บทสัมภาษณ์: “อิ๊ง จาก รักเว้ยเฮ้ย!”
เปิดตัวนางเอกใหม่ “วีเจอิ๊ง ชญานุช” สวยแหวก แอบเพี้ยน กับบท “โต๊ะอี้” ในภาพยนตร์ “รักเว้ยเฮ้ย”
เปิดตัวกันหน่อยเว้ยเฮ้ย
สวัสดีค่ะ ชื่อ อิ๊ง ชญานุช บุญธนาพิบูลย์ เป็น VJ Channel [V] Thailand ค่ะ รับบทเป็น โต๊ะอี้ นางเอกของเรื่อง รักเว้ยเฮ้ย
ก่อนหน้านี้มีผลงานอะไรมาบ้าง
เคยถ่ายโฆษณาต่างๆ มาบ้างค่ะ แล้วก็มีแสดง MV ของวงLink corner เพลงรักด่วนขบวนสุดท้าย / MV วงโปเตโต้ เพลงเธอยัง / MV วงBottom blue เพลงความฝันปราสาททราย และปัจจุบันเป็น VJ Channel [V] Thailand เป็นเชียร์ลีดเดอร์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 66 ค่ะ
รับบท โต๊ะอี้ ขนาดชื่อยังแปลก แล้วคาแร็คเตอร์แปลกเหมือนกับชื่อด้วยไหม
ในเรื่องรับบทเป็นดีเจสาวสวย เป็นสาวที่มีความมั่นใจในตัวเอง ชื่นชอบและหลงใหลเสียงเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ชอบเปิดเพลงอกหัก แถมยังเป็นคนค่อนข้างหูเบานิดนึง เพื่อนๆ พูดอะไรมาก็ฟังก็เชื่อหมดเลย ภายนอกโต๊ะอี้ดูเป็นคนสดใสร่าเริง น่ารักๆ แต่จริงๆ แล้วโต๊ะอี้มีสเปกผู้ชายที่แปลกมาก ไม่ชอบคนที่เหมือนคนทั่วไป ต้องมีความเพี้ยน ความแปลกพิเศษอะไรสักอย่าง โต๊ะอี้จะปลื้ม จะกรี๊ดเอามากเลยค่ะ
เรื่อง รักเว้ยเฮ้ย เป็นหนังรักแบบไหน
เรื่องเริ่มจาก ลวก หนุ่มเนิร์ดที่ทำหน้าที่เป็นโปรแกรมเมอร์ เป็นผู้ช่วยดีเจโต๊ะอี้ แล้วลวกก็ดันมาหลงรักโต๊ะอี้เข้าด้วย แต่ว่าเรากลับไม่ชอบเขาเลยด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายธรรมดาจนเกินไป (555) ลวกเองก็บังเอิญไปรู้จักกับน้าหมา และก็ได้น้าหมามาเป็นที่ปรึกษาด้านความรักให้ สอนวิธีจีบสาวสารพัดตามสไตล์น้าหมา ที่แปลก แหวก ไม่เหมือนคนทั่วไป แล้วบังเอิญโต๊ะอี้ก็ดันชอบสไตล์แบบนี้ซะด้วย เรื่องจะเป็นยังไงต่อต้องไปติดตามในหนังค่ะ
เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสแสดงภาพยนตร์ ต้องรับบทนางเอกที่ไม่เหมือนนางเอกทั่วไป และเข้าฉากวันแรกก็โดนผู้กำกับสั่งให้เล่นบทร้องไห้เลย รู้สึกอย่างไรบ้าง
พูดจริงๆ ว่าอิ๊งไม่เคยเรียนแอ็คติ้งมาก่อนเลยค่ะ พอมาเจอพี่เปิ้ล นาคร เขาก็คุยกับเรา และให้เราทำความเข้าใจกับบทคาแร็คเตอร์ของโต๊ะอี้ก่อน ให้คิดว่าเราเป็นโต๊ะอี้ ไม่ใช่เป็นตัวเอง ตอนมาถ่ายทำวันแรกรู้สึกตื่นเต้นมาก ต้องเตรียมตัวอ่านบทมาเยอะมาก จำได้เป๊ะทุกคำ แต่ปรากฎว่าพอถ่ายจริงอารมณ์มันจะไม่เหมือนกัน แล้ววันแรกปุ๊ปก็เจอฉากหนักเลยค่ะ คือ ต้องร้องไห้ ยังไม่ทันรู้ว่าในเรื่องจะมีอะไรบ้าง แต่เราก็ต้องร้องไห้หนักถึงหนักมาก ตอนนั้นเป็นเวลาตี 5 แล้วอิ๊งก็พยามคิดเรื่องราวที่เศร้าที่สุดในชีวิต พยามเอาอารมณ์นั้นมาใส่กับบททำให้ร้องไห้ได้ หลายเทคมากค่ะวันแรกต้องร้องไห้ต่อเนื่องยาวไปเกือบชั่วโมง ร้องไห้จนตาบวมกันไป แต่สุดท้ายก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
แสดงว่าคาแร็คเตอร์ โต๊ะอี้ ค่อนข้างดราม่าด้วย
บทบาทของโต๊ะอี้ส่วนใหญ่จะเป็นดราม่าค่ะ เพราะว่าจริงๆ แล้วโต๊ะอี้เป็นคนกำพร้าพ่อตั้งแต่เด็กๆ จะมีปมด้อยอยู่ แต่ว่าก็มีความฝันอันยิ่งใหญ่คืออยากเป็นดีเจ และตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุด นับว่าโชคดีที่คาแร็คเตอร์ของโต๊ะอี้ ค่อนข้างตรงกับอิ๊ง คือทำงานในสายเดียวกัน แต่ก็มีเรื่องราวบางอย่างที่มารู้ทีหลังเลยทำให้โต๊ะอี้ต้องมีอาการดราม่า บทตลกก็มีบ้างนะคะ เพราะในเรื่องจะเป็นคนปากว่ามือถึง ใครพูดอะไรไม่ถูกใจ ไม่เข้าหู หรืออย่างลวกเนี่ยพูดอะไรไม่ถูกใจ มือก็ตบผัวะคว่ำลงไปเลย ชอบสนุกมากค่ะ (555)
ถูกเลือกมารับบท โต๊ะอี้ แสดงว่าต้องมีความแปลกและเพี้ยนในตัวตนของเราแน่ๆ
ดีเจโต๊ะอี้ จะเป็นสาวสวย สุดเปรี้ยว ตรงนี้แหละที่รู้สึกว่ามันไม่ตรงกับอิ๊ง เพราะเราไม่ได้เป็นคนสวยเวอร์ขนาดนั้น อาจจะพอมีเสน่ห์บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นสวย เปรี้ยว เซ็กซี่ จริงๆ แล้วอิ๊งเป็นคนค่อนข้างโก๊ะๆ
ออกแนวซุ่มซ่ามมากกว่า สังเกตุดูดีๆ ที่ขามีรอยช้ำมากค่ะ (555) ที่ตรงกันจริงๆ ก็คือการหลงใหลในเสียงเพลง ชื่นชอบการฟังเพลง ส่วนเรื่องความแปลก เพี้ยน จะว่าไปแล้วอิ๊งก็ชอบอะไรแปลกใหม่นะ แต่ว่าไม่แปลกเท่ากับโต๊ะอี้อย่างแน่นอนค่ะ คิดดูซิคะแค่ชื่อ โต๊ะอี้ ก็แปลกแล้วนะคะ
ฉากประทับใจเป็นพิเศษ ของอิ๊งคือฉากอะไร
ประทับใจสุดพิเศษมีอยู่ 2 ฉากค่ะ คือฉากโรแมนติกที่ลวกกระโดดขึ้นไปสารภาพรักกับโต๊ะอี้บนเวทีคอนเสิร์ต ตอนแรกโต๊ะอี้กับลวกเหมือนจะทะเลาะกันอยู่ แล้วลวกก็โชว์ความจริงใจต่อหน้าสาธารณชนท่ามกลางผู้คนมากมายด้วยการบอกรักโต๊ะอี้ ทำอะไรเพี้ยนๆให้เราดู ก็เป็นจุดที่ทำให้โต๊ะอี้รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้แหละที่ตามหาอยู่ ผู้ชายแบบนี้แหละใช่เลยสำหรับเธอ
ส่วนอีกฉากประทับใจ จะเป็นฉากดราม่า ฉากนี้ต้องร้องไห้ แล้วก็ต้องเมาไปด้วย เกิดมาไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนด้วย แต่เราก็พยามทำออกมาให้ดีที่สุด ปรากฎว่าเทคเดียวผ่านฉลุยเลย และพี่ล้งผู้กำกับก็เดินมาบอกว่า ดูแล้วขนลุกรู้สึกอินตามกับเราด้วยจริงๆ อิ๊งเองก็เพิ่งแสดงหนังครั้งแรก เลยรู้สึกประทับใจกับฉากนี้มากๆ ค่ะ
แน่นอนในเรื่องถูกประกบทั้ง เปิ้ล นาคร และสตาร์บัค โชว์ลีลาความเพี้ยนมากมาย มีหลุดซีน หลุดขำ บ้างไหม
แน่นอนค่ะ ขำพี่เปิ้ลเป็นส่วนใหญ่ บางฉากถ่ายๆ อยู่ แล้วอยู่ๆ พี่เปิ้ลก็แอบผายลมออกมาซะงั้น อิ๊งก็หลุดขำออกมาเลยค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะพยามเก็บอารมณ์ขำไว้ก่อน ซึ่งมันอึดอัดมากนะแต่พอผู้กำกับสั่งคัท อิ๊งจะวิ่งแอบบไปขำข้างหลังกองตลอด เพราะถ้าเกิดเราหลุดขำบ่อยเนี่ย ก็ต้องถ่ายใหม่อีกแล้วบางทีมุกสดมันก็จะไม่เหมือนเดิม อิ๊งจึงต้องพยามตั้งสติอย่างมากค่ะ แต่บางทีผู้กำกับเขาก็ชอบนะคะ ให้อิ๊งเป็นตัวเองเลือกแบบที่เราหลุดขำๆ ไปเนี่ยแหละดูเป็นธรรมชาติดี เพราะเรื่องนี้เน้นความฮา ความตลกค่ะ
ครั้งแรกกับการแสดง ร่วมงานกับ “ผู้กำกับล้ง กุลชาติ” เป็นอย่างไรบ้าง
ยอมรับว่ารู้สึกตื่นเต้นและดีใจด้วย ก็ไม่คิดว่าจะได้มาเล่นเรื่องนี้ เพราะไม่เคยมีผลงานทางด้านการแสดงหนังหรือละครมาก่อน ร่วมงานกับพี่ล้งรู้สึกสบายใจดี พี่ล้งจะพูดอธิบายก่อนเข้าฉากแต่ละครั้ง จะมีการมาบรีฟคร่าวๆ บางทีถ้าถ่ายไปไม่ถูกใจหรือยังไม่ใช่ พี่ล้งจะเข้ามาคุยกับเราให้ปรับตรงนี้นิดนึง เขาไม่ได้มาว่าเรา เขาอยากให้หนังออกมาดี รู้สึกประทับใจที่ได้ร่วมงานกัน ก็มีดุบ้างนิดๆ นะ อย่างถ่ายแล้วหน้ากับมุมกล้องมันยังไม่ได้ ก็เดินมากดหัวเลย (555) แต่ว่าเราสนิทสนมกัน พี่ล้งใจดีค่ะ
พระเอกคนแรกในชีวิต “สตาร์บัค สาระแน” ร่วมงานกันครั้งแรกรู้สึกอย่างไร
แรกๆ ก็เกร็ง เพราเห็นพี่บัคเล่นเรื่องอื่นมา มีหนวดมีเคราดูขรึมๆ กลัวว่าคุยกับพี่แล้วเราจะพูดจากันรู้เรื่องไหม แต่พอรู้จักกันจริงๆ พี่บัคเป็นพี่ชายที่ดีมากค่ะ แนะนำเทคนิคต่างๆ เวลาแสดงแต่ละบท พี่บัคจะคอยสอนว่าทำแบบนี้นะ เพราะพี่บัคเขามีประสบการณ์มาก่อน ตอนหลังๆ เราก็มาต่อมุกกันตลอดขำๆ ก็เริ่มสนิทกันและใช้เวลาว่างตอนแต่งหน้าต่อบทกัน ทำให้ตอนถ่ายก็ง่ายขึ้นไม่ค่อยหลายเทคมากเท่าไหร่ ยกเว้นบางฉากที่พี่ล้งเขาต้องการ และเน้นจริงๆ ค่ะ
โดนหนุ่มสตาร์บัคคอยตามขายขนมจีบ ต้องมีฉากกุ๊กกิ๊กน่ารักอย่างแน่นอนเลย
มันเป็นความรักในอีกมุมมองนึง ที่คนยังไม่เคยเห็น รับรองว่าเป็นบทกุ๊กกิ๊กที่แปลก และไม่ธรรมดาแน่นอน อยากรู้ว่าเป็นยังไง ต้องติดตามนะคะ คอนเฟิร์มว่าเลิฟซีนก็แปลกค่ะ แปลกจริงๆ นะ (555)
ร่วมงานกับเปิ้ล นาคร ครั้งแรกรู้สึกประทับใจอย่างไรบ้าง
