คู่ซี้สายฟ้าไม่พรากจาก: การคัดเลือกนักแสดงสำหรับคอมมิดี้
ตั้งแต่นาทีแรกที่พวกเขาได้พบกัน หนูน้อยจอห์น เบนเน็ตต์และเท็ดก็สาบานว่าจะเป็นเพื่อนรักกัน ตลอดกาลนาน ความสุขในวัยเด็กของพวกเขารวมถึงการไปขับรถโกคาร์ท การปั้นตุ๊กตาหิมะ การดูแฟลช กอร์ดอน การแต่งตัวในชุดคอสตูมสำหรับการเปิดตัว Star Wars: Episode I: The Phantom Menace ในท้องถิ่น (ในบทดาร์ธ มอลและโยดา) การสนุกสุดเหวี่ยงและการดูแฟลช กอร์ดอน สมัยเด็ก ความกลัวสายฟ้าที่เหมือนกันทำให้พวกเขาผูกพันกันในฐานะ “คู่ซี้สายฟ้า” และความกลัวนี้ก็ติดตัวพวกเขาไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ ไม่มีอะไรขจัดความกลัวนี้ได้ดียิ่งไปกว่าเพลงปลุกใจของทั้งคู่อีกแล้ว
แม็คฟาร์เลนพูดถึงการคัดเลือกนักแสดงสำหรับบทของชายผู้ไม่ยอมโตเป็นผู้ใหญ่เสียทีว่า “มาร์ค วอห์ลเบิร์กเหมาะกับบทนี้มากเพราะเขาเป็นคนตลกสุดๆ ได้ แต่ก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์ที่แท้จริงและความสมจริงออกมาได้ เมื่อเขาพูดกับตุ๊กตาหมี คุณจะเชื่อว่าเขาอยู่ตรงนั้นจริงๆ การที่เขาสามารถนั่งอยู่ตรงนั้นและถ่ายทอดอารมณ์ที่แท้จริงแบบนั้นออกมาเพื่อตุ๊กตาหมีที่ไร้ชีวิตเป็นสิ่งที่น่าประทับใจทีเดียว และนั่นก็จะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้ชมติดตามหนังเรื่องนี้ครับ”
แม้ว่าวอห์ลเบิร์กจะแสดงในคอมมิดี้ไม่กี่เรื่อง แต่ความสามารถของเขาก็สร้างความประทับใจให้กับผู้กำกับ “ความสามารถของเขาในการแสดงตลกเจ็บตัวเป็นอะไรที่เหลือเชื่อครับ” แม็คฟาร์เลนกล่าวต่อ “ตัวละครน่ารัก และหลอกง่ายของเขาใน Boogie Nights และ I Heart Huckabees เป็นสิ่งที่เรามองว่าเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับจอห์น เขาเป็นคนน่ารัก อ่อนหวาน ที่มักยอมจำนนต่อเสียงรบเร้าของเท็ดครับ”
วอห์ลเบิร์กยอมรับว่าเขามักเลือกบทที่ตรงข้ามกับตัวละครของเขาในภาพยนตร์ที่เขาเพิ่งถ่ายทำไปล่าสุด เขากล่าวว่า “จากการไปแถลงข่าวเรื่อง The Fighter ผมก็ตรงไปถ่ายทำ Contraband ในนิวออร์ลีนส์ระหว่างเทศกาลรางวัล และผมก็ไปๆ มาๆ ระหว่างกองถ่ายทั้งสองเรื่อง แล้วผมก็ได้บทเรื่องนี้มา พอผมอ่านมันไปได้ 30 นาที ผมก็ลืมเรื่องหมีไปเลย ผมคิดแค่ว่า 'ว้าว มันช่างเป็นหนังคู่หู ที่มีเรื่องลำบากใจและแฟนสาว ที่ยอดเยี่ยมอะไรแบบนี้' แล้วผมก็ได้พบกับเซ็ธ และผมก็ดิ้นรนให้ได้บทนี้มาครับ”
