KTAMขายตราสารหนี้ใน-ตปท.6เดือน เร่งระดมเงิน5พันล้านชูยิลด์3.20%ต่อปี
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่าย2 กองทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 38 (KTSUPB38 ) ในวันที่ 13-20 มิถุนายน 2555 อายุ 6 เดือน มูลค่า 5,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เงินฝาก / ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณอชย์ไทย และตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทย ในสัดส่วน 30% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ PT Bank CIMB Niaga Tbk (CIMB NIAGA ) , เงินฝากประจำ Union National Bank ( UNB) , เงินฝากประจำ Abu Dhabi Commercial Bank (ADCB) และ MTN ออกโดย Banco Bradesco S.A. (BRADES) โดยเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.20% ต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3เดือน3 ( KTSIV3M3 ) เสนอขายตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2555 เป็นกองทุนประเภท Roll Over อายุ3 เดือน เน้นลงทุนในเงินฝาก / บัตรเงินฝากหุ้นกู้ระยะสั้น ของธนาคารออมสิน ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วน 44% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม และส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วแลกเงินของภาคเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.85%ต่อปี
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า ภาวะตลาดตราสารหนี้ของไทยยังคงปรับตัวลดลง โดยตราสารหนี้ระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี อยู่ในช่วง 2.88% – 3.14% เนื่องจากความกังวลต่อความเสี่ยงทางเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นเดือนที่2 ติดต่อกัน ทั้งนี้ ในกลางสัปดาห์นี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการประชุมเพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งตลาดการเงินส่วนใหญ่คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.00% ต่อเนื่อง เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจสูง ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้
สำหรับแนวโน้มอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศยังได้รับอิทธิพลจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งมีผลต่อต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราแลกเปลี่ยนสวอประหว่างสกุลบาทและดอลล่าร์สหรัฐฯ เริ่มทรงตัว ซึ่งตลาดการเงินรอติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือสถาบันการเงินในสเปน และรอผลการเลือกตั้งของกรีซ ซึ่งจะส่งผลต่อสถานะการคงอยู่เป็นสมาชิกของกลุ่มประชาคมยุโรป ขณะที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อเริ่มมีการทยอยปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศและสถาบันการเงินในยุโรป ทำให้ตลาดยังคงมีความกังวลต่อความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ และจะกระทบให้เกิดความความไม่แน่นอนต่ออัตราผลตอบแทนและทิศทางการเงินลงทุนในต่างประเทศทั้ง 2 กองทุนนี้ จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทนจากการลงทุนในช่วงนี้