฟ้นและรักใคร่ ต่างกับความสัมพันธ์ครอบครัวที่ร้าวฉานของตัวละครตัวอื่นๆ แม้ว่าพ่อกับลูกคู่นี้จะไม่ลงรอยกันซักเท่าไหร่
             “ฉันคิดว่าทุกครอบครัวต่างก็มีความไม่ปกติบางอย่าง” สปาเซ็คบอก “อย่างน้อยที่สุดก็ในครอบครัวของเราค่ะ ฉันคิดว่าท้ายที่สุดแล้ว เลือดก็ย่อมข้นกว่าน้ำ ฉันเองก็เหมือนจูน มิลส์ ฉันใช้ชีวิตอยู่ในฟาร์ม และก็แต่งงานมีครอบครัวมานานแล้ว ดังนั้น สิ่งหลักๆ ที่ฉันทำคือขจัดสำเนียงแบบคนใต้ของฉัน ซึ่งก็เป็นเรื่องยากมากๆ แต่ฉันก็พยายามอย่างดีที่สุดค่ะ”
             สปาเซ็คเตรียมตัวสำหรับบทนี้ด้วยการไปเยือนบ้านที่จะเป็นบ้านของจูน “ตัวละครของฉันจะอยู่ในบ้านหลังนี้เป็นหลัก เธอสร้างครอบครัวที่นั่น ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมา 40 ปี ฉันรู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่ฉันจะได้เห็นว่าฉันจะไปอยู่ที่ไหน แม้ว่าฉากจะยังสร้างไม่เสร็จ แต่ฉันก็อยากเห็นพื้นที่ตรงนั้นค่ะ บ่อยครั้ง ฉันจะนอนที่ฉากหรือโลเกชันนั้น แล้วพอฉันตื่นขึ้นมา มันก็จะกลายเป็นที่ของฉัน โชคไม่ดีที่ครั้งนี้ฉันทำแบบนั้นไม่ได้เพราะยังมีคนอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นน่ะค่ะ” เธอกล่าวกลั้วหัวเราะ
            “ตอนที่ฉันบินมาแสดงหนังเรื่องนี้ มีแอร์โฮสเตสสาวมานั่งข้างๆ ฉันแล้วบอกว่า ‘คุณต้องถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตฉันนะ ฉันเคยถูกบุกรุกบ้านมาแล้วสองครั้ง และถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวโดยคนสองคนมาแล้วสองครั้งในชีวิต’ แล้วฉันก็บอกว่า ‘ตอนนี้ ฉันก็กำลังแสดงเรื่องแบบนั้นอยู่’ มันน่าสนใจจริงๆ เพราะฉันมีโอกาสได้คุยกับเธอเรื่องนี้และวิธีที่เธอรับมือกับมัน ในแต่ละสถานการณ์ เธอพยายามจะสร้างความผูกพันในระดับอารมณ์ ในระดับมนุษย์ กับคนที่กักขังหน่วงเหนี่ยวเธออยู่” สปาเซ็คกล่าวต่อ “ความรู้สึกของฉันคือถ้าคุณสามารถเอื้อมถึงความรู้สึกนั้นได้ มันก็ยังมีความหวังค่ะ”
            “การร่วมงานกับซิสซีเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่สุดครับ” บานาบอก “ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของหนังในยุคที่นักแสดงอย่างซิสซี สปาเซ็คและโรเบิร์ต ดูวัลล์แจ้งเกิด ดังนั้น การได้พบกับซิสซีและมีโอกาสได้ร่วมงานกับเธออย่างใกล้ชิด เพราะเธออยู่ในฉากสำคัญๆ ทั้งหมดของผมน่ะครับ เป็นเรื่องน่าตื่นเต้น จริงๆ แล้ว การตีความตัวละครของผมคือมีพฤติกรรมบางอย่างของเธอที่กระตุ้นแอดดิสันในช่วงท้ายๆ ที่ความไว้วางใจของเขาถูกจูนหักหลัง เมื่อเธอไม่ได้บอกเขาว่าฮันนาจะมาร่วมงานวันขอบคุณพระเจ้าด้วย”
            แม้กระทั่งดาราอย่างคริส คริสทอฟเฟอร์สันก็ยังตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับสปาเซ็ค “ซิสซีทำให้ผมนึกถึงหลานสาวคนหนึ่งของผม เธอรู้ว่าเธอต้องการทำอะไรและเธอก็จะไม่ยอมให้ใครปฏิเสธเธอ เธอเป็นนักแสดงที่เก่ง ผมคิดว่าเธอได้แสดงผลงานที่ผมชื่นชอบมากที่สุดของนักแสดงออกมาในเรื่อง Coal Miner’s Daughter หนึ่งในสิ่งที่น่าทึ่งเกี่ยวกับงานแสดงของเธอคือแก่นแท้ของผู้หญิงที่เธอสวมบทบาทเป็นของจริง ไม่มีสิ่งเสแสร้งแม้แต่น้อย และเธอก็ทำได้ เธอร้องเพลงเองด้วยซ้ำ ผมมีแต่ความนับถือให้กับเธอครับ”
            “เขาเป็นคนที่ตลก มีความสามารถ และวิเศษสุดค่ะ” สปาเซ็คเล่า “เขาเหมาะกับบทเชทมาก เขาเป็นคนตลก สบายๆ เข้ากับคนง่าย เขาเป็นคนน่ารักจริงๆ เราเป็นคู่สามีภรรยาชาวไร่ตัวอย่างเลยล่ะค่ะ”
            “เขาเป็นผู้เป็นพ่อที่แต่งงานกับซิสซี สปาเซ็ค ผู้ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมอยากเล่นหนังเรื่องนี้ครับ” คริสทอฟเฟอร์สันกล่าว “ผมไม่รู้ว่าจะพูดถึงเขาให้คุณฟังยังไงดี เพราะเขาใช้เวลาส่วนใหญ่นอนหงาย และถูกมัดมือเอาไว้น่ะครับ” คริสทอฟเฟอร์สันกล่าวกลั้วหัวเราะ จริงๆ แล้ว คริสทอฟเฟอร์สันใช้เวลาส่วนใหญ่บนหน้าจอไปกับการถูกมัดที่โต๊ะอาหารมื้อค่ำวันขอบคุณพระเจ้าที่ไร้บรรยากาศเฉลิมฉลองในโรงนา “มันคงจะเป็นเรื่องยากสำหรับคนอื่นๆ แต่สำหรับผู้ชายคนนี้ ที่เป็นอดีตนายอำเภอ อย่างน้อยเขาก็มีประสบการณ์และวินัยที่จะพยายามยับยั้งชั่งใจไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงและคอยมองหาโอกาสน่ะครับ”
            “เมื่อคุณอยู่ในตำแหน่งนั้น คุณต้องตัดสินใจว่าคุณจะสร้างปัญหาหรือพยายามรอหาจังหวะที่จะได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์” คริสทอฟเฟอร์สันกล่าวต่อ “ผมช่วยตัวเองไม่ได้เลยตลอดเวลานั้น และผมก็ต้องคอยฟังคำสั่งจากภรรยาของผม ผมทำทุกอย่างตามนั้น และพยายามรอจังหวะที่จะได้มีส่วนกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะฆ่าเราทุกคนน่ะครับ”
            ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างจูนและเชทเป็นความสัมพันธ์ที่อบอุ่นและเป็นปกติที่สุดในเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างเชทกับลูกชายเขาก็เป็นความผิดหวังที่ห่อหุ้มด้วยความเสียใจ “คริส คริสทอฟเฟอร์สันรับบทพ่อของผมในหนังเรื่องนี้ มันเป็นที่มาสำคัญของความสิ้นหวังของตัวละครของผม รวมไปถึงการไถ่บาปอย่างเต็มที่ในท้ายที่สุดด้วยครับ” ฮันแนมอธิบาย “เราต้องทำเรื่องนั้นให้สำเร็จในสามฉาก ซึ่งฉากหนึ่งคือฉากคุยโทรศัพท์ มันเป็นการเล่าเรื่องที่มีประสิทธิภาพมากๆ ผมกับสเตฟานคุยกันอยู่นานว่าจะทำยังไงเราถึงจะทำสิ่งต่างๆ เหล่านั้นให้สำเร็จได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ แบบนั้นน่ะครับ”
            “ครอบครัวอาจจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในเรื่องก็เป็นได้ครับ” คริสทอฟเฟอร์สันกล่าว “ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับซิสซีและความสัมพันธ์ระหว่างผมกับลูกชาย ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่น่าเศร้าสลดก่อนที่เราจะได้มาเจอกัน มันเป็นความรู้สึกที่ผมเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะเจย์ดูเหมือนจอห์น ลูกชายคนหนึ่งของผมเหลือเกิน ผมมีลูกแปดคนและพวกเขาก็เป็นส่วนที่ดีที่สุดในชีวิตผม ผมก็เลยรู้สึกดีที่ได้เห็นความสัมพันธ์นั้นคลี่คลายลงได้น่ะครับ”
            สำหรับทรีท วิลเลียมส์ ผู้รับบทนายอำเภอเบ็คเกอร์ ผู้รับหน้าที่นี้ต่อจากเชท ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นโอกาสให้เขาได้ชิมลางงานแนวคลาสสิก
            “หนึ่งในเหตุผลที่ผมรักหนังเรื่องนี้คือมันมีองค์ประกอบทุกอย่างของหนังเวสเทิร์นคลาสสิกครับ” วิลเลียมส์บอก “เรื่องราวเกิดขึ้นทางตอนเหนือของมิชิแกน ในอัปเปอร์ เพนนินซูลา แต่ถ้าคุณจับเราไปอยู่ในทะเลทรายกับม้า แทนที่จะเป็นสโนว์โมบิล หนังเรื่องนี้ก็จะกลายเป็นหนังเวสเทิร์นทันที ฉากสุดท้ายคือตอนที่พล็อตทั้งหมดมาร้อยเรียงเข้าด้วยกัน มันเป็นเหมือนการดวลปืนกันที่โอเค คอร์รัล ที่พายุหิมะตัดขาดความช่วยเหลือจากโลกสมัยใหม่ เราอยู่ในโลกที่เป็นเหมือนกับการข้ามเวลาครับ ราวกับพวกเขาไปอยู่ในดินแดนตะวันตกไกล ในยุคสมัยที่ต้องขี่ม้าเป็นวันกว่าจะไปหาคนอื่นได้ มันเป็นการทดสอบที่รุนแรง และน่าสนใจที่มีแค่เราครับ”
            วิลเลียมส์กล่าวว่าการสวมบทที่ยิ่งใหญ่นี้อย่างสมจริงเป็นความท้าทาย “บทของผมถูกเขียนขึ้นมาให้ต้องยิ่งใหญ่เกินจริงครับ” เขาพูดถึงลักษณะของตัวละครของเขาบนหน้ากระดาษ “เรามักจะยืนอยู่บนเส้นบางๆ ของการพยายามหาสิ่งที่สมจริงหรือเป็นจริง แต่ก็ไม่ประนีประนอมครับ คนพวกนี้จะเป็นคนประเภทที่ส่งเสียงเอะอะมะเทิ่ง พวกเขาจะไม่เปิดประตู แต่จะพังประตูเข้าไปครับ"
            “ท้ายที่สุดแล้ว ผมก็แค่บอกว่า ‘ผมจะโอบกอดมัน ผมจะโอบกอดความคลั่งแค้นของชายคนนี้ และความทารุณของเขา และหวังว่ามันจะออกมาใช้ได้ครับ” วิลเลียมส์ ผู้ไว้วางใจในตัวผู้กำกับของเขา กล่าว “สเตฟานเป็นผู้นำทางที่วิเศษสุด พวกเราคงจะแสดงไม่ได้ดีถ้าปราศจากผู้กำกับที่วิเศษสุด เขาเป็นคนละเอียดอ่อนมากๆ และรับรู้ถึงการแสดงของเราอย่างมากครับ”
            นักแสดงหลักอีกคนของเรื่องคือเคท มารา ผู้รับบท ฮันนา ลูกสาวของเบ็คเกอร์ ผู้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
            “ตอนที่ฉันได้รับโทรศัพท์ถามว่าฉันสนใจจะแสดงบทนี้รึเปล่า ฉันก็มีเวลาสองวันที่จะอ่านบทและตัดสินใจค่ะ” มาราเล่า “ฉันไม่เคยต้องถ่ายทอดความสัมพันธ์แบบในเรื่องนี้เลย สำหรับฉัน ความสัมพันธ์ของฮันนากับเบ็คเกอร์ พ่อของเธอ เต็มไปด้วยการทำร้ายกันค่ะ มันแตกต่างจากสิ่งที่ฉันเคยแสดงมาก่อน มันเป็นความสัมพันธ์ครอบครัวที่ซับซ้อน ซึ่งฉันก็ชอบแบบนั้นค่ะ”
            “สำหรับผม ฮันนาและเบ็คเกอร์เป็นครอบครัวที่น่าสนใจที่สุด” รูโซวิทซ์กี้ พูดถึงความสัมพันธ์ที่สั่นคลอนระหว่างพ่อลูกที่ล้ำเส้นเข้าไปในงานตำรวจของพวกเขาด้วย “จากฮันนาและเบ็คเกอร์ เราได้เรียนรู้ว่าครอบครัวไม่ได้เวิร์คเสมอไป อย่างที่มีคนพูดเอาไว้ในหนังว่า คุณใช้ชีวิตได้แค่ชีวิตเดียว และนั่นคือชีวิตของคุณ คุณจะเสียสละตัวเองเพียงเพราะคุณคิดว่าคุณมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวคุณไม่ได้ ผมคิดว่าสิ่งที่ตรงกันข้ามกับครอบครัวนี้คือครอบครัวมิลส์ ซึ่งแค่ผิดปกติในตอนเริ่มต้น แต่พวกเขาก็ได้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ และได้สานสายสัมพันธ์กัน แต่กับฮันนาและเบ็คเกอร์ มันตรงกันข้ามครับ ฮันนาพยายามมานานและหนักเหลือเกินที่จะสานสายสัมพันธ์กับพ่อเธอก่อนที่จะรู้สึกว่ามันไม่เวิร์ค เขาไม่ได้ต้องการมัน และเธอก็ต้องก้าวต่อไปน่ะครับ”
            “เบ็คเกอร์กับฮันนาเป็นอีกหนึ่งแกนครอบครัวค่ะ” ผู้อำนวยการสร้างเชลลี คลิพพาร์ดบอก “พวกเขาอยู่ในบทอยู่แล้ว แต่สุดท้ายเราก็ได้พัฒนาเนื้อเรื่องนั้นไปไกลกว่าเดิมและทำให้มันเป็นบทที่เกือบจะเท่าเทียมกับบทอื่นๆ มันก็เลยเป็นเหมือนภาพสามด้านของเรื่องราวนี้ เป็นครอบครัวสามครอบครัวที่มีน้ำหนักเกือบจะเท่ากับเรื่องของเบ็คเกอร์จะเกิดขึ้นในอัปเปอร์ เพนนินซูลา และมันก็มีแง่มุมต่างๆ ของครอบครัวและความสัมพันธ์ครอบครัวที่ถูกสำรวจ เช่นความสัมพันธ์ครอบครัวที่ล้มไม่เป็นท่า แม้จะพยายามแล้วก็ตาม มันก็เป็นความสัมพันธ์ซับซ้อน ซึ่งเราคิดว่าควรจะปรากฏอยู่ในหนังนานขึ้นน่ะค่ะ”


happy on December 06, 2012, 04:42:14 PM
ความจริงที่สลักลงบนหิมะ

                “มันเป็นเรื่องจริงครับที่ว่ามันเป็นหนังเวสเทิร์น ไม่ใช่แค่ในแง่ขององค์ประกอบของพล็อตเท่านั้น แต่รวมถึงวิธีการถ่ายทำของเราด้วย” รูโซวิทซ์กี้กล่าวยืนยันข้อสังเกตที่วิลเลียมส์มีต่อโปรเจ็กต์นี้ “เรามีไวด์ช็อตมากมาย ซึ่งมันเป็นเรื่องของชนบท การอยู่ท่ามกลางความรกร้างนี้น่ะครับ ผมรู้สึกเสมอว่าสิ่งที่ทำให้หนังเวสเทิร์นเป็น ‘เวสเทิร์น’คือการที่ภูมิประเทศมีปฏิสัมพันธ์กับคนพวกนี้ และคนพวกนี้ก็มีปฏิสัมพันธ์กับภูมิประเทศเช่นกัน ผมคิดว่ามันเป็นแบบนั้นในหนังของเราด้วยและผมก็หวังว่าเราจะสามารถถ่ายทอดความรู้สึกนั้นออกมาได้ครับ”
             สำหรับผู้ออกแบบงานสร้าง พอล ออสเตอร์เบอร์รี การทำงานในควิเบคของ KIN เป็นเรื่องตามธรรมชาติ “สิ่งที่ค่อนข้างน่าตื่นเต้นเกี่ยวกับเรื่องราวนี้คือผมเติบโตขึ้นมาในย่านซอลท์ เซนต์ มารีย์ [ในออนตาริโอ] ซึ่งอยู่เหนือมิชิแกน และเรื่องราวนี้ก็เกิดขึ้นทางตอนใต้ของพรมแดนแคนาดา ในมิชิแกนครับ” ออสเตอร์เบอร์รีกล่าว “ผมรู้ว่าภูมิประเทศมันควรจะมีลักษณะอย่างไร ผมไม่ได้กลับไปที่นั่นตั้งแต่อายุ 18 ปี แต่ผมก็มีความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับภูมิประเทศของที่นั่นเสมอ เพราะมันน่าทึ่งครับ ผมรู้ว่าเราสามารถหาภูมิประเทศที่คล้ายคลึงกันได้ในควิเบค ผมก็เลยยินดีที่จะทำงานนี้ครับ”
             “ในตอนแรก เขาดึงเอาภาพที่มีแสงสวยๆ ต่างๆ เหล่านี้มาจากช่างภาพที่ชื่อท็อดด์ ฮิโด” ออสเตอร์เบอร์รีกล่าว “ซึ่งเขาก็โชว์ภาพพวกนั้นให้เชน เฮิร์ลบัท ผู้กำกับภาพของเราดู เพราะเขาต้องการให้มันมีอิทธพลต่อการให้แสง มันเป็นภาพของตึกสวยๆ ที่ตั้งอยู่ค่อนข้างจะโดดเดี่ยว ท่ามกลางภูมิประเทศขาวโพลน แม้ว่ามันจะไม่ใช่หิมะ แต่มันก็เต็มไปด้วยหมอกและอารมณ์ขุ่นมัว เหมือนหนังของเรามากครับ มันเป็นแสงสังเคราะห์ที่แข็งกระด้าง เย็นยะเยียบ ตัดกับบ้านสีเข้มในสิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายครับ”
            องค์ประกอบอีกอย่างหนึ่งในเรื่อง ซึ่งเป็นเหมือนตัวละครอีกตัวหรือผู้เล่าเรื่องราวของตัวมันเอง และเป็นตัวที่ช่วยสร้างคำนิยามให้กับสุนทรียศาสตร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ คือหิมะ การตัดสินใจของเฮิร์ลบัทและรูโซวิทซ์กี้ที่จะถ่ายทำด้วยฟิล์มแทนที่จะเป็นดิจิตอลเกิดจากสีสันที่พวกเขาเลือกและเงื่อนไขพิเศษ ที่เกิดขึ้นจากการถ่ายทำในภูมิประเทศที่หิมะตก “การถ่ายทำแบบดิจิตอลเคยมีปัญหากับพวกสีดำ ซึ่งไม่ใช่ปัญหาอีกแล้ว แต่สีขาวก็ยังเป็นปัญหาอยู่ครับ” เลวินซอห์นอธิบาย “ภาพดิจิตอลจะให้ค่าคอนทราสต์ที่สูงมากๆ เพราะมันสามารถเก็บค่าสีในระดับที่กว้างกว่าได้ ในตอนที่คุณถ่ายทำในหิมะ มันไม่ใช่สิ่งที่คุณจะอยากได้เสมอไป คือคุณอยากได้อะไรที่เป็นกราฟฟิคมากหน่อย ไม่ใช่ชัดเจนไปซะทั้งหมด ซึ่งสามารถเกิดขึ้นจากการที่แสงสะท้อนกับหิมะพวกนั้น ด้วยความที่นี่เป็นเรื่องราวคลาสสิก คุณก็อยากจะเล่ามันในลักษณะที่คลาสสิกและผมก็คิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นสื่อที่คลาสสิกครับ”
            “มีช็อตหนึ่ง ซึ่งแพนกล้องไปทางขวา 500 ฟุต ในตอนแรก และเราก็มีทั้งซีเควนซ์ที่เราตัดต่อจากช็อตไวด์ ไปเป็นซูเปอร์ไวด์ และช็อตที่กว้างกว่านั้นอีก ซึ่งเป็นเรื่องเยี่ยมครับ ปัญหาของภาพยนตร์ในปัจจุบันนี้คือทุกอย่างจะต้องสามารถย่อให้พอดีกับโทรทัศน์เครื่องเล็กได้ ดังนั้น มันก็เลยมีแต่โคลสอัพ โคลสอัพและโคลสอัพ และในที่สุด เราก็จะได้ช็อตไวด์จริงๆ ซึ่งผมชอบเสียที”
             “หนึ่งในสิ่งที่คนพูดถึงน้อยที่สุดเกี่ยวกับเรื่องราวนี้คือความคล้ายคลึงระหว่างดินแดนหิมะและธรรมชาติกับครอบครัวครับ” เลวินซอห์นพูดถึงการที่ภูมิประเทศสะท้อนถึงดรามาจิตวิทยาของเรื่อง “มันอาจดูเชิญชวน ดูสวยงาม ปลอดภัย สงบสุข และโอบอุ้ม แต่ภายในชั่ววินาทีนั้น ธรรมชาติก็อาจเป็นอันตราย อาจฆ่าคุณได้ มันเป็นสิ่งเดียวกันครับ พายุหิมะที่ให้กำเนิดหิมะสวยๆ นั้นก็สามารถฆ่าคุณได้ในวันถัดมา ผมคิดว่าธรรมชาติก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน พวกเขาเชิญชวน โอบอุ้ม พวกเขาหยิบยื่นความปลอดภัยและการทะนุถนอมเลี้ยงดูกับคุณ และพวกเขาก็สามารถฆ่าคุณและเป็นศัตรูของคุณได้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับธรรมชาติ ครอบครัวก็คือธรรมชาติ ภูมิประเทศรอบด้านเป็นการเปรียบเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวละครในหนังครับ”
            “มันโรแมนติกแต่มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้คุณสามารถสร้างสายสัมพันธ์ขึ้นมาได้ด้วย เพราะคุณต้องเอาชนะศัตรูที่คุณมีร่วมกันนี้ให้ได้น่ะครับ” เลวินซอห์นกล่าวต่อ “มีพี่น้องที่ต้องทำแบบนั้น ที่ต้องร่วมมือร่วมใจกันเพื่อรับมือกับครอบครัวและพ่อแม่ของพวกเขา มีครอบครัวที่ร่วมมือร่วมใจกันเพื่อรับมือกับฤดูหนาวที่ทารุณ สิ่งที่เป็นอุปสรรคในชีวิตคุณเป็นสิ่งที่ดึงพวกคุณเข้าหากันครับ”
            หิมะเป็นสิ่งที่สำคัญต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ถึงขนาดที่ทำให้เกิดความท้าทายในการถ่ายทำด้วยเช่นกัน ธรรมชาติเป็นดิวาที่ไม่เหมือนใครๆ “หิมะเป็นตัวละครสำคัญในเรื่องค่ะ” คลิพพาร์ดกล่าวยืนยัน “แม้ว่าเราจะรู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่ามันจะต้องเป็นความท้าทายแน่ๆ เพราะไม่มีอะไรเทียบได้กับการสู้กับธรรมชาติในทุกก้าวย่าง เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ มันไม่ง่ายเลยค่ะ”
            “มันน่าหงุดหงิดมากที่ต้องตื่นตระหนกและกังวลถึงเรื่องหิมะน่ะครับ” ออสเตอร์เบอร์รีบอก “มันจะต้องดูสดใหม่ ซึ่งก็ยากทีเดียวเมื่อมีทีมงาน 50 ชีวิตเดิมย่ำไปมา เพื่อเตรียมแสงให้พร้อม และฝังแผ่นรองพื้นในหิมะล่วงหน้า คุณมักจะทำลายพื้นหิมะสวยๆ เสมอแหละครับ บ่อยครั้งที่คุณต้องใช้เครื่องบดน้ำแข็ง ซึ่งได้ผลดีที่สุดแต่ก็แพงเอาการ โดยคุณจะต้องหาน้ำแข็งก้อนใหญ่ยักษ์ ส่งเข้าเครื่องบด แล้วมันก็จะพ่นเอาเกล็ดน้ำแข็งปุยๆ ที่ดูเหมือนหิมะ เป็นน้ำแข็งป่นละเอียด ที่ขาวมากๆ และสวยทีเดียว เราใช้งานเครื่องนี้ได้ไม่ตลอดและการนำมันมาสู่โลเกชันบางแห่งก็ไม่ง่ายเลย ดังนั้น บางครั้งคุณก็ต้องอาศัยไม้กวาด รวมทั้งใช้เครื่องปั่นน้ำแข็งเพื่อมาโปรยเศษน้ำแข็งกลบรอยเท้าระหว่างเทคด้วย มันเป็นงานช้างเสมอครับ”
            ถึงกระนั้น ไม่มีใครพบว่าการทำงานในหิมะท้าทายเท่ากับนักแสดง ผู้มักพบว่าตัวเองต้องทำงานภายใต้ขีดจำกัดของร่างกายที่น่าประหลาด “ฉันคิดว่าฉันไม่เคยรู้สึกไม่สบายตัวเท่ากับวันแรกที่ฉันทำงานในหนังเรื่องนี้เลยล่ะค่ะ” โอลิเวีย ไวลด์บอก “ฉันต้องสวมชุดเดรสเล็กจิ๋ว ในอุณหภูมิติดลบ 15 ห้อยหัวอยู่ในรถ ในหิมะ ฉันรู้สึกช็อคกับความเหนื่อยแสนสาหัสและสภาพอากาศ แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้เกี่ยวกับอีริคคือเขาเป็นนักแสดงตลกค่ะ เขาเป็นหนึ่งในคนที่ตลกที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบมาเลย แม้แต่ตอนที่เราอยู่ในอากาศเยือกแข็ง ห้อยหัวอยู่ในฉากที่รถชน เขาก็ทำให้เราหัวเราะได้ไม่หยุด แต่พอเขาเปิดสวิทช์การแสดง มันเหมือนเขาเป็นนักแม่นปืนเลยค่ะ เขามีสมาธิแน่วแน่และเก่งเหลือเกิน ฉันตื่นเต้นมากที่จะได้ดูหนังเรื่องนี้ ฉันคิดว่ามันเป็นหนึ่งในบทบาทที่ดีที่สุดของเขา มีไม่กี่คนหรอกนะคะที่สามารถรับบทฆาตกรต่อเนื่องที่คุณจะรักได้ และเขาก็ทำได้”
            “ทุกอย่างเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ให้ความรู้สึกเจ๋งมากครับ” บานากล่าวอย่างตื่นเต้น “บทหนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่เจ๋งที่สุดเท่าที่ผมเคยอ่านในเวลานานมากๆ หรืออาจจะเป็นสิ่งที่เจ๋งที่สุดเท่าที่ผมเคยอ่านก็ได้ ตัวละครตัวนี้เป็นโอกาสทองที่วิเศษสุดสำหรับนักแสดงทุกคน ผมก็เลยกัดโอกาสนั้นไม่ปล่อยและทำทุกอย่างเท่าที่ผมทำได้เพื่อให้แน่ใจว่าหนังเรื่องนี้จะถูกสร้างขึ้นมาน่ะครับ”
            “มันเป็นการสำรวจที่ค่อนข้างน่าสนใจของความสัมพันธ์ของครอบครัวที่แตกต่างหลากหลายครับ” ฮันแนมกล่าว “มีความสัมพันธ์ของครอบครัวห้าหรือหกแบบที่ถูกสำรวจผ่านทางหนังเรื่องนี้และมันก็พูดถึงเรื่องของความภักดี ความรักและความเจ็บปวดของความพยายามในการรักษาความสัมพันธ์กับผู้คนในชีวิตคุณ ที่คุณไม่ได้เลือก มันเป็นเรื่องง่ายที่จะปล่อยให้คนที่คุณชอบเข้ามาในชีวิตคุณ แล้วค่อยตัดหางปล่อยวัดพวกเขาจากชีวิตคุณเมื่อความสัมพันธ์เลวร้ายล แต่กับครอบครัวคุณ คุณติดแหง็กอยู่กับพวกเขาตลอดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมคิดว่ามันมีความซื่อสัตย์มากมายในความสัมพันธ์พวกนี้ มากกว่าที่เราได้เห็นในหนังหลายเรื่องอีกครับ”
            ในส่วนของเขาเอง รูโซวิทซ์กี้ก็รู้สึกพอใจกับความจริงของสิ่งที่พวกเขาได้ถ่ายทอด “ผมคิดว่าสิ่งสำคัญของการแสดงที่ดีหรือการสร้างหนังที่ดีคือมันจะต้องสมจริงและเป็นจริง ผู้ชมอยากจะเข้าถึงตัวเอกบนหน้าจอ และมันจะเวิร์คก็ต่อเมื่อตัวละครพวกนั้นน่าเชื่อ นั่นเป็นเป้าหมายของผู้กำกับทุกคนครับ”
            ท็อดด์ แว็กเนอร์กล่าวเสริมว่า “เป้าหมายของเขาในการอำนวยการสร้างและให้ทุนสนับสนุนหนังเรื่องไหนๆ ก็ตามจะเหมือนกันเสมอ นั่นคือการสร้างหนังที่ผมในฐานะผู้ชมจะอยากดู หนังที่ทำให้ผมคิด และสามารถพาผมเดินทางเข้าไปในโลกของตัวละครได้ซักสองชั่วโมง KIN ทำสำเร็จในหลายระดับ ตั้งแต่การผจญภัยของตัวละครเอกทั้งสองตัวไปจนถึงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ และความท้าทายที่พวกเขา และคนอื่นๆ ที่ร่วมผจญภัยไปด้วย ได้สัมผัสน่ะครับ”

happy on December 06, 2012, 04:53:39 PM
ประวัตินักแสดง

               อีริค บานา (แอดดิสัน) เป็นที่รู้จักของผู้ชมอเมริกันเป็นครั้งแรกการรับบทมาร์ค “ช็อปเปอร์” รี้ดในภาพยนตร์เรื่อง Chopper ที่เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปี 2001 ก่อนที่จะเข้าฉายในอเมริกาหลังประสบความสำเร็จในออสเตรเลียมาแล้วบานาได้รับรางวัลสมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์แห่งออสเตรเลียและรางวัลสถาบันภาพยนตร์ออสเตรเลีย จากบทช็อปเปอร์ของเขา
            บานาได้รับบทนอร์ม “ฮู้ท” กิ๊บสัน Delta Sergeant First Class หนึ่งในกลุ่มทหารชั้นสูงของอเมริกา ประกบจอช ฮาร์ทเน็ทท์, ยวน แม็คเกรเกอร์และทอม ไซส์มอร์ ในภาพยนตร์โดยผู้กำกับริดลีย์ สก็อตต์เรื่อง Black Hawk Down อีพิคสงครามเรื่องนี้ ที่อำนวยการสร้างโดยเจอร์รี บรัคไฮเมอร์ สำหรับโซนี สร้างขึ้นจากบันทึกเบสต์เซลเลอร์ของมาร์ค โบว์เดน เกี่ยวกับภารกิจของอเมริกาในเมืองโมกาดิชู ประเทศโซมาเลีย ปี 1993 หลังจาก Black Hawk Down เข้าฉายในอเมริกา บานาก็ได้แสดงในคอเมดีออสเตรเลียเรื่อง The Nugget ซึ่งเขารับบทชายชนชั้นแรงงาน ผู้ซึ่งชีวิตพลิกผันด้วยการค้นพบก้อนทองคำที่ทำให้เขาและเพื่อนสองคนร่ำรวยในทันที
