happy on March 18, 2012, 07:30:37 PM
เทย์เลอร์ คิสช์ รับบท “เจ้าหน้าที่อเล็กซ์ ฮ็อปเปอร์”
ในภาพยนตร์เรื่อง Battleship โดยปีเตอร์ เบิร์ก

Q:   อะไรที่ทำให้คุณสนใจเรื่อง Battleship
A:   ผมได้คุยกับปีเตอร์ เบิร์กเกี่ยวกับเรื่องตัวละครและการเปลี่ยนแปลงของตัวละคร ผมสนใจอิสระของการได้มากองถ่ายทุกวันแล้วได้สร้างอะไรบางอย่างขึ้นมาจริงๆ ผมพร้อมที่จะเสี่ยงและทำผิดพลาด ในฐานะนักแสดงแล้ว คุณคงขออะไรมากกว่านี้ไม่ได้หรอก ผมรู้สึกดีจริงๆ ที่ได้เล่นหนังเรื่องนี้ร่วมกับนักแสดงคนอื่นๆ ที่เขานำเข้ามา โดยรวมแล้วมันเป็นโปรเจ็กต์ที่น่าตื่นเต้นและผมก็ไม่ต้องคิดหนักเลยที่จะรับเล่นหนังเรื่องนี้ครับ
Q:   ในหนังเรื่องนี้มีแอ็กชันเยอะไหม
A:   ครับ และถึงแม้ว่ามันจะมีระเบิดมากมายอย่างที่คุณจะได้เห็นบนหน้าจอ แต่มันก็เป็นหนังผจญภัยที่ให้น้ำหนักไปที่ตัวละครนะครับ
Q:   คุณพูดอะไรเกี่ยวกับตัวละครของคุณได้บ้าง
A:   ผมรับบทอเล็กซ์ ฮ็อปเปอร์ครับ ในตอนที่คุณได้พบกับเขา มันไม่ค่อยมีอะไรเกิดขึ้นหรอก เขาเป็นคนที่มีศักยภาพยิ่งใหญ่ และก็มีคนเตือนเขาเรื่องนั้นอยู่เนืองๆ ตัวละครตัวนี้มีความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก และผมก็ตื่นเต้นที่ได้รับบทนี้ครับ
Q:   อเล็กซ์ตอบสนองกับความกดดันในการต้องแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาอย่างไรบ้าง
A:   เขาสู้กับมันครับ เขาไม่อยากจะเห็นว่าอะไรอยู่อีกฝั่งหนึ่งถ้าเขาเสี่ยงที่จะกระโดดข้ามไปเพื่อดูว่าเขามีศักยภาพอย่างที่คนอื่นพูดหรือเปล่า
Q:   สโตน พี่ชายของเขา ที่รับบทโดยอเล็กซานเดอร์ สการ์สการ์ด มีความสำคัญต่อชีวิตเขาแค่ไหน
A:   พี่ชายเขาเป็นอิทธิพลสำคัญในชีวิตเขาครับ พวกเขามีความสัมพันธ์แบบพี่น้องที่แน่นแฟ้น มันมีกำแพงที่ขวางกั้นระหว่างพวกเขาทั้งคู่จนกระทั่งในที่สุดสโตนก็มาพาอเล็กซ์ ตัวละครของผมให้พ้นไปจากทางที่ไม่พาเขาไปไหนทั้งนั้น
Q:   การที่เอเลียนมาถึงโลกของเราส่งผลกระทบอย่างไรต่อฮ็อปเปอร์บ้าง
A:   สถานการณ์โกลาหลที่เกิดขึ้นทำให้อเล็กซ์กลายมาเป็นผู้นำอย่างที่ทุกคนบอกเขาอย่างไม่รู้ตัวครับ
Q:   คุณเตรียมพร้อมสำหรับบทนี้อย่างไร คุณมองตัวละครตัวนี้ว่าเป็นอย่างไร
A:   ด้วยความที่ผมเองเล่นกีฬามาตลอดชีวิต ฮ็อปเปอร์ทำให้ผมนึกถึงคนที่เป็นผู้เล่นที่เก่งที่สุดของคุณแต่ไม่เคยอยากเป็นผู้นำ เขามีสัญชาตญาณเฉียบคมและมีความสามารถที่จะเป็นผู้นำ แต่มีบางอย่างที่ดึงรั้งเขาไว้ ผมคิดว่าทุกคนต่างก็มีบางช่วงเวลา ที่รู้สึกกลัวกับการเสี่ยงเพื่อที่จะได้เห็นศักยภาพของตัวเองน่ะครับ
Q:   หนังเรื่องนี้นำคนธรรมดาไปอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา
A:   ผมคิดว่ามันเหลือเชื่อที่เราจะนำคนธรรมดาไปอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา มีคำพูดหนึ่งที่เราใช้ในสุนทรพจน์เมื่อวันก่อนว่า “สิ่งที่คุณทำเมื่อเผชิญอันตรายคือสิ่งที่จะทำให้คุณเป็นที่จดจำ” ดังนั้น มันก็เลยเป็นเรื่องเยี่ยมมากที่ได้เห็นคนธรรมดาได้มาอยู่ในสถานการณ์ที่จะทำให้พวกเขาเผชิญหน้ากับความกลัวทุกอย่างที่พวกเขามี แล้วคุณก็กลายเป็นผู้นำหรือผ่านการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่คุณต้องพบเจอ ปีเตอร์ เบิร์กเป็นนักเล่าเรื่องที่เก่งมากๆ คุณจะได้เห็นมันบนหน้าจอ มันเยี่ยมมากๆ เลย
Q:   ปีเตอร์ เบิร์กให้ความใส่ใจกับรายละเอียดในหนังมากเพื่อทำให้ Battleship น่าเชื่อที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาใช้ทหารผ่านศึกตัวจริงด้วยซ้ำไป
A:   ปีเตอร์นำนักรบตัวจริง อดีตทหารตัวจริงมาอยู่ในหนังเรื่องนี้ด้วย เราเพิ่งจะถ่ายทำฉากที่มีอดีตทหารผ่านศึกอายุ 94 ปี ที่เคยรบในสงครามเมื่อปี 1941 ไป ไม่มีอะไรสมจริงไปกว่านั้นอีกแล้วครับ
Q:   การได้พบกับทหารผ่านศึกเหล่านั้นให้ความรู้สึกอย่างไรบ้าง
A:   แค่มองดูใบหน้าของพวกเขา ฟังเรื่องราวของพวกเขา และถามความคิดของพวกเขาก็ทำให้คุณเปลี่ยนแปลงไปแล้วล่ะครับ มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจทีเดียวสำหรับเราทุกคนที่รับบททหารเหล่านี้น่ะครับ
Q:   คุณเคยร่วมงานกับปีเตอร์ เบิร์กมาก่อน
A:   ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีทั้งในกล้องและนอกกล้องกับปีเตอร์ครับ การได้ร่วมงานกับเขาอีกครั้งเป็นเรื่องสนุกมากและเป็นการผจญภัยที่ยอดเยี่ยม เขาเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผมเซ็นสัญญาเล่นโปรเจ็กต์นี้ เขาเสี่ยงมากตอนที่เขาเลือกผมให้รับบทริกกินส์ใน Friday Night Lights น่ะครับ
Q:   คุณจะพูดถึงความสัมพันธ์ด้านการทำงานระหว่างคุณกับเขาว่าอย่างไร
