MSN on January 18, 2012, 09:32:48 AM
KTAMเปิดขาย2กองทุนตราสารหนี้ 3เดือนชูผลตอบแทน3.15%ต่อปี

        นายสมชัย   บุญนำศิริ    กรรมการผู้จัดการ   บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า   ในสัปดาห์นี้บริษัทจะเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 25 ( KTSUPB25 )  ระหว่างวันที่ 18 -24 มกราคม 2555    อายุโครงการ 3 เดือน    โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ   ซึ่งตราสารหนี้ในประเทศ ประกอบไปด้วย  พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย   เงินฝาก / ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย   และตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทย  35% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน  ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารต่างประเทศ  ได้แก่  เงินฝากประจำ First Gulf  Bank  (FGB)   เงินฝากประจำ  Unoin National Bank (UNB)  เงินฝากประจำ Bank of China  และ MTN  ของ ICBC  Asia  Ltd. สกุลUSD  ซึ่งเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน     และผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.15% ต่อปี

            นอกจากนี้  บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน4 ( KTSIV6M4 )   ประเภท  Roll Over  เสนอขายตั้งแต่วันที่ 16-20  มกราคม 2555  อายุโครงการ 6 เดือน   เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในเงินฝาก /บัตรเงินฝาก / ตั๋วแลกเงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์  ธนาคารออมสิน  และภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป   ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.10% ต่อปี

           ภาวะการลงทุนตราสารหนี้  มีแรงขายทำกำไรโดยเฉพาะตราสารรุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี ของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ   เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า   ที่ปนะชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)  ในวันที่  26 มกราคม  2555   จะมีการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายการเงินลงอีก 0.25%  มาอยู่ที่ 3.00%   ส่วนในต่างประเทศ ยังได้รับอิทธิพลจากภาวะเศรษฐกิจ โดย  ECB ได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.00% เพื่อรอดูผลจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา   ขณะที่ S&P ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศในกลุ่มประชาคมยุโรปลง ยกเว้น ประเทศเยอรมัน ผลดังกล่าวทำให้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ มีความผันผวนจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน

             ส่วนของความเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและตั๋วแลกเงินระยะสั้นของธนาคารพาณิชย์ในประเทศ  มีแนวโน้มจะปรับลดลงอีกจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และผลต่อเนื่องจากการโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูระบบสถาบันการเงินฯ มาอยู่ภายใต้การจัดการของธนาคารแห่งประเทศไทย  ซึ่งมีแนวโน้มทำให้ภาระการส่งเงินสมทบสถาบันประกันเงินฝากปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงการเริ่มเรียกเก็บเงินสมทบจากตั๋วแลกเงิน (B/E) ที่ธนาคารพาณิชย์ระดมจากผู้ฝากเงิน นอกเหนือจากบัญชีเงินฝากปกติ  ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ว่าจะมีการส่งผ่านต้นทุนดังกล่าวมายังลูกค้าของธนาคารในที่สุด