ในตอนที่เขาอ่านบท วอห์ลเบิร์กกล่าวว่า เขาค่อนข้างประทับใจกับคอมมิดี้เรื่องนี้ทีเดียว “คนจะไม่ผิดหวังครับ นี่เป็นเซ็ธแบบเพิ่มพลังแล้ว ตอนที่ผมได้ดู Family Guy ครั้งแรก ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะรอดตัวจากการใส่เรื่องพวกนั้นลงไปในการ์ตูนได้ แต่ตอนนี้ในหนังเรท R เรื่องนี้ เขาได้ผลักดันทุกอย่างไปข้างหน้าจริงๆ ไม่มีใครที่เขาไม่แหย่ให้โกรธเลยด้วย ในหนังเรื่องนี้ ทุกคนถูกแหย่ได้หมดครับ”
วอห์ลเบิร์กแนะนำตัวละครของเขาให้เราฟังว่า “จอห์นทำงานที่ร้านเช่ารถและมีแฟนสาวคนสวยชื่อลอรี่ เขาไม่อยากจะปล่อยวางจากชีวิตวัยรุ่นของตัวเอง แต่แฟนเขาก็อยากให้เขาโตเป็นผู้ใหญ่เสียที เขากำลังมีความสุขกับชีวิตและก็มีความสุขสุดๆ กับแฟนสาวและเพื่อนซี้ของเขา พวกเขาอยู่ด้วยกันแทบตลอดเวลา แต่มันก็กลายเป็นปัญหา เพราะลอรี่ต้องการความรับผิดชอบที่มากขึ้นจากเขาครับ”
ในภาพยนตร์อนิเมชันผสมผสานเรื่องแรกของเขา นักแสดงหนุ่มต้องการทำให้แน่ใจว่าเขาจะถ่ายทอดบทนี้ออกมาอย่างคู่ควร เขากล่าวว่า “สิ่งเดียวที่ผมกังวลคือผมอยากจะเล่นทุกอย่างให้สมจริงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมอยากจะแสดงมันออกมาอย่างตรงไปตรงมา และปล่อยให้เสียงหัวเราะเกิดขึ้นจากสถานการณ์สุดเพี้ยน และมันก็เป็นสิ่งที่เซ็ธมองหาอยู่ครับ” การเตรียมพร้อมสำหรับฉากที่จอห์นได้ร่ายชื่อสาวๆ ยาวเป็นหางว่าวให้เท็ดฟังเข้มข้นมากถึงขนาดที่วอห์ลเบิร์กเขียนชื่อสาวๆ แต่ละคนหลายร้อยรอบเลยทีเดียว
สตูเบอร์รู้ดีว่าคนที่พวกเขาเลือกจะต้องเชื่อสนิทใจว่าผู้กำกับของเขาจะไม่พาเขาหลงทาง เขาอธิบายว่า “ความไว้วางใจเป็นเรื่องสำคัญครับและมาร์คก็ต้องไว้ใจเซ็ธ เขาจะต้องนั่งลงบนโซฟาใกล้ๆ กับตัวขาตั้งแล้วหวังว่าภาพอนิเมชันและบุคลิกของหมีตัวนั้นจะให้ความรู้สึกเหมือนผู้ชายสองคนนั่งอยู่บนโซฟาและกำลังมีช่วงเวลาสนุกสนานตามประสาเพื่อนรักกันน่ะครับ มาร์คเหลือเชื่อเลย เขาแสดงได้อย่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน” ผู้อำนวยการสร้างยอมรับว่า นักแสดงนำของพวกเขาทุ่มเทให้กับการแสดงอย่างที่สุด “สิ่งที่น่าขันก็คือถ้าคุณดูฟิล์มของหนังเรื่องนี้ มันจะไม่มีใครแสดงประกบเขาเลย ถ้าคุณดูหนังเรื่องนี้จากแค่มุมมองของมาร์ค เขาต้องถูกซ้อม ต้องลุกขึ้นร้องเพลงอย่างไม่ได้เรื่อง และโดนหมีทุบน่วม ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะสวยงามนักสำหรับตัวละครของเขา แต่เขาไม่เคยบ่นและเขาก็ทำทุกอย่างตามที่เราขอครับ”
ผู้ที่ได้รับเลือกให้แสดงประกบวอห์ลเบิร์กคือมิลา คูนิสในบทลอรี่ คอลลินส์ แฟนสาวผู้เคยมีน้ำอดน้ำทนของจอห์น ผู้เป็นผู้บริหารด้านประชาสัมพันธ์ที่กำลังมาแรง นักแสดงสาว ผู้พากย์เสียง เม็ก ใน Family Guy มาเกือบ 13 ปี โตขึ้นมากับผู้กำกับของเธอ แม็คฟาร์เลนกล่าวว่า “การนำเธอมาร่วมงานเป็นการตัดสินใจที่สมเหตุสมผล เมื่อดูจากความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเธอและการที่เธอกำลังโด่งดังในตอนนี้ ซึ่งเธอก็คู่ควรกับความดังนั้นด้วยล่ะครับ”
แม็คฟาร์เลนเล่าถึงบทบาทของลอรี่ในคอมมิดี้เรื่องนี้ว่า “เช่นเดียวกับมาร์ค เราก็มีความต้องการสำหรับบทนี้เหมือนกัน บทนี้จะต้องถูกถ่ายทอดออกมาด้วยความสมจริง แม้มันจะสุดโต่งแค่ไหนก็ตาม ความสัมพันธ์ของเธอร้าวฉานจากการที่ตุ๊กตาหมีของผู้ชายคนนี้คอยวนเวียนไม่ไปไหนและทำให้เขาและความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่โตขึ้นซะที การรับบทนี้อย่างสมจริงเป็นเรื่องยากสำหรับนักแสดง แต่เธอก็ทำสำเร็จอย่างงดงาม เธอจะเชื่อจริงๆ ว่าเธอเป็นทุกข์ที่ตุ๊กตาหมีตัวนี้มาครอบงำชีวิตพวกเขา ในหลายๆ แง่มุม นั่นเป็นส่วนผสมสำคัญสำหรับคอมมิดี้ ด้วยความที่เนื้อเรื่องของมันก็เป็นคอมมิดี้อยู่แล้ว เคล็ดลับในการดึงมันมาใช้คือการเล่นมันอย่างตรงไปตรงมาครับ”
แล้วคูนิสรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการทำงานในโปรเจ็กต์นี้ล่ะ? “ฉันรู้จักเซ็ธตั้งแต่อายุ 15” เธอบอก “ถ้าคุณสามารถทำงานร่วมกับเพื่อนของคุณได้ตลอดเวลา ก็คงไม่มีบรรยากาศในการทำงานไหนที่ดีไปกว่านี้อีกแล้วล่ะค่ะ” แล้วเธอก็กล่าวติดตลกหน้าตายว่า “มันเป็นหนังเกี่ยวกับตุ๊กตาหมีพูดได้และฉันก็ไม่คาดหวังอะไรน้อยไปกว่านี้จากเซ็ธ, อเล็คและเวลเลสลีย์เลยค่ะ ทั้งหมดเมคเซนส์สำหรับฉัน และฉันก็ไม่ตั้งคำถามอะไรเลย ฉันเคยอยู่ในการ์ตูนกับหมาพูดได้มาแล้ว แล้วฉันจะตั้งคำถามเรื่องหมีพูดได้ไปทำไมล่ะคะ”
อย่างไรก็ดี คูนิสก็พบว่าประสบการณ์ในการทำงานกับแม็คฟาร์เลนในฐานะผู้กำกับเป็นอะไรที่ “แปลกนิดๆ” เธอบอก “ใน Family Guy ปกติแล้วฉันจะอยู่ในบูธ เขาจะอยู่อีกบูธ แล้วปกติ เขาจะต้องอธิบายให้ฉันฟังว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะคุณจะบันทึกเสียง Family Guy ก่อนหน้าที่จะมีการวาดภาพทุกอย่างประมาณหนึ่งปี การได้เห็นเขาในฐานะผู้กำกับที่อธิบายสถานการณ์และตัวละคร รวมถึงการเซ็ทภาพในแต่ละช็อตให้ฉันฟังเป็นเรื่องเยี่ยมมาก เซ็ธตื่นเต้นจนอยู่ไม่สุขในตอนที่เขาพูดถึงเทคที่เขาชอบน่ะค่ะ”