A:   สิ่งสำคัญสำหรับผมในการแสดงหนังทุกเรื่องคือความไว้วางใจครับ นั่นเป็นฐานสำหรับหนังดีๆ ทุกเรื่อง ถ้าคุณไว้วางใจผู้กำกับของคุณและทำตามที่เขาพูดทุกอย่าง คุณก็จะได้งานที่มีคุณภาพในท้ายที่สุด ผมเชื่อใจพีท เบิร์กมาก ในลักษณะนี้ ผมสามารถเสี่ยงหรือแม้แต่อิมโพรไวส์อย่างที่ผมทำใน Friday Night Lights ได้ ผมสามารถทำตามสัญชาตญาณตัวเองได้ ซึ่งนั่นเป็นทุกสิ่งสำหรับนักแสดงเลยนะครับ
Q:   คุณชื่นชอบอะไรมากที่สุดเกี่ยวกับการแสดง
A:   ผมชื่นชอบกระบวนการค้นหาตัวละครเหล่านี้ครับ ยกตัวอย่างเช่นในรายการอย่าง Friday Night Lights เราทำงานในรูปแบบที่ต่างออกไปจากที่ผมเคยผ่านมาในหนังเรื่อง John Carter และ Battleship ครับ การทำงานในหนังพวกนั้นเป็นเรื่องเชิงเทคนิคมากกว่าและต้องใช้พลังงานและความอดทนมาก ยกตัวอย่างเช่น ในตอนที่เราออกไปอยู่บนน้ำ เราก็ใช้สเปเชียล เอฟเฟ็กต์ และคุณก็ต้องเข้าใจว่ามันจะต้องมีการแสดงหลายเทคกับกรีนสกรีน ซึ่งนั่นก็ต้องอาศัยความอดทนมากขึ้น
Q:   แล้วประสบการณ์การทำงานบนน้ำของคุณเป็นอย่างไรบ้าง
A:   มันน่าตื่นเต้นครับ นี่ผมไม่ได้อวดนะครับ แต่มันราบรื่นมากๆ เราอยู่บนฐานลอยขนาดใหญ่ และเราก็ถ่ายทำตามกำหนดเวลาได้ สิ่งแวดล้อมของเราเป็นอีกตัวละครหนึ่งในหนังและการใช้มันก็เป็นเรื่องเยี่ยมมาก เท่าที่ผมได้ยินมา พวกเขาชื่นชอบสิ่งที่เรามีอยู่ครับ
Q:   ตอนนั้น การถ่ายทำลำบากขนาดไหน
A:   มันเป็นงานหนักมากครับ ผมคิดว่าคนคงไม่เข้าใจหรอกว่าคุณจะต้องอุทิศทั้งพลังงานและเวลามากขนาดไหนในการสร้างหนังอย่าง Battleship น่ะครับ
Q:   ปีเตอร์ เบิร์กสามารถรวบรวมนักแสดงที่หลากหลายและน่าสนใจมากมายมาอยู่ใน Battleship เลียม นีสันก็มาเล่นเป็นพ่อของแฟนคุณ
A:   ใช่ครับ และผมก็ชื่นชอบกับการรับส่งบทที่เรามี เลียมเป็นตำนานครับ ผมได้แสดงฉากดีๆ กับเขาและผมก็แทบทนรอที่จะได้ดูฉากนี้ไม่ได้เลย ผมตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงมือทองอย่างเลียม เขาใส่อะไรลงไปมากมายในหนังเรื่องนี้ ในฐานะนักแสดง เขาช่วยยกระดับการแสดงของคุณขึ้นมาได้ครับ
Q:   คุณรู้สึกกดดันบ้างมั้ยที่ต้องทำงานสเกลขนาดนี้และต้องถ่ายทอดแง่มุมทางทหารให้ออกมาอย่างถูกต้องน่ะ
A:   ไม่มีใครสามารถกดดันผมได้มากเท่ากับที่ผมกดดันตัวเอง ผมไม่ได้เล่นเป็นคนที่มีชีวิตอยู่จริงในประวัติศาสตร์ก็จริง แต่ผมเป็นตัวแทนของหน่วยนาวี ผมห้อมล้อมไปด้วยคนที่สู้ในสงครามจริงๆ ผมก็เลยรู้สึกกดดันที่จะถ่ายทอดเรื่องนั้นออกมาให้ถูกต้องเพราะเราจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับพวกเขา พวกเขาจะดูหนังเรื่องนี้และผมก็อยากให้พวกเขาเดินออกจากโรงหนังไปพร้อมความรู้สึกดีๆ
Q:   การถ่ายทำหนังในฮาวายจะต้องพิเศษมากๆ คุณชื่นชอบช่วงเวลาไหนมากที่สุด
A:   มันตลกดีนะครับเพราะพอคุณเดินไปมา คุณจะได้เห็นคนพวกนี้ที่มาพักผ่อน ในขณะที่คุณต้องทุ่มเทสมาธิไปให้กับการทำงาน สำหรับผมแล้ว ตอนที่ดีที่สุดคือการได้กลับมาอพาร์ทเมนต์ตัวเองและได้ดูพระอาทิตย์ตกและสิ่งแวดล้อมรอบด้าน มันช่วยทำให้สมองผมโล่งพร้อมรับวันใหม่ครับ


บรูคลิน เด็คเกอร์รับบท “แซม”
ใน Battleship โดยปีเตอร์ เบิร์ก

Q:   คุณเข้ามาเกี่ยวข้องกับ Battleship ได้อย่างไร
A:   มันเป็นเรื่องตลกดีนะคะ พวกเขาไม่ยอมส่งบทให้ฉันเพราะมันเป็นเรื่องลับสุดยอด ฉันก็เลยได้ยินแต่พล็อตเรื่องคร่าวๆ และเรื่องที่ว่าปีเตอร์ เบิร์กถูกวางตัวให้กำกับ ฉันออดิชันสำหรับบทนี้ 5 ครั้ง ครั้งสุดท้ายคือกับพีท ฉันตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับเขาเพราะเขาเป็นคนน่าทึ่งและมีพรสวรรค์อย่างเหลือเชื่อค่ะ
Q:   แล้วการพบกับเบิร์กครั้งแรกเป็นอย่างไรบ้าง
A:   เขาบอกให้ฉันโยนบททิ้งไปแล้วก็แค่ตอบสนองต่อสิ่งที่เขาจะตะโกนบอกฉัน เช่น “เอเลียนมาแล้ว!” หรือ “ตอนนี้ คุณเสียใจเพราะคุณเห็นคนๆ นี้ตาย” ฉันก็ทำตามนั้น สองสามวันให้หลัง ฉันได้รับโทรศัพท์บอกว่าฉันได้บทนี้ ฉันก็เลยบินไปฮาวายและเริ่มซักซ้อมกับนักแสดงคนอื่นๆ และเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายทำ มันเป็นงานหนักค่ะ แต่ก็สนุกมากด้วย
Q:   กระบวนการซ้อมมีประโยชน์แค่ไหน
A:   ฉันใช้เวลาสิบวันในฮาวายกับนักแสดงคนอื่นๆ เพื่อซ้อมและรีไรท์บท ปีเตอร์ยอมให้คุณเปลี่ยนแปลงบางอย่างถ้าคุณรู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมชาติ เขายืดหยุ่นกับเรื่องไดอะล็อคมากๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย หลายคนจะยึดติดกับบท แต่พีทไม่ใช่แบบนั้นเลย เขาจะสนับสนุนให้คุณทดลองความเป็นไปได้อื่นๆ น่ะค่ะ
Q:   หนังหลายเรื่องเกิดขึ้นบนน้ำ แล้วคุณรู้สึกสบายใจแค่ไหนที่ได้ทำงานบนน้ำล่ะ
