ริฮันนารับบท “ร้อยโทโครา ‘เว็ปส์’ เรคส์” ใน
Battleship โดยปีเตอร์ เบิร์ก
Q: นี่เป็นประสบการณ์การแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกของคุณ ทำไมคุณถึงเลือก Battleship
A: บอกตามตรงนะคะ Battleship เลือกฉันค่ะ ตอนที่ฉันไปพบกับผู้กำกับปีเตอร์ เบิร์ก ฉันก็ไม่รู้เลยว่าฉันจะได้เจอกับอะไร หลังจากที่ฉันได้เห็นความกระตือรือร้นของพีท และได้เห็นว่าเขาเชื่อในโปรเจ็กต์นี้ขนาดไหน ฉันก็เลยสนใจ และถูกใจเรื่องนี้ทันทีค่ะ
Q: คุณคิดยังไงกับบทเมื่อได้อ่านมัน
A: พอฉันได้อ่านบท ฉันก็เข้าใจถึงความเข้มข้นของหนังเรื่องนี้ และฉันก็อยากจะเป็นส่วนหนึ่งของหนังแบบนั้น มันเป็นบทหนังที่ดีจริงๆ ค่ะ
Q: การแสดงเป็นเรื่องที่ทำให้คุณตื่นเต้นรึเปล่า
A: ค่ะ ฉันอยากจะชิมลางงานแสดงดูบ้าง มันเป็นเรื่องที่ฉันอยากทำและเป็นเรื่องที่ฉันซีเรียสกับมัน มันเป็นโลกใหม่ที่ฉันอยากจะเติบโตในนั้น ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าฉันจะชอบมันมั้ย แต่ตอนนี้ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว และฉันก็รักมันค่ะ!
Q: คุณคาดหวังอะไรกับการถ่ายทำเรื่องนี้
A: ฉันไม่รุ้เหมือนกันว่าจะคาดหวังอะไรค่ะ ฉันมาฮาวายด้วยความคิดเปิดกว้าง และพร้อมที่จะไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ฉันไม่รู้เลยว่าหนังเรื่องนี้ใหญ่แค่ไหนจนกระทั่งฉันได้มากองถ่าย ตอนนั้นเองฉันถึงรู้ว่ามันยิ่งใหญ่ขนาดไหน มันน่าตื่นเต้นเพราะนี่เป็นหนังเรื่องแรกของฉันและฉันก็ได้ร่วมงานกับปีเตอร์ เบิร์กด้วย มันใหญ่ขนาดนั้นเชียวนะคะ!
Q: คุณรับบทร้อยโทเรคส์ด้วย เธอเป็นใคร
A: เรคส์เป็นสาวแสบค่ะ เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธ ที่ไม่ยอมรับเรื่องงี่เง่าจากใครทั้งนั้น เธอเป็นสาวแกร่งที่รักงานของเธอ เธอแคร์งานตัวเองและทุ่มเทให้กับการปกป้องตัวเองและทุกคนบนเรือ เรคส์ไม่กลัวอะไรเลย เธอเป็นคนกล้าบ้าบิ่นและพร้อมเสมอค่ะ
Q: คุณชอบอะไรในตัวเธอบ้าง
A: ฉันชอบความมั่นใจและความทุ่มเทให้กับงานของเธอค่ะ ฉันชอบที่ว่าเธอภักดีกับทีมงานของเธอและคนที่เธอร่วมงานด้วยเหลือเกิน มันเป็นคุณสมบัติที่ฉันเชื่อ ดังนั้น ในแง่หนึ่งแล้ว ตัวละครตัวนี้ก็สามารถช่วยฉันในชีวิตจริงได้ด้วย เรคส์น่าทึ่งมากค่ะ!
Q: คุณเตรียมตัวสำหรับบทนี้อย่างไร
A: ในการเป็นเรคส์ ฉันจะต้องกำจัดทุกอย่างที่เป็นริฮันนาทิ้ง เธอเป็นนักสู้และรักในสิ่งที่เธอทำ ในการมาอยู่ที่นี่ ฉันได้เรียนรู้หลายอย่าง ฉันเจอกับเรื่องมากมายตั้งแต่นาทีแรกที่มาถึงฮาวาย ฉันชอบการผจญภัยและความปัจจุบันทันด่วน ฉันก็เลยชื่นชอบการได้เข้ากองถ่ายและทำในสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำทุกวัน วันแรกที่เข้ากอง ฉันก็ได้ยิงปืนแล้วล่ะค่ะ
Q: คุณต้องเข้ารับการฝึกพิเศษรึเปล่า
A: ฉันถูกฝึกราวกับฉันได้รับเลือกจริงๆ เพื่อให้ฉันเข้าใจแบ็คกราวน์ของตัวละครตัวนี้และสิ่งที่เธอต้องเจอในการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธบนเรือจริงๆ ด้วย ในตอนแรก ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องถูกครูฝึกตะโกนใส่ขนาดนั้น แต่ฉันก็เข้าใจว่ามันช่วยดึงฉันออกจากความรู้สึกปลอดภัยและการคิดว่าตัวเองเป็นริฮันนาน่ะค่ะ
Q: คุณได้พบกับคนที่ทำอาชีพเหมือนกับร้อยโทเรคส์ในชีวิตจริงบ้างรึเปล่า
A: ค่ะ ฉันได้พบคนแบบนั้น เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธที่แข็งแกร่ง และเธอก็สวยมากๆ ด้วย การได้พบเธอ ได้เห็นว่าเธอเคลื่อนไหว ทำงานและทุ่มเทสมาธิให้กับงานของเธออย่างไรช่วยให้ฉันเข้าใจตัวละครของฉันได้จริงๆ ค่ะ
Q: แล้วคุณรู้สึกอย่างไรกับการได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมนักแสดงเรื่องนี้
A: ฉันคิดว่ามันเจ๋งตรงที่มีนักแสดงที่มีประสบการณ์หลากหลายกันมาอยู่รวมกัน ด้วยความที่ฉันก็เป็นมือใหม่ ทุกอย่างก็เลยเป็นเรื่องใหม่ไปซะหมด มันก็เลยเป็นเรื่องน่าสนใจจริงๆ ที่ได้เห็นว่าทุกคนทำงานกันเป็นอย่างไร มันเป็นกระบวนการใหม่ๆ ที่ดำเนินอย่างต่อเนื่อง และฉันก็ชอบมันค่ะ
Q: ปีเตอร์ เบิร์ก ในฐานะผู้กำกับเป็นอย่างไรบ้าง
A: เขามหัศจรรย์ค่ะ เขาเป็นอัจฉริยะ เขาเคยเป็นนักแสดงมาก่อนเขาก็เลยเข้าใจดีว่าเรามีความคิดอย่างไรและรู้ว่าจะดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดจากทุกคนออกมาอย่างไร เขาได้สร้างสิ่งแวดล้อมที่สะดวกสบายขึ้นมาในกองถ่าย ดังนั้น คุณก็จะมีความสุขไปกับร่วมงานกับเขา พีทเป็นคนที่รู้ดีว่าตัวเองทำอะไรอยู่ค่ะ
Q: เขาทำให้คุณประหลาดใจบ้างรึเปล่า
A: เขาทำอะไรปุบปับมากๆ และชอบทำให้คุณไม่ทันตั้งตัว ฉันชอบการทำงานแบบนั้นนะคะ มันมีความตื่นเต้นกับการไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นและต้องทำไปตามน้ำ ฉันชื่นชอบการผจญภัยค่ะ ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันมีความสุขกับประสบการณ์นี้เหลือเกินก็ได้
Q: คุณมีความสุขกับการได้อยู่ในฮาวายรึเปล่า
A: การอยู่ในฮาวายตรงกันข้ามกับสิ่งที่อยู่ในหนังเลยค่ะ ในหนังเรากำลังเผชิญสงคราม และมีการต่อสู้เกิดขึ้นทั่วไปหมด แต่พอเราเงยหน้าขึ้น เราก็ได้เห็นพระอาทิตย์ น้ำสีเทอร์คอยซ์ และสีเขียวชะอุ่มงดงามรอบตัวค่ะ
Q: คุณได้ไปอยู่ในเพิร์ล ฮาร์เบอร์ บนเรือรบในตำนานอย่างยูเอสเอส มิสซูรี ที่ซึ่งสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง
A: มันเจ๋งจริงๆ ค่ะ มันเป็นสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ที่งดงามสำหรับถ่ายหนัง ฉันได้สัมผัสกับสิ่งเยี่ยมๆ มากมายในการแสดงหนังเรื่องนี้ มันพิเศษจริงๆ ที่ได้อยู่ในฮาวาย ได้อยู่บนเรือยูเอสเอส มิสซูรี และได้เห็นสิ่งที่คุณเคยอ่านเจอในหนังสือประวัติศาสตร์น่ะค่ะ
Q: คุณจะเปรียบเทียบการแสดงหนังกับการร้องเพลงบนเวทีว่าอย่างไร
A: มันเหมือนกลางวันกับกลางคืน เป็นเรื่องใหม่อีกเรื่องเลยค่ะ มันเป็นโลกสองใบที่แตกต่างกัน การถ่ายทำหนังไม่ได้ใกล้เคียงกับการถ่ายทำมิวสิค วิดีโอเลย การอยู่บนเวทีเป็นสิ่งที่ฉันรู้สึกสบายใจกว่า ส่วนการแสดงเป็นอีกโลกหนึ่งที่ฉันอยากจะทดลอง มันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับฉัน และฉันก็ตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่าฉันจะไปในทิศทางไหนต่อไปในวงการนี้น่ะค่ะ
Q: คุณสนใจการแสดงตรงไหน
A: ฉันอยากจะสวมบทตัวละครและสมมติบทบาทเป็นคนอื่นค่ะ นั่นคือสิ่งที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับการแสดงสำหรับฉัน
Q: ประสบการณ์นี้เปลี่ยนแปลงมุมมองที่คุณมีต่อหนังอย่างไรบ้าง
A: ฉันดูหนังบ่อยๆ และฉันก็ชอบหนังค่ะ แต่ตอนนี้พอฉันได้เรียนรู้เรื่องการแสดงแล้ว ฉันก็มองหนังเปลี่ยนไปเลย ฉันแทบทนรอที่จะดู Battleship ไม่ได้เลยค่ะ
อเล็กซานเดอร์ สการ์สการ์ด รับบท “เจ้าหน้าที่บัญชาการ สโตน ฮ็อปเปอร์”
ใน Battleship โดยปีเตอร์ เบิร์ก
Q: อะไรที่ทำให้คุณสนใจหนังเรื่องนี้
A: ก่อนหน้านี้ ผมไม่รู้จักปีเตอร์ เบิร์กเลยครับ แต่พอผมได้พบเขา ผมก็รู้สึกถูกดึงดูดด้วยความกระตือรือร้นเกี่ยวกับโปรเจ็กต์นี้ของเขา ผมชอบวิสัยทัศน์ของเขาที่มีต่อ Battleship และวิธีการที่เขาอยากจะถ่ายทำ บทหนังและผู้กำกับคือสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้คุณแสดงหนังซักเรื่องครับ
Q: คุณถามอะไรเกี่ยวกับ Battleship กับปีเตอร์ เบิร์กบ้าง ในการพบกันครั้งแรก
A: ผมรู้ว่า Battleship จะเป็นหนังแอ็กชันฟอร์มยักษ์ จากมุมมองของนักแสดง ผมอยากจะรู้ว่ามันจะมีแต่เรื่องระเบิดโครมครามรึเปล่า ตัวปีเตอร์เองก็เป็นนักแสดงเหมือนกันและเขาก็บอกผมว่ามันสำคัญสำหรับเขาแค่ไหนที่จะต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ใช่ อย่างเช่นความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครของผมกับตัวละครของเทย์เลอร์ คิสช์ ถ้าคุณไม่มีตัวละครที่น่าเชื่อล่ะก็ คุณก็จะไม่มีอะไรเลยครับ
Q: คุณเล่นเป็นตัวละครตัวไหนใน Battleship
A: ผมรับบทผู้บัญชาการสโตน ฮ็อปเปอร์ พี่ชายของอเล็กซ์ (เทย์เลอร์ คิสช์) ครับ ถ้าอเล็กซ์เป็นคนในทีมที่มีศักยภาพมากมายแต่ไม่รู้ตัวหรือไม่ได้ดึงเอาศักยภาพออกมาใช้ สโตนก็จะเป็นกัปตันทีมและเป็นแรงขับเคลื่อนของทีมครับ
Q: คุณจะพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องคู่นี้ว่าอย่างไร
A: มันเป็นเรื่องลำบากใจสำหรับสโตนเพราะเขารักน้องชายและอยากให้เขาทำอะไรซักอย่างกับชีวิต ในขณะเดียวกัน เขาก็อยากให้น้องชายได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของเขาและค้นพบเส้นทางของตัวเอง เขาก็เลยถอยหลังกลับ แล้วปล่อยให้น้องชายของเขาตัดสินใจด้วยตัวเองน่ะครับ
Q: ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องคู่นี้สำคัญแค่ไหนกับหนังเรื่องนี้
A: ฉากแรกๆ ในหนังเรื่องนี้เป็นตัวกำหนดโทนของความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา มันเป็นเรื่องสำคัญมากๆ เพราะถ้าคุณไม่ชอบพวกเขาหรือแคร์ความสัมพันธ์ของพวกเขา คุณก็จะไม่แคร์การผจญภัยของพวกเขาเหมือนกันครับ
Q: การได้อยู่ในกองถ่ายกับนักแสดงมากประสบการณ์อย่างเลียม นีสันเป็นอย่างไรบ้าง
A: เลียม นีสันเป็นนักแสดงที่น่าทึ่ง การแสดงเป็นเรื่องของการมีปฏิกิริยาโต้ตอบ ดังนั้น การได้แสดงประกบเลียมก็เป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก
Q: คุณรู้สึกอย่างไรที่ได้อยู่ในสถานที่สำคัญอย่างเพิร์ล ฮาร์เบอร์หรือบนเรือรบยูเอสเอส มิสซูรี เพื่อถ่ายทำหนังน่ะ
A: มันเกินจริงมากครับ การที่ตอนนี้ เรากำลังนั่งอยู่ในที่ที่สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงเป็นอะไรที่พิเศษสุดทีเดียว
Q: ปีเตอร์ เบิร์กในฐานะผู้กำกับแล้วเป็นอย่างไรบ้าง
A: เขาเป็นคนน่าทึ่งที่มีพลังงานยอดเยี่ยมครับ เขารักในสิ่งที่เขาทำอย่างมาก ปีเตอร์เข้าใจนักแสดงอย่างดีและนั่นคือสิ่งสำคัญครับ
Q: นี่ไม่ได้เป็นแค่หนังแอ็กชัน
A: นี่เป็นหนังที่ผลักดันโดยตัวละคร คุณจะต้องแคร์ตัวละครพวกนี้ เพื่อเชื่อในตัวพวกเขาและความสัมพันธ์ของพวกเขา ปีเตอร์ เบิร์กรู้วิธีที่จะทำแบบนั้นดี หนังหลายๆ เรื่องจะโฟกัสไปที่แอ็กชัน แต่กับ Battleship มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยครับ
Q: Battleship เป็นหนังสตูดิโอฟอร์มยักษ์เรื่องแรกของคุณ สเกลหนังเรื่องนี้ทำให้คุณกลัวบ้างรึเปล่า
A: ผมต้องยอมรับว่าผมกังวลหน่อยๆ แต่พอคุณได้เห็นวิธีการทำงานของปีเตอร์ เบิร์ก คุณก็จะเข้าใจว่ามันเป็นการทำงานที่มีความเปลี่ยนแปลงและสนุกมากๆ ในตอนที่คุณได้อยู่หน้ากล้องโดยมีผู้กำกับอย่างปีเตอร์อยู่หลังกล้อง ทุกอย่างก็ดูง่ายขึ้นและคุณก็จะไม่นึกถึงสเกลของสิ่งต่างๆ อีกเลย
Q: ปีเตอร์ เบิร์กทำงานเป็นอย่างไรบ้าง
A: ปีเตอร์ชอบการแอดลิบและการส่งมุขให้คุณแบบไม่ทันตั้งตัว คุณจะต้องพร้อมและเล่นกับมันเพื่อที่ว่าเมื่อมีสิ่งที่ไม่คาดฝันต่างๆ เกิดขึ้นหน้ากล้อง ยกตัวอย่างเช่น เทย์เลอร์อาจทำสิ่งที่ต่างออกไปในเทคถัดไป ซึ่งปีเตอร์ก็ยอม นั่นเป็นสิ่งที่สนุกในการทำงานร่วมกับเขา คุณจะรู้สึกมีอิสระจริงๆ ครับ
Q: คุณรู้สึกสบายใจกับการทำงานกับสเปเชียล เอฟเฟ็กต์และกรีนสกรีนรึเปล่า
A: นี่เป็นหนังสตูดิโอฟอร์มยักษ์ ซึ่งก็มีงานกรีนสกรีน ตัวละครของผมเป็นผู้บัญชาการในเรือลำหนึ่ง ผมก็เลยตั้งตารอฉากที่ผมจะได้ยืนบนสะพานเรือ มองสิ่งต่างๆ ที่จะไม่อยู่ตรงนั้นเสมอไปครับ
Q; ฮาวายเป็นอย่างไรบ้าง
A: แค่ได้อยู่ที่นี่ก็น่าอัศจรรย์แล้วครับ ผมได้ไปยืนบนเรือพิฆาตของจริงและได้พบกับผู้บัญชาการ ที่เหมือนกับตัวละครของผมด้วย ผมได้เห็นทุกอย่าง ได้เดินไปมารอบๆ และอยู่บนเรือลำนั้นหนึ่งวัน วันถัดมา เราก็บินไปลงที่เรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน มันเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ ที่ได้เห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้และได้เห็นว่าคนบนเรือเหล่านั้นมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไร มันเป็นโอกาสที่จะเข้ามาครั้งหนึ่งในชีวิตจริงๆ ปีเตอร์ เบิร์ก กำกับ Battleship
Q: อะไรที่ทำให้คุณสนใจโปรเจ็กต์นี้
A: ด้วยความที่ผมเป็นลูกชายของนายทหารเรือที่เป็นนักประวัติศาสตร์นาวี ผมก็เลยโตมากับเรือและความรักที่มีต่อกองทัพ พ่อผมพาผมไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สงคราม และเขาก็พูดถึงสงครามสำคัญๆ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองเสมอ ผมคิดว่า เกรด A ครั้งแรกที่ผมเคยได้สมัยเรียนเป็นเกรดที่ผมได้สำหรับบทความที่ผมเขียนว่าญี่ปุ่นแพ้สงครามมิดเวย์ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนในสงครามครั้งนั้นอย่างไร ผมก็เลยมีความชื่นชมพวกนาวีเสมอ ในฐานะผู้กำกับ ผมอยากจะสร้างหนังเกี่ยวกับนาวีมาโดยตลอดเลยล่ะครับ
Q: Battleship เป็นหนังนาวีเรื่องแรกที่เข้ามาหาคุณรึเปล่า
