22 มีนาคมนี้...SF MOVIE EXCLUSIVE
เบนจามิน เมีย (แมท เดมอน) คือนักหนังสือพิมพ์ และนักเขียนเรื่องผจญภัย ผู้ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการเลี้ยงดูลูกสองคน ด้วยความหวังที่จะกอบกู้ความเป็นครอบครัวคืนมา เมีย ตัดสินใจลาออกจากงาน และไปซื้อบ้านบนเนื้อที่ 18 เอเคอร์ ที่ตั้งอยู่นอกเมือง ซึ่งมาพร้อมกับของแถมสุดพิเศษ คือสวนสัตว์เก่าที่มีสาวสวยชื่อเคลลี ฟอสเตอร์ (สคาร์เล็ทท์ โยฮันส์สัน)และทีมงานของเธอเป็นผู้ดูแล แม้จะไม่มีประสบการณ์เรื่องการบริหารสวนสัตว์ อีกทั้งเวลาและเงินทุนที่มีก็จำกัดจำเขี่ย แต่ด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่ บวกแรงสนับสนุนของคนในครอบครัวและชุมชนท้องถิ่น เมียตกลงใจเปิดสวนสัตว์ให้คนเข้าชมอีกครั้ง ซึ่งทำให้เขาพบว่า ไม่จำเป็นต้องไปเสาะหาการผจญภัยที่ไหนอีกแล้ว ในเมื่อมีเรื่องน่าตื่นเต้นที่สุดรออยู่ในสวนหลังบ้านของตัวเอง แคทาลิสท์ อัลลายแอนซ์ภูมิใจเสนอ WE BOUGHT A ZOOเรื่องจริงที่สนุกสนาน และแสนประทับใจ เกี่ยวกับพลังมหัศจรรย์ของครอบครัวหนึ่ง ซึ่งต้องบากบั่นต่อสู้กับความท้าทายครั้งสำคัญในชีวิต ที่นำไปสู่การบรรลุความฝันอันยิ่งใหญ่ ผลงานภาพยนตร์สำหรับผู้ชมทุกเพศทุกวัยเรื่องแรกของผู้กำกับคาเมรอน โครว์ (จาก Jerry Maguire, Almost Famous, Vanilla Sky)นำแสดงโดยแมท เดมอน (จาก Bourne Identity, Contagion, Good Will Hunting), สคาร์เล็ทท์ โยฮันส์สัน (จาก Iron Man 2, Vicky Cristina Barcelona) และ โทมัส เฮเดน เชิร์ช (Sideways, Easy A)เดมอน รับบท เบนจามิน เมีย คุณพ่อลูกสอง ผู้พาครอบครัวของเขาไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ณ บ้านหลังใหม่ที่อยู่ในสวนสัตว์ที่ปิดตัวลงแล้ว ซึ่งเขาและลูกๆ หวังจะใช้สวนสัตว์แห่งนี้เป็นเครื่องมือเรียกความคึกคักให้กลับมาสู่เมืองของพวกเขาอีกครั้งมาร่วมค้นหาความรักของครอบครัวพร้อมกัน22 มีนาคมนี้ เฉพาะเครือ เอสเอฟ
เกี่ยวกับงานสร้าง
เบนจามิน เมีย - เรื่องจริงสุดประทับใจ ปี 2006 เบนจามิน เมีย นักเขียนชาวอังกฤษของหนังสือพิมพ์ การ์เดียน อพยพครอบครัวตัวเองจากภาคใต้ของฝรั่งเศส ไปอยู่ในสวนสัตว์ดาร์ทมัวร์ ที่เดวอน ชนบทของประเทศอังกฤษ ครอบครัวของเมียประกอบด้วย มารดา, ตัวเขา, แคทเธอรีน ภรรยา, ลูกเล็กสองคน เอลลา กับไมโล และสุดท้าย ดันแคน ผู้เป็นพี่ชาย “มันกินเวลาราว 18 เดือน ระหว่างปี 2006-2007 ที่ครอบครัวเราคิดจะซื้อสวนสัตว์แห่งหนึ่ง” เมียเล่า “ผมมองหาบ้านหลังใหญ่ ที่ทุกคนในครอบครัวจะอยู่ด้วยกันได้หลังจากพ่อตาย ตัวแทนขายบ้านส่งรายละเอียดเกี่ยวกับบ้านสารพัดแบบมาให้ผม และมีหลังหนึ่งโดนใจ” เมียเล่าต่อ
“มันเป็นบ้านขนาด 12 ห้องนอนหลังใหญ่ ที่ตั้งอยู่บนสวนกว้าง 30 เอเคอร์ ในทำเลอันสวยงามของเมือง แต่ในสวนนั้น ก็มีสิงสาราสัตว์จำนวน 250 ตัว อาศัยอยู่ด้วย พวกมันเข้ามาเพ่นพ่านทั้งในครัว, ห้องน้ำ และห้องนอน ตอนแรกเราก็ขำ แต่อีกใจก็อยากไปดูให้เห็นกับตา ครอบครัวเราเป็นพวกรักสัตว์ และเราก็หลงรักสัตว์พวกนั้น จนรู้สึกว่าต้องซื้อบ้านหลังนี้ สวนสัตว์ต้องถูกปิดถ้าไม่มีคนมาดำเนินงานต่อ และสัตว์กว่าครึ่งหนึ่งจะถูกกำจัด เพราะมันยากมากที่จะย้ายพวกมันไปอยู่ที่อื่น เราจึงตัดสินใจได้ทันที ว่าเราต้องรับช่วงดูแลสวนสัตว์นี้ต่อไป และเราต้องมั่นใจว่า จะทำให้มันอยู่รอดจนสามารถเปิดให้คนเข้าชมได้อีก”
ภายหลังเป็นเจ้าของสวนสัตว์ได้ไม่นาน แคทเธอรีน ภรรยาของเมียผู้อยู่ระหว่างการต่อสู้กับโรคมะเร็ง ก็มีอาการทรุดหนักและเสียชีวิตลงด้วยวัยเพียง 40 ปี สามเดือนต่อมา เมียเปิดสวนสัตว์ได้สำเร็จ ซึ่งเขากล่าวว่าเป็นช่วงเวลาที่ดี เนื่องจากการเปิดสวนสัตว์ช่วงนี้ จะช่วยให้ทุกคนในครอบครัวคลายความโศกเศร้าจากการสูญเสียแคทเธอรีนไป “มันเป็นสิ่งบริสุทธิ์มาก เมื่อต้องทำงานใกล้ชิดกับบรรดาสัตว์ที่ต้องพึ่งพาเรา เพื่อให้พวกมันมีชีวิตรอดในแต่ละวัน ขณะที่ทำเรื่องนี้ ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง และเห็นชีวิตดำเนินไป คนงานให้อาหารสัตว์ คอยดูแลพวกมัน ผมสัมผัสวงจรชีวิตทั้งหมดได้ มันช่างดีจริงๆ ที่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมอันสวยงามแบบนี้”
ในฐานะอดีตนักเขียน เมียรู้ว่าเขาสามารถเขียนหนังสือสักเล่ม เพื่อบอกเล่าประสบการณ์สุดพิเศษของตัวเอง แต่ก่อนที่จะเป็นหนังสือ เขาก็ลงมือเขียนมันในรูปแบบคอลัมน์หนังสือพิมพ์ “ผมว่าเรื่องนี้น่าสนใจ แต่เมื่อฮอลลีวูดซื้อลิขสิทธิ์ไป ผมก็ไม่คิดว่าเขาจะเอาไปสร้างเป็นหนังจริงๆ หรอก พอมันถูกทำเป็นหนัง ผมก็ไม่คิดอีกว่า มันจะกลายเป็นหนังที่มีนักแสดงและผู้กำกับชื่อเสียงโด่งดังขนาดนี้”
ฤดูใบไม้ร่วง ปี 2007 ก่อนที่หนังสือของเมียจะออกวางจำหน่าย เรื่องราวของเขาถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์สารคดีความยาว 4 ตอน ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์บีบีซี หลังจากนั้น เขาก็ต้องแบ่งเวลาจากการดูแลสวนสัตว์ ไปตระเวนพูดให้คนที่สนใจฟัง ในเรื่องของความกล้าที่จะทำตามความฝันตัวเอง “ผมเป็นคนหัวรั้น ผู้ไม่ยอมจำนนต่อคำพูดของคนอื่น ที่บอกว่าสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ไม่มีทางสำเร็จ คุณจะแพ้ทันทีเมื่อคุณหยุด แต่ถ้าคุณสู้ต่อ คุณยังมีโอกาส แม้ว่าโอกาสนั้นจะเหลือน้อยแค่ไหนก็ตาม ถ้าเรื่องราวของผมสร้างแรงบันดาลใจให้ใครต่อใครได้ ผมก็รู้สึกดี ยิ่งผมสามารถกระตุ้นให้พวกเขามองข้ามอุปสรรค และออกไล่ล่าความฝันของตัวเองได้ล่ะก็ ผมจะมีความสุขมากๆ เลย”