A:   ค่อนข้างสบายใจค่ะ มันเป็นงานหนักและฉันคิดว่าทุกครั้งที่คุณได้ใช้เวลา 12 ชั่วโมงในน้ำ มันก็จะอึดอัดหน่อยๆ โชคดีที่เราอยู่กันในฮาวาย ซึ่งไม่มีสภาพอากาศที่เย็นยะเยือก มันอาจเลวร้ายกว่านี้ก็ได้ค่ะ
Q:   คุณรับบทเป็นซาแมนธา เชน คุณคิดว่าเธอเป็นคนอย่างไร
A:   เธอเป็นลูกสาวของนายพลเชน ที่รับบทโดยเลียม นีสัน และเป็นแฟนสาว/คู่หมั้นของฮ็อปเปอร์ ที่รับบทโดยเทย์เลอร์ คิสช์ด้วย เรามีเรื่องราวสองเรื่องเกิดขึ้นระหว่างสงครามต่อสู้กับเอเลียน เรื่อง A เป็นเรื่องราวของเราที่ต่อสู้กับเอเลียนบนมหาสมุทร ส่วนเรื่อง B เกิดขึ้นกับตัวละครของฉันบนผืนดิน ที่พยายามทำให้การสื่อสารกลับมาใช้ได้ แซมเป็นหนึ่งในพลเรือนไม่กี่คนในเรื่องราวนี้ เธอไม่ได้อยู่ในหน่วยนาวี แต่เธอมีแบ็คกราวน์ที่เข้มแข็งและค่อยๆ พัฒนาขึ้นในฐานะตัวละครน่ะค่ะ
Q:   แล้วเธอพัฒนาขึ้นอย่างไร
A:   เธอพบความแข็งแกร่งของตัวเองระหว่างที่เธอต่อสู้กับเอเลียนพวกนี้ ฉันชอบที่เธอมีความเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ แซมมีปัญหากับฮ็อปเปอร์เพราะเธออยากให้เขาแต่งงานเสียที และแน่นอนว่าเขาก็เหมือนผู้ชายส่วนใหญ่ที่ยังกลัวอยู่ แต่แล้วซาแมนธาก็ตระหนักได้ว่า ความขัดแย้งใหม่ที่พวกเขาเผชิญอยู่ในขณะนี้มันยิ่งใหญ่กว่า และเธอก็รับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มันมีความเป็นฮีโรอย่างน่าประหลาดใจในการกระทำของเธอค่ะ
Q:   คุณมีอะไรที่เหมือนและไม่เหมือนเธอบ้าง
A:   ฉันกับแซม เราคล้ายกันมากค่ะ เธอแข็งแกร่งกว่าฉันหน่อย แม้ว่าเราจะเหมือนกันตรงที่ฉันเองก็มีไฟในตัวที่สามารถจุดติดได้ก็ตาม เธอเป็นคนหัวรั้น แต่ฉันไม่เคยเป็นแบบนั้น แต่เราทั้งคู่ต่างก็เป็นนักสู้และเป็นสาวแกร่งค่ะ การได้รับบทสาวแกร่งเป็นเรื่องสนุกเสมอเลยล่ะ
Q:   คุณเตรียมพร้อมสำหรับบทนี้อย่างไร
A:   ฉันใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลทหารเพื่อพบปะคนที่มีส่วนช่วยเหลือทหารในการฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ เราคุยกันถึงระดับความสูญเสียต่างๆ จริงๆ แล้ว หนึ่งในตัวละครของเราโดนตัดขาทั้งสองข้าง ฉันได้เรียนรู้มากมายจากเขา ในเรื่องราวนี้ ฉันรับบทนักกายภาพบำบัด ที่พยายามช่วยเขาในการฟื้นฟูพลกำลัง แต่ท้ายที่สุดแล้ว ฉันกลับได้ความแข็งแกร่งจากเขา การได้เรียนรู้เกี่ยวกับทหารพวกนี้เป็นอะไรที่น่าพึงพอใจมากๆ สำหรับฉัน พวกเขาเป็นฮีโรตัวจริงค่ะ
Q:   เลียม นีสันรับบทนายพลเชน พ่อของคุณ
A:   เลียมเป็นคนที่น่าประทับใจมาก เขาเป็นคนตัวใหญ่และเขาก็รับบทเป็นนายพลที่น่ากลัวคนนี้ ลักษณะที่เขาพูดก็น่ายำเกรงมากด้วยแต่ความจริงก็คือเลียมเป็นสุภาพบุรุษของแท้ และการร่วมงานกับเขาก็ดีมากๆ เขาเป็นคนเก่งและเหมาะกับบทนี้อย่างยิ่งค่ะ
Q:   เทย์เลอร์ คิสช์รับบทเป็นฮ็อปเปอร์ แฟนหนุ่มของคุณ ที่รู้สึกหวั่นเกรงพ่อคุณหน่อยๆ
A:   มีปฏิกิริยาเคมีที่ยอดเยี่ยมระหว่างทั้งคู่เพราะเทย์เลอร์รับบทฮ็อปเปอร์ ผู้มีจิตวิญญาณเสรี ส่วนเลียมก็เป็นนายพลผู้เข้มงวด ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งตลกและน่ากลัวค่ะ
Q:   แล้วการร่วมงานกับเทย์เลอร์เป็นอย่างไรบ้าง
A:   เขาเป็นนักแสดงที่มีประสบการณ์มากและฉันก็ไปขอคำแนะนำจากเขา เขาเปิดกว้างมากๆ และคอยช่วยเหลือฉันอย่างดี
Q:   แล้วริฮันนาล่ะ
A:   นี่เป็นหนังเรื่องแรกของเธอค่ะ มันตลกนะคะเพราะพอคุณได้ยินว่าซูเปอร์สตาร์จะมากองถ่าย คุณก็ไม่รู้หรอกว่าจะเจออะไรบ้าง แต่พอเธอเข้ามาสวมบทเจ้าหน้าที่ด้านอาวุธบนเรือรบลำนี้ เธอก็ทำได้อย่างดีเยี่ยม ริฮันนาเป็นมือโปรและอยากจะเรียนรู้ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกใหม่มากๆ และเป็นสิ่งที่ทุกคนชื่นชม เธอมาทำงาน นอกจากนี้ ฉันยังชอบที่พวกเราไม่มีใครเป็นผู้หญิงที่รอคอยความช่วยเหลือเลยด้วยค่ะ
Q:   เบิร์กในฐานะผู้กำกับเป็นอย่างไรบ้าง
A:   พีทเยี่ยมมากค่ะ เขามีคุณสมบัติที่ทำให้คุณอยากจะทุ่มเททุกอย่าง เขาให้ความสำคัญกับการเตรียมตัวมาก ดังนั้น พอเขาบอกคุณว่าต้องทำอะไร คุณก็ต้องผลักดันตัวเอง นั่นเป็นสิ่งที่คุณต้องการในฐานะนักแสดงค่ะ มันทำให้คุณเก่งขึ้นเรื่อยๆ กับทุกโปรเจ็กต์ พีทรักษาระดับพลังงานเอาไว้และรู้ดีว่าจะสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีได้อย่างไร อีกอย่างหนึ่ง การที่เขาเป็นอดีตนักแสดงก็ทำให้เขารู้ว่าจะพูดกับคุณอย่างไร เขาทำให้ฉันเชื่อว่าเราจะมีหนังที่พิเศษสุดมากๆ อย่างแน่นอน
Q:   คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับแอ็กชันมากขนาดไหน
