happy on March 23, 2012, 03:20:15 PM
เกี่ยวกับงานสร้างภาพยนตร์
การปรากฏตัวครั้งแรกในเบสต์เซลเลอร์ปี 1994 เรื่อง One For The Money เด็กสาวชาวนิวเจอร์ซีย์ที่ผันตัวไปเป็นนักล่าพวกหนีประกันได้ไขคดีอาชญากรรมและเก็บตัวผู้ร้ายได้ครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดเรื่องราวในหนังสือเบสต์เซลเลอร์ยอดนิยมทั่วโลกสิบแปดเล่ม ในฐานะนักล่าพวกหนีประกัน ประวัติของ Stephanie (สเตฟานีย์)ไร้จุดด่างพร้อย แต่เธอเอาชนะใจผู้อ่านทั่วโลกได้จากความเป็นมนุษย์ที่โอบอ้อม มากกว่าพลังในการสืบสวนของเธอ “เธอมีความเป็นฮีโรในแบบเล็กๆ ค่ะ” Evanovich (อีวาโนวิช) บอก “เธอก้าวเท้าทีละข้าง และท้ายที่สุดแล้ว เธอก็ภูมิใจกับความสำเร็จของตัวเองค่ะ”
ย้อนกลับไปในปี 1994 Evanovich (อีวาโนวิช) ไม่คิดฝันเลยว่า Stephanie Plum (สเตฟานีย์ พลัม) จะทำให้เธอมีแฟนผลงานทั่วโลกและส่งให้เธอกลายเป็นนักเขียนนิยายอาชญากรรมระดับแนวหน้า และหลังจากสิบเจ็ดปีที่ฮอลลีวู้ดให้ความสนใจ เธอจะได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ที่มีดาราดังอย่าง Katherine Heigl (แคทเธอรีน ไฮเกล) เนรมิตชีวิตให้กับ Stephanie Plum (สเตฟานีย์ พลัม) “การได้เห็น One For The Money ถูกสร้างเป็นหนังหลังจากหลายปีเหลือเกินนี้…มันน่าสะพรึงกลัวค่ะ” นักเขียนสาวยอมรับ “มันทั้งน่าตื่นเต้น วิเศษสุด มหัศจรรย์ ฉันรักหนังเรื่องนี้จริงๆ ค่ะ”
Katherine Heigl (แคทเธอรีน ไฮเกล) จากผลงานซีรีส์เรื่อง Frey’s Anatomy และภาพยนตร์ที่ทำรายได้ถล่มทลาย 200 ล้านเหรียญในบ็อกซ์ออฟฟิศเรื่อง The Ugly Truth, 27 Dresses และ Knocked Up กระตือรือร้นอย่างยิ่งในการตอบรับโอกาสที่จะได้แสดงบท Stephanie Plum (สเตฟานีย์ พลัม) บนหน้าจอ “สำหรับฉันแล้ว สิ่งสำคัญคือเรื่องราว และมันก็ขึ้นอยู่กับว่าฉันชอบหรือไม่ชอบตัวละครนั้นๆ และมันก็เป็นข้อจำกัดของฉันค่ะ” นักแสดงสาวยอมรับ “แต่ Stephanie Plum (สเตฟานีย์ พลัม) สนุกมากและมีชีวิตชีวามาก ฉันตกหลุมรักเธอค่ะ”
เมือสิบหกปีก่อน ก่อนที่มันจะวางแผงและติดอันดับเบสต์เซลเลอร์One For The Money ได้สะดุดความสนใจของผู้อำนวยการสร้างเวนดี้ ไฟเนอร์แมน “ตอนที่ฉันได้อ่านต้นฉบับ ฉันคิดว่าสเตฟานีย์ พลัมเป็นตัวละครที่สนุกสนานและเข้าถึงได้มากที่สุดเท่าที่ใครๆ จะเข้าถึงได้ค่ะ” ไฟเนอร์แมนเล่า “เธอเป็นเหมือนผู้หญิงทุกคนหน่อยๆ เธอกล้าพูด โผงผางและสนุกสนาน และเธอก็เจอปัญหาตอนที่สิ่งต่างๆ ไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เธอต้องกลับบ้านเกิดและพยายามสะสางปัญหาของตัวเองค่ะ”
Finerman (ไฟเนอร์แมน) ใช้เวลาหลายปีพัฒนาภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมา และเธอก็ได้ร่วมงานกับมือเขียนบทหลายคนเพื่อปรับเปลี่ยนเรื่องราวนี้หลายครั้ง มีตอนหนึ่ง มีการพิจารณาถึงการสร้างซีรีส์ Stephanie Plum (สเตฟานีย์ พลัม) ขึ้นมาอย่างจริงจังแต่ Finerman (ไฟเนอร์แมน) ก็ยังรู้สึกว่า การดัดแปลงเหล่านั้นไม่ได้ถ่ายทอดอะล็อคคมกริบของ Evanovich (อีวาโนวิช) และการผสมผสานความลุ้นระทึกและคอมเมดี้ที่เกิดจากตัวละครอย่างลงตัว “เจเน็ตทำได้อย่างน่าทึ่งในการผสมผสานอารมณ์ขันและดรามาเข้าด้วยกันค่ะ” เธออธิบาย “นั่นเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดลงในหนังได้ยากมากๆ แล้วเธอก็ละเอียดมากในงานเขียนของเธอ ดังนั้น การถ่ายทอดโลกที่เธอสร้างขึ้นและความแก่นเซี้ยวที่เธอใส่ลงไปในตัว Stephanie (สเตฟานีย์) ก็เลยเป็นเรื่องยากค่ะ” ท้ายที่สุดแล้ว โปรเจ็กต์นี้ก็ได้เดินทางไปสู่เลคชอร์ เอนเตอร์เทนเมนต์ ที่ซึ่ง Finerman (ไฟเนอร์แมน) ได้ร่วมงานกับผู้อำนวยการสร้างTom Rosenberg (ทอม โรเซนเบิร์ก)และGary Lucchesi (แกรี ลุชเชซี) “ผมรู้จักเรื่องนี้จากภรรยาของผมครับ” Lucchesi (ลุชเชซี) เล่า “ทุกปี เธอจะเอาหนังสือเจเน็ต อีวาโนวิชอีกเล่มกลับมาบ้าน และถึงตอนหนึ่ง ก็มีหนังสือเรื่องนี้สิบสองเล่มบนชั้นหนังสือแล้ว วันหนึ่ง ผมหันไปถามเธอว่า ‘หนังสือพวกนี้เป็นยังไงบ้าง’ เธอบอก ‘มันเป็นหนังสือที่วิเศษสุด’ ผมก็เลยอ่านหนังสือสามเล่มแรกและคิดว่ามันยอดเยี่ยมมาก ในตอนนั้น บังเอิญเป็นตอนที่เรากำลังถ่ายทำ The Ugly Truth สำหรับโซนี พิคเจอร์สพอดี และเราก็เลยรู้ว่าโซนีครอบครองสิทธิของเรื่องนี้อยู่ครับ”
เช่นเดียวกับ Finerman (ไฟเนอร์แมน), Lucchesi (ลุชเชซี) และ Rosenberg (โรเซนเบิร์ก) รู้ว่าการแปลงโทนที่สว่างไสวของ Evanovich (อีวาโนวิช) ลงสู่ภาพยนตร์เป็นสิ่งจำเป็นต่อความสำเร็จของโปรเจ็กต์นี้ “ผมสนใจความจริงที่ว่า Stephanie Plum (สเตฟานีย์ พลัม) เป็นฮีโรชนชั้นแรงงานครับ” Rosenberg (โรเซนเบิร์ก) บอก “และผมก็คิดว่ามันน่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสมในการนำเสนอเรื่องนั้นให้กับผู้ชม Stephanie (สเตฟานีย์) ไม่ใช่หมอหรือทนายความ เธอเป็นคนที่เข้าถึงได้มากๆ และเราก็คิดว่าความซื่อสัตย์และความเปราะบางจะทำให้เธอเป็นตัวละครที่ผู้ชมสามารถเข้าใจได้น่ะครับ” แต่การหามือเขียนบทที่ใช่เป็นเรื่องยาก Lucchesi (ลุชเชซี) อธิบายว่า “จนกระทั่งลิซ บริเซียส ผู้อยู่เบื้องหลัง Nurse Jackie เข้ามา เราถึงได้พบมือเขียนบทที่สามารถถ่ายทอดแก่นแท้ของเรื่องนี้ได้อย่างแท้จริงครับ”
“ลิซไม่เพียงแต่นำประสบการณ์ของเธอในฐานะมือเขียนบทและผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จมาสู่โปรเจ็กต์นี้เท่านั้น” Rosenberg (โรเซนเบิร์ก)ตั้งข้อสังเกต “แต่เธอยังนำความรักที่มีต่อหนังสือเรื่องนี้และต่อตัวสเตฟานีย์เองมาด้วย เธอยอดเยี่ยมมากในการนำทางการเดินทางของตัวละครตัวนี้จากหน้าหนังสือสู่จอเงินครับ”