คูนิสอธิบายว่า ลอรี่ไม่ได้มีความสุขเลยกับความสัมพันธ์สามเส้าพิลึกพิลั่นที่เธอเข้าไปเกี่ยวพันด้วย นักแสดงสาวกล่าวว่า “เท็ดเป็นรูมเมทที่คอยเป็นก้างขวางคอตลอด ส่วนลอรี่เป็นสาวที่จริงจังกับงาน และรักจอห์นที่มีหัวใจแบบเด็กๆ แต่เธอก็อยากจะลงหลักปักฐาน และอยากจะได้ความมั่นคงในแบบที่เขาไม่สามารถให้กับเธอได้ เขาเป็นคนน่ารัก จิตใจงาม แต่เขาก็เหมือนเด็กหนุ่มที่ถูกหยุดเวลาไว้ที่อายุ 15 ปี ผู้มีความตั้งใจดี แต่ก็ไม่มีแรงขับที่จะก้าวผ่านจุดๆ หนึ่งในชีวิต สิ่งที่เขาทำทั้งวันคือการพี้กัญชา และนั่งทอดอารมณ์ไปกับตุ๊กตาหมีของเขา ลอรี่พยายามกระตุ้นให้จอห์นพาเท็ดย้ายไปอยู่ในที่ของตัวเองเพื่อที่เธอและเขาจะได้เริ่มต้นชีวิตด้วยกันน่ะค่ะ”
Ted ไม่ใช่ครั้งแรกที่นักแสดงทั้งคู่ได้ร่วมงานกัน คูนิสเล่าว่า “มาร์คเป็นคนดังมากๆ และเขาก็เป็นนักแสดงที่ฉันรู้สึกสบายใจที่ได้ร่วมงานด้วย แค่รู้ว่ามีคนที่คอยใส่ใจคุณและที่คุณสามารถไว้ใจได้ก็เป็นเรื่องที่หาได้ยากแล้วล่ะค่ะ”
แม้ว่าแก่นสำคัญของคอมมิดี้เรื่องนี้คือเท็ด, จอห์นและลอรี่ แต่ทีมผู้สร้างก็มองว่าการไม่ได้หาตัวละครตามแบบฉบับมาสนับสนุนตัวละครหลักก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน สตูเบอร์เล่าว่า “เราอยากจะเติมเต็มชีวิตตัวละครของเรา หนึ่งในข้อผิดพลาดที่เราทำในบางครั้ง ไม่ว่าจะเป็นในการสร้างหนังคอมมิดี้หรือโรแมนติกคอมมิดี้ คือเรามักไม่ค่อยแสดงให้เห็นว่าตัวละครหลักของเรามีชีวิตที่หลากหลาย มันเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องสร้างมิติให้กับชีวิตการทำงานของเท็ด, ลอรี่และจอห์นและทำให้แน่ใจว่าคุณจะรู้จักตัวละครเหล่านี้ แล้วระหว่างนั้น เราก็ได้ทีมนักแสดงสมทบในแบบที่เราต้องการมาครับ”
โจเอล แม็คเฮล ผู้เป็นที่คุ้นเคยกันดีของผู้ชมจากการแสดงตลกใน Community และ The Soup ได้รับบท เร็กซ์ เจ้านายตัณหากลับของลอรี่ที่พลายเมาธ์ พีอาร์ “โจเอลเป็นตัวเลือกที่ชัดเจนสำหรับผม” แม็คฟาร์เลนกล่าว “ผมเคยทดสอบเขาสำหรับตอนไพล็อตที่ฟ็อกซ์มาก่อน สำหรับโจเอลแล้ว เขาสามารถเดินกร่างแบบเก่าได้ ซึ่งตอนนี้ แทบไม่มีใครในฮอลลีวูดทำแบบนั้นได้อีกแล้วเพราะดูเหมือนว่าทุกคนจะมีสไตล์ที่เป็นทางการน้อยลงไปเยอะ โจเอลเป็นคนเดียวที่ผมคิดออกว่าสามารถทำแบบนั้นได้น่ะครับ”
เร็กซ์ ที่ไม่คุ้นเคยกับการถูกปฏิเสธ ไล่ตามตื๊อลูกน้องที่ไม่ยินดียินร้ายกับเขามากขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นความพยายามที่ไร้ผลจนกระทั่งเธอและจอห์นห่างกันไปหลังจากหายนะครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นจากเท็ด คลาร์คอธิบายว่า “ในบทหัวหน้าของลอรี่ โจเอลได้สร้างรอยร้าวฉานในความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจอห์นไว้มาก แต่เขาก็เป็นนักแสดงตลกที่นำอารมณ์ขันและเสน่ห์มากมายมาสู่บทนี้ จนคุณอยากจะเกลียดเขาเลยล่ะครับ”
แม็คเฮลเป็นคนแรกที่ยอมรับว่า “เร็กซ์ไม่ใช่คนดีที่สุดในโลก แทบทุกครั้งที่คุณได้เห็นเขา คุณจะเห็นได้ว่าเขาประสบความสำเร็จมากแค่ไหน เมื่อดูจากข้าวของประดามีที่เขาสวมใส่ เขารวยล้นฟ้า ขับรถบูกาติ มีบริษัทพีอาร์ของตัวเองและมีชีวิตที่ดี หรืออย่างน้อยเขาก็เชื่อว่าตัวเองมีชีวิตที่ดีน่ะครับ เขาควบคุมทุกอย่างในออฟฟิศและเขาก็ได้ในทุกสิ่งที่เขาต้องการครับ”
เขาชื่นชอบสไตล์ของผู้กำกับของเขาว่า “เซ็ธมีส่วนผสมที่หาได้ยากตรงที่เขามีพรสวรรค์และความคิดสร้างสรรค์มากมายจนล้นเลยครับ” แม็คเฮลกล่าว “เขาทำได้ทุกอย่าง ผมเคยเห็นเขารักษาคน และสามารถยกของหนักๆ ได้โดยแค่คิดเท่านั้น เขามีพรสวรรค์ทั้งหมดนั่นครับ แต่เขาก็เป็นคนที่ถ่อมตัวที่สุดเท่าที่คุณจะได้พบเลย นอกจากนี้ เขายังเปิดกว้างต่อการลองผิดลองถูกด้วย หลังจากที่เราอ่านบทกันแล้ว เขาก็ปล่อยให้เราอิมโพรไวส์และเติมมุขกันเองได้ด้วยล่ะครับ”
จิโอวานนี่ ริบิซี่ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งแสดงประกบวอห์ลเบิร์กในแอ็กชันทริลเลอร์เรื่อง Contraband และได้รับการเสนอชื่อชิงเอ็มมี อวอร์ดจากการแสดงของเขาใน My Name Is Earl รับบทดอนนี่ ชายผู้ซึ่งความต้องการมีเพื่อนอย่างเท็ดในวัยเด็กของเขาเติบโตงอกเงยกลายเป็นความหมกมุ่นที่อันตรายในวัยผู้ใหญ่ “ผมคิดว่าดอนนี่เติบโตมาอย่างยากลำบากครับ เขาเป็นเด็กที่ไม่เคยมีตุ๊กตาหมีเลย มันก็เลยเหมือนมีช่องว่างในชีวิตเขา” ริบิซี่กล่าว “เขาอยากได้เท็ด แล้วพอเขาโตขึ้น เขาก็กลายเป็นสตอล์คเกอร์ ผู้ตัดสินใจที่จะทำให้ได้มาในสิ่งที่เขาไม่เคยมี ชีวิตของเขาทั้งยากจนข้นแค้นและถูกกดขี่ และเขาก็กำลังมองหาโอกาสที่จะทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงครับ”
นักแสดงหนุ่มจำได้ว่าเขา “ได้รับโทรศัพท์ให้มาทดลองอ่านบท เรื่องราวนี้แปลกประหลาดมากสำหรับผม แล้วเซ็ธก็โทรหาผมหลังจากอ่านบทแล้วสองสามวันแล้วบอกว่า ‘ผมอยากให้คุณมามีส่วนร่วมในตอนที่เราสร้างหนังเรื่องนี้’ ผมดีใจสุดๆ เลยเพราะผมเป็นแฟนของ Family Guy ครับ”
“จิโอวานนี่นำหลายสิ่งหลายอย่างมาสู่บทนี้ในแบบที่เราคาดไม่ถึง” แม็คฟาร์เลนกล่าวชื่นชม “เขาเป็นนักแสดงที่เก่งกาจ แต่รูปแบบของความเก่งกาจนั้นมักจะไม่ค่อยปรากฏออกมานัก เราไม่ค่อยได้เห็นดอนนี่ในบทเท่าไหร่ เขาเป็นตัวละครที่ไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่จิโอวานนี่เข้ามาและสร้างมิติให้กับตัวละครตัวนี้ในแบบที่ทำให้เขาเป็นผู้ร้ายที่น่าจดจำยิ่งขึ้นครับ”
นอกเหนือจากมือเขียนบทของเรื่องและคูนิสแล้ว ก็ยังมีอีกหลายคนที่แม็คฟาร์เลนชื่นชอบมาร่วมงานกับเขาใน Ted “แฟนๆ ของ Family Guy จะคุ้นเคยดีกับทีมนักแสดงที่ประกอบไปด้วยแพทริค วอร์เบอร์ตัน, อเล็กซ์ บอร์สไตน์ [โลอิส กริฟฟิน ผู้ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้], ราล์ฟ การ์แมนและจอห์น วีเนอร์ ผู้รับบทตัวละครหลายตัวในซีรีส์น่ะครับ” จาค็อบส์ตั้งข้อสังเกต “พวกเขาต่างก็มีวิธีการสื่อสารทางลัดกับเซ็ธ บางคนเคยร่วมงานกับเขามาเป็นสิบปีแล้วและพวกเขาก็เป็นครอบครัวของเขา มันช่วยยกระดับความฮามากขึ้นเมื่อพวกเขามารวมตัวกันในกองถ่าย มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ได้เห็นครับ”
บอร์สไตน์ ผู้รับบทแม่ของจอห์นเผยว่า “พวกเขาน่ารักพอที่จะบอกว่า ‘ให้เพื่อนของเราที่เราร่วมงานกันมาหลายปีทำอะไรซักหน่อยกันเถอะ’ มันเป็นของขวัญค่ะ” เธอกล่าวเสริมอย่างติดตลกว่า “สำหรับเรื่องของตุ๊กตาหมีที่มีชีวิตขึ้นมาน่ะหรือคะ? ฉันเป็นยิวนะคะ มันไม่มีเรื่องปาฏิหาริย์วันคริสต์มาสหรอก ในบ้านฉัน ฉันคงจะผ่าท้องหมี แล้วโยนมันทิ้งไป หมีฮานูก้าห์ไม่พูด และไม่ลุกขึ้นมามีชีวิตหรอกนะคะ แต่พวกเขาจะนั่งและก็บ่นแทนน่ะค่ะ”