            ไม่นานหลังจากนั้น บานาก็ได้รับบทบรูซ แบนเนอร์ในภาพยนตร์โดยอังลีและยูนิเวอร์แซลเรื่อง Hulk ที่สร้างจากตัวละครมาร์เวล คอมิกส์ นอกจากนี้ เขายังได้รับบทเฮ็คเตอร์ เจ้าชายกรุงทรอยในภาพยนตร์โดยวอร์เนอร์ บรอส. เรื่อง Troy โดยวูล์ฟกัง ปีเตอร์สัน ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขึ้นจากตำนาน The Iliadและร่วมแสดงโดยแบรด พิตต์และออร์ลันโด้ บลูม ในปีถัดมา เขาได้นำแสดงในภาพยนตร์ชื่อดังโดยผู้กำกับสตีเวน สปีลเบิร์กเรื่อง Munich เกี่ยวกับเหตุการณ์หลังจากโอลิมปิคมิวนิคปี 1972
             นอกจากนี้ บานายังรับบทนำในภาพยนตร์ออสเตรเลียเรื่อง Romulus, My Father ที่สร้างจากอนุทินเบสต์เซลเลอร์โดยไรมอนด์ ไกต้า ซึ่งเข้าฉายในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต หลังจากนั้น เขาก็รับบทนำในภาพยนตร์โดยวอร์เนอร์ บรอส. เรื่อง Lucky You ประกบดรูว์ แบร์รีมอร์ หลังจาก Lucky You บานาก็รับบทเฮนรี ทิวดอร์ ประกบนาตาลี พอร์ตแมนและสการ์เล็ตต์ โยฮันสันใน The Other Boleyn Girl บานาได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ฮิตโดยเจ.เจ. อับรามส์เรื่อง Star Trek ในบทนีโร จอมวายร้าย นอกจากนี้ เขายังได้แสดงในภาพยนตร์โดยจัดด์ อพาโทว์เรื่อง Funny People ที่ร่วมแสดงกับอดัม แซนด์เลอร์, เซธ โรแกนและเลสลีย์ แมนน์และใน The Time Traveler’s Wife ที่สร้างจากนิยายเบสต์เซลเลอร์โดยออเดรย์ นิฟเฟนเน็กเกอร์ ประกบราเชล แม็คอดัมส์
            Love the Beast ภาพยนตร์สารคดีดรามา ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาในฐานะผู้กำกับ เปิดตัวที่อเมริกาในงานเทศกาลภาพยนตร์ไทรเบกาปี 2009 เขาได้แสดงประกบเจย์ เลโน, ดร.ฟิลและเจเรมี คลาร์กสันจาก Top Gear ทางบีบีซี ทีวี ภาพยนตร์เรื่องนั้นได้ตีแผ่ความหมายของความสัมพันธ์ยาวนาน 25 ปีระหว่างบานาและรถคันแรกของเขา และความสำคัญของสายสัมพันธ์ที่เกิดจากความชื่นชอบเหมือนๆ กัน
            ในแอ็กชันทริลเลอร์โดยโฟกัส ฟีเจอร์สเรื่อง Hanna เขารับบทพ่อผู้เลี้ยงดูเด็กสาววัย 14 ปี ที่รับบทโดยเซียร์ซา โรแนน ให้เป็นฆาตกรเลือดเย็น Hanna เข้าฉายในเดือนเมษายน ปี 2011
            ปัจจุบัน เขาใช้ชีวิตอยู่ในออสเตรเลียกับภรรยาและลูกๆ สองคน


               ชาร์ลีย์ ฮันแนม (เจย์ มิลส์) ได้รับความสนใจของผู้ชมและนักวิจารณ์ทั้งในอังกฤษและฮอลลีวูด
 
            เมื่อได้รับไฟเขียวให้สร้างซีซันที่สี่จากเอฟเอ็กซ์ ชาร์ลีย์ก็จะกลับมาถ่ายทำ Sons of Anarchy ซีรีส์ที่เรตติ้งสูงสุดของเน็ตเวิร์ค ในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ ชาร์ลีย์รับบทแจ็คสัน “แจ็กซ์” เทลเลอร์ รองประธานของแซมโคร และลูกชายของจอห์น เทลเลอร์ ผู้ก่อตั้งซันส์ ออฟ อนาร์คี มอเตอร์ไซเคิล คลับ แจ็กซ์เป็นคนที่มีความขัดแย้งในตัวเองบนรถสองล้อ เขาเป็นคนฉลาด อ่อนไหว และช่างคิด แต่ก็เลือดร้อนและมีปฏิกิริยาฉับไวอย่างน่ากลัว
            ระหว่างช่วงพัก ชาร์ลีย์ได้ถ่ายทำคอเมดีอินดีเรื่อง Frankie Go Boom ประกบคริส โอ’ ดาวด์, ลิซซี แคปแลนและรอน เพิร์ลแมนสำหรับมือเขียนบท/ผู้กำกับ จอร์แดน โรเบิร์ตส์ ในปี 2010 ฮันแนมได้แสดงในภาพยนตร์โดยแมทธิว แชปแมนเรื่อง The Ledge ประกบลีฟ ไทเลอร์, แพทริค วิลสันและเทอร์เรนซ์ โฮเวิร์ด ภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปี 2011 และถูกซื้อโดยไอเอฟซี ฟิล์มส์อย่างรวดเร็ว จะเข้าฉายในช่วงปลายปีนี้ ก่อนหน้านั้น ฮันแนมได้แสดงประกบเอไลจาห์ วู้ดในภาพยนตร์อินดีเรื่อง Green Street Hooligans เกี่ยวกับโลกที่รุนแรงของพวกฮูลิแกนในแวดวงฟุตบอล หลังจากนั้น เขาก็ได้แสดงประกบไคลฟ์ โอเวนในดรามาเกี่ยวกับโลกหลังหายนะโดยอัลฟองโซ คัวรอนเรื่อง Children of Men
            ฮันแนมได้เปิดตัวในวงการจอเงินในทริลเลอร์โดยพาราเมาท์เรื่อง Abandon และยังคงได้รับความสนใจจากการแสดงนำของเขาในภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนิยายโดยชาร์ลส์ ดิคเคนส์เรื่อง Nicholas Nickleby ซึ่งได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
            หลังจากนั้น เขาก็รับบท โบซี ในภาพยนตร์มิราแมกซ์เรื่อง Cold Mountain สำหรับผู้กำกับแอนโธนี มิงเกลลา ที่สร้างจากนิยายเบสต์เซลเลอร์โดยชาร์ลส์ เฟรเซียร์
            นอกเหนือจากพรสวรรค์ด้านการแสดงแล้ว ฮันแนมยังเพิ่งเขียนบทภาพยนตร์เรื่องแรกในชื่อ VLAD เสร็จ โปรเจ็กต์นี้ถูกวางไว้ที่ซัมมิท เอนเตอร์เทนเมนต์ โดยมีอีริค ฟิ้กและแพลนบี อำนวยการสร้างและแอนโธนี แมนด์เลอร์กำกับ


               โอลิเวีย ไวลด์ (ลิซา)เป็นหญิงสาวเรเนอซองส์สมัยใหม่ ในฐานะนักแสดงและนักเคลื่อนไหว เธอสามารถสลับบทบาทระหว่างการแสดงประกบนักแสดงชื่อดังในภาพยนตร์และซีรีส์ที่ได้รับการยกย่อง และการทำงานเคียงข้างหมอและครูผู้อุทิศตนให้กับงานในค่ายผู้อพยพชาวเฮติได้อย่างสบายๆ
             เมื่อเร็วๆ นี้ ไวลด์เพิ่งแสดงบท ควอร์รา เพื่อนและผู้คุ้มครองเจฟฟ์ บริดเจสในภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์โลกอนาคต 3D TRON: Legacy ประกบแดเนียล เคร็กและแฮร์ริสัน ฟอร์ดในภาพยนตร์แฟนตาซีแอ็กชันโดยยูนิเวอร์แซลเรื่องCowboys & Aliens  และประกบไรอัน เรย์โนลด์สและเจสัน เบทแมนในคอเมดีเจ็บตัวเรื่อง The Change-Up ผลงานภาพยนตร์หลังจากนี้ของเธอรวมถึงภาพยนตร์เสียดสีการเมืองโดยวีนสไตน์ คัมปะนีเรื่อง Butter ที่เธอรับบทผู้เข้าแข่งขันในการประกวดแกะสลักเนยแข็งประจำปี ภาพยนตร์เรื่องนี้ร่วมแสดงโดยเจนนิเฟอร์ การ์เนอร์, ฮิวจ์ แจ็คแมนและไท เบอร์เรลล์
             เมื่อเร็วๆ นี้ เธอเพิ่งปิดกล้องทริลเลอร์อนาคตโดยแอนดรูว์ นิคโคลเรื่อง Nowภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้นในโลกที่คนหยุดการเจริญเติบโตที่อายุ 25 ปี และไวลด์ก็รับบทแม่ของจัสติน ทิมเบอร์เลค แม้ว่าในชีวิตจริง เธอจะอายุน้อยกว่าเขาสี่ปีก็ตาม  ปัจจุบัน เธอกำลังอยู่ระหว่างการซ้อมเพื่อแสดงในผลงานการกำกับเรื่องแรกของอเล็กซ์ เคิร์ทซ์แมนเรื่อง Welcome to People ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนักธุรกิจ ที่รับบทโดยคริส ไพน์ ผู้ซึ่งชีวิตสั่นสะเทือนเมื่อเขาได้รู้ว่า พ่อผู้ล่วงลับของเขามีลูกสาวลับๆ โดยไวลด์รับฮันนาห์ บทแฟนสาวของไพน์
            นอกเหนือจากงานจอเงินแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ ไวลด์ยังเพิ่งกลับมารับบทดร.เธอร์ธีนอีกครั้งใน House ซีรีส์โทรทัศน์ที่มียอดผู้ชมสูงสุดเรื่องหนึ่งในโลก ในฤดูใบไม้ผลิ ปี 2011 เธอเริ่มแสดงในซีรีส์นี้ตั้งแต่ปี 2007 และเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่มีการช่วยชีวิตหลายครั้ง House ได้รับสี่รางวัลเอ็มมี อวอร์ดและสองรางวัลลูกโลกทองคำ
ผลงานภาพยนตร์ก่อนหน้านี้ของเธอได้แก่บทคามีโอประกบรัสเซล โครว์ ในดรามาโดยพอล แฮ็กกิสเรื่อง The Next Three Days, Year One ประกบแจ็ค แบล็ค, ร่วมแสดงกับบรูซ วิลลิสและเอมิล เฮิร์สช์ในภาพยนตร์โดยยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สเรื่อง Alpha Dog, ภาพยนตร์โดยบิคฟอร์ด ชเม็คเลอร์เรื่อง Cool Ideas ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากงานเทศกาลภาพยนตร์แอสเพนและ Conversations With Other Women ประกบเฮเลนา บอนแฮม คาร์เตอร์และแอรอน เอ็คฮาร์ท
             นอกเหนือจากนั้น เธอยังได้นำแสดงและอำนวยการสร้าง Fix เรื่องราวเกี่ยวกับทีมผู้สร้างสารคดี ผู้วิ่งวุ่นไปทั่วแคลิฟอร์เนียเพื่อขอความช่วยเหลือเพื่อญาติ Fix เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์สแลมแดนซ์ปี 2008 และเข้าฉายในนิวยอร์กในเดือนพฤศจิกายน ปี 2009
ผลงานจอแก้วก่อนหน้านี้ของเธอได้แก่การร่วมแสดงในดรามาเรื่อง The Black Donnellys ที่สร้างโดยพอล แฮ็กกิส, Skin ที่อำนวยการสร้างโดยเจอร์รี บรั๊คไฮเมอร์และบทประจำในซีรีส์ดังทางฟ็อกซ์เรื่อง The O.C. ด้านละครเวที ไวลด์ได้นำแสดงใน Beauty on the Vine ในโปรดักชันออฟบรอดเวย์ของโรงละครอีพิค เธียเตอร์ เซ็นเตอร์
             ไวลด์เป็นสมาชิกบอร์ดบริหารอาร์ติสท์ ฟอร์ พีซ แอนด์ จัสติส (เอพีเจ) และนั่งบอร์ดผู้ก่อตั้งเอซีแอลยูแห่งเซาเธิร์น แคลิฟอร์เนีย เมื่อเร็วๆ นี้ เธอร่วมมือกับบาร์บารา เบิร์ชฟิลด์และบริน มูเซอร์ เพื่อนร่วมบอร์ดเอพีเจของเธอ ก่อตั้งหน่วยงานใหม่ภายในองค์กรขึ้นมาในชื่อ ยัง อาร์ติสท์ ฟอร์ พีซ แอนด์ จัสติส (วายเอพีเจ) วายเอพีเจมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เกิดความเคลื่อนไหวในโรงเรียนไฮสคูลและมหาวิทยาลัยอเมริกัน ในการยุติความยากจนด้วยการสนับสนุนเรื่องการศึกษาในประเทศกำลังพัฒนา


               คริส คริสทอฟเฟอร์สัน (เชท มิลส์) เกิดในบราวน์วิลล์, เท็กซัส ที่ซึ่งเขาเติบโตมากับม้า ดนตรีเม็กซิกันและดนตรีคันทรี รวมถึงภาพยนตร์เวสเทิร์น พ่อของเขาเป็นนักบินของกองทัพและสายการบิน ครอบครัวเขาย้ายไปแคลิฟอร์เนียตอนที่คริสอายุได้ 11 ขวบ
   คริสทอฟเฟอร์สันทำงานเป็นคนงานในงานก่อสร้างบนเวค ไอส์แลนด์, ถนนบนหุบเขาในแคลิฟอร์เนียและในอลาสกา ที่ซึ่งเขาทำงานเป็นพนักงานซ่อมบำรุงทางรถไฟ และสู้กับไฟป่า เขาเล่นฟุตบอลทั้งตอนอยู่ไฮสคูลและวิทยาลัย ได้สู้ในศึกโกลเดน โกลฟส์ และได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ในฐานะผู้ได้รับทุนการศึกษาโร้ดส์ ที่ซึ่งเขาได้รับรางวัล “บลู” สูงสุดจากการแข่งชกมวยกับเคมบริดจ์
   หลังจากจบจากอ็อกซ์ฟอร์ด เขาก็แต่งงาน กลายเป็นพ่อคนและได้ประจำกองทัพอยู่นานสี่ปีครึ่ง เรียนจบจบจัมป์ สคูล, เรนเจอร์ สคูลและไฟลท์ สคูล บวกกับการทำหน้าที่พลขับเฮลิคอปเตอร์อีกสามปีในเยอรมนี
   ในเดือนมิถุนายน ปี 1965 เขาได้กลับอเมริกาในตำแหน่งนายพันทหารราบ และเขาก็ได้ไปประจำที่ฟอร์ท เบนนิง, จอร์เจีย ก่อนจะมาทำงานเป็นครูสอนวรรณกรรมอังกฤษที่โรงเรียนทหารที่เวสต์ พอยท์ ที่ซึ่งเขาได้ทำการตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาและสร้างความประหลาดใจให้กับครอบครัวและเพื่อนๆ ของเขา
   เขาลาออกจากกองทัพและเดินทางไปแนชวิลล์, เทนเนสซี เพื่อเป็นนักแต่งเพลง และหาเลี้ยงครอบครัวด้วยการทำงานเป็นภารโรงที่สตูดิโอบันทึกเสียง บาร์เทนเดอร์ ก่อนที่จะทำงานเป็นพนักงานขับเฮลิคอปเตอร์ไปยังแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก ก่อนที่เพลงของเขาจะฮิตติดลมบนในชาร์ตของแนชวิลล์และฮอลลีวูด
   นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชื่อของเขาก็ได้รับการบรรจุอยู่ในซองไรเตอร์ส ฮอล ออฟ เฟมและแนชวิลล์ ซองไรเตอร์ส ฮอล ออฟ เฟม เขาเป็นเจ้าของรางวัลแกรมมีสามสมัย ผู้ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก A Star Is Born และได้รับอีกหลายรางวัลร่วมกับเดอะ ไฮเวย์เมน (กับจอห์นนี แคช, วิลลีย์ เนลสันและเวย์ลอน เจนนิงส์) ได้รับรางวัลดิเวอร์ซิตี้ อวอร์ดปี 2001 และในปี 2006 เขาก็ได้รับรางวัลทหารผ่านศึกแห่งปีโดยสมาพันธ์ทหารผ่านศึกอเมริกัน
   เขาได้ปล่อยอัลบัมโซโล 18 อัลบัม รวมถึงสามอัลบัมกับริต้า คูลลิดจ์และอีกสามอัลบัมกับเดอะ ไฮเวย์เมน และได้แสดงภาพยนตร์อีกประมาณ 50 เรื่อง ซึ่งหลายเรื่องเป็นเวสเทิร์นจ๋า ซึ่งรวมถึงสามเรื่องกับแซม เพ็คคินพาห์, The Last Days of Frank and Jesse James กับจอห์นนี แคชและภาพยนตร์โดยจอห์น เซย์เลสเรื่อง Lone Star

ซิสซี สปาเซ็ค (จูน มิลส์) เป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่ได้รับการยกย่องสูงสุดตลอดเวลากว่าสามทศวรรษ รางวัลมากมายที่เธอได้รับได้แก่อคาเดมี อวอร์ด และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์อีกห้าครั้ง สามรางวัลลูกโลกทองคำและรางวัลนักวิจารณ์หลายสำนัก
เธอได้รับความสนใจจากนักวิจารณ์และผู้ชมเป็นครั้งแรกจากการแสดงของเธอในดรามาที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวางในปี 1973 เรื่อง Badlandsซึ่งเธอแสดงประกบมาร์ติน ชีน ในปี 1976 เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดครั้งแรกและได้รับรางวัลสมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์แห่งชาติจากการแสดงน่าขนลุกของเธอในภาพยนตร์โดยไบรอัน เดอ พัลมาเรื่อง Carrieที่สร้างขึ้นจากนิยายโดยสตีเฟน คิง ในปีถัดมา เธอได้รับรางวัลสมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์นิวยอร์ก จากผลงานของเธอในภาพยนตร์โดยโรเบิร์ต อัลท์แมนเรื่อง Three Women
ในปี 1980 เธอได้รับบทลอเร็ตต้า ลินน์ในภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่อง Coal Miner’s Daughterซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลลูกโลกทองคำและออสการ์ นอกจากนี้ เธอยังกวาดรางวัลสมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์นิวยอร์ก, สมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์ลอสแองเจลิส, สมาพันธ์นักวิจารณ์แห่งชาติ และสมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์แห่งชาติจากการรับบทตำนานแห่งโลกดนตรีคันทรีอีกด้วย
สปาเซ็คได้รับการเสนอชื่อชิงลูกโลกทองคำอีกครั้งในปีถัดมาจากผลงานของเธอใน Raggedy Manที่กำกับโดยแจ็ค ฟิสค์ สามีของเธอ เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่สามและลูกโลกทองคำจากการแสดงของเธอในดรามาปี 1982 โดยคอสตา-แกฟรัสเรื่อง Missingประกบแจ็ค เลมมอน และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่สี่และลูกโลกทองคำจากผลงานของเธอในภาพยนตร์ปี 1984 เรื่อง The Riverที่เธอแสดงประกบเมล กิ๊บสัน
ในปี 1987 สปาเซ็คได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดครั้งที่ห้าและได้รับอีกหนึ่งรางวัลลูกโลกทองคำรวมถึงรางวัลสมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์ลอนดอนจากการแสดงของเธอในคอเมดีตลกร้ายเรื่อง Crimes of the Heart ผลงานที่ทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ครั้งล่าสุดคือบทแม่ผู้เศร้าเสียใจกับลูกชายที่ถูกฆ่าตายของเธอในดรามาเรื่อง In the Bedroom ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ, รางวัลอินดีเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ดและรางวัลเอเอฟไอ ฟิล์ม อวอร์ดสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม นอกเหนือจากนั้น เธอยังได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากสมาคมนักวิจารณ์หลายสำนัก ซึ่งรวมถึงสมาพันธ์นักวิจารณ์ภาพยนตร์ลอสแองเจลิส, นิวยอร์กและบรอดคาสท์ ผลงานของเธอใน In the Bedroom ยังทำให้สปาเซ็คได้รับการเสนอชื่อชิงสองรางวัลแซ็ก อวอร์ด ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมและสาขาทีมนักแสดงยอดเยี่ยม ที่เธอได้รับการเสนอชื่อร่วมกับนักแสดงคนอื่นๆ ของเรื่องด้วย
ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของสปาเซ็คได้แก่ A Home at the End of the World, The Straight Story, Blast from the Past, Affliction, The Grass Harp, JFK, The Long Walk Home, Night, Mother, Marie, North Country, Nine Lives, Hot Rod, Lake City และ Four Christmases ล่าสุด เธอได้แสดงประกบโรเบิร์ต ดูวัลล์และบิล เมอร์เรย์ใน Get Low ผลงานภาพยนตร์เรื่องถัดไปของเธอคือภาพยนตร์ที่สร้างจากนิวยอร์ก ไทม์ เบสต์เซลเลอร์เรื่อง The Help
   นอกจากนี้ เธอยังได้รับการยกย่องจากผลงานของเธอในจอแก้ว ที่เธอได้แสดงในโปรเจ็กต์ยาวหลายเรื่อง เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมี อวอร์ดจากบทเซลดา ฟิทซ์เจอรัลด์ใน Last Callและจากผลงานของเธอในเวสเทิร์นโดยทอมมี ลี โจนส์เรื่อง The Good Old Boysนอกจากนี้ เธอยังได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลแซ็ก อวอร์ดจากการแสดงของเธอใน MidwivesและA Place for Annieอีกด้วย ผลงานจอแก้วเรื่องอื่นๆ ของเธอได้แก่  If These Walls Could Talk,Beyond the Call,Streets of Laredo,A Private Matter,การแสดงที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำเรื่อง Pictures of Hollis Woodsและล่าสุดคือการแสดงที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมีจากการแสดงบทรับเชิญในซีรีส์เอชบีโอเรื่องBig Love