สำหรับบริเชียส การดัดแปลง One For The Money ขึ้นสู่จอเงินไม่ได้เป็นแค่งานธรรมดาๆ “สำหรับฉันแล้ว ทั้งหมดนี้เริ่มต้นขึ้นประมาณเมื่อ 10 ปีก่อนเมื่อพี่สาวฉันยื่นนิยายเรื่องหนึ่งให้ฉันอ่านระหว่างนั่งเครื่องบินกลับบ้าน จากแอลเอไปมินนิอาโพลิส” บริเชียสเล่า “ฉันได้อ่าน One For The Money และตกหลุมรักหนังสือเรื่องนี้ แล้วฉันก็ได้อ่านเล่มสอง เล่มสาม พี่สาวฉันอ่านเรื่องนี้ทุกเล่มเลย แล้วฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการฉันตอนที่ฉันอยู่กองถ่าย Nurse Jackie ว่า ‘เลคชอร์อยากให้คุณอ่าน One For The Money หน่อย’ แล้วฉันก็แบบ ‘ฉันเคยอ่าน One For The Money แล้ว ฉันรู้จัก One For The Money และฉันก็รัก One For The Money’ น่ะค่ะ”
หลังจากที่เธอได้งานนี้ บริเชียสก็รู้สึกได้ถึงความรับผิดชอบยิ่งใหญ่ที่เธอได้ตอบรับอย่างกระตือรือร้น “มันเกิดขึ้นจากมันสมองของ Evanovich (อีวาโนวิช)ค่ะ” เธออธิบาย “และมันก็เป็นที่รักของผู้คนนับล้านๆ คน ทำให้คุณอยากจะสร้างงานที่คู่ควรกับมันค่ะ”
ในขณะเดียวกัน Lucchesi (ลุชเชซี) และ Rosenberg (โรเซนเบิร์ก) ก็ได้สนิทสนมกับ Katherine Heigl (แคทเธอรีน ไฮเกล)ในกองถ่าย The Ugly Truth และคิดว่า Stephanie Plum (สเตฟานีย์ พลัม) น่าจะเป็นการพลิกบทที่น่าสนใจสำหรับนักแสดงสาว Lucchesi (ลุชเชซี) อธิบายว่า “Katherine (แคทเธอรีน) เป็นนักแสดงที่น่าสนใจและมีพรสวรรค์สูง เราอยากจะเห็นเธอรับบทตัวละครที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และแปลกไปจากธรรมดานิดๆ และเธอก็ตอบรับความท้าทายนั้นครับ”
Rosenberg (โรเซนเบิร์ก) กล่าวต่อไปว่า “พรสวรรค์ของ Katherine (แคทเธอรีน) อยู่ที่ความหลากหลาย เธอสามารถแสดงได้ทั้งคอมเมดี้ โรแมนซ์ ดราม่า และทั้งหมดนั้นก็อยู่ในบทของ One For The Money ในหนังเรื่องนี้ เธอคือ Stephanie Plum (สเตฟานีย์ พลัม) จริงๆ เธอไม่ใช่ Katherine Heigl (แคทเธอรีน ไฮเกล)ครับ” ไม่เพียงแต่ Heigl (ไฮเกล)จะต้องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงเท่านั้น แต่เธอยังต้องคำนึงถึงความคิดเห็นของแฟนๆ หลายล้านคนอีกด้วย “เคทีมีภาระหนักเพราะฐานแฟนของเรื่องน่ะครับ” Rosenberg (โรเซนเบิร์ก)กล่าว “ทุกคนต่างก็มีความคิดของตัวเองว่า Stephanie Plum (สเตฟานีย์ พลัม) ควรจะเป็นอย่างไร เคทีจะต้องทำให้มันเป็นบทของเธอแต่ก็แสดงตามที่แฟนๆ คาดหวังไว้ด้วย มีไม่กี่คนหรอกครับที่สามารถทำแบบนั้นได้”