A:   ฉันมีฉากแอ็กชันเยอะแยะค่ะ ไม่ว่าจะอยู่ในยานพาหนะหรือตอนสู้กับเอเลียน ฉันคิดว่าหนึ่งในเหตุผลที่ฉันได้บทนี้เพราะฉันเป็นคนที่แข็งแรงและคล่องแคล่ว พวกเขารู้ว่าฉันสามารถรับมือกับคนพวกนี้ได้ ฉันอยากจะแสดงฉากผาดโผนของตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ค่ะ
Q:   แล้วการได้ไปถ่ายทำที่ฮาวายเป็นอย่างไรบ้าง
A:   เหลือเชื่อเลยค่ะ มันทำให้การทำงานวันละ 15 ชั่วโมงดูเป็นเรื่องโอเคไปเลย คุณบอกไม่ได้หรอกค่ะว่าคุณทำงานในตอนที่คุณมองออกไปแล้วเห็นวิวพวกนนี้ มันเหลือเชื่อเลยที่ได้ถ่ายทำในสถานที่ต่างๆ อย่างเพิร์ล ฮาร์เบอร์ บนเรือรบยูเอสเอส มิสซูรี โดยได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากหน่วยนาวี เราโชคดีที่ได้ทำงานที่ฮาวายหลายเดือนน่ะค่ะ
Q:   ดูเหมือนว่าคุณกำลังผันตัวเองจากนางแบบมาเป็นนักแสดง การแสดงสำหรับคุณแล้วคืออะไร
A:   การแสดงเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่ฉันไม่พบในการเดินแบบ มันอาศัยความพยายามมากขึ้นและทำให้ฉันพอใจอย่างเหลือเชื่อ หนังใหม่แต่ละเรื่องจะทำให้คุณได้ค้นพบแง่มุมใหม่ๆ ของตัวเองค่ะ
Q:   แล้วคุณได้อะไรกลับมาจาก Battleship บ้าง
A:   แค่ประวัติศาสตร์ทางการทหารก็น่าสนใจมากๆ อยู่แล้ว ปีเตอร์ เบิร์กให้ความสำคัญกับการทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะถูกต้อง มันเป็นหนังฟอร์มใหญ่มากๆ ด้วยเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย จนคุณจะได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับงานแสดงน่ะค่ะ
Q:   ถ้างั้นหนังเรื่องนี้เป็นฝันที่เป็นจริงสำหรับคุณรึเปล่า
A:   ฉันไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นฝันที่เป็นจริงได้มั้ย เพราะฉันไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นไปได้ ดังนั้น สำหรับฉันแล้ว มันเป็นเหมือนเรื่องน่าตกใจหรืองานที่น่าหวั่นใจซะมากกว่าเพราะฉันไม่เคยเห็นอะไรที่ยิ่งใหญ่เท่านี้ในชีวิตมาก่อน ฉันรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้ และฉันก็พยายามทำตัวเหมือนฟองน้ำ ที่ซึมซับทุกอย่างเข้าไปน่ะค่ะ
Q:   แล้วเราจะคาดหวังอะไรได้บ้างจากหนังเรื่องนี้
A:   Battleshipมีทุกอย่างค่ะ มันมีแอ็กชันมากมาย เป็นเรื่องรักและเป็นคอเมดี มันมีทุกอย่างครบถ้วนจริงๆ ค่ะ

happy on March 18, 2012, 07:35:01 PM
ริฮันนารับบท “ร้อยโทโครา ‘เว็ปส์’ เรคส์” ใน
Battleship โดยปีเตอร์ เบิร์ก

Q:   นี่เป็นประสบการณ์การแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกของคุณ ทำไมคุณถึงเลือก Battleship
A:   บอกตามตรงนะคะ Battleship เลือกฉันค่ะ ตอนที่ฉันไปพบกับผู้กำกับปีเตอร์ เบิร์ก ฉันก็ไม่รู้เลยว่าฉันจะได้เจอกับอะไร หลังจากที่ฉันได้เห็นความกระตือรือร้นของพีท และได้เห็นว่าเขาเชื่อในโปรเจ็กต์นี้ขนาดไหน ฉันก็เลยสนใจ และถูกใจเรื่องนี้ทันทีค่ะ
Q:   คุณคิดยังไงกับบทเมื่อได้อ่านมัน
A:   พอฉันได้อ่านบท ฉันก็เข้าใจถึงความเข้มข้นของหนังเรื่องนี้ และฉันก็อยากจะเป็นส่วนหนึ่งของหนังแบบนั้น มันเป็นบทหนังที่ดีจริงๆ ค่ะ
Q:   การแสดงเป็นเรื่องที่ทำให้คุณตื่นเต้นรึเปล่า
A:   ค่ะ ฉันอยากจะชิมลางงานแสดงดูบ้าง มันเป็นเรื่องที่ฉันอยากทำและเป็นเรื่องที่ฉันซีเรียสกับมัน มันเป็นโลกใหม่ที่ฉันอยากจะเติบโตในนั้น ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าฉันจะชอบมันมั้ย แต่ตอนนี้ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว และฉันก็รักมันค่ะ!
Q:   คุณคาดหวังอะไรกับการถ่ายทำเรื่องนี้
A:   ฉันไม่รุ้เหมือนกันว่าจะคาดหวังอะไรค่ะ ฉันมาฮาวายด้วยความคิดเปิดกว้าง และพร้อมที่จะไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ฉันไม่รู้เลยว่าหนังเรื่องนี้ใหญ่แค่ไหนจนกระทั่งฉันได้มากองถ่าย ตอนนั้นเองฉันถึงรู้ว่ามันยิ่งใหญ่ขนาดไหน มันน่าตื่นเต้นเพราะนี่เป็นหนังเรื่องแรกของฉันและฉันก็ได้ร่วมงานกับปีเตอร์ เบิร์กด้วย มันใหญ่ขนาดนั้นเชียวนะคะ!
Q:   คุณรับบทร้อยโทเรคส์ด้วย เธอเป็นใคร
A:   เรคส์เป็นสาวแสบค่ะ เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธ ที่ไม่ยอมรับเรื่องงี่เง่าจากใครทั้งนั้น เธอเป็นสาวแกร่งที่รักงานของเธอ เธอแคร์งานตัวเองและทุ่มเทให้กับการปกป้องตัวเองและทุกคนบนเรือ เรคส์ไม่กลัวอะไรเลย เธอเป็นคนกล้าบ้าบิ่นและพร้อมเสมอค่ะ
Q:   คุณชอบอะไรในตัวเธอบ้าง
A:   ฉันชอบความมั่นใจและความทุ่มเทให้กับงานของเธอค่ะ ฉันชอบที่ว่าเธอภักดีกับทีมงานของเธอและคนที่เธอร่วมงานด้วยเหลือเกิน มันเป็นคุณสมบัติที่ฉันเชื่อ ดังนั้น ในแง่หนึ่งแล้ว ตัวละครตัวนี้ก็สามารถช่วยฉันในชีวิตจริงได้ด้วย เรคส์น่าทึ่งมากค่ะ!
Q:   คุณเตรียมตัวสำหรับบทนี้อย่างไร
A:   ในการเป็นเรคส์ ฉันจะต้องกำจัดทุกอย่างที่เป็นริฮันนาทิ้ง เธอเป็นนักสู้และรักในสิ่งที่เธอทำ ในการมาอยู่ที่นี่ ฉันได้เรียนรู้หลายอย่าง ฉันเจอกับเรื่องมากมายตั้งแต่นาทีแรกที่มาถึงฮาวาย ฉันชอบการผจญภัยและความปัจจุบันทันด่วน ฉันก็เลยชื่นชอบการได้เข้ากองถ่ายและทำในสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำทุกวัน วันแรกที่เข้ากอง ฉันก็ได้ยิงปืนแล้วล่ะค่ะ
Q:   คุณต้องเข้ารับการฝึกพิเศษรึเปล่า
A:   ฉันถูกฝึกราวกับฉันได้รับเลือกจริงๆ เพื่อให้ฉันเข้าใจแบ็คกราวน์ของตัวละครตัวนี้และสิ่งที่เธอต้องเจอในการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธบนเรือจริงๆ ด้วย ในตอนแรก ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องถูกครูฝึกตะโกนใส่ขนาดนั้น แต่ฉันก็เข้าใจว่ามันช่วยดึงฉันออกจากความรู้สึกปลอดภัยและการคิดว่าตัวเองเป็นริฮันนาน่ะค่ะ
Q:   คุณได้พบกับคนที่ทำอาชีพเหมือนกับร้อยโทเรคส์ในชีวิตจริงบ้างรึเปล่า
A:   ค่ะ ฉันได้พบคนแบบนั้น เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธที่แข็งแกร่ง และเธอก็สวยมากๆ ด้วย การได้พบเธอ ได้เห็นว่าเธอเคลื่อนไหว ทำงานและทุ่มเทสมาธิให้กับงานของเธออย่างไรช่วยให้ฉันเข้าใจตัวละครของฉันได้จริงๆ ค่ะ
Q:   แล้วคุณรู้สึกอย่างไรกับการได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมนักแสดงเรื่องนี้
A:   ฉันคิดว่ามันเจ๋งตรงที่มีนักแสดงที่มีประสบการณ์หลากหลายกันมาอยู่รวมกัน ด้วยความที่ฉันก็เป็นมือใหม่ ทุกอย่างก็เลยเป็นเรื่องใหม่ไปซะหมด มันก็เลยเป็นเรื่องน่าสนใจจริงๆ ที่ได้เห็นว่าทุกคนทำงานกันเป็นอย่างไร มันเป็นกระบวนการใหม่ๆ ที่ดำเนินอย่างต่อเนื่อง และฉันก็ชอบมันค่ะ
Q:   ปีเตอร์ เบิร์ก ในฐานะผู้กำกับเป็นอย่างไรบ้าง
A:   เขามหัศจรรย์ค่ะ เขาเป็นอัจฉริยะ เขาเคยเป็นนักแสดงมาก่อนเขาก็เลยเข้าใจดีว่าเรามีความคิดอย่างไรและรู้ว่าจะดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดจากทุกคนออกมาอย่างไร เขาได้สร้างสิ่งแวดล้อมที่สะดวกสบายขึ้นมาในกองถ่าย ดังนั้น คุณก็จะมีความสุขไปกับร่วมงานกับเขา พีทเป็นคนที่รู้ดีว่าตัวเองทำอะไรอยู่ค่ะ
Q:   เขาทำให้คุณประหลาดใจบ้างรึเปล่า
A:   เขาทำอะไรปุบปับมากๆ และชอบทำให้คุณไม่ทันตั้งตัว ฉันชอบการทำงานแบบนั้นนะคะ มันมีความตื่นเต้นกับการไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นและต้องทำไปตามน้ำ ฉันชื่นชอบการผจญภัยค่ะ ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันมีความสุขกับประสบการณ์นี้เหลือเกินก็ได้
Q:   คุณมีความสุขกับการได้อยู่ในฮาวายรึเปล่า
A:   การอยู่ในฮาวายตรงกันข้ามกับสิ่งที่อยู่ในหนังเลยค่ะ ในหนังเรากำลังเผชิญสงคราม และมีการต่อสู้เกิดขึ้นทั่วไปหมด แต่พอเราเงยหน้าขึ้น เราก็ได้เห็นพระอาทิตย์ น้ำสีเทอร์คอยซ์ และสีเขียวชะอุ่มงดงามรอบตัวค่ะ
Q:   คุณได้ไปอยู่ในเพิร์ล ฮาร์เบอร์ บนเรือรบในตำนานอย่างยูเอสเอส มิสซูรี ที่ซึ่งสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง
A:   มันเจ๋งจริงๆ ค่ะ มันเป็นสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ที่งดงามสำหรับถ่ายหนัง ฉันได้สัมผัสกับสิ่งเยี่ยมๆ มากมายในการแสดงหนังเรื่องนี้ มันพิเศษจริงๆ ที่ได้อยู่ในฮาวาย ได้อยู่บนเรือยูเอสเอส มิสซูรี และได้เห็นสิ่งที่คุณเคยอ่านเจอในหนังสือประวัติศาสตร์น่ะค่ะ
Q:   คุณจะเปรียบเทียบการแสดงหนังกับการร้องเพลงบนเวทีว่าอย่างไร
A:   มันเหมือนกลางวันกับกลางคืน เป็นเรื่องใหม่อีกเรื่องเลยค่ะ มันเป็นโลกสองใบที่แตกต่างกัน การถ่ายทำหนังไม่ได้ใกล้เคียงกับการถ่ายทำมิวสิค วิดีโอเลย การอยู่บนเวทีเป็นสิ่งที่ฉันรู้สึกสบายใจกว่า ส่วนการแสดงเป็นอีกโลกหนึ่งที่ฉันอยากจะทดลอง มันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับฉัน และฉันก็ตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่าฉันจะไปในทิศทางไหนต่อไปในวงการนี้น่ะค่ะ
Q:   คุณสนใจการแสดงตรงไหน
A:   ฉันอยากจะสวมบทตัวละครและสมมติบทบาทเป็นคนอื่นค่ะ นั่นคือสิ่งที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับการแสดงสำหรับฉัน
Q:   ประสบการณ์นี้เปลี่ยนแปลงมุมมองที่คุณมีต่อหนังอย่างไรบ้าง
A:   ฉันดูหนังบ่อยๆ และฉันก็ชอบหนังค่ะ แต่ตอนนี้พอฉันได้เรียนรู้เรื่องการแสดงแล้ว ฉันก็มองหนังเปลี่ยนไปเลย ฉันแทบทนรอที่จะดู Battleship ไม่ได้เลยค่ะ


อเล็กซานเดอร์ สการ์สการ์ด รับบท “เจ้าหน้าที่บัญชาการ สโตน ฮ็อปเปอร์”
ใน Battleship โดยปีเตอร์ เบิร์ก

Q:   อะไรที่ทำให้คุณสนใจหนังเรื่องนี้
A:   ก่อนหน้านี้ ผมไม่รู้จักปีเตอร์ เบิร์กเลยครับ แต่พอผมได้พบเขา ผมก็รู้สึกถูกดึงดูดด้วยความกระตือรือร้นเกี่ยวกับโปรเจ็กต์นี้ของเขา ผมชอบวิสัยทัศน์ของเขาที่มีต่อ Battleship และวิธีการที่เขาอยากจะถ่ายทำ บทหนังและผู้กำกับคือสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้คุณแสดงหนังซักเรื่องครับ
Q:   คุณถามอะไรเกี่ยวกับ Battleship กับปีเตอร์ เบิร์กบ้าง ในการพบกันครั้งแรก
A:   ผมรู้ว่า Battleship จะเป็นหนังแอ็กชันฟอร์มยักษ์ จากมุมมองของนักแสดง ผมอยากจะรู้ว่ามันจะมีแต่เรื่องระเบิดโครมครามรึเปล่า ตัวปีเตอร์เองก็เป็นนักแสดงเหมือนกันและเขาก็บอกผมว่ามันสำคัญสำหรับเขาแค่ไหนที่จะต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ใช่ อย่างเช่นความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครของผมกับตัวละครของเทย์เลอร์ คิสช์ ถ้าคุณไม่มีตัวละครที่น่าเชื่อล่ะก็ คุณก็จะไม่มีอะไรเลยครับ
Q:   คุณเล่นเป็นตัวละครตัวไหนใน Battleship
A:   ผมรับบทผู้บัญชาการสโตน ฮ็อปเปอร์ พี่ชายของอเล็กซ์ (เทย์เลอร์ คิสช์) ครับ ถ้าอเล็กซ์เป็นคนในทีมที่มีศักยภาพมากมายแต่ไม่รู้ตัวหรือไม่ได้ดึงเอาศักยภาพออกมาใช้ สโตนก็จะเป็นกัปตันทีมและเป็นแรงขับเคลื่อนของทีมครับ
Q:   คุณจะพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องคู่นี้ว่าอย่างไร
A:   มันเป็นเรื่องลำบากใจสำหรับสโตนเพราะเขารักน้องชายและอยากให้เขาทำอะไรซักอย่างกับชีวิต ในขณะเดียวกัน เขาก็อยากให้น้องชายได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของเขาและค้นพบเส้นทางของตัวเอง เขาก็เลยถอยหลังกลับ แล้วปล่อยให้น้องชายของเขาตัดสินใจด้วยตัวเองน่ะครับ
Q:   ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องคู่นี้สำคัญแค่ไหนกับหนังเรื่องนี้
A:   ฉากแรกๆ ในหนังเรื่องนี้เป็นตัวกำหนดโทนของความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา มันเป็นเรื่องสำคัญมากๆ เพราะถ้าคุณไม่ชอบพวกเขาหรือแคร์ความสัมพันธ์ของพวกเขา คุณก็จะไม่แคร์การผจญภัยของพวกเขาเหมือนกันครับ
Q:   การได้อยู่ในกองถ่ายกับนักแสดงมากประสบการณ์อย่างเลียม นีสันเป็นอย่างไรบ้าง
A:   เลียม นีสันเป็นนักแสดงที่น่าทึ่ง การแสดงเป็นเรื่องของการมีปฏิกิริยาโต้ตอบ ดังนั้น การได้แสดงประกบเลียมก็เป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก
Q:   คุณรู้สึกอย่างไรที่ได้อยู่ในสถานที่สำคัญอย่างเพิร์ล ฮาร์เบอร์หรือบนเรือรบยูเอสเอส มิสซูรี เพื่อถ่ายทำหนังน่ะ
A:   มันเกินจริงมากครับ การที่ตอนนี้ เรากำลังนั่งอยู่ในที่ที่สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงเป็นอะไรที่พิเศษสุดทีเดียว
Q:    ปีเตอร์ เบิร์กในฐานะผู้กำกับแล้วเป็นอย่างไรบ้าง
A:   เขาเป็นคนน่าทึ่งที่มีพลังงานยอดเยี่ยมครับ เขารักในสิ่งที่เขาทำอย่างมาก ปีเตอร์เข้าใจนักแสดงอย่างดีและนั่นคือสิ่งสำคัญครับ
Q:   นี่ไม่ได้เป็นแค่หนังแอ็กชัน
A:   นี่เป็นหนังที่ผลักดันโดยตัวละคร คุณจะต้องแคร์ตัวละครพวกนี้ เพื่อเชื่อในตัวพวกเขาและความสัมพันธ์ของพวกเขา ปีเตอร์ เบิร์กรู้วิธีที่จะทำแบบนั้นดี หนังหลายๆ เรื่องจะโฟกัสไปที่แอ็กชัน แต่กับ Battleship มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยครับ
Q:   Battleship เป็นหนังสตูดิโอฟอร์มยักษ์เรื่องแรกของคุณ สเกลหนังเรื่องนี้ทำให้คุณกลัวบ้างรึเปล่า
A:   ผมต้องยอมรับว่าผมกังวลหน่อยๆ แต่พอคุณได้เห็นวิธีการทำงานของปีเตอร์ เบิร์ก คุณก็จะเข้าใจว่ามันเป็นการทำงานที่มีความเปลี่ยนแปลงและสนุกมากๆ ในตอนที่คุณได้อยู่หน้ากล้องโดยมีผู้กำกับอย่างปีเตอร์อยู่หลังกล้อง ทุกอย่างก็ดูง่ายขึ้นและคุณก็จะไม่นึกถึงสเกลของสิ่งต่างๆ อีกเลย
Q:   ปีเตอร์ เบิร์กทำงานเป็นอย่างไรบ้าง
A:   ปีเตอร์ชอบการแอดลิบและการส่งมุขให้คุณแบบไม่ทันตั้งตัว คุณจะต้องพร้อมและเล่นกับมันเพื่อที่ว่าเมื่อมีสิ่งที่ไม่คาดฝันต่างๆ เกิดขึ้นหน้ากล้อง ยกตัวอย่างเช่น เทย์เลอร์อาจทำสิ่งที่ต่างออกไปในเทคถัดไป ซึ่งปีเตอร์ก็ยอม นั่นเป็นสิ่งที่สนุกในการทำงานร่วมกับเขา คุณจะรู้สึกมีอิสระจริงๆ ครับ
Q:   คุณรู้สึกสบายใจกับการทำงานกับสเปเชียล เอฟเฟ็กต์และกรีนสกรีนรึเปล่า
A:   นี่เป็นหนังสตูดิโอฟอร์มยักษ์ ซึ่งก็มีงานกรีนสกรีน ตัวละครของผมเป็นผู้บัญชาการในเรือลำหนึ่ง ผมก็เลยตั้งตารอฉากที่ผมจะได้ยืนบนสะพานเรือ มองสิ่งต่างๆ ที่จะไม่อยู่ตรงนั้นเสมอไปครับ
Q;   ฮาวายเป็นอย่างไรบ้าง
