MSN on March 21, 2012, 08:29:07 AM
KTAMเปิดขายตราสารหนี้ใน-ตปท. อายุ6เดือนชูผลตอบแทน3.35%ต่อปี

  นายสมชัย   บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า   ในสัปดาห์นี้ บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 31 ( KTSUPB31 )   เสนอขาย 21 - 27 มีนาคม 2555   เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในเงินฝาก  และ ตราสารหนี้ต่างประเทศ  ประกอบด้วย   เงินฝาก / ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย  / ตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทย   ในสัดส่วน 23%   ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารต่างประเทศ   ประกอบด้วย  เงินฝากประจำ   Union  National   Bank ( UNB )  เงินฝากประจำ  Abu  Dhabi  Commercial  Bank  ( ADCB )  MTN  ของ Banco  itau BBA  S.A. ( ITAUBBA )  และ MTN  ของ  Banco  Do Brasil   ( BANBRA )      ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.35%  ต่อปี    โดยเงินลงทุนในต่างประเทศ จะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน   

             นอกจากนี้  บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย  กองทุนเปิดเคแทม  อิควิตี้  ลิงค์  คอมเพล็กซ์  รีเทิร์น  1 ปี  6 เดือน   ( KTEL1Y6M  )   ตั้งแต่วันที่ 15-21  มีนาคม 2555 อายุโครงการ 1 ปี  6 เดือน  มูลค่า   1,000 ล้านบาท    เป็นกองทุนที่ลงทุนในOption  ที่อ้างอิงผลตอบแทนของตราสารทุนไทย   ออกโดยสถาบันการเงินไทย  ในสัดส่วน 3-5%    ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากประจำ  Abu  Dhabi  Commercial  Bank  (ADCB)  25%    เงินฝากประจำ  Unoin  National Bank (UNB )  20%  MTN  ของ Banco    Itau  BBA   S.A. (ITAUBBA )   25%    และ เงินฝาก /ตั๋วแลกเงิน / หุ้นกู้สถาบันการเงิน หรือบริษัทเอกชนในประเทศ  25 -27%  ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน  โดยผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงสุดถึง20%    และกองทุนนี้จำหน่ายผ่านธนาคารสแตนดาร์ดชาร์ดเตอร์   

       พร้อมทั้ง บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6 เดือน6 (KTSIV6M6 )  เสนอขายตั้งแต่วันที่  19 - 23 มีนาคม 2555  อายุโครงการ  6 เดือน   เน้นลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย  เงินฝากธนาคารเกียรตินาคิน   และตั๋วแลกเงินของภาคเอกชน    โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ  3.00%  ต่อปี   

           สำหรับภาวะการลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ    แม้จะมีกระแสเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศเข้าถือครองตราสารหนี้ไทยเพิ่มขึ้นในระดับ 5.7 แสนล้านบาท แต่ความกังวลต่อปริมาณพันธบัตรภาครัฐที่ทยอยประมูลตลอดเดือนนี้  การปรับเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ต่างประเทศ    แรงกดดันราคาน้ำมัน และราคาต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อเงินเฟ้อในอนาคต เป็นปัจจัยที่ทำให้เส้นอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรภาครัฐปรับตัวสูง  ในช่วงที่ผ่านมา  อย่างไรก็ตาม สำหรับพันธบัตรรุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี  ซึ่งถูกใช้เป็นแหล่งพักการลงทุนมีผลตอบแทนที่ค่อนข้างทรงตัวในระดับ 2.97 – 3.14% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า    ส่วนภาวะการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ หลังจากที่สหรัฐอเมริกา ทยอยประกาศตัวเลขชี้นำเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณในเชิงบวก  ทำให้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้และค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ แกว่งตัวเพิ่มขึ้น โดยแนวโน้มดังกล่าวได้ถูกสะท้อนจากความเห็นของประธานเฟด ที่มองเห็นทิศทางการฟื้นตัวแม้จะยังมีความไม่แน่นอน   ประกอบกับจีนได้ปรับลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลง จึงทำให้ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียรวมทั้งไทย เริ่มแกว่งตัวอ่อนค่าลง  ผลดังกล่าวทำให้ดอลล่าร์พรีเมี่ยมเริ่มปรับลดลง  ซึ่งจะส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศในรูปสกุลเงินบาท  แต่โดยเฉลี่ยแล้วยังถือว่าการลงทุนในต่างประเทศยังให้อัตราผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนในประเทศ