happy on January 27, 2012, 07:06:55 PM

จัดจำหน่ายโดย      เอ็ม พิคเจอร์ส
ภาพยนตร์เรื่อง             THE IRON LADY
ชื่อภาษาไทย      “มาร์กาเลต แธดเชอร์...หญิงเหล็กพลิกแผ่นดิน”
เว็ปไซด์ตัวอย่างภาพยนตร์   
 
ภาพยนตร์แนว      Biography-Drama
จากประเทศ      อังกฤษ
กำหนดฉาย      9 กุมภาพันธ์ 2555
ณ โรงภาพยนตร์      ในโรงภาพยนตร์
ผู้กำกับ          Phyllida Lloyd (ฟิลลิดา ลอยด์)  

อำนวยการสร้าง   Damian Jones

นักแสดง   Meryl Steep นักแสดงมากฝีมือจากภาพยนตร์เรื่อง  Julie and Julia,The Deer Hunter, Holocaust

Jim Broadbent    ผลงานภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter and the Half Blood Prince ,The Young Victoria, Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull, Moulin Rouge, Richard III and Bullets Over Broadway
         
Anthony Head ผลงานภาพยนตร์เรื่อง Ghost Rider : Spirit of Venga

Alexandra Roach  ผลงานภาพยนตร์เรื่อง Trap for Cinderella , Anna Karenina ,
Private   Peaceful
         
จุดเด่น   The Iron Lady บอกเล่าเรื่องราวที่น่าติดตามของมาร์กาเร็ต แธทเชอร์ สตรีผู้ทำลายกำแพงแห่งเพศและชนชั้น เพื่อประกาศศักดาในโลกที่บุรุษเพศเป็นใหญ่ เรื่องราวนี้เกี่ยวข้องกับอำนาจและค่าตอบแทนของอำนาจนั้น รวมทั้งเป็นภาพสะท้อนที่ล้วงลึกและน่าประหลาดใจของสตรีผู้ซับซ้อนและพิเศษสุดคนนี้


เรื่องย่อ   มาร์กาเร็ต แธทเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ผู้ซึ่งปัจจุบันอายุก้าวเข้าวัย 80
กำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่ที่บ้านในจัตุรัสเชสเตอร์ กรุงลอนดอน อยู่ๆเธอก็นึกถึง    เดนิส สามีผู้ล่วงลับไป
แล้ว ทำให้ความทรงจำดีๆ ที่เธอมีต่อสามีพรั่งพรูออกมา เธอใช้ชีวิตราวกับว่าเดนิสมีตัวตนและอยู่เคียงข้างเธอ
จริงๆ  และเมื่อทีมงานของมาร์กาเร็ตได้เห็นถึงอาการความสับสนระหว่างอดีตและปัจจุบันของเธอ จึงแจ้งให้แค
รอล แธทเชอร์ ลูกสาวของมาร์กาเร็ตรับรู้
ความรุนแรงของอาการทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่มาร์ดาเร็ตกำลังอยู่ในงานเลี้ยงอาหาร
มื้อค่ำที่เธอเป็นเจ้าภาพในค่ำคืนนั้น มาร์กาเร็ตได้ร่ายมนต์สะกดใจแขกทุกคนแต่แล้วเธอก็กลับเสียสมาธิเมื่ออยู่ๆ ความทรงจำในงานเลี้ยงอาหารมื้อค่ำเมื่อ60ปีก่อนที่ทำให้เธอได้พบกับเดนิสกลับโผล่ขึ้นมา และทำให้เธอหวนนึกถึงสิ่งที่เธอเสียสละชีวิตส่วนตัวไปเพื่อหน้าที่การงานของตัวเอง ในวันหลังจากงานเลี้ยง แครอลพยายามเกลี้ยกล่อมให้แม่ของเธอไปพบแพทย์ มาร์กาเร็ตยืนกรานว่าเธอไม่ได้ผิดปกติอะไร เธอไม่ยอมเล่าให้แพทย์ฟังถึงความทรงจำที่เจิดจรัสเกี่ยวกับช่วงเวลาในชีวิตเธอ ที่คืบคลานเข้าครอบงำเธอแม้ขณะตื่น


THE IRON LADY
มาร์กาเล็ต แธตเชอร์...หญิงเหล็กพลิกแผ่นดิน

happy on January 27, 2012, 07:17:04 PM
ข้อมูลงานสร้าง

               Phyllida Lloyd (ฟิลลิดา ลอยด์)  เริ่มต้นทำงานโปรเจ็กต์นี้ประมาณเมื่อสองปีก่อน เมื่อ Pathe (พาเธ) และAbi Morgan (อาบี มอร์แกน) ส่งบทภาพยนตร์เรื่องนี้มาให้เธอ  สิ่งแรกที่เธอคิดก็คือ ‘มาร์กาเร็ต แธทเชอร์เป็นผู้นำหญิงที่สำคัญที่สุดของประเทศนี้นับตั้งแต่พระราชินีอลิซาเบธที่หนึ่ง ‘ เธอสนใจในตัวอลิซาเบธที่หนึ่งมาโดยตลอดและได้กำกับภาพยนตร์และละครเวทีเกี่ยวกับพระองค์มาก่อน ดังนั้น นั่นก็คือจุดเริ่มต้นสำหรับเธอ  Phyllida (ฟิลลิดา)  ตื่นเต้นที่บทภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นอัตชีวประวัติตามแบบฉบับ รูปแบบของภาพยนตร์ชีวประวัติเป็นอะไรที่สร้างได้ยากมาก แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงเพราะงานเขียนชั้นเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมาร์กาเร็ตวัยชรา ผู้ซึ่ง Abi Morgan (อาบี มอร์แกน) ได้สร้างโลกปัจจุบันที่แสนพิเศษสุดนี้ให้มันเป็นโลกแห่งจินตนาการล้วนๆ
   Phyllida Lloyd (ฟิลลิดา ลอยด์)  บอกทันทีเลยว่านี่ไม่ใช่ภาพยนตร์การเมือง มันจะเหมือนละครเชคสเปียร์ ซึ่งเป็นเรื่องราวของผู้นำคนเก่ง ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียในหลายๆ ด้านด้วยกัน   เป็นเรื่องราวของอำนาจและการร่วงจากบัลลังก์อำนาจ รวมไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคนที่ชีวิตจดจ่ออยู่แต่กับการทำงานต้องจบชีวิตการทำงานตัวเองลง แต่ในหลายๆ แง่มุมแล้ว มันเป็นกระจกที่สะท้อนชีวิตของทุกคน  ในตอนที่ชีวิตการทำงานของเราสิ้นสุดลง ในตอนที่เราไร้เรี่ยวแรง ต้องเผชิญหน้ากับวัยชรา เราไม่ได้มีชีวิตที่ยิ่งใหญ่แบบสาธารณบุคคลแบบเธอ แต่เราต่างก็เข้าใจดีถึงเรื่องของคู่ชีวิต ครอบครัว การปล่อยวาง การพรากจากและการที่เราสนับสนุนกันและกันในเวลาที่เราต้องการกัน  ฉันคิดว่าคนจะแปลกใจอย่างมากว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้มีความเป็นการเมืองมากขนาดไหน มันเหมือนกับการถามว่า 'คุณเห็นชอบกับการเมืองของกษัตริย์เลียร์รึเปล่า' สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณจะเห็นด้วยกับนโยบายหรือไม่ แต่คุณจะได้สัมผัสกับทั้งศรัทธาที่แน่วแน่และความแข็งกร้าวที่ไร้การประนีประนอมของเธอ แต่คุณจะไม่ถูกขอให้ตัดสินนโยบายของเธอค่ะ