A:   แค่ได้อยู่ที่นี่ก็น่าอัศจรรย์แล้วครับ ผมได้ไปยืนบนเรือพิฆาตของจริงและได้พบกับผู้บัญชาการ ที่เหมือนกับตัวละครของผมด้วย ผมได้เห็นทุกอย่าง ได้เดินไปมารอบๆ และอยู่บนเรือลำนั้นหนึ่งวัน วันถัดมา เราก็บินไปลงที่เรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน มันเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ ที่ได้เห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้และได้เห็นว่าคนบนเรือเหล่านั้นมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไร มันเป็นโอกาสที่จะเข้ามาครั้งหนึ่งในชีวิตจริงๆ


ปีเตอร์ เบิร์ก กำกับ Battleship

Q:   อะไรที่ทำให้คุณสนใจโปรเจ็กต์นี้
A:   ด้วยความที่ผมเป็นลูกชายของนายทหารเรือที่เป็นนักประวัติศาสตร์นาวี ผมก็เลยโตมากับเรือและความรักที่มีต่อกองทัพ พ่อผมพาผมไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สงคราม และเขาก็พูดถึงสงครามสำคัญๆ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองเสมอ ผมคิดว่า เกรด A ครั้งแรกที่ผมเคยได้สมัยเรียนเป็นเกรดที่ผมได้สำหรับบทความที่ผมเขียนว่าญี่ปุ่นแพ้สงครามมิดเวย์ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนในสงครามครั้งนั้นอย่างไร ผมก็เลยมีความชื่นชมพวกนาวีเสมอ ในฐานะผู้กำกับ ผมอยากจะสร้างหนังเกี่ยวกับนาวีมาโดยตลอดเลยล่ะครับ
Q:   Battleship เป็นหนังนาวีเรื่องแรกที่เข้ามาหาคุณรึเปล่า
A:   ตอนแรก ผมคิดถึงการสร้างหนังเกี่ยวกับจอห์น พอล โจนส์ ผู้ก่อตั้งหน่วยนาวีของอเมริกา แต่ผมก็คิดเรื่องไม่ออก ผมก็เลยนึกถึงการถ่ายทำหนังเกี่ยวกับแอสเซ็กส์ ซึ่งเป็นเรือล่าปลาวาฬ ที่ถูกปลาวาฬจมลงนอกชายฝั่งอเมริกาใต้ และเป็นแรงบันดาลใจสำหรับนิยายคลาสสิกโดยเฮอร์แมน เมลวิลล์เรื่อง Moby Dick แต่มันมีเรื่องของการฆ่าแกงกันเยอะไป
Q:   แล้วคุณคิดไอเดียสำหรับ Battleship ออกมาได้อย่างไร
A:   เมื่อหลายปีก่อน ผมเริ่มนึกถึงเกม Battleship ว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างหนังเกี่ยวกับสงครามนาวีสมัยใหม่ ที่มีกองเรือที่มีสมรรถภาพไม่ด้อยกว่ากันมาสู้กัน มันเป็นแรงบันดาลใจสำหรับผมครับ
Q:   แล้วคุณรวมนักแสดงที่หลากหลายและน่าตื่นเต้นขนาดนี้มาอยู่ในหนังเรื่องนี้ได้ยังไง
A:   ผมชื่นชอบการผสมผสานและการร่วมงานกับนักแสดงที่มีระดับประสบการณ์ที่หลากหลายกัน ผมเองก็เคยผ่านงานแสดงมาและผมก็คอยมองหาคนที่บางทีอาจยังไม่มีโอกาสแจ้งเกิด แต่มีเสน่ห์และความซับซ้อน ที่จะสามารถนำสิ่งที่สดใหม่ออกมาได้ ผมเชื่อเรื่องนั้นมากพอๆ กับที่ผมเชื่อในการได้นักแสดงคลาสสิกชั้นเยี่ยมอย่างเลียม นีสัน เราก็เลยมีทั้งนักแสดงหนุ่มสาว ที่พิสูจน์ตัวเองมาเรียบร้อยแล้ว อย่างเทย์เลอร์ คิทส์ หรืออเล็กซานเดอร์ สการ์สการ์ด มีนักแสดงหน้าใหม่อย่างริฮันนาหรือบรูคลิน เด็คเกอร์ และมีนักแสดงผู้คร่ำหวอดในวงการอย่างเลียม นีสัน ผู้เก่งกาจและไม่มีทางที่จะแสดงได้ไม่ดีน่ะครับ
Q:   คุณเคยร่วมงานกับเทย์เลอร์ คิสช์มาก่อนนี่ เขาเป็นคนยังไง
A:   เทย์เลอร์เหมือนน้องชายผมครับ เราเริ่มทำงานกันในรายการ Friday Night Lights ความจริงก็คือตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมได้พบเขา ผมก็เห็นว่าเขามีคุณสมบัติทุกอย่างที่ดาราหนังพึงมี เขาหน้าตาดี ฉลาด ตลก และก็ยังถ่อมตนและปล่อยให้คนอื่นเปล่งประกายได้ เราไว้ใจกันและต่อกันติดได้ง่าย การได้คนอย่างเทย์เลอร์, เจสซี พลีมอนส์ ซึ่งมาจาก Friday Night Lights เหมือนกัน หรือทีมงานนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ผมเคยร่วมงานด้วยมาแล้วในหนังเรื่องอื่นๆ ที่ผมเคยสร้างมาแทบทุกเรื่อง ทำให้ผมรู้สึกสบายใจมากขึ้น และมีเรื่องเซอร์ไพรส์น้อยลงครับ
Q:   ช่วยพูดอะไรถึงนักแสดงหน้าใหม่อย่างริฮันนาและบรูคลิน เด็คเกอร์หน่อยสิ
A:   พวกเธอเป็นหญิงสาวที่มีความเป็นผู้ใหญ่ ที่คนรู้สึกหลงใหล แล้วพวกเธอก็บังเอิญเป็นนักแสดงที่เก่งซะด้วย ผมชอบมองหาคนที่น่าสนใจและร่วมงานกับพวกเขา ตราบใดที่พวกเขามีดี ยกตัวอย่างเช่น เรามีพันโทคนหนึ่งในหนัง ที่สูญเสียขาทั้งสองข้างไปในอัฟกานิสถาน และไม่เคยแสดงหนังมาก่อน แต่ผมคิดว่าเขาจะต้องทำให้ทุกคนอึ้งไปกับเสน่ห์ของเขา
Q:   แล้วทาดาโนบุ อาซาโน่ นักแสดงชาวญี่ปุ่นล่ะ
A:   ผมไม่ค่อยรู้จักนักแสดงญี่ปุ่นมากนัก แต่คนคุยให้ผมฟังเรื่องเขาหนาหู ผมได้เห็นการแสดงของเขาใน Mongol เขาเป็นนักแสดงที่เก่งและฉลาดมากๆ
Q:   คุณมีทหารชาวอเมริกันและญี่ปุ่นมาทำงานร่วมกัน
A:   ผมอยู่ในเพิร์ล ฮาร์เบอร์ แล้วทางด้านซ้ายมือ ผมก็เห็นเรือรบพิฆาตของอเมริกาจอดอยู่ติดกับเรือรบพิฆาตของญี่ปุ่น เราอยู่กันในโลกสมัยใหม่ครับ ปู่ผมคงตกใจน่าดูที่ได้เห็นเรือรบญี่ปุ่นในเพิร์ล ฮาร์เบอร์ และลูกเรือของทั้งสองชาติก็เข้ากันได้ดี มันเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นจริงและหนังเรื่องนี้ครับ
Q:   หน่วยนาวีให้ความร่วมมือดีขนาดไหน
A:   ผมมีความสัมพันธ์อันดีกับกระทรวงกลาโหมจากการเตรียมงานหนังอีกเรื่องหนึ่ง ที่ผมหวังว่าจะถ่ายทำต่อจากนี้ ที่ชื่อว่า Lone Survivor ที่สร้างขึ้นจากเรื่องจริงของภารกิจหน่วยนาวีซีลในอัฟกานิสถาน และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยนาวีและทหารที่พวกเราสามารถต่อยอดไปได้ครับ
Q:   คุณเชื่อว่าความสัมพันธ์อันดีนั้นเกิดขึ้นได้จากอะไร
A:   ผมคิดว่าพวกเขารู้สึกได้ว่าผมเคารพทหารทั้งชายและหญิงในหน่วยนาวี เช่นเดียวกับที่ผมเคารพชายและหญิงในกองทหารทุกที่ทั่วโลก ผมชื่นชมทุกคนที่เต็มใจจะเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อผู้อื่น ไม่ว่าเขาจะมีความคิดทางการเมืองอย่างไรก็ตาม
Q:   คุณได้เข้าถึงเรือลำไหนบ้าง
A:   เราได้รับอนุญาตให้เข้าไปยังเรือรบในตำนานอย่างยูเอสเอส มิสซูรี เรือรบพิฆาต เรือบรรทุกนิวเคลียร์ เรือดำน้ำ เรือลาดตระเวนพร้อมมิสไซล์ เรือบรรทุกสินค้าและเรือรบขนาดใหญ่ พวกเขาเปิดประตูให้กับเรา มันคงจะเจ๋งน่าดูที่เรจะโชว์เรือทั้งหมดนั้นบนหน้าจอ
Q:   ผู้กำกับหลายคนเคยพูดถึงว่าการถ่ายทำในน้ำซับซ้อนขนาดไหน
A:   เราทำงานนี้ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันซับซ้อน เราต่างก็เคยได้ยินมาว่ามันยุ่งยากแค่ไหน
Q:   คุณได้คุยกับคนที่เคยทำงานในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันมาก่อนไหม
A:   สองหรือสามสัปดาห์ก่อนหน้าที่เราจะเริ่มถ่ายทำ ผมได้รับโทรศัพท์จากเควิน คอสท์เนอร์ว่า “ฟังนะ ผมอยากจะเล่าให้คุณฟังถึงสิ่งที่เราทำได้ดีและสิ่งที่เราทำผิดพลาดไปใน Waterworld” มันเป็นบทสนทนาที่ดีมากๆ และเขาก็ให้คำแนะนำเยี่ยมๆ กับผม ผมก็เลยฟังเขาและคนอื่นๆ ที่เคยถ่ายทำบนน้ำมาก่อนเพื่อพยายามหาคำตอบว่าเราต้องทำอะไรบ้างเพื่อหลีกเลี่ยงการต้องออกไปสู่มหาสมุทร ซึ่งจะก่อให้เกิดความวุ่นวายมากมายตามมา
Q:   คุณกังวลเรื่องอะไรบ้างในการถ่ายทำบนน้ำ
A:   เรื่องหลักๆ ก็อย่างเช่นเรื่องอุปกรณ์จม เครื่องมือเสียหาย ทีมงานป่วย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่เราไม่เตรียมพร้อม เราก็เลยวางแผนไว้อย่างดี ดันแคน เฮนเดอร์สันเป็นผู้อำนวยการสร้างชั้นเยี่ยม ที่เคยทำงานบนน้ำมาก่อน เราถ่ายทำวันแรกๆ ในมหาสมุทรและมันก็ไปได้สวยอย่างเหลือเชื่อ หวังว่าเราจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเราสามารถถ่ายทำบนน้ำกันได้ ผมดีใจที่เราสามารถออกไปถ่ายทำที่นั่นได้นะครับ
Q:   ฮาวายน่าจะเป็นสถานที่ถ่ายทำที่น่าทึ่ง
A:   ฮาวายเป็นสถานที่ที่สวยงาม มีทิวทัศน์กว้างขวาง มีอาทิตย์ขึ้น อาทิตย์ตก รูปแบบเมฆและอากาศเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คุณจะเจอกับสภาพอากาศสุดเหวี่ยงที่ทำให้ผมอึ้งทีเดียวในตอนที่เรามุ่งหน้าไปยังมหาสมุทรพร้อมเลนส์ไวด์อนามอร์ฟิค อากาศอาจมีได้ห้าแบบคือความกดอากาศต่ำ ความกดอากาศสูง สายรุ้ง มรสุมและสดใส ภายในช็อตเดียว มันเป็นภาพที่น่าทึ่งมากๆ ครับ
Q:   แง่มุมที่เป็นไซไฟของหนังเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง
A:   ผมคิดไอเดียของการใส่เอเลียนเข้ามาในหนังเรื่องนี้เพราะผมไม่อยากจะทำให้มันเป็นหนังที่ชาวอเมริกันสู้กับชาติอื่น และในการยืมบางสิ่งมาจากเกม สงครามจะต้องถูกจำกัด ผมชื่นชอบสิ่งที่ริดลีย์ สก็อตทำใน Alien มาโดยตลอดเพราะมันสมจริงมากๆ ไอเดียของการนำเสนอกองกำลังทหารจากอีกโลกหนึ่ง ที่เป็นพวกเอเลียน ที่คล้ายคลึงกับเราและเจอกับปัญหาทันทีที่มาถึงโลกเป็นเรื่องน่าสนใจ ผมไม่อยากให้มันเป็นเรื่องของเอเลียนหลายล้านตัวมารุกรานเรา นี่เป็นเรื่องราวที่มีขอบเขตจำกัดมากๆ และผมก็หวังว่า การเผชิญหน้าระหว่างมนุษย์และเอเลียนจะออกมาสมจริงนะครับ
Q:   สมัยก่อน คุณเคยเล่น Battleship รึเปล่า
A:   ครับ ผมเคยเล่นมันตอนเป็นเด็ก เราหยิบยืมสิ่งต่างๆ จากเกมมาเช่นการที่เรามองเห็นกันและกันไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แล้วเราก็คุยกันถึงเรื่องการยิงและการยิงพลาดด้วย
Q:   คุณรู้สึกสบายๆ กับการทำงานกับสเปเชียล เอฟเฟ็กต์ทั้งหมดนี้รึเปล่า
A:   ผมชอบนะเพราะมันท้าทาย มันเป็นการบริหารความคิด ผมได้เรียนรู้จาก Hancock เยอะมาก การทำงานกับสเปเชียล เอฟเฟ็กตืจำต้องอาศัยความอดทนและการนั่งคุยกับคนที่ฉลาดกว่าคุณ และพยายามสื่อสารกับพวกเขาน่ะครับ
Q:   เราจะคาดหวังอะไรได้บ้างจาก Battleship
A:   คุณจะได้ดูการผจญภัยยิ่งใหญ่สะใจ ปืนโตขนาดเท่าตึก เรื่องราวน่าติดตามของการเป็นฮีโร และช่วงเวลาดีๆ มันจะเป็นหนังที่สนุกและบันเทิงใจครับ