KTAM ขาย3กองทุนตราสารหนี้ชู2ปี4%
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าได้ลงทุนในกองทุนประเภทตราสารหนี้ ทั้งสิ้น 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนที่มีอายุ 3 เดือน , 6 เดือน และ 2 ปี มูลค่าโครงการรวม 13,000 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 26 (KTFF26 ) เสนอขาย 10 -18 กันยายน 2555 มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในเงินฝากประจำ Bank of China ในสัดส่วน 24% บัตรเงินฝาก CorpBanca 20 % , MTN ของ Banco Bradesco BBA 22% , LPN ของ VTB Capital SA 24% , LPN ของ Gaz Capital SA 5% และ LPN ของ RSHB Capital SA 5 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 4.00% ต่อปี โดยรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทุก 6 เดือน
โดยตราสารที่บริษัทเลือกลงทุน เป็นสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศต่างๆ และมีเครดิต เรตติ้งตั้งแต่ BBB ถึง A+ เช่น Bank of China เป็นธนาคารภาครัฐถือหุ้นใหญ่โดยหน่วยงานเพื่อการลงทุนของรัฐบาลจีน มีบทบาทในการสนองนโยบายของภาครัฐ , CorpBanca ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เป็นอันดับ5 ในประเทศชิลี ดำเนินธุรกิจการเงินครบวงจร มีขนาดสินทรัพย์รวมประมาณ USD1.84 หมื่นล้าน , Banco Bradesco BBA เป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อันดับ3 ในบราซิล ดำเนินธุรกิจครบวงจร มีขนาดสินทรัพย์ประมาณ 4.06 แสนล้านเหรียญสหรัฐ , VTB Capital S.A. เป็นผู้ออกตราสาร Loan Participation Note (LPN ) ซึ่ง VTB Capital SA จดทะเบียนที่ประเทศ Luxembourg เป็นผู้ออกตราสารที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจง ในการระดมเงินทุนจากการออกหุ้นกู้เพื่อให้กู้ยืมต่อ VTB Bank ภายใต้สัญญากู้ยืม โดย VTB Bank เป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับ2 ของรัสเซีย , Gaz Capital SA เป็น LPN ซึ่ง Gaz Capital SA เป็นผู้ออกตราสารที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงในการระดมเงินทุนจากการออกหุ้นกู้เพื่อให้กู้ยืมต่อ Gazprom OAO ภายใต้สัญญาเงินกู้ยืม ทั้งนี้ Gazprom เป็นหนึ่งในธุรกิจพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของโลกและ RSHB Capital SA เป็น LPN ซึ่ง RSHB เป็นผู้ออกตราสารที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงในการระดมเงินทุนจากการออกหุ้นกู้เพื่อให้กู้ยืมต่อ Russian Agricultural Bank ภายใต้สัญญาเงินกู้ยืม ทั้งนี้ Russian Agricultural Bank เป็นธนาคารรัฐที่มีสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศรัสเซีย
นอกจากนี้ บริษัทยังจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3 เดือน 3 ( KTSIV3M3 ) ในวันที่ 10 -14 กันยายน 2555 อายุ 3 เดือน เป็นกองทุนประเภท Roll Over มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในเงินฝากธนาคารออมสิน ธนาคารธนชาต และตั๋วแลกเงินของภาคเอกชน โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.85% ต่อปี และกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 51 ( KTSUPB51 ) เสนอขายในวันที่ 12-18 กันยายน 2555 อายุ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในเงินฝากประจำ Bank of China , เงินฝากประจำ Abu Dhabi Commercial Bank , MTN ออกโดย Itau Unibanco SA และตราสารในประเทศ ประเภทเงินฝาก ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ ผลตอบแทนประมาณ 3.10% ต่อปี
สำหรับภาวะการลงทุนตลาดตราสารหนี้ในประเทศ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรภาครัฐ อายุไม่เกิน 5 ปี ค่อนข้างทรงตัว ขณะที่ตราสารรุ่นอายุมากกว่า 5 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4-8 bp เนื่องจากการประกาศแผนการออกพันธบัตรของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2556 ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.00% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของบริษัท ที่ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงระดับนี้ไปถึงสิ้นปี และก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนสิงหาคม ปรับเพิ่มขึ้น 2.69% YoY ทำให้ค่าเฉลี่ยใน 8 เดือนแรกเพิ่มขึ้น 2.89% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มีส่วนทำให้การคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปี 2555 น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับ 3.00% ทิศทางดังกล่าวจึงส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรจะแกว่งตัวในกรอบจำกัด แม้จะมีแรงขายทำกำไรบ้างในช่วงที่ผ่านมา
สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ อัตราผลตอบแทนระยะสั้นถึงกลางมีการปรับลดลงบ้างจากผลการประชุมของ ECB ที่มีแผนจะซื้อพันธบัตรของประเทศในกลุ่มยูโรที่มีปัญหา เช่น สเปน และอิตาลี ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ยังแสดงสัญญาณการฟื้นตัวที่ล่าช้ากว่าที่ฝ่ายนโยบายคาดหวัง จึงทำให้ตลาดมีความเชื่อว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตลาดการเงินค่อนข้างตอบรับต่อแนวทางดำเนินการของ ECB และสหรัฐฯ จึงทำให้มีการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และสินทรัพย์ในสกุลเงินยูโร และตลาดเกิดใหม่ต่างๆ ทั่วโลก