happy on December 06, 2012, 04:56:01 PM
               เคท มารา (ฮันนา) เกิดและเติบโตในเบดฟอร์ด, นิวยอร์ก และเริ่มต้นแสดงตอนอายุ 14 ปีในละครท้องถิ่น พออายุได้ 15 ปี มาราก็ขยับขยายจากละครเวทีไปสู่ภาพยนตร์เรื่องแรก Random Hearts ที่กำกับโดยซิดนีย์ พอลแล็ค หลังจากนั้น เธอก็ได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เกี่ยวกับการเติบโตเป็นผู้ใหญ่โดยแกรี วินิคเรื่อง Tadpole
   ผลงานก่อนหน้านี้ของเธอได้แก่ Brokeback Mountainที่กำกับโดยอัง ลี ในบทลูกสาวของฮีธ เล็ดเจอร์, Transsiberian ที่ร่วมแสดงโดยเบน คิงส์ลีย์และวู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน และกำกับโดยแบรด แอนเดอร์สัน, We Are Marshall ที่ร่วมแสดงโดยแมทธิว แม็คคอนนาเฮย์และแมทธิว ฟ็อกซ์และกำกับโดยแม็คจี, Shooter ที่ประกบมาร์ค วอห์ลเบิร์ก และกำกับโดยอังตวน ฟูกัว, Stone of Destiny ที่ร่วมแสดงโดยชาร์ลีย์ ค็อกซ์ และกำกับโดยชาร์ลส์ มาร์ติน สมิธและ The Open Road ที่ร่วมแสดงโดยจัสติน ทิมเบอร์เลคและเจฟฟ์ บริดเจส และกำกับโดยไมเคิล เมเรดิธ
   ในปี 2009 มาราได้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Happythankyoumoreplease กับจอช แรดเนอร์และมาลิน เอเคอร์แมน ที่กำกับโดยจอช แรดเนอร์, Peep World ที่ร่วมแสดงกับไมเคิล ซี. ฮอล, ซาราห์ ซิลเวอร์แมน, เบน ชวอร์ทซ์และเรนน์ วิลสัน และกำกับโดยแบร์รี เบลาสไตน์, Iron Man 2ที่ร่วมแสดงกับโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์และกำกับโดยจอน แฟฟโรและ Ironclad ที่ร่วมแสดงกับพอล จิอาแมตติและเจมส์ เพียวฟอย และกำกับโดยโจนาธาน อิงลิช
   ในปี 2010 มาราได้ถ่ายทำ 127 Hours ที่กำกับโดยแดนนี บอยล์ และร่วมแสดงโดยเจมส์ ฟรังโก้และแอมเบอร์ แทมบลิน 127 Hours และ Peep World เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโตปี 2010
Happythankyoumoreplease เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปี 2010 ที่ซึ่งมันได้รับรางวัลออเดียนซ์ อวอร์ด มันเปิดตัวในนิวยอร์ก ที่เทศกาลภาพยนตร์เจน อาร์ตในเดือนเมษายน ปี 2010 ที่ซึ่งมันได้รับรางวัลออเดียนซ์ อวอร์ดจากการเป็นภาพยนตร์ยอดนิยมอีกครั้ง ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายในฤดูใบไม้ผลิปี 2011 โดยแองคอร์ เบย์
เมื่อเร็วๆ นี้ เธอเพิ่งปิดกล้องภาพยนตร์เรื่อง Ten Year ที่เขียนบทและกำกับโดยเจมี ลินเดน ซึ่งเธอแสดงประกบแชนนิง ทาทัม, โรซาริโอ ดอว์สันและแอนโธนี แม็คกี้ นอกจากนี้ เธอยังได้แสดงซีรีส์โทรทัศน์หลายเรื่อง ซึ่งรวมถึงหลายเอพิโซดในซีรีส์ 24 และ Entourage อีกด้วย


               ทรีท วิลเลียมส์ (นายอำเภอมาร์แชล เบ็คเกอร์) ทำงานเป็นนักแสดงมากว่า 30 ปีแล้ว เขาเริ่มต้นจากการแสดงมิวสิคัล คอเมดีบนเวทีบรอดเวย์ในฐานะตัวสำรองของนักแสดงนำชายใน Grease ท้ายที่สุด เขาก็ได้รับบทนำ แดนนี ซูโก้ นานสามปี บทบาทในภาพยนตร์ที่สำคัญของเขาคือบทเบอร์เกอร์ในเวอร์ชันภาพยนตร์ของเรื่อง Hair
ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของวิลเลียมส์ได้แก่ The Ritz, The Eagle Has Landed, Prince of the City, 1941, Smooth Talkซึ่งคว้ารางวัลชนะเลิศจากงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์, Once Upon a Time in America, ภาพยนตร์โดยวู้ดดี้ อัลเลนเรื่อง Hollywood Ending, Deep Rising, บทคริติคอล บิลใน Things to Do in Denver When You’re Dead, The Phantom, Deep End of the Ocean, The Devil’s Own, What Happens in Vegas, Howl และภาพยนตร์ที่เพิ่งเข้าฉายเร็วๆ นี้อย่าง 127 Hours และ A Little Bit of Heaven
ผลงานละครบรอดเวย์ของเขาได้แก่ Grease, Over Here, Once in a Lifetime, Love Letters, The Pirates of Penzance และละครโดยสตีเฟน ซอนด์เฮมเรื่อง Follies ผลงานละครออฟบรอดเวย์ของเขาได้แก่ Bus Stop, Some Men Need Help, ละครโดยเดวิด มาเม็ตเรื่อง Oleanna และ Captains Courageous
ผลงานจอแก้วของเขาได้แก่ A Streetcar Named Desire, J. Edgar Hoover, Dempsey, The Late Shift และ Max and Helen ตลอดสี่ซีซัน เขาได้รับบทดร.แอนดี้ บราวน์ในซีรีส์ดังเรื่อง Everwood ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงสองรางวัลแซ็ก อวอร์ดสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
เขาได้รับการเสนอชื่อชิงสี่รางวัลลูกโลกทองคำ รางวัลเอ็มมีและได้รับสองรางวัลเธียเตอร์ กิลด์ อวอร์ด
เขาได้กำกับภาพยนตร์ขนาดสั้นปี 1994 เรื่อง Texan ที่เขียนบทโดยเดวิด มาเม็ต และได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากงานเทศกาลภาพยนตร์สามงาน
วงดี.โอ.บี. ของเขาร่วมกับเกรแฮม รัสเซลแห่งแอร์ ซัพพลาย ได้ระดมทุนได้กว่าครึ่งล้านเหรียญเพื่อช่วยเหลือเหยื่อของสึนามิปี 2004 และองค์กรการกุศลอื่นๆ
วิลเลียมส์ นักบินผู้มีชั่วโมงบิน 8,000 ชั่วโมงในค็อกพิท ได้ขับเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ทุกรูปแบบและขนาดมาเป็นเวลากว่า 30 ปี
   หนังสือสำหรับเด็กเรื่องแรกของเขา “Airshow” วางแผงแล้ว เขาใช้ชีวิตอยู่ในหุบเขาในยูทาห์ กับภรรยาและลูกๆ สองคน