happy on November 03, 2012, 06:42:07 PM
เกี่ยวกับงานสร้าง
งานสองเท่า เวลาครึ่งเดียว ไทเควอร์และพี่น้องวาโชว์สกี้ไม่ได้คาดคิดถึงการทำงานสองด้านในตอนที่พวกเขาเริ่มต้นดัดแปลง Cloud Atlas ในตอนนั้น เรื่องการเดินทางขนส่งในการถ่ายทำถูกบดบังด้วยโฟกัสของพวกเขาในการถ่ายทอดแก่นสำคัญในนิยายของมิทเชลออกมา แต่เมื่อบทภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ทีมนักแสดงมารวมตัวกันและสโคปของสิ่งที่พวกเขาพยายามจะสร้างเริ่มชัดเจนขึ้น แผน การกำกับแบบควบคู่กันไปก็ดูเหมือนจะเป็นแผนที่มีประสิทธิภาพที่สุด พวกเขาสามารถถ่ายทำโดยใช้เวลาครึ่งเดียวด้วยการแบ่งครึ่งงานระหว่างสองยูนิท ที่ดำเนินการไปพร้อมๆ กัน และแต่ละยูนิทก็โฟกัสไปที่สามในหกเซ็กเมนต์ของเรื่อง และแต่ละยูนิทก็มีทีมงานมากความสามารถของตัวเอง ในขณะที่นักแสดงก็จะเดินทางจากกองถ่ายของยูนิทหนึ่งไปยังอีกกองถ่ายอีกแห่งหนึ่ง
“หนึ่งปีก่อนหน้าที่การถ่ายทำจะเริ่มต้นขึ้น เราได้นำหัวหน้าแผนกจากทั้งสองยูนิทมารวมตัวกันในการชุมนุมสี่สัปดาห์ในเบอร์ลิน เพื่อที่เราจะได้นั่งลงคุยกันเรื่องบท” ผู้อำนวยการสร้างแกรนท์ ฮิลบอก “เราทดสอบเรื่องของความสัมพันธ์และวิธีการ และประเมินว่าทั้งหมดนี้จะออกมาได้ในรูปแบบไหน” ความรู้สึกจากผู้กำกับถ่ายทอดมาสู่ความรู้สึกของการร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเปี่ยมล้น “ด้วยคนเยี่ยมๆ เหล่านี้ที่เปิดกว้างต่อการร่วมมือกัน เราก็ตระหนักว่าสิ่งสำคัญคือการกำหนดทิศทางที่ชัดเจน แผนการที่รัดกุมและควบคุมพลังยิ่งใหญ่ทั้งหมดเหล่านี้”
พี่น้องวาโชว์สกี้ได้จัดการการเดินทางทางทะเลของอดัม เอวิงในปี 1849, การกบฏของซอนมีในปี 2144 และชีวิตของแซ็ครีในศตวรรษที่ 24 ทีมงานของพวกเขารวมถึงผู้ออกแบบงานสร้างฮิวจ์ เบทอัพและผู้กำกับภาพจอห์น ทอล
ทอม ไทเควอร์บันทึกภาพการเดินทางของอัจฉริยะทางดนตรี โรเบิร์ต โฟรบิเชอร์ในปี 1936, การเปิดโปงการสมคบคิดของบริษัทใหญ่ของหลุยซ่า เรย์ในปี 1973 และชีวิตที่โดดเดี่ยวและบ่อยครั้งก็น่าขบขันของคาเวนดิช บรรณาธิการชาวลอนดอนในปี 2012 ผู้ที่ร่วมงานกับเขาคือผู้ออกแบบงานสร้าง อูลิ ฮานิสช์และผู้กำกับภาพ แฟรงค์ กรีบี้
