สยามคูโบต้าฉลองยอดขายเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ล้านเครื่องจัดแข่งรถไถทางเลน

สยามคูโบต้าฉลองยอดขายเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ล้านเครื่อง
จัดแข่งรถไถทางเลนชิงแชมป์ประเทศไทยครั้งแรก 4-5 พ.ค.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก

                สยามคูโบต้า เดินหน้าจัดกิจกรรมฉลองยอดขายเครื่องยนต์ดีเซลครบ 2.5 ล้านเครื่อง ล่าสุดหนุนกีฬาท้องถิ่น จัดการแข่งขันรถไถทางเลนชิงแชมป์ประเทศไทยครั้งที่ 1 ชิงรางวัลกว่า  4 แสนบาท ระหว่างวันที่ 4-5 พฤษภาคม 2555 ที่ จ.พิษณุโลก เผยปี 2555 ตั้งเป้าส่งมอบเครื่องยนต์ดีเซลให้ได้ 65,000  เครื่อง ป้อนตลาดในประเทศ 65% หวังชิงส่วนแบ่งตลาดภาคเหนือล่างและภาคกลาง พร้อมกับยังคงทำตลาดเพื่อรักษาฐานลูกค้าในภาคอีสาน  ส่วนยอดขายตลาดต่างประเทศ 35% ยังคงเน้นไปที่กัมพูชา ลาว และเริ่มเข้าไปทำตลาดในพม่ามากขึ้น ทั้งเร่งบุกตลาดรถไถเดินตามตราช้างควบคู่กันไป คาดปีนี้จะมียอดขายที่ 55,000 คัน หลังเปิดเดินสายการผลิตที่นวนครเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา  มั่นใจใกล้ฤดูกาลทำนาปีตลาดมีความต้องการสูง

                นายโอภาศ  ธันวารชร กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ในปี 2555 นี้ สยามคูโบต้าได้จัดกิจกรรมพิเศษเพื่อเป็นการฉลองยอดขายเครื่องยนต์ดีเซลครบ 2.5 ล้านเครื่อง โดยก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวเครื่องยนต์รุ่นพิเศษ RK85DI และ RT110DI Limited Edition ซึ่งนำเข้าจากอินโดนีเซียสู่ตลาดประเทศไทย นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรมตามล่าหาเครื่องยนต์ดีเซลคูโบต้าพันธุ์แกร่ง เพื่อตอกย้ำชื่อเสียงด้านความทนทานของเครื่องยนต์ดีเซลคูโบต้า โดยคัดเลือกเครื่องยนต์ที่มีอายุการใช้งานนานที่สุด 250 เครื่องแรก เพื่อชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 2.8 ล้านบาท

                ล่าสุดสยามคูโบต้าได้จัดกิจกรรมการแข่งขันรถไถทางเลนชิงแชมป์ประเทศไทยครั้งที่ 1 ขึ้นระหว่างวันที่ 4-5 พฤษภาคม 2555 ณ สนามแข่งภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตพิษณุโลก โดยสยามคูโบต้าได้ให้การสนับสนุนรางวัลรวมมูลค่ากว่า 400,000 บาท โดยได้รับความร่วมมือด้านสถานที่จัดการแข่งขันจากจังหวัดพิษณุโลก และรับรองการแข่งขันโดยชมรมกรรมการกีฬายานยนต์ไทยซึ่งส่งผู้เชี่ยวชาญมาร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน ทั้งมีทีมงานที่มีประสบการณ์การจัดการแข่งขันมอเตอร์ สปอร์ตระดับประเทศมาเป็นผู้ดูแลการแข่งขัน ตลอดจนบุคคลในวงการกีฬาที่มีชื่อเสียงอีกหลายท่านที่ให้การสนับสนุนและผลักดันให้การแข่งขันรถไถนาเดินตามประเภททางเลนในครั้งนี้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในทุก ๆ ด้าน

                “ผมหวังว่ากิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้ จะมีส่วนในการสร้างความสามัคคีให้กับท้องถิ่น สร้างชื่อเสียงให้แก่ ทีมแข่งขันและจังหวัดในเขตภาคเหนือตอนล่าง ที่สำคัญจะมีส่วนในการสร้างมาตรฐานใหม่  ช่วยยกระดับการแข่งขันรถไถนาเดินตามทางเลนให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น และพัฒนาให้กลายเป็นประเพณีการแข่งขันในระดับประเทศต่อไป” นายโอภาศ กล่าว

               ด้านนายจามรวุฒิ ตำนานจิตร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า สยามคูโบต้าเริ่มผลิตเครื่องยนต์ดีเซลมาตั้งแต่ปี 2521 และครบจำนวน 2.5 ล้านเครื่องในปี 2555  ปัจจุบันมีสัดส่วนการขายในประเทศ 65% และต่างประเทศ 35% สำหรับในปีนี้มีแผนการส่งมอบเครื่องยนต์ดีเซล
จำนวน 65,000 เครื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการอย่างต่อเนื่องทั้งตลาดในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในช่วงนี้ซึ่งใกล้ฤดูกาลทำนาปี โดยเน้นรุกตลาดในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลางให้มากขึ้น โดยพยายามรักษาตลาดในเขตภาคอีสานที่เป็นตลาดสำคัญเอาไว้ ขณะที่ตลาดกัมพูชา ลาว และพม่า ก็เป็นเป้าหมายหลักในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเช่นกัน เช่นเดียวกับการผลิตรถไถเดินตามตราช้าง ที่โรงงานนวนคร      ซึ่งเพิ่งเริ่มกลับมาเดินสายการผลิตใหม่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าการผลิตตลอดปี 2555 ไว้จำนวน 55,000 คัน และคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาด 50% เมื่อเทียบกับตลาดรวม ทั้งนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าอัตราเติบโตโดยรวมทุกผลิตภัณฑ์ในปี 2555 นี้อยู่ที่ 20%

               “สำหรับการแข่งขันรถไถทางเลนซึ่งได้รับความนิยมจากเกษตรกรในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างนั้น  ทางสยามคูโบต้ามีนโยบายให้การสนับสนุนของรางวัล และการจัดการแข่งขันในสนามต่าง ๆ ที่แต่ละจังหวัดจัดขึ้นมาโดยตลอด อาทิ จ.พิษณุโลก  จ.พิจิตร  จ.กำแพงเพชร  จ.สุโขทัย  และจ.นครสวรรค์  และในปีนี้ได้เป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดกิจกรรมการแข่งขันรถไถทางเลนชิงแชมป์ประเทศไทยครั้งที่ 1 ที่ จ.พิษณุโลก เพื่อสร้างความ สัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน สร้างความสามัคคี ตลอดจนสร้างชื่อเสียงให้กับท้องถิ่น และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของสังคมเกษตรของไทย และในอนาคตสยามคูโบต้ามีแนวคิดที่จะขยายการจัดการแข่งขันไปในภูมิภาคอื่นๆของประเทศที่มีการใช้งานรถไถเดินตามในการทำการเกษตร เช่น ภาคอีสาน  และภาคเหนือ ตลอดจนประเทศเพื่อนบ้านที่มีการใช้ รถไถเดินตามในการทำการเกษตร เช่น กัมพูชา ลาว พม่า เป็นต้น”