KTAMเปิดขายตราสารหนี้ใน-ตปท. อายุ6เดือนชูผลตอบแทน3.35%ต่อปี
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 31 ( KTSUPB31 ) เสนอขาย 21 - 27 มีนาคม 2555 เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในเงินฝาก และ ตราสารหนี้ต่างประเทศ ประกอบด้วย เงินฝาก / ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย / ตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทย ในสัดส่วน 23% ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารต่างประเทศ ประกอบด้วย เงินฝากประจำ Union National Bank ( UNB ) เงินฝากประจำ Abu Dhabi Commercial Bank ( ADCB ) MTN ของ Banco itau BBA S.A. ( ITAUBBA ) และ MTN ของ Banco Do Brasil ( BANBRA ) ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.35% ต่อปี โดยเงินลงทุนในต่างประเทศ จะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดเคแทม อิควิตี้ ลิงค์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น 1 ปี 6 เดือน ( KTEL1Y6M ) ตั้งแต่วันที่ 15-21 มีนาคม 2555 อายุโครงการ 1 ปี 6 เดือน มูลค่า 1,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่ลงทุนในOption ที่อ้างอิงผลตอบแทนของตราสารทุนไทย ออกโดยสถาบันการเงินไทย ในสัดส่วน 3-5% ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากประจำ Abu Dhabi Commercial Bank (ADCB) 25% เงินฝากประจำ Unoin National Bank (UNB ) 20% MTN ของ Banco Itau BBA S.A. (ITAUBBA ) 25% และ เงินฝาก /ตั๋วแลกเงิน / หุ้นกู้สถาบันการเงิน หรือบริษัทเอกชนในประเทศ 25 -27% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงสุดถึง20% และกองทุนนี้จำหน่ายผ่านธนาคารสแตนดาร์ดชาร์ดเตอร์
พร้อมทั้ง บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6 เดือน6 (KTSIV6M6 ) เสนอขายตั้งแต่วันที่ 19 - 23 มีนาคม 2555 อายุโครงการ 6 เดือน เน้นลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เงินฝากธนาคารเกียรตินาคิน และตั๋วแลกเงินของภาคเอกชน โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.00% ต่อปี
สำหรับภาวะการลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ แม้จะมีกระแสเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศเข้าถือครองตราสารหนี้ไทยเพิ่มขึ้นในระดับ 5.7 แสนล้านบาท แต่ความกังวลต่อปริมาณพันธบัตรภาครัฐที่ทยอยประมูลตลอดเดือนนี้ การปรับเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ต่างประเทศ แรงกดดันราคาน้ำมัน และราคาต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อเงินเฟ้อในอนาคต เป็นปัจจัยที่ทำให้เส้นอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรภาครัฐปรับตัวสูง ในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สำหรับพันธบัตรรุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี ซึ่งถูกใช้เป็นแหล่งพักการลงทุนมีผลตอบแทนที่ค่อนข้างทรงตัวในระดับ 2.97 – 3.14% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนภาวะการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ หลังจากที่สหรัฐอเมริกา ทยอยประกาศตัวเลขชี้นำเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณในเชิงบวก ทำให้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้และค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ แกว่งตัวเพิ่มขึ้น โดยแนวโน้มดังกล่าวได้ถูกสะท้อนจากความเห็นของประธานเฟด ที่มองเห็นทิศทางการฟื้นตัวแม้จะยังมีความไม่แน่นอน ประกอบกับจีนได้ปรับลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลง จึงทำให้ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียรวมทั้งไทย เริ่มแกว่งตัวอ่อนค่าลง ผลดังกล่าวทำให้ดอลล่าร์พรีเมี่ยมเริ่มปรับลดลง ซึ่งจะส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศในรูปสกุลเงินบาท แต่โดยเฉลี่ยแล้วยังถือว่าการลงทุนในต่างประเทศยังให้อัตราผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนในประเทศ