ในอนาคตหนทางการรักษาโรคมะเร็งคาดว่าจะสดใสขึ้นเรื่อยๆ เหตุจากมีการค้นคว้าวิจัยเพื่อเอาชนะโรคร้ายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และล่าสุด ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยยอร์คแห่งอังกฤษ พบประโยชน์ของวิตามินเอ สามารถสู้รบกับเซลล์มะเร็งได้
ศาสตราจารย์นอร์แมน เมตแลนด์ หนึ่งในทีมวิจัยเล่าว่า ความเชื่อมโยงดังกล่าวถูกพบจากกรณีศึกษาในผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยผู้ป่วยที่มีระดับวิตามินเอเพียงพอจะส่งผลให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอ เมื่อเข้ารับการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดก็จะให้ผลเป็นที่น่าพอใจ
ที่เป็นเช่นนั้น ศาสตราจารย์นอร์แมน ระบุว่า ในอนุพันธ์วิตามินเอมีกรดชนิดหนึ่ง ชื่อ เรทิโนอิก มีผลทำให้เซลล์มะเร็งเกิดการเปลี่ยนแปลง ทีมวิจัยจึงมีข้อสรุปว่า ก่อนทำเคมีบำบัด หากผู้ป่วยมีระดับวิตามินเอต่ำ เซลล์มะเร็งก็จะเหลือรอดหลังทำการรักษา แต่ในทางตรงกันข้าม หากผู้ป่วยมีระดับวิตามินเอมากพอ การทำเคมีบำบัดก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังมีข้อเสนอไปยังแพทย์ว่า แม้โดยปกติแพทย์จะใช้วิตามินเอกำจัดเซลล์มะเร็ง ทว่าทีมวิจัยเห็นควรให้ใช้วิตามินเอในด้านการปรับเปลี่ยนเซลล์มะเร็งจากวิธีที่กล่าวในงานวิจัยประเด็นนี้
อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์นอร์แมน ยืนยันว่า การค้นพบประสิทธิภาพของวิตามินเอที่ทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอนี้ เป็นเรื่องที่ศึกษากันในระดับเซลล์ ซึ่งมิได้มีผลเชื่อมโยงว่าการบริโภควิตามินเอแล้วจะลดความเสี่ยงป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากหรือไม่แต่อย่างใด
ที่อังกฤษแต่ละปีแพทย์จะพบผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากราว 41,000 ราย โดยร้อยละ 80 จากจำนวนดังกล่าวสามารถมีชีวิตอยู่รอดไปได้ราวห้าปี ขณะที่ตัวเลขของผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้ก็มีสูงถึง 10,000 รายต่อปี ฉะนั้นผลวิจัยเรื่องนี้น่าจะมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากบ้าง.
ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
takecareDD@gmail.comhttp://www.dailynews.co.th/article/822/155495