ผู้ที่ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยรวมถึงบิล สมิทโรวิช (Iron Man) ในบทแฟรงค์ หัวหน้าที่สติไม่ค่อยดีของเท็ดที่ร้านขายของชำ, แมทท์ วอลช์ (Bad Santa) ในบทโธมัส เจ้านายผู้รักทอม สเกอร์ริตต์ของจอห์น ที่ลิเบอร์ตี้ เรนท์-อะ-คาร์และลอรา แวนเดอร์วูร์ท (ซีรีส์ V) ในบททันย่า เพื่อนร่วมงานที่เห็นอกเห็นใจจอห์นอย่างน่าประหลาด เพื่อนร่วมงานของลอรี่ที่บริษัทของเร็กซ์ได้แก่เจสสิก้า สตรูพ (Prom Night) ในบทเทรซี่, จินเจอร์ กอนซาก้า (ซีรีส์ The Morning After) ในบทจีน่าและเมลิสซา ออร์ดเวย์ (A Very Harold & Kumar 3D Christmas) ในบทมิเชลล์สมาชิกคนท้ายสุด:แม็คฟาร์เลนในบทเท็ด
นักแสดงคนแรกที่ถูกเลือกมาก็เป็นคนเดียวกับที่กุมบังเหียนภาพยนตร์เรื่องนี้นั่นเอง ในการควบสี่ตำแหน่งในกองถ่าย แม็คฟาร์เลนได้เนรมิตตัวละคร เท็ด ขึ้นมาจากการผสมผสานการพากย์เสียงและการแสดงเข้าด้วยกัน ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้จากการที่แม็คฟาร์เลนสวมชุดโมชัน แคปเจอร์และงานโพสต์โปรดักชันของทีมวิชวล เอฟเฟ็กต์ที่นำทีมโดยผู้อำนวยการสร้างฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์ เจนนี่ ฟูลล์จากเดอะ ครีเอทีฟ-คาร์เทลและซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์ แบลร์ คลาร์ค
แม็คฟาร์เลนอธิบายถึงกระบวนการนี้ว่า “มันจำเป็นที่จะต้องเตรียมชุดนั้นไว้ทุกวัน และผมก็จำเป็นจะต้องทำงานกำกับในชุดนั้นอยู่บ่อยครั้งครับ ดังนั้น มันก็จะต้องเป็นชุดที่สบายๆ เจสัน คลาร์คไปพบบริษัทแห่งหนึ่งที่มีเทคโนโลยีพิเศษที่ชื่อว่า โมเวน ซึ่งพวกเขาจะใช้สายรัดทับลงไปบนเสื้อผ้าในชีวิตประจำวันของคุณ มีบางวันที่ผมจะต้องสวมมันตลอดทั้งวัน ดังนั้น มันก็จะต้องเป็นสิ่งที่บันทึกข้อมูลตามที่เราต้องการได้ แต่ก็ต้องไม่อึดอัดหรือทำให้เสียสมาธิน่ะครับ”
เป้าหมายสำคัญของทีมผู้สร้างคือการสร้างแต่ละฉากให้มีความรู้สึกเหมือนนักแสดงที่มีชีวิตจริงๆ สองคนกำลังทำงานอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดียวกัน บ่อยครั้ง เสียงพากย์สำหรับตัวละคร CG จะถูกบันทึกหลายสัปดาห์ก่อนหน้าหรือหลังจากถ่ายทำฉากนั้นๆ และผลที่ได้ก็คือมันไม่ค่อยจะสัมพันธ์กับนักแสดงบนหน้าจอซักเท่าไหร่ “เพื่อให้ได้ความฉับพลันทันด่วน เซ็ธจะอยู่ในกองถ่ายในชุดของเขา และทำงานกับนักแสดงโดยตรงเพื่อที่จะไม่มีการพากย์เสียงทับทีหลังน่ะครับ” จาค็อบส์กล่าวอธิบาย “มันเหมือนการแสดงสดระหว่างเขาและนักแสดงคนอื่นๆ เขาสามารถปะทะคารมกับมาร์คหรือมิลาหรือโจเอลได้ มันสร้างความแตกต่างที่ชัดเจนเลยนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคอมมิดี้และสำหรับการอิมโพรไวส์ที่เกิดขึ้นระหว่างการถ่ายทำน่ะครับ”