   ฉันได้มีโอกาสพบกับเพื่อนร่วมงานหลายคนของมาร์กาเร็ต แธทเชอร์ ทั้งที่ทำงานการเมืองและเป็นราชการพลเมือง และเราก็ได้รวบรวมข้อมูล ความคิดเห็นและข้อเท็จจริงมหาศาลเกี่ยวกับเธอ อาบีเลือกเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อหน้าที่การงานของเธอ สิ่งที่คุณได้เห็นจะเป็นเหมือนกับซิมโฟนีของมาร์กาเร็ต แธทเชอร์เลยค่ะ สิ่งแรกเลยคือการแสวงหาอำนาจในช่วงเริ่มแรกและการได้ขึ้นเป็นผู้นำโดยไม่คาดฝัน เธอแตกต่างจากเพื่อนร่วมงานผู้ชายคนอื่นๆ ของเธอ ตรงที่เธอไม่ได้รับการหล่อเลี้ยงและเลี้ยงดูให้เชื่อว่า สักวันหนึ่งเธอจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอแตกต่างค่ะ ดังนั้น เพื่อนๆ ของเธอ ที่เชื่อว่าเธอมีคุณสมบัตินั้นในตัวเอง จะต้องเกลี้ยกล่อมเธอให้ก้าวขึ้นไปในตอนที่ตำแหน่งนี้ว่างลงน่ะค่ะ  นอกจากนี้คุณก็จะได้เห็นความวุ่นวายโกลาหลก่อนที่เธอจะไปถึงบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวน์นิง หลังจากที่เธอต้องสู้รบปรบมือ เพื่อรักษาสภาพการณ์เอาไว้ และควบคุมสมาชิกพรรคที่ต่างกลัวว่าจะเกิดการปฏิรูปมากเกินไป ดังนั้น คุณจะได้เห็นเธอในรั้วสงคราม อย่างโดดเดี่ยวอ้างว้างมากๆ    เธอถูกโจมตีระหว่างสงครามฟอล์คแลนด์ และหลังจากนั้น เราก็ได้เห็นเธอในช่วงที่เธอแข็งแกร่งที่สุด ช่วงเวลาที่เธอทะยานสู่ความโด่งดังระดับโลก ในสไตล์โศกนาฏกรรมโดยแท้ นี่นำไปสู่การร่วงลงจากอำนาจ ในตอนที่เธอถูกเพื่อนร่วมงานหักหลัง ในความคิดของเธอ สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้แตกต่างจากภาพยนตร์อัตชีวประวัติตามแบบฉบับคือเรื่องราวทั้งหมดถูกบอกเล่าจากมุมมองของเธอ ดังนั้น ผู้ชมก็จะไม่รู้ว่าสิ่งที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นจริงหรือไม่ แต่นี่คือเรื่องของเธอในเวอร์ชันของเธอ มันไม่มีเหตุการณ์การเมืองจากมุมมองอื่นค่ะ
   สิ่งที่ฉันหวังคือคุณไม่จำเป็นต้องรู้อะไรเลยเกี่ยวกับมาร์กาเร็ต แธทเชอร์ในการที่จะตื่นเต้นกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ฉันไม่ได้อยากสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้แค่สำหรับพวกเราที่เคยใช้ชีวิตผ่านยุคสมัยนั้น แต่ฉันยังอยากให้มันเป็นสิ่งที่พูดถึงคนอีกรุ่นหนึ่ง ที่ไม่ค่อยรู้อะไรนักเกี่ยวกับการพัฒนาของอังกฤษหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเรื่องราวที่ก้าวข้ามขอบเขตการเมือง นี่เป็นเรื่องราวของบุคคลที่มีชีวิตยิ่งใหญ่ และการยอมรับที่ว่าเราเกิดมาตามลำพังและเราก็จะจากไปในลักษณะเดียวกันค่ะ