การถ่ายทำเริ่มต้นขึ้นในเดือนกันยายน ปี 2011 โดยไทเควอร์ทำงานในสก็อตแลนด์และพี่น้องวาโชว์สกี้ทำงานในมายอร์ก้า โดยรวมแล้วโลเกชันภายนอกของพวกเขารวมถึงกลาสโกว์, เอดินเบิร์กห์และชนบนในสก็อตแลนด์, แซ็กซอนนี่และสถานที่ต่างๆ ในเบอร์ลิน ก่อนที่จะลงเอยในซาวน์สเตจล้ำสมัยของบาเบลส์เบิร์ก สำหรับฉากภายในและกรีนสกรีน แม้ว่าจะอยู่กันคนละประเทศ แต่ทั้งสามคนก็ติดต่อกันบ่อยๆ “ผู้กำกับได้ไตร่ตรองในทุกรายละเอียด ทุกการตัดต่อและความเชื่อมโยงระหว่างส่วนต่างๆ ของเรื่องราวและเตรียมพร้อมอย่างดีก่อนหน้าการถ่ายทำ” ผู้อำนวยการสร้างสเตฟาน อาร์นด์ยอมรับ “ระหว่างการถ่ายทำ พวกเขาจะโทรหากันและกันบอกว่า ‘คุณต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างตรงส่วนนี้ ตอนที่คุณถ่ายทำฉากต่อไป จำไว้ด้วยนะว่านักแสดงคนนี้จะทำอย่างนั้นอย่างนี้’ พวกเขาเป็นคนที่สื่อสารกันด้วยดี และสามารถคุยกันเรื่องการตัดสินใจของพวกเขาได้”
มายอร์ก้าเป็นฉากสำหรับส่วนแรกและส่วนสุดท้ายของเรื่องราวนี้ ในส่วนแรกมันถูกใช้เป็นเกาะแปซิฟิค ที่ซึ่งอดัม เอวิ่งและออทัวร์ได้ตั้งต้นเพื่อแล่นเรือไปยังอเมริกา ก่อนที่จะถูกใช้เป็นหุบเขาในฮาวาย ที่ซึ่งแซ็ครีใช้ชีวิตอยู่ในอีก 500 ปีให้หลัง ลานากล่าว “เราตัดสินใจว่ามันน่าจะเป็นเกาะเดียวกัน สิ่งนั้น รวมถึงความสุดโต่งจากการเปลี่ยนแปลงของบทบาทของทอม แฮงค์จากกู๊สไปเป็นแซ็ครี เป็นตัวที่บ่งบอกถึงส่วนแรกและส่วนสุดท้ายของกาลเวลา และช่วยเน้นย้ำถึงธีมของการเกิดขึ้นซ้ำใหม่อีกครั้ง
ฉากที่เอวิ่งเผชิญหน้ากับดร.กู๊สบนชายหาดถูกถ่ายทำในซา คาโลบรา โคฟในทอร์เรนท์ เดอะ พาเรส และโรงงานยาสูบในศตวรรษที่ 19 ของฮอร์ร็อกซ์ ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ของเอกชนในย่านเอสลอมบ์ดของมายอร์ก้า
โพรฟีเทส เรือของเอวิง จริงๆ แล้วเป็นเรือสมัยโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างงดงามและสามารถออกทะเลได้ ที่มีชื่อว่าเอิร์ล ออฟ เพมโบรค ถูกสร้างขึ้นในสวีเดน และตอนนี้ เทียบท่าอยู่ที่ท่าเรือชาร์ลสตัน, คอร์นวอล โดยสแควร์ เซล คัมปะนี มันแล่นออกไปพบกองถ่ายในมายอร์ก้า ที่ซึ่งมันต้องผ่านการแปลงโฉมบางอย่าง โรบิน เดวีส์ กัปตันของเรือลำนี้ ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานฝ่ายทะเลสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้และเขาและทีมงาน 15 ชีวิตของเขาก็ได้ร่วมรับบทตัวประกอบในฉากบนดาดฟ้าเรือด้วย
