องค์การอนามัยโลก ออกโรงกระตุ้นหยอด “วัคซีนป้องกันไวรัสโรต้า”
ช่วยเด็กเล็กทั่วโลกเหตุตายกว่า 5 แสนรายต่อปี
แถมร้อยละ 90 อยู่ในเอเชียและแอฟริกา
เกิดความเคลื่อนไหวสำคัญ ในแวดวงสาธารณสุขโลก ต้นปีนี้อีกครั้ง เมื่อกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ขององค์การอนามัยโลก หรือ SAGE ออกมาแนะนำให้มีการนำวัคซีนป้องกันไวรัสโรต้าบรรจุในแผนสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เพื่อช่วยปกป้องเด็กเล็กทั่วโลกให้รอดพ้นจากการนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลหรือเสียชีวิตจากโรคอุจจาระร่วงไวรัสโรต้า
ข้อมูลได้แสดงให้เห็นจำนวนเด็กเล็กเสียชีวิตด้วยไวรัสโรต้ากว่า 500,000 รายต่อปีทั่วโลก โดยร้อยละ 90 เป็นเด็กเล็กที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียและแอฟริกา ... ด้วยเหตุผลที่พ่อแม่ในหลายๆ ประเทศของภูมิภาคนี้ ยังขาดความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับ “ไวรัสโรต้า” จึงขาดการเตรียมตัวเพื่อช่วยปกป้องลูกน้อยให้รอดพ้นจากเชื้อไวรัสโรต้านี้ได้ทันการณ์
ความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญครั้งนี้ จึงเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยครั้งสำคัญอีกครั้ง เพื่อสร้างความตระหนักถึงภัยของไวรัสโรต้าให้กับพ่อแม่ที่มีลูกเล็ก และในกลุ่มคู่สมรสที่เตรียมตัวมีบุตรคนใหม่ เพื่อลดความสูญเสียที่ไม่จำเป็น ซึ่งข้อมูลชี้ว่าทารกวัย 6 เดือนถึง 2 ขวบ นับเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโรต้ามากที่สุด
เด็กเล็กสามารถได้รับวัคซีนนี้ผ่านการหยอดทางปาก 2 ครั้ง โดยครั้งแรกหยอดเมื่อเด็กอายุครบ 2 เดือน และครั้งที่สองตอนอายุครบ 4 เดือน ...นั่นหมายความว่าพ่อแม่ควรรู้เรื่องวัคซีนนี้มาก่อนแล้ว เพื่อวางแผนให้ลูกได้รับทันก่อนที่อายุของลูกจะเกินช่วงนี้ไป ซึ่งวัคซีนนี้ทารกสามารถรับได้ไปพร้อม ๆ กับวัคซีนอื่น ๆ ในนัดหมายเดียวกันได้
ซึ่งทารกที่ได้รับวัคซีนนี้แล้วจะมีความเสี่ยงต่ำกว่าทารกหรือเด็กอื่น ๆ ที่ต้องนอนโรงพยาบาลด้วยอาการท้องร่วงจากเชื้อไวรัสโรต้า
ไวรัสโรต้า เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดอาการท้องร่วงรุนแรง เด็กที่ได้รับเชื้ออาจมีอาการอาเจียนพุ่งร่วมด้วย มีไข้สูง และอาจมีภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะช็อกได้ ซึ่งหากรักษาไม่ทันอาจเสียชีวิตได้ เชื้อไวรัสโรต้าติดต่อกันได้ง่ายผ่านการสัมผัสกับคนหรือสิ่งของที่มีเชื้อโรต้าปนเปื้อนอยู่ซึ่งยากที่จะระวังได้ เป็นเรื่องยากมากที่จะรู้ว่าสถานที่ใดปลอดจากเชื้อไวรัสโรต้าเพราะเชื้อไวรัสโรต้าทนทานต่อน้ำยาฆ่าเชื้อ จึงเป็นการยากที่จะหลีกหนี
เชื้อไวรัสโรต้า ติดต่อง่าย ปะปน หรือติดตามเสื้อผ้าของคนดูที่แลหรือคลุกคลีอยู่กับเด็กเพียงแค่สัมผัสเชื้อและเอามือเข้าปากก็ติดโรคได้แล้ว ทารกและเด็กเล็กจะเป็นเป้าหมายสำหรับโรคนี้เพราะยังไม่มีภูมิคุ้มกัน
ในหลายประเทศทั่วโลกทั้งในทวีปอเมริกาและยุโรป ได้มีการบรรจุวัคซีนโรต้าลงในแผนสร้างเสริมภูมิคุ้มกันแห่งชาติ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคอุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้าให้กับเด็กทารกทุกๆคนเช่นเดียวกับวัคซีนป้องกันโรคพื้นฐานอื่นๆ เช่น คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก
ขณะที่อีกหลาย ๆ ประเทศในแถบเอเชียและแอฟริกา รัฐบาลยังไม่มีการบรรจุวัคซีนป้องกันไวรัสโรต้าไว้ในแผนสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ดังนั้น จึงตกเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่ต้องเปิดหูเปิดตาให้กว้างขวางและหาข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อรู้ทันเชื้อโรคใหม่ ๆ ที่เตรียมคุกคามเด็กเล็กให้เจ็บป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
“กัน” ไว้ดีกว่า “แก้” ...จึงยังคงเป็นข้อเตือนสติที่ได้ผลในทุกยุค ทุกสมัย...