“ในโลกที่เพอร์เฟ็กต์ การแสดงของเท็ดก็เหมือนการแสดงของคนอื่นๆ นั่นแหละครับ” แม็คฟาร์เลนเล่า “มันเป็นระดับความสมจริงแบบเดียวกัน Who Framed Roger Rabbit เป็นหนังที่ยอดเยี่ยมและเทคนิคหลายๆ อย่างที่ใช้ในหนังเรื่องนั้นก็ถูกใช้ในหนังเรื่องนี้ด้วย แต่เราไม่อยากจะสร้างสถานการณ์ที่มีตัวคนและมีตัวการ์ตูน เราอยากให้ทุกคนเป็นคน แค่คนหนึ่งบังเอิญมีร่างของตุ๊กตาหมีเท่านั้นเอง เคล็ดลับก็คือการปฏิบัติต่อเท็ดแบบเดียวกับที่เราปฏิบัติต่อคนอื่นๆ เราหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้คุณนึกได้ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา เช่นการให้คนอุ้มเขาขึ้นไปที่สูงน่ะครับ”
“คนที่ผมมองว่าเป็นตัวแทนของการทำเรื่องนั้นได้อย่างวิเศษสุดคือจิม เฮนสันครับ” ผู้กำกับกล่าวต่อ “พวกมัพเพ็ทส์เป็นคนจริงๆ ในโลกใบนั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกมัพเพ็ทส์จะเดินไปมา ใน The Great Muppet Caper เคอร์มิทและฟอซซี่ทำงานหนังสือพิมพ์และแจ็ค วอร์เดนก็เป็นเจ้านายของพวกเขา พวกเขามีความสัมพันธ์แบบเดียวกับที่พนักงานหนังสือพิมพ์กับเจ้านายมีในหนังทุกเรื่อง แค่พวกเขาเป็นหุ่นเชิดก็เท่านั้นเอง นั่นคือสิ่งที่เราต้องการครับ”
สตูเบอร์กล่าวเห็นด้วยกับผู้กำกับของเขาว่า “หนังเรื่องนี้จะไม่เวิร์คถ้าคุณไม่เชื่อว่าหมีตัวนี้เป็นของจริงและเขาก็มีตัวตน มีมิติเมื่ออยู่ข้างๆ จอห์น นั่นเป็นอุปสรรคสำคัญครับ ดังนั้น ถ้าตรงนั้นเวิร์ค เราก็รู้ว่าหนังเรื่องนี้จะเวิร์ค เซ็ธใช้เวลานานกับเรื่องอนิเมชัน ความสมจริงของเสียงและความสมจริงของการเคลื่อนไหว มันช่วยนักแสดงทุกคนที่แสดงประกบเท็ดด้วยครับ”
แล้วแรงบันดาลใจสำหรับเสียงของเท็ดคืออะไรล่ะ? “ผมมาจากนิวอิงค์แลนด์ครับ” แม็คฟาร์เลนตั้งข้อสังเกต “และครอบครัวผมหลายคนก็มาจากแถบบอสตัน ผมก็เลยโตขึ้นมากับชาวบอสตันและโร้ด ไอส์แลนด์หลายคน เสียงของเท็ดเป็นจุดหลอมรวมของเสียงต่างๆ เล่านั้น แต่จะสมจริงกว่าอย่างเสียงของปีเตอร์ ไบรอันหรือสตีวี่ใน Family Guy น่ะครับ”
ในตอนที่เท็ดเป็นลูกหมีตัวน้อย เขารับบทโดยเซน โควันส์ ผู้รับบทเด็กร้ายกาจ ที่ทำให้ชีวิตจอห์นยากลำบากในช่วงเริ่มต้นเรื่องด้วยเช่นกัน สิ่งที่ดีสำหรับแม็คฟาร์เลนก็ดีสำหรับนักแสดงตัวน้อยคนนี้ด้วย และโควันส์ก็ต้องแสดงสดระหว่างที่อยู่ในชุดโมเวนด้วยเช่นกัน