A: ตอนแรก ผมคิดถึงการสร้างหนังเกี่ยวกับจอห์น พอล โจนส์ ผู้ก่อตั้งหน่วยนาวีของอเมริกา แต่ผมก็คิดเรื่องไม่ออก ผมก็เลยนึกถึงการถ่ายทำหนังเกี่ยวกับแอสเซ็กส์ ซึ่งเป็นเรือล่าปลาวาฬ ที่ถูกปลาวาฬจมลงนอกชายฝั่งอเมริกาใต้ และเป็นแรงบันดาลใจสำหรับนิยายคลาสสิกโดยเฮอร์แมน เมลวิลล์เรื่อง Moby Dick แต่มันมีเรื่องของการฆ่าแกงกันเยอะไป
Q: แล้วคุณคิดไอเดียสำหรับ Battleship ออกมาได้อย่างไร
A: เมื่อหลายปีก่อน ผมเริ่มนึกถึงเกม Battleship ว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างหนังเกี่ยวกับสงครามนาวีสมัยใหม่ ที่มีกองเรือที่มีสมรรถภาพไม่ด้อยกว่ากันมาสู้กัน มันเป็นแรงบันดาลใจสำหรับผมครับ
Q: แล้วคุณรวมนักแสดงที่หลากหลายและน่าตื่นเต้นขนาดนี้มาอยู่ในหนังเรื่องนี้ได้ยังไง
A: ผมชื่นชอบการผสมผสานและการร่วมงานกับนักแสดงที่มีระดับประสบการณ์ที่หลากหลายกัน ผมเองก็เคยผ่านงานแสดงมาและผมก็คอยมองหาคนที่บางทีอาจยังไม่มีโอกาสแจ้งเกิด แต่มีเสน่ห์และความซับซ้อน ที่จะสามารถนำสิ่งที่สดใหม่ออกมาได้ ผมเชื่อเรื่องนั้นมากพอๆ กับที่ผมเชื่อในการได้นักแสดงคลาสสิกชั้นเยี่ยมอย่างเลียม นีสัน เราก็เลยมีทั้งนักแสดงหนุ่มสาว ที่พิสูจน์ตัวเองมาเรียบร้อยแล้ว อย่างเทย์เลอร์ คิทส์ หรืออเล็กซานเดอร์ สการ์สการ์ด มีนักแสดงหน้าใหม่อย่างริฮันนาหรือบรูคลิน เด็คเกอร์ และมีนักแสดงผู้คร่ำหวอดในวงการอย่างเลียม นีสัน ผู้เก่งกาจและไม่มีทางที่จะแสดงได้ไม่ดีน่ะครับ
Q: คุณเคยร่วมงานกับเทย์เลอร์ คิสช์มาก่อนนี่ เขาเป็นคนยังไง
A: เทย์เลอร์เหมือนน้องชายผมครับ เราเริ่มทำงานกันในรายการ Friday Night Lights ความจริงก็คือตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมได้พบเขา ผมก็เห็นว่าเขามีคุณสมบัติทุกอย่างที่ดาราหนังพึงมี เขาหน้าตาดี ฉลาด ตลก และก็ยังถ่อมตนและปล่อยให้คนอื่นเปล่งประกายได้ เราไว้ใจกันและต่อกันติดได้ง่าย การได้คนอย่างเทย์เลอร์, เจสซี พลีมอนส์ ซึ่งมาจาก Friday Night Lights เหมือนกัน หรือทีมงานนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ผมเคยร่วมงานด้วยมาแล้วในหนังเรื่องอื่นๆ ที่ผมเคยสร้างมาแทบทุกเรื่อง ทำให้ผมรู้สึกสบายใจมากขึ้น และมีเรื่องเซอร์ไพรส์น้อยลงครับ
Q: ช่วยพูดอะไรถึงนักแสดงหน้าใหม่อย่างริฮันนาและบรูคลิน เด็คเกอร์หน่อยสิ
A: พวกเธอเป็นหญิงสาวที่มีความเป็นผู้ใหญ่ ที่คนรู้สึกหลงใหล แล้วพวกเธอก็บังเอิญเป็นนักแสดงที่เก่งซะด้วย ผมชอบมองหาคนที่น่าสนใจและร่วมงานกับพวกเขา ตราบใดที่พวกเขามีดี ยกตัวอย่างเช่น เรามีพันโทคนหนึ่งในหนัง ที่สูญเสียขาทั้งสองข้างไปในอัฟกานิสถาน และไม่เคยแสดงหนังมาก่อน แต่ผมคิดว่าเขาจะต้องทำให้ทุกคนอึ้งไปกับเสน่ห์ของเขา
