MSN on November 23, 2011, 02:21:04 PM
KTAMจับมือพันธมิตรบัตรเครดิต ลงทุน RMF/LTFผ่อนนาน10เดือน
                                     
           นายสมชัย  บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า    ในช่วงปลายปี นักลงทุนส่วนใหญ่จะสนใจลงทุนในกองทุน RMF / LTF   เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี   แต่ในปีนี้ อาจจะยังไม่คึกคักเหมือนกับทุกๆปีที่ผ่านมา  เนื่องจากปัญหาอุทกภัยน้ำท่วมในหลายๆจังหวัด  รวมทั้งในกรุงเทพมหานคร   บริษัทได้เตรียมแนวทางช่วยเหลือผู้ลงทุน  โดยการจับมือกับพันธมิตรบัตรเครดิต ให้สามารถผ่อนชำระรายเดือน ได้นานสูงสุด ถึง 10 เดือน    โดยบัตรเครดิตเคทีซี  สามารถผ่อนชำระได้ทั้งกองทุน RMF / LTF    คิดอัตราดอกเบี้ย  0.69% ต่อเดือน     

                   ส่วนผู้ลงทุนในกองทุน LTF  สามารถชำระผ่าน บัตรเครดิต ซิตี้แบงก์    ผ่อน0% นาน 3 เดือน    และ 4 เดือน ขึ้นไป  คิดอัตราดอกเบี้ย 0.50%  ต่อเดือน    บัตรในเครือกรุงศรี    อัตราดอกเบี้ย 0.55%  ต่อเดือน   และเทสโก้โลตัส  อัตราดอกเบี้ย 0.50% ต่อเดือน      ทั้งนี้  นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการลงทุนที่น่าสนใจ  เพราะสามารถขยายระยะเวลาในการชำระเงิน   เพื่อผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชนทางภาษี    และยังได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในแต่ละกองทุน     รับโปรโมชั่น ส่งเสริมการขายทั้งในส่วนของบริษัทที่มียอดเงินลงทุนสูงสุด  ทุกๆ1 ล้านบาท  รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์  12,000 บาท   และรับโปรโมชั่น ของบัตรเครดิต  แต่ละบริษัทที่เข้าร่วมรายการอีกด้วย   

                  นอกจากนี้  บริษัทยังเดินหน้าเปิดจำหน่ายกองทุนตราสารหนี้  แบบกำหนดระยะเวลาอย่างต่อเนื่องสลับกับกองทุน  Roll Over  เนื่องจากทุกสัปดาห์จะมีกองทุนครบกำหนดอายุ  จึงต้องออกกองทุนใหม่ๆมารองรับ   และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า     ในโอกาสนี้  บริษัทจึงเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 20  ( KTSUPB20 )   ตั้งแต่วันนี้ ถึง  29  พฤศจิกายน 2554   อายุโครงการ 3 เดือน      โดยผู้ถือลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.25% ต่อปี  กองทุนนี้จะเน้นลงทุนในตราสารการเงินระยะสั้นของสถาบันการเงินและบริษัทเอกชนทั้งในและต่างประเทศ    โดยเงินลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศจะมีการทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน  ทั้งนี้  ตราสารที่กองทุนลงทุนจะให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างจูงใจเมื่อเทียบกับการลงทุนเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือเงินฝากระยะเดียวกัน   

            ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้บริหารจากธนาคารแห่งประเทศไทยได้ส่งสัญญาณ ถึงแนวโน้มที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อรองรับผลกระทบต่อเนื่องจากอุทกภัยน้ำท่วม  ซึ่งกระทบต่อภาคการผลิต การจ้างงาน การค้าและการลงทุน ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำกว่าระดับเดิม  1 - 2%  รวมถึงแรงกดดันจากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ถูกกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจและหนี้สาธารณะในยุโรป  การส่งสัญญาณของทางการสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาดการเงิน โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรภาครัฐได้ทยอยปรับลดลงมาก่อนหน้านี้ โดยสะท้อนว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อย 0.25 % ในการประชุมปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ และจะปรับลดลงต่อเนื่องในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนมกราคมปีหน้า