ตอนแรกกลัวพี่เปิ้ลมากนะ วันแรกที่แคสนักแสดงพอมาเจอพี่เปิ้ล พี่เปิ้ลก็เข้ามามองหน้าก่อนเลยแล้วพูดว่านี่สวยหรอ แล้ววันนั้นอิ๊งก็แต่งหน้ามาบ้าง พี่เปิ้ลก็สั่งให้ไปลบหน้าออก ก็ลบออกจนหมดเลยคิ้วก็ไม่เหลือเลย พอเดินกลับมาคิดในใจว่า เราคงไม่ได้แล้วแหละ แต่พอเจอพี่เปิ้ล เขากลับเฮ้ย!แบบนี้สวยกว่า พี่เปิ้ลเขาชอบอะไรที่ดูเป็นธรรมชาติค่ะ จากนั้นพอคุยกันจริงๆ พี่เปิ้ลก็รู้สึกว่าเราตรงกับคาแร็คเตอร์ของโต๊ะอี้ ก็เลยได้มีโอกาสร่วมงานกัน ด้วยความที่เป็นการแสดงครั้งแรกของอิ๊ง เวลาที่แสดงพี่เปิ้ลจะพยามบอกให้คิดว่าเราเป็นโต๊ะอี้ ทิ้งตัวตนของตัวเองออกไป และให้เราเป็นธรรมชาติมากที่สุด อย่าคิดว่ามันเป็นการแสดงให้คิดว่าทุกอย่างเป็นความจริง พี่เปิ้ลสอนอะไรเยอะรู้สึกประทับใจในตัวพี่เปิ้ลมาก และที่ชอบมากคือไปไหนกับพี่เปิ้ล พี่เขาเลี้ยงข้าวตลอดเลย (หัวเราะ) ก็เหมือนกับเป็นพี่ที่คอยสอนน้องทุกอย่าง สุดยอดจริงๆ พี่เปิ้ลเขาจะไม่ค่อยซ้อมก่อนการแสดงพอเล่นสดปุ๊ปก็ผ่านเลย มืออาชีพมากๆ ค่ะ
ส่วนตัวแล้วนิยามความรักของอิ๊ง แปลกและแหวกขนาดไหน
นิยามความรักของอิ๊ง คิดว่าสักวันนึงจะมีคนทำให้รู้สึกว่าคนนี้เป็นคนที่ใช่ แล้วก็คิดว่าเราจะทำอะไรต้องยึดถือคำว่าด้านได้อายอด ไม่ใช่ว่าเราจะไปจีบผู้ชายก่อนนะ แต่เวลาเราทำอะไรต้องกล้า เราต้องเป็นตัวของตัวเอง อย่าไปแอ๊บแบ๊วว่าวันนี้เราต้องแต่งตัวสวยๆ เป็นตัวเราเองเลยอย่างอิ๊งชอบใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น รองเท้าแตะไป คือให้เขารับตัวตนของเราได้ตั้งแต่แรกจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองค่ะ
เสน่ห์ภาพยนตร์ “รักเว้ยเฮ้ย”
เป็นภาพยนตร์ที่แปลก แหวกแนว มีครบทุกอารมณ์ ไม่ว่าจะ ตลก ฮา เศร้า ซึ้ง เครียด แอ็คชั่น มีทุกอย่างเลยค่ะ ดูเรื่องนี้แล้วครบทุกรสแน่นอน ซีนดราม่าก็ดราม่าสุดๆ จะตลกก็ตลกสุดๆ เหมือนแบบมันสุดทุกด้านเลยค่ะ โดยเฉพาะอารมณ์ความรักแบบแปลกๆ กลวิธีการจีบสาวที่แปลก คนอื่นต้องไม่เคยเห็นอย่างนี้มาก่อนแน่นอน บางครั้งมันจะเป็นมุกเสี่ยวบ้างๆ แต่มันก็แฝงไปด้วยความน่ารัก บางครั้งก็เป็นการกระทำแบบดิบๆ เถื่อนๆ แต่ว่าโต๊ะอี้ชอบแบบนั้นก็เลยรู้สึกว่าผู้ชายแบบนี้แหละใช่แล้ว มีหลายฉากเหมือนกันถ้าดูแล้วจะเฮ้ย! คนรักกันเขาทำแบบนี้หรอ แต่ก็เป็นสไตล์แบบรักเว้ยเฮ้ยค่ะ
ฝากผลงานการแสดงครั้งแรกหน่อยเว้ยเฮ้ย
ขอฝากผลงาน ซึ่งเป็นเรื่องแรกที่อิ๊งเล่นเป็นนางเอก รู้สึกตื่นเต้นมากๆ แต่ก็ทำเต็มที่สุดแล้วนะคะกับภาพยนตร์เรื่อง รักเว้ยเฮ้ย อยากให้ทุกคนเป็นกำลังใจ และก็ติดตามผลงานเรื่องนี้ รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน มีพี่สตาร์บัค สาระแน มีพี่เปิ้ล นาคร และยังมีแขกรับเชิญหลายคน เตรียมเซอร์ไพรส์คนดูอย่างแน่นอนค่ะ