“โปรเจ็กต์นี้เป็นภูเขาเล็กๆ ที่ฉันจะต้องปีนในปีนี้ค่ะ” Heigl (ไฮเกล)กล่าว “ฉันรู้สึกพึงพอใจในหลายๆ ระดับ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้และได้ปีนขึ้นไปบนภูเขาและได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่งดงามน่ะค่ะ” หลังจากได้เห็นการแสดงของ Heigl (ไฮเกล) ในภาพยนตร์เรื่องนี้ Evanovich (อีวาโนวิช)ก็ไม่สามารถจินตนาการนักแสดงหญิงคนอื่นมารับบทนี้ได้เลย “Katherine Heigl (แคทเธอรีน ไฮเกล) มีพรสวรรค์อย่างมากค่ะ” เธอกล่าวอย่างกระตือรือร้น “เธอทั้งกล้า บ้าบิ่น แต่ก็กลัว เปราะบาง เธอเซ็กซี เธอมีอารมณ์ที่หลากหลายมากในหนังเรื่องนี้ และเธอก็ถ่ายทอดมันออกมาได้ทั้งหมด เธอเดินเหมือนพลัม พูดเหมือนพลัม เธอคือสเตฟานีย์จริงๆ ค่ะ”
เมื่อได้ Heigl (ไฮเกล)มาแล้ว ทีมงานสร้างก็ทุ่มเทความพยายามทั้งหมดไปกับการทำงานให้คู่ควรกับเนื้อเรื่องต้นฉบับ ซึ่งก็หมายถึงการหานักแสดงสมทบชั้นยอด และสร้างลุ๊คที่ใช่สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ อย่างที่Gary Lucchesi (แกรี ลุชเชซี) อธิบายว่า “เราพยายามที่จะซื่อตรงต่อแฟนๆ ของหนังสือเรื่องนี้ เราให้ความใส่ใจมากๆ กับทุกรายละเอียดครับ”
“ฉันคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ ที่จะต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง” Heigl (ไฮเกล) ผู้รับหน้าที่ผู้ควบคุมงานสร้างด้วย กล่าวเสริม “คุณไม่อยากจะทำให้แฟนๆ รู้สึกผิดแปลกไปหรอกค่ะ พวกเขาเป็นคนที่สร้างแฟรนไชส์นี้ขึ้นมา พวกเขาเป็นคนที่เนรมิตชีวิตให้กับสเตฟานีย์และตัวละครเหล่านี้หลังจากหนังสือเล่มแรกนี่คะ”
ผู้กำกับ Julie Anne Robinson (จูลี แอนน์ โรบินสัน) ได้อาศัยนิยายเรื่องนี้เป็นแนวทางครั้งแล้วครั้งเล่า “ฉันอ่านมันเพื่อดูรายละเอียดต่างๆ แม้แต่เรื่องของสีกระโปรงค่ะ” Robinson (โรบินสัน) เผย “ฉันดึงคำอธิบายถึงอพาร์ทเมนต์ของ Stephanie (สเตฟานีย์) จากในหนังสือด้วย มันจะต้องเป็นอาคารสร้างด้วยอิฐสีแดง จะต้องเป็นสถานที่ที่คนชราวัยเกษียณอายุแล้วจำนวนมากสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นได้ แม้แต่รายละเอียดเล็กๆ อย่างคุณนายเดลกาโด้ ที่อาศัยอยู่ตรงข้ามกับ Stephanie (สเตฟานีย์) เธอก็อยู่ในหนังสือด้วย การที่สเตฟานีย์ดื่มบิ๊กกัล์พ การที่เธอให้อาหารเร็กซ์ด้วยแคร็กเกอร์ยี่ห้อริทซ์ เราสนใจแม้แต่รายละเอียดที่เล็กน้อยที่สุด กรงจริงๆ ของเร็กซ์เหมือนกับกรงที่ถูกบรรยายถึงในหนังสือด้วยค่ะ”
“Julie Anne (จูลี แอนน์) เข้ามาในโปรเจ็กต์นี้พร้อมด้วยพลังงาน ความรักและความมุ่งมั่นที่เหลือเชื่อค่ะ” Heigl (ไฮเกล) บอก “เธอมีสมาธิอย่างเหลือเชื่อและฉันก็ไม่เคยเห็นเธอเหนื่อยหรือหมดแรงเลย และฉันก็คิดว่าเธอทำงานอย่างวิเศษสุดในการคัดเลือกนักแสดงของเรื่องนี้ ในโลเกชัน การออกแบบฉาก ทุกอย่างเลย ทั้งลุคและความรู้สึกที่เหมาะสมของหนังเรื่องนี้ สมดุลระหว่างคอเมดีและดรามา ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะ Julie Anne (จูลี แอนน์)ค่ะ”
« Last Edit: March 25, 2012, 06:54:06 PM by happy »
Logged