ข้อมูลผู้กำกับ

                มีอะไรบางอย่างที่น่าประทับใจอย่างเหลือเชื่อเกี่ยวกับความโดดเดี่ยวของเธอในพรรคและความยากลำบากที่เธอต้องเผชิญ ตอนแรกก็คือในตอนที่เธอกลายเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อควบคุมคณะรัฐมนตรีของเท็ด ฮีธ ซึ่งเกือบทุกคนมีแบ็คกราวน์เลิศหรูมาทั้งนั้น เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของเธอบอกว่าเขารู้สึกว่าบางทีการที่เธอมาจากชนชั้นกลางล่างอาจจะมีส่วนสำคัญกว่าความจริงที่ว่าเธอเป็นผู้หญิง ในการกีดกันเธอให้กลายเป็นคนนอกน่ะค่ะ
   หนึ่งในภาพที่เสียดแทงจิตใจที่สุดในบทภาพยนตร์ของอาบีคือภาพของผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้ชาย ซึ่งคุณก็จะรู้สึกถึงความโดดเดี่ยว ความอ้างว้าง พวกเราได้ฟังว่าหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีจะเป็นอะไรที่โดดเดี่ยวเป็นพิเศษ แต่ความรู้สึกนี้ยิ่งถูกตอกย้ำจากการที่เธอเป็นชนชั้นกลางล่าง และเป็นผู้หญิงค่ะ   ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเราที่ได้ทำงานนี้จะมีใครเปลี่ยนแปลงความคิดทางการเมืองไปบ้างรึเปล่า แต่ชีวิตและงานของมาร์กาเร็ต แธทเชอร์ มีหลายแง่มุมที่เราพบว่าน่าประทับใจอย่างยิ่ง หนึ่งในสิ่งที่น่าประทับใจที่สุดเกี่ยวกับเรื่องราวของเธอคือการไร้ความเคลือบแคลงในตัวมนุษย์ สิ่งที่ทำให้เธอแตกต่างจากนักการเมืองปัจจุบัน ผู้ต้องฟังกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ และสิ่งที่โพลล์บ่งชี้ คือเธอไม่เคยถามก่อนหน้าการสัมภาษณ์เลยว่า ‘จุดยืนของเรากับเรื่องนี้เป็นอย่างไร เรารู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง’ เธอเป็นนักการเมืองตามสัญชาตญาณมากเสียจนเธอรู้ว่าตัวเธอรู้สึกอย่างไร และนั่นก็เพียงพอแล้วค่ะ

เหตุผลที่ Phyllida Lloyd (ฟิลลิดา ลอยด์) เลือกเมอริล สตรีพมาแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้
   Phyllida Lloyd (ฟิลลิดา ลอยด์)  กล่าวว่า... “ฉันยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ร่วมงานกับเมอริล  ในระหว่างที่เรากำลังประชุมกันถึงเรื่องการหานักแสดงสำหรับบทมาร์กาเร็ต แธทเชอร์ พร้อมทั้งพิจารณาความเป็นไปได้ต่างๆ แล้วพาเธก็ถามว่า ‘คุณคิดยังไงกับเมอริลล่ะ’ ชั่วขณะนั้นฉันคิดเลยว่า ‘พระเจ้า หนังเกี่ยวกับมาร์กาเร็ต แธทเชอร์ก็สร้างเสียงฮือฮาได้อย่างหนึ่งแล้ว แล้วการเลือกเมอริลน่าจะเป็นอย่างที่สอง’ แล้วการผสมองค์ประกอบทั้งสองอย่างนั้นเข้าด้วยกันจะเป็นอย่างไร ปฏิกิริยาตอบรับในอังกฤษจะเป็นอย่างไรบ้าง ฉันเดินหมุนตัวไปมาสามรอบ ก่อนจะกลับมาตอบว่า ‘ใช่เลย ใช่เลย’ เพราะความคิดแรกของฉันก็คือคุณต้องได้ซูเปอร์สตาร์มารับบทมาร์กาเร็ต แธทเชอร์เพราะมาร์กาเร็ต แธทเชอร์เป็นซูเปอร์สตาร์ค่ะ เธอมีเสน่ห์พิเศษสุดและมีความสามารถที่จะสะกดใจใครก็ได้ แต่มันก็อาจเป็นบทที่เย็นชาหน่อยๆ ได้ด้วย ฉันก็เลยรู้สึกว่าเป็นเรื่องสำคัญที่นักแสดงที่สวมบทนี้จะต้องมีความอบอุ่นค่ะ
   เป็นเวลาหลายเดือนก่อนที่เราจะรู้สึกว่าบทภาพยนตร์พร้อมแล้ว ฉันก็เลยเขียนไปหาเมอริลเพื่อถามว่าเธอสนใจที่จะอ่านบทภาพยนตร์เกี่ยวกับมาร์กาเร็ต แธทเชอร์รึเปล่า แล้วฉันก็ไปนิวยอร์กเพื่อคุยกับเธอเรื่องนี้ มันเป็นความท้าทายอย่างใหญ่หลวง จนถึงจุดหนึ่งเราคิดกันจริงๆ จังๆ ว่าเราอาจจะให้นักแสดงหญิงสามคนสวมบทนี้เพราะช่วงอายุของมาร์กาเร็ตวัยผู้ใหญ่ครอบคลุมเวลาเกือบ 40 ปี แต่เธอก็ประทับใจอย่างมากกับเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้ในช่วงบั้นปลายชีวิต คนที่ได้มองย้อนกลับไปยังชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมด
   ฉันอยู่ในเซลฟริดจ์ช่วงคริสต์มาสอีฟเมื่อปีที่แล้ว โทรศัพท์ฉันดังขึ้น บอกว่ามีข้อความมาจากเมอริลว่า ‘นี่คือการทดลองแสดงบทแม็กกี้ของฉัน’ ฉันใส่หูฟังแล้วกดฟัง ตอนนั้น ฉันอยู่กับพี่ชายฉัน ฉันถอดหูฟังข้างหนึ่งออกแล้วส่งให้เขา เราทั้งคู่ต่างนั่งอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น เขารู้ว่าเขาไม่ได้ฟังมาร์กาเร็ต แธทเชอร์อยู่เพราะฉันบอกเขาแล้วว่า ‘นี่เมอริลนะ’ แต่มันเหมือนกับว่าเรากำลังฟังมาร์กาเร็ต แธทเชอร์อยู่เลย และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ฉันเริ่มตระหนักถึงพลังมหาศาลที่กำลังจะถูกปลดปล่อย แล้วเราก็ทดสอบหน้ากล้อง มีจังหวะหนึ่งที่เมอริลออกมาจากห้องเมคอัพเป็นมาร์กาเร็ตวัยชราในชุดคอสตูม กล่าวทักทายอรุณสวัสดิ์ในฐานะคุณนายแธทเชอร์กับบางคนที่นั่งคอยการออดิชัน ก่อนจะเดินส่ายไปตามทางเดิน พวกเขาอ้าปากค้างเลยค่ะ แล้วก็มีอยู่วันหนึ่งที่ฉันได้ยินนักแสดงคนหนึ่งพูดว่า ‘หลับตาสิ เธออยู่ในห้อง’ แล้วอีกคนหนึ่งก็บอกว่า ‘ใช่ แต่ลืมตาสิ เธอยังอยู่ในห้องอยู่เลย’ มันให้ความรู้สึกว่าเราอยู่ต่อหน้ามาร์กาเร็ต แธทเชอร์เสมอเลยค่ะ
   เมอริลนำความเห็นอกเห็นใจ ความเป็นมนุษย์ การใส่ใจรายละเอียด ที่ไปไกลเกินกว่าการสวมบทบาทสมมติ จนในตอนที่เธอเดินเข้าไปในกองถ่าย ไม่ว่าเธอจะเป็นมาร์กาเร็ตวัยสาวหรือวัยชรา ทุกคนก็จะตกตะลึงเสมอ ทุกคนอึ้งค่ะ เมอริลมีคุณสมบัติบางอย่างที่สอดคล้องไปกับบทนี้ เธอเป็นผู้นำคนเก่งในกองถ่าย เธอมีพลังงานมากกว่าทุกคนรวมกัน เธอเป็นคนสุดท้ายที่หมดแรง เธอเตรียมตัวพร้อมกว่าทุกคน เธอสังเกตเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น เธอมีวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่สำหรับแต่ละวันและเธอก็ไม่เคยหยุดทุ่มเทพลังงานให้กับเรื่องนี้เลย   เธอไปไกลเกินกว่าการสวมบทบาทสมมติค่ะ นี่เป็นการมองและจินตนาการตัวเองว่าเป็นหญิงชรา เธอใช้เวลาเตรียมพร้อมสามชั่วโมงและแน่นอนว่าเธอต้องนั่งนิ่งไม่ไหวติงตลอดสามชั่วโมงนั้น แต่เธอก็มักจะเข้าถึงบทบาทของมาร์กาเร็ต แธทเชอร์จนเธอเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ เมอริลมีความกระตือรือร้นในการทำงานอย่างไม่ธรรมดาเลย ซึ่งนี่น่าจะเป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์ที่น่าหวาดหวั่นมากที่สุดของเธอ การสวมบทนี้ในอังกฤษเป็นความท้าทายอย่างใหญ่หลวงและโอกาสในการพลาดก็สูงมาก การเดินเข้าไปในกองถ่ายวันแรกก็แย่พออยู่แล้วสำหรับฉัน ฉันเป็นคนท้องถิ่นและรู้จักนักแสดงหลายคนในนี้ แต่หัวใจฉันยังเต้นเร็วเลย ฉันก็เลยได้แต่จินตนาการว่าเธอจะรู้สึกยังไงในตอนที่เธอก้าวไปในฉากสภาสามัญชน แล้วมีผู้ชาย 350 คนจ้องมองเธออยู่ แต่มันน่าทึ่งมากที่เธอสามารถควบคุมทุกคนได้อยู่หมัดอย่างรวดเร็ว คุณจะได้ยินเสียงเข็มหมุดตกเลยล่ะค่ะตอนที่เธอเดินออกไป ในตอนที่เธอกลับมาจากการรับประทานอาหารเที่ยง นักแสดงทุกคนบนที่นั่งฝั่งพรรคแรงงานก็ส่งเสียงโห่ เรารู้เลยค่ะว่าเธอเอาพวกเขาอยู่แล้ว...”