บนเกาะ ทีมผู้สร้างได้หาแบ็คดร็อปภูเขาที่ทุรกันดารสำหรับการเดินทางของแซ็ครีกับเมโรมิม และใช้ประโยชน์จากทิวทัศน์ที่น่าตื่นตาตื่นใจเหนือพูอิก เมเยอร์ ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูง 4711 ฟุต เหนือหมู่เกาะบัลเลริคทั้งหมด ณ ที่นั้น สถานีวิทยุดาวเทียมยุค 50s ที่ทางทหารยังคงบำรุงรักษาอยู่ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการปรับเปลี่ยนให้เป็นอาคารที่เมโรนิมตามหา
จากมายอร์ก้า พี่น้องวาโชว์สกี้ได้เดินทางไปแซ็กซอนนี่ ซึ่งอยูทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเยอรมนี ที่ซึ่งโครงสร้างหินทรายที่โด่งดังและป่าหนาทึบของภูมิภาคนี้ถูกใช้เป็นบ้านของแซ็ครีและป่ารอบด้าน ที่ซึ่งครอบครัวของเขาถูกคุกคามจากเผ่าโคนา ในการสร้างหมู่บ้านนี้ขึ้นมา เบทอัพให้ความเห็นว่า “เราไม่อยากจะนำเสนอสังคมนี้ว่าไร้อารยธรรมมากเกินไป เหมือนกับว่าพวกเขาได้ย้อนกลับไปสู่ยุคมืด เราก็เลยตัดสินในว่าพวกเขาพ้นจากเหตุการณ์โลกล่มสลายมาสองหรือสามรุ่น และได้เรียนรู้ที่จะมีชีวิตรอดและทำสิ่งต่างๆ อีกครั้ง พวกเขาสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นจากวัตถุดิบที่พวกเขามีอยู่ หรือเก็บกู้ได้จากเมืองต่างๆ พวกเขาเป็นช่างฝีมือไม่ใช่คนเถื่อนครับ”
เพื่อความต่อเนื่อง ฝูงแพะเล็กๆ ที่แซ็ครีดูแลระหว่างที่อยู่ในมายอร์ก้าถูกขนส่งไปยังแซ็กซอนนี่ด้วย นอกจากแพะแล้ว ยังมีม้าหกตัว ที่ได้รับการฝึกในสเปนและถูกนำตัวจากมาดริดมายังแซ็กซอนนี สำหรับฉากการโจมตีหมู่บ้านที่น่าสะพรึงกลัวของพวก โคนา จอร์ดี้ คาซาเรส ผู้ประสานงานฝ่ายสตันท์ชาวสเปนและทีมงานของเขาได้ขี่ม้าในซีเควนซ์แอ็คชั่นเหล่านี้ ในขณะที่จอร์เก้ อาเกโร ผู้ควบคุมกล้องสเตดิแคม ผู้ชำนาญในการขี่ม้า ต้องเจอกับความท้าทายที่ไม่มั่นคงของการถ่ายทำไปด้วยขณะขี่ม้า
ในขณะเดียวกัน ไทเควอร์ก็ได้เปลี่ยนย่านในกลาสโกว์ที่มีถนนโค้ง ให้กลายเป็นซานฟรานซิสโกในปี 1973 ป้ายและไฟต่างๆ ถูกแทนที่ และมีการนำรถรุ่นเก่าเข้ามาใช้ในฉากการไล่ล่าและลอบยิงที่ตึงเครียด ขณะที่หลุยซ่า เรย์และเนเพียร์พยายามหลบหนีจากมือสังหาร บิล สโมค
สภาหอการค้าของเอดินเบิร์กห์กลายเป็นโรงแรมที่โฟรบิเชอร์หนีลงมาตามท่อน้ำทิ้งและหลังจากนั้น อนุสรณ์วอลเตอร์ สก็อต ที่โด่งดังของเมือง ก็ถูกใช้เป็นที่หลบภัยและสถานที่ที่เขาได้เห็นหญิงคนรักเป็นครั้งสุดท้าย อนุสรณ์สูง 200 ฟุตแห่งนี้ ซึ่งไม่เคยปิดสำหรับการถ่ายทำเลย ได้อนุญาตให้ “Cloud Atlas” ใช้เวลาที่นี่สองวัน เพื่อที่จะได้มีการยกกล้องและอุปกรณ์ขึ้นไปบนแพลทฟอร์มชมวิวด้วยเครนแทนที่จะผ่านบันไดวนแคบๆ ของที่นั่น
สำหรับคฤหาสน์หลังงามของเอริส ที่ซึ่งโฟรบิเชอร์ไปขอทำงานด้วยนั้น ไทเควอร์และผู้ออกแบบงานสร้าง อูลี ฮานิสช์ ได้ร่วมกับทีมโลเกชั่นในการสำรวจย่านชนบทของสก็อตแลนด์ ก่อนที่จะพบโอเวอร์ทูน เฮาส์ ที่เป็นของเอกชน ในเวสต์ ดันบาร์ทอนเชียร์ มันไม่เพียงแต่จะถูกใช้เป็นบ้านของเอริสในปี 1936 เท่านั้น แต่มันยังถูกตกแต่งใหม่เพื่อเป็นคฤหาสน์ออโรรา ที่คาเวนดิชถูกกักขังในปี 2012 ด้วย “เวลาของพวกมันห่างกันเกือบ 80 ปี ดังนั้น สวนและต้นไม้ก็จะต้องแตกต่างกัน กลยุทธของเราก็คือการเพิ่มสิ่งต่างๆ
อย่างต้นไม้ในสมัยก่อน ที่เราจะเคลื่อนย้าย เพื่อให้ภายนอกของหลายทศวรรษให้หลังดูเรียบง่ายขึ้น” ฮานิสช์ตั้งข้อสังเกต นอกจากนั้น พวกเขายังได้เพิ่มเรือนเพาะชำและประตูหน้าที่ใหญ่โตเข้าไป เพื่อให้เข้ากับฉากของคาเวนดิชอีกด้วย
ไทเควอร์เสนอแนะว่า เมื่อมองในเรื่องสัญลักษณ์แล้ว “ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นชาโตว์ที่เอริส นักประพันธ์เพลงชรา พยายามจะคุมขังโฟรบิเชอร์หนุ่มเอาไว้ และในอีกชาติภพหนึ่ง มันก็เป็นตัวเขา ที่กลับชาติมาเกิดเป็นคาเวนดิช ที่ถูกคุมขังในสถานที่ที่เขาเคยเป็นผู้คุม”
ตั้งแต่ขั้นตอนคิดคอนเซ็ปต์ของเรื่อง ทีมงานก็กำหนดเอาไว้แล้วว่า สถานที่บางแห่งจะถูกใช้ซ้ำสองจากเรื่องราวตอนหนึ่งไปสู่อีกตอนหนึ่ง “แต่เราก็อยากจะยืดหยุ่น” ฮานิสช์บอก “บางครั้ง มันก็เป็นสถานที่จริงๆ บางครั้งก็เป็นแค่การบอกเป็นนัยๆ จุดเริ่มต้นของเราคือห้องเคบินของเอวิงใต้ดาดฟ้าเรือ ซึ่งเราก็จำลองรูปร่างห้องๆ นี้มาใช้ตลอด ทั้งออฟฟิศของคาเวนดิช, อพาร์ทเมนต์ ของหลุยซ่า เรย์, ห้องของโฟรบิเชอร์ในคฤหาสน์ของเอริส, เซฟเฮาส์ของซอนมีและกระท่อมของแซ็ครี”
ดังนั้น ภายในห้องดนตรีที่โอ่โถงของเอริส ที่สร้างขึ้นบนซาวน์สเตจ ก็กลายเป็นห้องรับประทานอาหารที่น่าหดหู่ในคฤหาสน์ออโรรา ร้านอาหารที่ซอนมีทำงาน ซึ่งเบทอัพได้ออกแบบ มีบรรยากาศเสมือนที่สดชื่น สว่างไสว ให้ลูกค้าได้มีความสุข และเวลาปิดทำการเผยให้เห็นถึงสภาพที่แท้จริงที่มืดหม่นของมัน “เราต้องประดิษฐ์สังคมผู้บริโภคของปี 2144 และจินตนาการว่าร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดจะเป็นยังไง ลานาและแอนดี้มีไอเดียที่ชัดเจนว่าพวกเขามองเห็นยุคสมัยเหล่านี้อย่าไร เราก็เลยแลกเปลี่ยนไอเดียกันและท้ายที่สุด เราก็ได้โลกของซอนมีขึ้นมา” เขากล่าว หลังจากการถ่ายทำฉากเหล่านั้นเสร็จสิ้นลงแล้ว พื้นที่ก็ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ด้วยการทาสีดำ ขาวและแดง เพื่อใช้เป็นพื้นที่บนหลังคาสำหรับงานเปิดตัวหนังสือของคาเวนดิช ที่ซึ่งอควอเรียมขนาดใหญ่ทำให้นึกถึงบ่อปลาเสมือนจริงบนพื้นของร้านอาหาร
นอกจากนี้ ดีไซเนอร์ยังได้ใส่เอาองค์ประกอบหลายอย่างเข้าไปซ้ำๆ เช่นรถไฟและสะพาน ที่ปรากฏอยู่ในเรื่องราว ของโฟรบิเชอร์, คาเวนดิช, หลุยซ่า เรย์และแซ็ครี วัตถุรูปไข่ยังปรากฏขึ้นหลายครั้ง ตั้งแต่ของเล่นในโรงงานที่หลุยซ่า เรย์วิ่งผ่านในซานฟรานซิสโกไปจนถึงที่นั่งในร้านอาหารและเครื่องบันทึกเสียงในคลังข้อมูลของซอนมีด้วย “เราต้องการให้การถ่ายทอดแต่ละยุคสมัยของเราชัดเจนจนมันไม่มีการตั้งคำถามเลยว่ามันเป็นยุค 1930s หรือ 1840s น่ะครับ” ฮานิสช์กล่าว “ในขณะเดียวกัน ภาพวิชวลและสถานที่ที่ถูกใช้ซ้ำก็ยิ่งตอกย้ำไอเดียของความเชื่อมโยงและความต่อเนื่องของเรื่องราวหนึ่งเดียวนี้ด้วย”
ผู้ที่รับผิดชอบต่อลุ๊คที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและแนบเนียนของเรื่องคือผู้กำกับภาพจอห์น ทอลและแฟรงค์ กรีบี้ “องค์ประกอบด้านการออกแบบวิชวลหลักๆ เรียบร้อยหมดแล้วตอนที่เรามาทำงานในหนังเรื่องนี้” ทอลตั้งข้อสังเกต “เป้าหมายสำคัญอย่างหนึ่งของการกำกับภาพคือการผสมผสานลุคของแต่ละซีเควนซ์ ที่ครอบคลุมช่วงเวลา 500 ปี เพื่อสร้างความรู้สึกดราม่าที่ดื่มด่ำและ ทับซ้อนกัน สำหรับเรื่องราวทั้งหมด แต่อาจไม่ใช่แค่ด้วยการพยายามสร้างลุ๊คที่เฉพาะเจาะจงอย่างใดอย่างหนึ่งสำหรับหนังทั้งเรื่องก็ได้ โดยพื้นฐานแล้ว นี่หมายถึงการใช้วิธีการด้านวิชวล ที่เหมาะสมกับแต่ละบท แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความรู้สึกต่อเนื่อง”
หลังจากได้พบกันเพื่อปรึกษาเรื่องกล้อง เลนส์และอิมัลชั่นของฟิล์มแล้ว กรีบี้และทอลก็ได้แยกกันไปตามโลเกชั่นของแต่ละคน แต่พวกเขาก็ยังติดตามผลงานของอีกฝ่ายผ่านทางฟิล์มเดลีส์
แดน กลาส ผู้ร่วมงานกับพี่น้องวาโชว์สกี้ตั้งแต่ “The Matrix” เป็นผู้นำแผนกวิชวล เอฟเฟ็กต์ของทั้งสองยูนิท ผลงานของเขาปรากฏชัดเจนที่สุดในสองฉากในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งซีเควนซ์แอ็คชั่นของซอนมีและบรรยากาศจำลองของร้านอาหารที่เธอทำงาน แต่ไม่มียุคไหนเลยที่เขาไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย เขาช่วยเปลี่ยนกลาสโกว์ให้กลายเป็นซานฟรานซิสโกและสร้างสถานีไฟฟ้า สแวนเน็คเก้สมมติขึ้นมา “ทอมเคยชินกับการถ่ายทำกับโลเกชั่นจริงๆ เราก็เลยได้ทำงานกับองค์ประกอบทางกายภาพ แล้วเสริมแต่งมันเพิ่มเติมมากกว่า มันเป็นวิธีการที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ครับ” เขากล่าว
ฉากที่หลุยซ่า เรย์เดินทางผ่านสะพานโกลเดน เกท ถูกถ่ายทำส่วนหนึ่งในแทงค์น้ำในโคโลญจน์และส่วนหนึ่งบนรันเวย์ของอดีตสนามบินเทมเพลฮอฟของเยอรมนี ที่ซึ่งรถสตันท์ปะทะกันและรถเต่าของเธอก็ลอยละลิ่วข้ามขอบทางไป ส่วนที่เหลือ ซึ่งรวมถึงระยะบนะพานและอ่าวซานฟรานซิสโก ถูกเรนเดอร์ด้วยดิจิตอล
สำหรับนีโอโซลในปี 2144 ทีมผู้สร้างได้จินตนาการถึงอนาคต ที่ซึ่งระดับน้ำที่สูงขึ้นทำให้ส่วนที่เก่าแก่ของเมืองจมลงใต้น้ำ “พวกเขาได้สร้างผนังขนาดใหญ่ขึ้นมาเพื่อป้องกันน้ำจากมหาสมุทร และในพื้นที่บางส่วน เราก็ได้สร้างยอดตึกระฟ้าโผล่พ้นน้ำขึ้นมา เพื่อบอกใบ้ถึงตึกที่จมอยู่ใต้น้ำครับ” กลาสอธิบาย “ส่วนที่ใหม่กว่าของเมือง ที่ซึ่งคนร่ำรวยใช้ชีวิตอยู่ เราจินตนาการว่ามันจะถูกสร้างขึ้นเหนือซากปรักหักพังเหล่านี้ ขณะที่คุณลงมา คุณจะเจอกับโลกที่น่าหดหู่กว่านั้น เป็นสถานที่ที่ซึ่งการก่อกบฏของชางถือกำเนิดขึ้นครับ” การหลบหนีของซอนมีและการปะทะกันระหว่าง ชาง วีรบุรุษของเธอและกองกำลังของรัฐบาล ทีนำพวกเขาไปสู่ยอดตึกระฟ้าของนีโอ โซล และลึกลงไปสุดขั้ว ถูกถ่ายทำด้วยกรีนสกรีนและ CGI ที่ บาเบลส์เบิร์ก ที่ซึ่งในที่สุดทั้งสองยูนิทก็ได้ทำงานร่วมกัน
« Last Edit: November 03, 2012, 07:03:37 PM by happy »
Logged