Q: แล้วทาดาโนบุ อาซาโน่ นักแสดงชาวญี่ปุ่นล่ะ
A: ผมไม่ค่อยรู้จักนักแสดงญี่ปุ่นมากนัก แต่คนคุยให้ผมฟังเรื่องเขาหนาหู ผมได้เห็นการแสดงของเขาใน Mongol เขาเป็นนักแสดงที่เก่งและฉลาดมากๆ
Q: คุณมีทหารชาวอเมริกันและญี่ปุ่นมาทำงานร่วมกัน
A: ผมอยู่ในเพิร์ล ฮาร์เบอร์ แล้วทางด้านซ้ายมือ ผมก็เห็นเรือรบพิฆาตของอเมริกาจอดอยู่ติดกับเรือรบพิฆาตของญี่ปุ่น เราอยู่กันในโลกสมัยใหม่ครับ ปู่ผมคงตกใจน่าดูที่ได้เห็นเรือรบญี่ปุ่นในเพิร์ล ฮาร์เบอร์ และลูกเรือของทั้งสองชาติก็เข้ากันได้ดี มันเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นจริงและหนังเรื่องนี้ครับ
Q: หน่วยนาวีให้ความร่วมมือดีขนาดไหน
A: ผมมีความสัมพันธ์อันดีกับกระทรวงกลาโหมจากการเตรียมงานหนังอีกเรื่องหนึ่ง ที่ผมหวังว่าจะถ่ายทำต่อจากนี้ ที่ชื่อว่า Lone Survivor ที่สร้างขึ้นจากเรื่องจริงของภารกิจหน่วยนาวีซีลในอัฟกานิสถาน และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยนาวีและทหารที่พวกเราสามารถต่อยอดไปได้ครับ
Q: คุณเชื่อว่าความสัมพันธ์อันดีนั้นเกิดขึ้นได้จากอะไร
A: ผมคิดว่าพวกเขารู้สึกได้ว่าผมเคารพทหารทั้งชายและหญิงในหน่วยนาวี เช่นเดียวกับที่ผมเคารพชายและหญิงในกองทหารทุกที่ทั่วโลก ผมชื่นชมทุกคนที่เต็มใจจะเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อผู้อื่น ไม่ว่าเขาจะมีความคิดทางการเมืองอย่างไรก็ตาม
Q: คุณได้เข้าถึงเรือลำไหนบ้าง
A: เราได้รับอนุญาตให้เข้าไปยังเรือรบในตำนานอย่างยูเอสเอส มิสซูรี เรือรบพิฆาต เรือบรรทุกนิวเคลียร์ เรือดำน้ำ เรือลาดตระเวนพร้อมมิสไซล์ เรือบรรทุกสินค้าและเรือรบขนาดใหญ่ พวกเขาเปิดประตูให้กับเรา มันคงจะเจ๋งน่าดูที่เรจะโชว์เรือทั้งหมดนั้นบนหน้าจอ
Q: ผู้กำกับหลายคนเคยพูดถึงว่าการถ่ายทำในน้ำซับซ้อนขนาดไหน
A: เราทำงานนี้ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันซับซ้อน เราต่างก็เคยได้ยินมาว่ามันยุ่งยากแค่ไหน
Q: คุณได้คุยกับคนที่เคยทำงานในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันมาก่อนไหม
A: สองหรือสามสัปดาห์ก่อนหน้าที่เราจะเริ่มถ่ายทำ ผมได้รับโทรศัพท์จากเควิน คอสท์เนอร์ว่า “ฟังนะ ผมอยากจะเล่าให้คุณฟังถึงสิ่งที่เราทำได้ดีและสิ่งที่เราทำผิดพลาดไปใน Waterworld” มันเป็นบทสนทนาที่ดีมากๆ และเขาก็ให้คำแนะนำเยี่ยมๆ กับผม ผมก็เลยฟังเขาและคนอื่นๆ ที่เคยถ่ายทำบนน้ำมาก่อนเพื่อพยายามหาคำตอบว่าเราต้องทำอะไรบ้างเพื่อหลีกเลี่ยงการต้องออกไปสู่มหาสมุทร ซึ่งจะก่อให้เกิดความวุ่นวายมากมายตามมา
Q: คุณกังวลเรื่องอะไรบ้างในการถ่ายทำบนน้ำ
A: เรื่องหลักๆ ก็อย่างเช่นเรื่องอุปกรณ์จม เครื่องมือเสียหาย ทีมงานป่วย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่เราไม่เตรียมพร้อม เราก็เลยวางแผนไว้อย่างดี ดันแคน เฮนเดอร์สันเป็นผู้อำนวยการสร้างชั้นเยี่ยม ที่เคยทำงานบนน้ำมาก่อน เราถ่ายทำวันแรกๆ ในมหาสมุทรและมันก็ไปได้สวยอย่างเหลือเชื่อ หวังว่าเราจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเราสามารถถ่ายทำบนน้ำกันได้ ผมดีใจที่เราสามารถออกไปถ่ายทำที่นั่นได้นะครับ
Q: ฮาวายน่าจะเป็นสถานที่ถ่ายทำที่น่าทึ่ง
A: ฮาวายเป็นสถานที่ที่สวยงาม มีทิวทัศน์กว้างขวาง มีอาทิตย์ขึ้น อาทิตย์ตก รูปแบบเมฆและอากาศเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คุณจะเจอกับสภาพอากาศสุดเหวี่ยงที่ทำให้ผมอึ้งทีเดียวในตอนที่เรามุ่งหน้าไปยังมหาสมุทรพร้อมเลนส์ไวด์อนามอร์ฟิค อากาศอาจมีได้ห้าแบบคือความกดอากาศต่ำ ความกดอากาศสูง สายรุ้ง มรสุมและสดใส ภายในช็อตเดียว มันเป็นภาพที่น่าทึ่งมากๆ ครับ
Q: แง่มุมที่เป็นไซไฟของหนังเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง
A: ผมคิดไอเดียของการใส่เอเลียนเข้ามาในหนังเรื่องนี้เพราะผมไม่อยากจะทำให้มันเป็นหนังที่ชาวอเมริกันสู้กับชาติอื่น และในการยืมบางสิ่งมาจากเกม สงครามจะต้องถูกจำกัด ผมชื่นชอบสิ่งที่ริดลีย์ สก็อตทำใน Alien มาโดยตลอดเพราะมันสมจริงมากๆ ไอเดียของการนำเสนอกองกำลังทหารจากอีกโลกหนึ่ง ที่เป็นพวกเอเลียน ที่คล้ายคลึงกับเราและเจอกับปัญหาทันทีที่มาถึงโลกเป็นเรื่องน่าสนใจ ผมไม่อยากให้มันเป็นเรื่องของเอเลียนหลายล้านตัวมารุกรานเรา นี่เป็นเรื่องราวที่มีขอบเขตจำกัดมากๆ และผมก็หวังว่า การเผชิญหน้าระหว่างมนุษย์และเอเลียนจะออกมาสมจริงนะครับ
Q: สมัยก่อน คุณเคยเล่น Battleship รึเปล่า
A: ครับ ผมเคยเล่นมันตอนเป็นเด็ก เราหยิบยืมสิ่งต่างๆ จากเกมมาเช่นการที่เรามองเห็นกันและกันไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แล้วเราก็คุยกันถึงเรื่องการยิงและการยิงพลาดด้วย
Q: คุณรู้สึกสบายๆ กับการทำงานกับสเปเชียล เอฟเฟ็กต์ทั้งหมดนี้รึเปล่า
A: ผมชอบนะเพราะมันท้าทาย มันเป็นการบริหารความคิด ผมได้เรียนรู้จาก Hancock เยอะมาก การทำงานกับสเปเชียล เอฟเฟ็กตืจำต้องอาศัยความอดทนและการนั่งคุยกับคนที่ฉลาดกว่าคุณ และพยายามสื่อสารกับพวกเขาน่ะครับ
Q: เราจะคาดหวังอะไรได้บ้างจาก Battleship
A: คุณจะได้ดูการผจญภัยยิ่งใหญ่สะใจ ปืนโตขนาดเท่าตึก เรื่องราวน่าติดตามของการเป็นฮีโร และช่วงเวลาดีๆ มันจะเป็นหนังที่สนุกและบันเทิงใจครับ