Phyllida Lloyd (ฟิลลิดา ลอยด์) เลือก แอนโธนี เฮด มารับบทเจฟฟรีย์ ฮาว
   ฉันชื่นชมแอนโธนี เฮดในฐานะนักแสดงมาโดยตลอดและเขาก็มีลักษณะรูปร่างหน้าตาบางอย่าง ทั้งผมสีดอกเลาสวยและรูปทรงใบหน้าของเขา แต่เขาก็มีนิสัยที่ถ่อมตัว อดทนและเงียบขรึม เป็นความขี้อายหรือการขาดความมั่นใจ ในฉากที่มาร์กาเร็ตเหยียบย่ำเขา ซึ่งท้ายที่สุดก็เป็นฟางเส้นสุดท้าย และนำไปสู่การลาออกของเขา ฉันคิดว่าผู้ชมจะรู้สึกเห็นใจลักษณะที่เขาโดนปฏิบัติค่ะ
   ฉากที่มาร์กาเร็ตบีบคั้นเจฟฟรีย์ ฮาวจนถึงขีดสุดเป็นหนึ่งในฉากไคลแม็กซ์ของเรื่องค่ะ คุณจะรู้สึกว่ามาร์กาเร็ต แธทเชอร์พยายามที่จะทำให้ตัวเองพลาดโดยไม่รู้สึกตัว ราวกับเธอรู้ว่าตัวเองไม่มีอำนาจควบคุมอีกต่อไปแล้ว ความตึงเครียดในห้องที่ถ่ายทำฉากนั้นสูงปรี๊ดเลยเพราะเมื่อเมอริลเดินเข้าไปในฉาก บรรดานักแสดงก็ไม่แน่ใจนักว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งใกล้กับเธอพูดกับฉันหลังจากนั้นว่า เขากลัวมาก เขาคิดว่าเขาจะถูกขอให้ทำในสิ่งที่เขาไม่ได้เตรียมตัวมาในฐานะนักแสดง นี่เป็นกระจกสะท้อนว่าเพื่อนร่วมงานหลายคนที่ฉันรู้จักรู้สึกอย่างไรกับคุณนายแธทเชอร์ ซึ่งคือพวกเขาจะต้องแม่นยำและเตรียมพร้อมน่ะค่ะ
   นอกจากนี้ในภาพยนตร์เรื่องนี้คนอาจพบว่าแปลกประหลาดคือจะไม่มีผู้หญิงเลย เพราะทุกอย่างถูกมองผ่านสายตาของมาร์กาเร็ต แธทเชอร์ แน่นอนว่าตอนนี้เรารู้แล้วว่ามีส.ส.หญิงจำนวนหนึ่งตอนที่เธอเข้าสู่สภา แต่จากมุมมองของมาร์กาเร็ต เธอรู้สึกราวกับไม่มีผู้หญิงอยู่ในที่นั้น เธอรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวในผู้ชายกลุ่มใหญ่ ตั้งแต่นาทีแรกที่เธอก้าวเข้าไปในสภา เธอก็รู้สึกได้ว่าทุกคนจ้องมองเธออยู่ ตัวมาร์กาเร็ตกลัวว่าเธอจะสูญเสียอำนาจควบคุมที่มีต่อผู้ชายกลุ่มนี้ ในฉากหนึ่ง เธอกำลังอยู่ระหว่างทางไปพระราชวังบัคกิ้งแฮม ตอนที่เธอถูกล้อมด้วยกลุ่มรัฐมนตรี ผู้รู้สึกว่าเธอควรจะระมัดระวังวิธีการใช้นโยบายของเธอมากกว่านี้ ในฉากนั้น ไมเคิล เฮเซลไทน์เดินพล่านไปมารอบห้อง และมีอะไรบางอย่างที่อันตรายเกี่ยวกับตัวเขา ในสายตาของเธอ มันเหมือนกับว่าเมื่อเธอมองย้อนกลับไป เธอยังจดจำได้ว่าแม้กระทั่งในช่วงเริ่มแรก เขาก็เหมือนเฝ้ารอให้เธอล้มเหลว แน่นอนว่านั่นเป็นจินตนาการของเราล้วนๆ ว่ามันน่าจะให้ความรู้สึกอย่างไร

จิม บรอดเบนท์  รับบท เดนิส
   เดนิสเป็นตัวละครที่หลายคนจะมองว่าเป็นหลักสำคัญสำหรับการเดินทางของพวกเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาเป็นคนที่มีชีวิตตามปกติ และเราต่างก็เข้าถึงเขาได้ในการที่เขาเตรียมพร้อมเสมอในงานใหญ่โตเหล่านี้ จิมมีจิตวิญญาณที่พิเศษสุด มีอารมณ์ขัน ความเป็นมนุษย์ มีจิตวิญญาณขี้เล่นแบบคนชอบแกล้ง อารมณ์ขันของเดนิสขึ้นชื่อว่าเป็นสิ่งที่เคยนำมาร์กาเร็ตลงมาติดดินในท้ายที่สุด เมื่อสิ่งต่างๆ หลุดนอกเหนือการควบคุม เดนิสก็จะอยู่ตรงนั้นพร้อมเหล้าจินและมุขตลกเพื่อไม่ให้เธอทรุดลงภายใต้ความเครียด จิมรู้เรื่องนี้ทันทีและการพูดคุยโต้ตอบระหว่างเขากับเมอริลก็เป็นไปอย่างง่ายดาย อ่อนโยนและคุ้นเคย


ความสัมพันธ์ระหว่างมาร์กาเร็ต แธทเชอร์และแครอล ลูกสาวของเธอ ที่รับบทโดยโอลิเวียร์ โคลแมน ก็น่าทึ่งไม่แพ้กัน
   ถ้านี่เป็นเรื่อง King Lear โอลิเวียร์ก็เป็นคอร์ดีเลียของเรื่องค่ะ เธอเป็นคนที่อยู่เคียงข้างแม่ของเธอ และเธอก็สวมบทนี้ด้วยความรักใคร่และความเป็นมนุษย์ คุณจะรู้สึกถึงความตึงเครียดระหว่างแม่กับลูกสาว แต่คุณก็จะรู้สึกถึงความรักด้วยเช่นกัน ฉันคิดว่าสิ่งที่คุณเห็นเป็นสิ่งที่เราทุกคนต่างก็เข้าถึงได้ ซึ่งก็คือในสถานการณ์ครอบครัว เมื่อลูกคนหนึ่งไม่อยู่ อีกคนหนึ่งก็จะอยู่กับพ่อแม่ บางที พ่อแม่อาจจะหงุดหงิดกับลูกคนที่อยู่ ดังนั้น ลูกคนนั้นก็จะรู้สึกผิดหวังเมื่อลูกคนที่พ่อแม่อยากเจอคือคนที่ไม่อยู่น่ะค่ะ
   อเล็กซ์ โร้คเพิ่งจบจากราดาค่ะ นี่เกือบจะเป็นงานแรกของเธอ ตอนที่ฉันได้พบเธอ เธอมีอะไรบางอย่างที่ให้ความรู้สึกแปลกแยกอย่างพิเศษสุด เหมือนกับว่าเธอมาจากอีกยุคหนึ่ง เธอมีความจริงจัง จริงใจที่ดูเหมือนจะเหมาะกับบทนี้ แล้วเธอก็มีอารมณ์ขันซึ่งโต้ตอบกับอารมณ์ขันตามธรรมชาติของเมอริลเอง ฉันกังวลมากว่าเราจะสร้างรอยต่อที่น่าเชื่อระหว่างมาร์กาเร็ตวัยสาวที่ก้าวเข้าสู่สภา แล้วไม่กี่วินาทีให้หลัง เราจะเห็นภาพเธอที่เป็นเมอริล สตรีพได้อย่างไร แต่ด้วยความแปลกต่าง การวางตัวของอเล็กซ์ คุณจะเชื่อจริงๆ ค่ะว่านี่คือมาร์กาเร็ตวัยสาว


สถานที่ในการถ่ายทำ

               ฉันเคยไปเยี่ยมชมสภาสามัญชนสามครั้งก่อนที่เราจะถ่ายทำฉากพวกนั้น สองครั้งเป็นการไปแบบส่วนตัวเพื่อยืนอยู่ในห้องประชุม ตอนที่มันว่างเปล่า เพื่อมองดูรอบๆ แล้วอีกครั้งหนึ่ง ฉันกับเมอริลได้ไปร่วมการตอบกระทู้สดของนายกรัฐมนตรีด้วยกัน ซึ่งมันแตกต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในการเมืองอเมริกันมาก เป็นเหมือนละครที่วิเศษสุด ฉันตั้งใจไว้ว่าฉากสภาสามัญชนของเราจะต้องเพอร์เฟ็กต์ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เราพยายามอย่างมากที่จะจำลองห้องประชุมในทุกรายละเอียดเพื่อที่จะสามารถขยับกล้องในฉากนั้น และสร้างความรู้สึกของสังเวียนผ้าใบ หรือลานต่อสู้ขึ้นมาได้ นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ฉันภาคภูมิใจที่สุด การที่ผู้ออกแบบงานสร้างไซมอน เอลเลียตสามารถสร้างห้องประชุมขึ้นมาได้อย่างดีเหลือเกิน ในตอนที่วิปรัฐบาลของเรามาช่วยเราในการขัดเกลาปฏิกิริยาจากที่นั่งของฝั่งพรรคแรงงานและพวกทอรี ส.ส.สี่คนเดินเข้ามาและยืนอยู่ตรงกลางห้องประชุม พวกเขาพูดเลยว่า 'เหมือนการมาทำงานเลย!'